🎀🎀🎀หอรักริมไรน์ ชีวิตนักเรียนไทยในเยอรมัน (อยู่เมืองฝรั่ง) 27🎀🎀🎀



[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

สวัสดีค่ะ หอรักริมไรน์จะย้ายไปริมน้ำเทมส์หรือยัง ชีวิตที่ต้องโลดแล่นไปด้วยการตัดสินใจเท่าที่วัยจะอำนวย
จะต้องเจอปัญาอะไรก่อนจะจากหอพักที่อยู่มาจนคุ้นเคย เรื่องราวสาวน้อยและหนุ่มจะเป็นอย่างไรขอให้สนุกกับการ
อ่านนะคะ ขอขอบคุณผู้อ่านที่ร่วมทางสายน้ำหมึกมาด้วยกันด้วยค่ะ: cnck4 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 868666 ซึ้ง, GTW
หลงรัก, kasareev หลงรัก, มัศยวีร์ หลงรัก, ชุนเทียน หลงรัก, Na(นะ) ถูกใจ, WANG JIE หลงรัก, turtle_cheesecake
หลงรัก, Soul Master หลงรัก
🍑🍎

ศิรินทร์กลับจากโรงแรมถึงห้องพัก หล่อนรู้สึกตัวว่าหล่อนได้ทำอะไรไปมากมาย เพื่อความอยู่รอดของตัวเองและเขา

นิธิบอกให้หล่อนกลับโดยมิต้องไปส่งที่สนามบินนอกเมือง ด้วยว่าเขาไปในเวลากะทันหันแล้ว หล่อนไม่ควรเสียเวลาไปมากับเขาอีก เพราะว่าได้ใช้เวลาสุดท้ายด้วยกันมากเกินพอ และที่สำคัญที่สุดคือ

‘ศิต้องเตรียมตัวพร้อมที่จะไปทันทีที่ผมบอกมานะจ๊ะ’ นี่เป็น
การบ้านที่เขาทิ้งไว้อีกดังแต่ก่อน

หล่อนเชื่อว่าเดี๋ยวเขาก็ทำทุกอย่างให้เสร็จเรียบร้อยในเวลาอันสั้น นั่นหมายถึงว่าเวลาของหล่อนย่อมสั้นไปด้วย หล่อนรู้ว่าเขาอาจยืดเวลาให้หล่อนได้ เพราะเขาตามใจหล่อน แต่กำหนดของโรงเรียนจะทำให้หล่อนไม่สามารถยืดเยื้อไปได้อีก เขาคงเตรียมจัดหาสิ่งจำเป็นในการอยู่ที่นั่นให้พร้อม เขาคงต้องใช้ทั้งความพยายาม อุตสาหะ และค่าใช้จ่ายในการนี้ไม่น้อยเลย แต่เขาก็ไม่เคยพูดถึงสิ่งเหล่านี้ให้หล่อนต้องรับรู้หรือเป็นภาระ เขามีน้ำใจที่จะทำให้ได้ ดังเขาพูดว่า ผมจะใช้ความตั้งใจในปัญหาเฉพาะ
หน้า ถ้าแก้ได้ปัญหาอื่นก็เป็นรอง หล่อนชื่นชมที่เขาแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้จริงๆ โดยหล่อนมิต้องพะวงไปด้วย เหมือนหล่อนหลับสบายจนเขาต้องปลุกเมื่อถึงเวลา เขาทำได้มากกว่าที่หล่อนนึกเสียอีก

ธีระให้ต้องแหงนหน้าขึ้นมองม่านหน้าต่างห้องของศิรินทร์อยู่ทุกครั้งที่เข้าออกจากหอ เขาจะขับรถผ่านตึกของหล่อนทุกครั้งให้ได้ เมื่อเช้านี้ม่านปิด แต่ขณะนี้ม่านเปิดแล้ว เขามองนาฬิกาก็บ่ายสามโมงนี่นา แสดงว่าหล่อนไม่ได้ไปทำงาน หล่อนคงไปส่งแขกของหล่อน เฮ้อ..เขาถอนใจไล่ความหนักอึ้งออกมา

