[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้Credit Reisenaktuell.com
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ตอนที่ 1 https://ppantip.com/topic/36710604
ตอนที่ 2 https://ppantip.com/topic/36726785
ตอนที่ 3 https://ppantip.com/topic/36744060
ตอนที่ 4 https://ppantip.com/topic/36760004
ตอนที่ 5 https://ppantip.com/topic/36774548
ตอนที่ 6 https://ppantip.com/topic/36788200
ตอนที่ 7 https://ppantip.com/topic/36809222
ตอนที่ 8 https://ppantip.com/topic/36823231
ตอนที่ 9 https://ppantip.com/topic/36846962
ตอนที่ 10 https://ppantip.com/topic/36859799
ตอนที่ 11 https://ppantip.com/topic/36876620
ตอนที่ 12 https://ppantip.com/topic/36889901
ตอนที่ 13 https://ppantip.com/topic/36907423
ตอนที่ 14 https://ppantip.com/topic/36921540
สวัสดีค่ะ หอรักริมไรน์วางมาถึงตอนที่ 15 แล้วนะคะ รถด่วนขบวนรักกับรถเร็วก็ยังไม่สามารถบอกได้ว่าผู้โดยสาร
ใจเอนเอียงไปทางไหน มากกว่ากัน ขอบคุณการเม้นต์ของท่านผู้อ่านที่มีต่อเรื่องราว ทำให้สนุกสนานและ' พลอยแดง' ผู้เขียน
มีความสุขมากมายเลยค่ะ ขอขอบคุณผู้ลงชื่อและมิได้แสดงตน ถ้าทำให้ท่านมีความสุขก็ยินดีมากๆเลยค่ะ :มัศยวีร์ หลงรัก,
เปลวอัคคี หลงรัก, แก้วกรกช หลงรัก, สมาชิกหมายเลข 868666 ถูกใจ, tedta ถูกใจ, GTW หลงรัก, Lady Star 919 หลงรัก,turtle_cheesecake หลงรัก, Na(นะ) ถูกใจ, Eien Akai Debiru หลงรัก, WANG JIE หลงรัก ,The Mario หลงรัก, เสาวรส 17ถูกใจ, Memories pink ถูกใจ
🍄🍊🍋
ศิรินทร์เดินนำเข้าตึกกดลิฟต์ เขาก้าวเข้าตาม หล่อนนึกในใจว่า ตายละห้องรกเชียว เผลอถอนใจออกมานิดหนึ่ง คนตรงข้ามเลิกคิ้วถาม หล่อนสั่นศีรษะ ลิฟต์หยุดพอดี ก้าวเดินตามกันออกมาถึงหน้าประตูหล่อนควานหากุญแจห้อง ผมปรกหน้า หล่อนสลัดขึ้น ยกกระเป๋าให้สูงขึ้นอีกนิดเพราะแสงสว่างไม่พอ เมื่อเจอก็ไขห้อง กัดริมฝีปากนิดหนึ่งก่อนจะบอกว่า
“ เชิญค่ะ” นิธิเอามือรับที่จับประตูเพื่อจะเดินตามหลังหล่อน ที่เอื้อมมือไปเปิดไฟข้างประตู และเดินเข้าไปเปิดอีกดวงด้านใน วางกระเป๋าไปเปิดประตูที่ระเบียงแง้มไว้แต่รูดม่านเปิดครึ่งหนึ่ง ลมเย็นๆพัดเข้ามาทันทีที่หล่อนเปิดกว้างสักครู่ นิธิมองตามที่หล่อนทำทั้งหมด และทำอะไรไม่ถูกจะถอดเสื้อสูทหรือนั่งเลย