 ก่อนกลับเข้าห้อง เขาก็แวะไปดูปิยะ ยังไม่กลับมา เขาโทรศัพท์ถึงศิรินทร์ทันที แล้วก็รีบวางเมื่อนึกได้ว่ายังเร็วไป หล่อนอาจจะนอนก็ได้ เขานึกถึงรายการอาหารขึ้นมาทันที อย่างไรเสียเขาจะบอกหล่อนเช่นเดิม คือ ช่วยเดินมาทานข้าวกับผมหน่อยแล้วก็รีบๆวางหูเสีย ปิยะคงจะทานด้วยเพราะไม่ได้บอกว่าจะไม่อยู่ ซึ่งเป็นอันรู้กันว่าไม่บอกถือว่ากินตามปกติ คือถึงเวลาใครอยู่ก็ทำเผื่อไว้ได้เลย ถ้าปิยะมาช้า เขาจะเอาเป็นข้ออ้างว่า ทำไว้ไม่เห็นมา คุณศิช่วยมาทานแทนด้วยเถอะ เขาให้นึกไม่ชอบตัวเองที่วางแผนลักษณะนี้ แต่เขาต้องรีบแล้วดังปิยะว่า

  ปิยะกลับมาก่อนห้าโมงนิดหน่อย เป็นเวลาที่ธีระเตรียมทำกับข้าวอยู่

“ อ้าวขยันจริงวันนี้ ทำแต่หัววันเชียว”

“ มาดูซิทำอะไรดี”

“อะไรๆก็กินได้น่า”

“ว่าแต่จะชวนคุณศิเขามากินด้วยน่ะ”

“อ้าวเรอะ เชิญแล้วเหรอ” ปิยะแปลกใจแต่ก็ยินดีขึ้นมา

“ยังหรอก เดี๋ยวว่าจะโทรไป นายโทรเลยนะ รีบๆวางหูจะได้ไม่ปฏิเสธ วันนี้เห็นอยู่นี่ คงไม่ได้ไปทำงาน”

“ อ้อ คงไปส่งแฟนมั้ง ป่านนี้ร้องไห้ตาบวมแล้วก็เป็นได้”

“ นายอย่าพูดอะไรที่มันฟังไม่ได้หน่อยเลย” ธีระต่อว่าทันที

ปิยะงงแล้วก็นึกได้

“ เออ ขอโทษพูดฟังไม่ได้จริงๆแหละ” ใครจะไปรับได้ว่าคนนั้นมาเป็นแฟนคุณศิ ปิยะนึกในใจ

“ โทรซะจะได้รู้ว่าเขาร้องไม่ร้องดังปากนายรึเปล่า” ธีระขุ่นใจขึ้นมา

ปิยะเดินมาโทรศัพท์อย่างงงๆ นึกในใจว่า เดี๋ยวนี้ว่าอะไรคุณศิไม่ได้เลยเชียวนะ

หล่อนรับสายแล้ว

“ คุณศิคร้าบ สบายดีเหรอคร้าบ ผมต้องมาเชิญคุณศิทานข้าวกับผมนะคร้าบ คุณระเขากำลังปรุงอยู่ เราสองคนรออยู่นะคร้าบ เวลาเดิมนะคร้าบ”

“ อะไรกันคะ คุณปิยะ พูดยังกะอัดเทป” เสียงหล่อนหัวเราะ

อ้าว หล่อนหัวเราะได้ โดนด่าอีกแล้วงานนี้ ปิยะนึก ก่อนหัวเราะบ้าง

“ เดี๋ยวมาคุยกันนะครับ ว่าทำไมมันถึงเหมือนถูกอัดมา เอ้อ เทปนะครับ”

“ เทปนะคะ ไม่ใช่คุณ” เสียงหล่อนยังขำอยู่

“ เดี๋ยวก็รู้ ชวนติดตามดีไหมครับ ผมจะเงียบไว้ก่อนแล้วคุณศิค่อยมาถึงถามเลยนะครับ”

“ โอเคค่ะ เดี๋ยวศิไปค่ะ” หล่อนวางหู ปิยะนี่มีอะไรให้หล่อนได้สนุกเรื่อยเลยนะ

“ว่าไง” ธีระเลิกคิ้วถามอย่างลุ้นในใจ ปิยะยิ้มในอารมณ์ของเพื่อน

“ ยังจะมายิ้มอีกแน่ะ ยิ่งอยากรู้อยู่”

“ เดี๋ยวเขามาครับ” ปิยะตอบอย่างสุภาพ ธีระนึกได้ ยิ้มนิดหนึ่งในท่าทีของเพื่อน แล้วทำอาหารขะมักเขม้นต่อไป

สักครู่เสียงศิรินทร์เดินมาถึงในห้องครัว ส่งยิ้มมาให้ธีระ ด้วยยังนึกถึงเรื่องพูดโทรศัพท์อยู่