“ ตามสบายนะคะ “ หล่อนยิ้มนึกในใจว่าเหมือนถูกจู่โจม โดยมิได้นึกมาก่อน
“ จะถอดเสื้อไหมคะ” หล่อนไม่รู้ว่าเขาจะอยู่นานเท่าใด
นิธิขยับตัวถอดเสื้อแล้วก็หนีบไว้ข้างๆตัวเมื่อนั่งลง หล่อนแบมือรับเสื้อไปแขวนให้ เขากวาดตามองรอบห้องเล็กๆ
“ศิถามมั่งจะดื่มอะไรคะ”
“ ดื่มน้ำใจ” เขาตอบเรียบๆ
“ อะไรนะคะ” หล่อนถามใหม่
“ มีหรือเปล่าน้ำใจ” เขาบอกอีกหน
“ ให้คนไปหมดแล้วค่ะ” หล่อนยิ้มขันเมื่อตอบ
“ ไม่จริงหรอก” เขามองตาว่าอย่างไรก็ไม่เชื่อ
“ นี่ศิต้องขอร้องให้เชื่อไหมคะ”
“ ไม่ต้องหรอกครับ ผมต่างหากที่อยากจะขอร้องให้คุณศิเชื่อ”
“ เราไม่ขอร้องกันดีกว่านะคะ ตกลงดื่มอะไรดีคะ” หล่อนยังยืนถามอยู่
“อะไรก็ได้ครับ ดื่มเหมือนๆกันกับคุณ”
“ งั้นดื่มน้ำแอปเปิ้ลนะคะ” หล่อนออกไปเอาที่ในครัวมาเปิดกล่อง หยิบแก้วสองใบจากในตู้มาวางเทน้ำแอปเปิ้ลแล้วส่งให้เขา
“ ห้องศิรก เพราะไม่ทราบว่าจะมีแขก” หล่อนออกตัวทรุดนั่งปลายด้านหนึ่งของโซฟา
“ คุณรู้ไหม ห้องแขกสมัยก่อนรกกว่านี้อีก”
“ ห้องบ้านหรือห้องอะไรคะ”
“ ห้องหอพักนี่แหละ”
“คุณเคยอยู่หอพักที่ไหนคะ”
“ หอพักนักเรียนอยู่แบบนี้แหละ”
"........
“ ก็เล่าต่อสิคะ’
“ จริงนะ ผมยังไม่เคยเล่าอะไรให้ฟังเลยใช่ไหม”
“แล้วจะเล่าหรือเปล่าล่ะคะ” หล่อนไม่รู้ตนเองว่ากำลังเพลินกับสิ่งที่อยู่ต่อหน้า
“ เล่าสิ แต่คุณ..ศิต้องเล่าด้วยแบบเดียวกับที่ผมเล่านะ”
“ ตกลงค่ะ”
“ เริ่มตรงไหนดีล่ะ เอาตรงหอพักนี่ก็แล้วกันนะ ผมอยู่หอพักประมาณสองปี ทานอาหารซื้อบ้างทำเองบ้าง แต่สมัยก่อนมักจะต้องทานอาหารแห้งซะมากกว่า พวกอาหารกระป๋อง”
“ อยู่ที่ไหนคะ” หล่อนทำท่าตั้งใจฟัง
“ ที่ลอนดอน” ตอบแล้วก็เห็นสีหน้าแปลกใจของผู้ฟัง
มิน่าต้องกลับไปเยี่ยมบ้าน หล่อนนึกถึงที่เขาว่าอยู่ต่ออีกสัปดาห์หนึ่ง
“ ที่จริงที่แพลนไว้จะกลับไทยเลย แต่นะ...ยังกลับไม่ได้หรอก ใช่ไหม” เขาหยุดมองตาผู้ฟังก่อนคำถามท้ายสุด
“ ศิจะไปรู้เหรอ” หล่อนรีบปฏิเสธ
“ ต้องรับรู้แล้วนะ บอกไปแล้ว ไม่รับรู้ไม่ได้แล้ว” ปากก็พูด ตาก็ยืนยันแน่วแน่
“ มันไม่ได้อยู่ที่เวลาว่าเร็วไปหรอกนะ คุณศิ มันขึ้นอยู่กับความเข้าใจมากกว่า”
“ แล้วผมก็เชื่อว่าคุณศิต้องเข้าใจ ผมเข้าใจไม่ผิดหรอก”
".........