“ คุณธีระคะ เห็นคุณปิยะว่าคุณอัดอะไรเทปหรือคุณปิยะเหรอคะ”

ธีระหันขวับไปทางปิยะ

“ เห็นไหม เห็นไหมคุณศิ เขาจะอัดผม” พูดพลางวิ่งมาบังหลังศิรินทร์ หล่อนยืนหัวเราะ ดูเขาเล่นกันเหมือนเด็กๆ ธีระยิ้มเพราะศิรินทร์ยิ้มให้ก่อนแล้ว

“ เขาไปว่าอะไรหรือครับ บอกให้แค่ชวนคุณศิมาทานข้าว ไปพูดอะไรอีกหรือครับ”

ศิรินทร์หันไปมองหน้าปิยะ ปิยะส่งสายตาให้พูดต่อ

“ เขาพูดเหมือนอัดเทปนะค่ะ พูดยาวได้ใจความ ศิก็เลยขำ เขาว่าเขาถูกอัดมา ศิก็เลยถามว่า อัดคนหรืออัดเทป เขาก็ยัง
สงสัยอยู่เหมือนกัน ให้ศิมาถามเองค่ะ”

ธีระหัวเราะ ยะนะยะขายเพื่อนเรื่อยเลย เขานึกในใจ

“ ก็อย่างนี้แหละครับ คนมันขี้เหงา ก็หาเรื่องเล่นไปเรื่อย ไม่รู้จริงรู้เล่น” คำสุดท้ายมองไปทางปิยะ ปิยะยักคิ้วให้เขาทันที

ศิรินทร์เห็นก็หัวเราะอีก

“ อาหารมื้อนี้คงอร่อยนะคะ” หล่อนเดินเข้ามาใกล้ธีระ

“ ศิช่วยไหมคะ”

“ว่าไงยะ จะให้ทำอะไรอีกหรือเปล่า” ปิยะกำลังหยิบจานอยู่ก็หันมาถาม

“คุณศิทานที่ไหนดีครับ”

“ถ้าศิต้องหัวเราะอีกมากก็เอาในห้องดีกว่าค่ะ”

“ ไปเคลียร์พื้นที่ไป” ธีระสั่ง ปิยะยักคิ้วอีกแต่เหมือนให้ศิรินทร์ แล้วยกจาน ช้อนเดินออกจากครัว

ธีระให้รู้สึกดีขึ้นที่หล่อนมาอยู่ข้างๆนี่ เขาดีใจกะเกณฑ์ไม่ผิด หล่อนไม่ได้เศร้าโศกที่แขกของหล่อนไปนี่ ปิยะนะ พูดเสียเขาใจหล่นลงพื้น

“ คุณศิชิมดูหน่อยไหมครับ”

“ ไม่ละค่ะ คุณธีระทำทีไรก็อร่อยทุกทีนี่คะ”

เขามองหน้าหล่อน ยิ้มรับคำชม

“ วันนี้หิวมากไหมครับ” ศิรินทร์ให้รู้สึกมากในคำถามของเขา

“ ถ้าอาหารอร่อยมากก็คงหิวมากใช่ไหมคะ” หล่อนหิวสิเพราะกลางวันไม่ได้ทานอะไรเลย เพิ่งกลับมาทานขนมปังสองแผ่นที่ห้องนี่เอง

“ วันนี้ผมไม่ได้แวะซื้อกับข้าว เอาของเก่ามาทำ อาจจะอร่อยน้อยไปนิดนะครับ”

“ ทานอาหารอร่อยกันบ่อยๆ ศิก็ชักกลัวอ้วนเหมือนกันค่ะ” เขาก็ให้นึกไปถึงหุ่นของหล่อนขึ้นมาอีก ตัวก็อยู่ใกล้แค่นี้เอง

ธีระให้ว้าวุ่นใจโดยไม่รู้ตัว

“ ผมว่าเสร็จแล้วนะครับ มียำปลากระป๋อง ผัดวุ้นเส้น แล้วก็ต้มเห็ดกับไก่”

“ โอ้โฮ ทำไมทำสามอย่างเลยล่ะคะ ไหนว่าของเก่าไงคะ”

“ก็เห็ดกระป๋อง ปลาก็กระป๋อง มีวุ้นเส้นไงครับ”

“อ๋อ ใช่ศิยกไปนะคะ”

“ไม่รู้ยะจัดห้องเสร็จหรือยัง เดี๋ยวก็ได้ครับ”

ปิยะเดินมา ใบหน้ายิ้มเมื่อมองมาที่ศิรินทร์ หล่อนรู้ว่าปิยะมีอะไรที่จะพูดอีกมากในอาการ

“ คุณปิยะคะ ยกไปได้หรือยังคะ”

“ เชิญครับ” เขารีบมาช่วยยก แล้วเปลี่ยนใจ

“ ระยกไปซิ ถ้าเสร็จแล้วละก้อ”

ศิรินทร์ยกนำ ธีระยกตามหลังมา ปิยะอยู่เก็บของเข้าที่ แล้วจึงยกหม้อข้าว ทัพพีตามหลังเข้าห้องไปนั่งแล้ว ตักข้าวแจกแล้วปิยะก็อารัมภบททันที

“เนื่องจากไม่มีอะไรทำ จึงเชิญมาทานข้าวครับ”

ศิรินทร์หัวเราะในคำพูดแสนซื่อที่เจตนาพูดของปิยะ

“ อย่าไปฟังเขา ทานข้าวดีกว่าคุณศิ” ธีระพูดตัดบท ศิรินทร์ตักข้าวแล้วก็ไม่ได้ใส่ปากในทันที

“ ศิว่าศิอยากฟังเขานะคะ คุณธีระ”

“เอา พอดีไม่ต้องทานข้าวกัน” ธีระยิ้มที่ศิรินทร์ยังติดใจเรื่องนั้นอยู่

“ คุณธีระอัดอะไรคุณปิยะเหรอคะ” หล่อนมองไปมา

“ เขาพูดอะไรไม่รู้ ผมก็เลยให้โทรไปเชิญคุณศิมาทานข้าว เห็นช่างพูดนัก”

“ ครับ ผมก็เลยพูดแบบที่คุณศิได้ยินนั่นแหละครับ เขาคิดว่าคุณศิจะไม่มา ให้ผมพูดดีๆล่ะ”

“ อ๋อ ถ้าพูดดีศิถึงจะมาเหรอคะ ทั้งๆที่รับเชิญทานฟรีนี่นะคะ”

“ ถามเขา” ปิยะบุ้ยใบ้ ตักข้าวใส่ปาก

“ เอ้อ ผมเห็นทานกันบ่อย กลัวคุณศิจะว่าบ่อยเกินไป”

“ ก็ทานบ่อยๆ ศิก็ชักติดเหมือนกันนะคะ”

“ ถ้ายังงั้นผมขอเชิญทุกวันเลยนะครับ”

“ โอย ไม่ได้หรอกค่ะ ศิจะมาทานทุกวันได้ยังไงกันคะ”

“ ก็ผมกับระเปลี่ยนกันเชิญไงครับ” ปิยะเข้าช่วยทันที

ธีระมองเพื่อนแววตาเปลี่ยนไป

“ ถ้าเกรงใจก็ช่วยยะเขาล้างชามที่ติดค้างวันนั้นก็ได้นี่ครับ”

“ อ้อ จริงค่ะ คุณธีระนี่จำเก่งจัง คุณปิยะล้างอยู่คนเดียวนะวันนั้นน่ะ เดี๋ยวศิล้างเลยนะคะวันนี้”

“ ประเดิมเลยหรือครับ” ปิยะถาม

“จะเป็นไรไปคะ “ หล่อนตอบ ตักข้าวใส่ปาก ธีระยิ้มในสีหน้า เมื่อปิยะทำลูกตาลอยไปมา อาหารอร่อย คุยสนุก ศิรินทร์
ทานจนอิ่ม เพราะธีระตักข้าวให้มาก แล้วหล่อนก็มาล้างจานโดยธีระช่วยเช็ดจานให้

“ คุณนิธิไปแล้วหรือครับ”

“ ค่ะ เมื่อเที่ยง” หล่อนตอบอย่างรู้สึกว่า หล่อนก็สบายใจด้วย ธีระไม่เห็นความผิดปกติใดๆในหล่อน เมื่อพูดถึงนิธิ

“ จะมาเที่ยวอีกเมื่อไรครับ”

“คงไม่มาหรอกค่ะ เอ้อ ศิอาจจะไปนะค่ะ”

ธีระหมดคำถามขึ้นมาดื้อๆ

“ วันนี้ดีนะคะ ที่ไม่มีขนมหรือผลไม้ เพราะอาหารมากทานเกือบไม่หมด”

“ ไม่มากหรอกครับ เป็นของเผ็ดก็เลยทานน้อยต่างหาก ถ้าเป็นผัดเป็นอะไรก็คงจะหมดเร็วน่ะครับ”
(มีต่อ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่