“ ผมคงไปลอนดอนสักสองสามวันแล้วจะกลับมาที่นี่อีก...นะครับ” เขาทั้งบอกและเหมือนถามไปในตัว “มารับคำตอบไง อย่าลืมซีครับ”
คนฟังหันมองไปทางอื่น
“ เล่าต่อก็ได้ ผมอยู่ลอนดอนสองปี แล้วก็กลับไปได้สักสองปีก็เริ่มทำงานบริษัท แล้วที่มาคราวนี้ก็ติดต่อให้บริษัท”
“ บริษัทใครคะ”
เขาบอกชื่อบริษัท
“ ศิถามว่าบริษัทของใครนะคะ”
เขาขำนิดหนึ่งลุกขึ้นเดินมองไปที่ระเบียง
“ ของที่บ้าน”
“ ความลับมากก็ไม่ต้องเล่าก็ได้นะคะ ศิว่าคุณไม่จำเป็นต้องเล่าก็ได้”
“ ผมอยากให้คุณศิได้รู้”
“ ศิว่าไม่จำเป็นจริงๆค่ะ เดี๋ยวคุณก็กลับเมืองไทยแล้ว’
“จำเป็น เพราะผมอยากอยู่ที่ลอนดอนอีก หรือไม่ก้อ....” เขาหยุดพูดกลางคัน
“ ทำไมถึงคิดอย่างนั้นล่ะคะ” หล่อนสงสัย
“ ผมก็บอกไม่ได้ว่าทำไม รู้แต่ว่าสิ่งที่ผมเห็น มันไม่ใช่ภาพลวงตา ความรู้สึกคงเป็นแบบซิกเซ้นส์อะไรนั่นละมั้งที่บอก แล้วก็บางอย่างมันไม่ต้องการเหตุผลหรอก ขึ้นอยู่กับอารมณ์กับความต้องการของเราเท่านั้น อย่างเราไปฟังเพลง คนเล่นคนดูก็ใช้แต่อารมณ์ทั้งนั้น ใช่ไหมครับ” เขาพูดช้าๆจนจบหันมามองคนที่นั่งฟัง
“ ที่ทำงานมีปัญหาอะไรหรือคะ ถึงไม่ทำต่อ”
“ ไม่มีปัญหาอะไรหรอก มีแต่ปัญหาเฉพาะหน้าที่ต้องแก้เร่งด่วนเท่านั้น”
“ แล้วต้องไปแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่ว่า นานเท่าใดคะ”
“คงใช้เวลาสักอาทิตย์เดียว ก็น่าจะรู้เรื่องแล้ว”
“ ที่เมืองไทยหรือลอนดอนคะ” หล่อนถูกให้ร่วมในความนึกคิดโดยไม่รู้ตัว
“ ที่ตัวผมเองที่นี่ไง คุณศิเข้าใจบ้างหรือยัง ผมตั้งใจนะ” เขาทำท่านั่งใกล้เข้ามา ศิรินทร์ขยับที่ให้ นั่งเสียชิดดังใจนึก
“ ผมจะใช้ความตั้งใจในปัญหาเฉพาะหน้า ถ้าแก้ได้ปัญหาอื่นก็เป็นรอง พรุ่งนี้คุณศิทำอะไรหรือเปล่า ผมอยากวนคุณศิเป็นเพื่อนผมไปนั่งเรือล่องริมไรน์ ผมได้ใบโฆษณามาพร้อมกับรายการคอนเสิร์ตนั่นแหละ”
“ แล้วรายการอะไรอีกคะ” หล่อนถามต่อ เพราะเขาบอกทีละอย่าง
“ นอกนั้นแล้วแต่คุณศิจะกรุณาแล้วหละ นะ” เขาเอื้อมมือมาบีบมืออีก
“ ผมอยากมีเวลาทำความเข้าใจ คุณศิรู้ไหม ผมอยากโทรมาสองสามวันก่อน แต่ไม่กล้า ตอนนี้ก็กล้าขึ้นบ้างแล้ว อยากเล่า อยากรู้อะไรๆอีกมากนะครับ พรุ่งนี้รถโรงแรมจะไปส่งที่ท่าเรือจะนั่งไป กลับบ่ายสามโมง”
“คุณจะไปลอนดอนเมื่อไรคะ”
“ ยังไม่ได้แจ้งไปเลยว่าจะถึงที่นั่นจันทร์หรืออังคาร ตอนนี้ที่เยอรมันสำคัญกว่า โทรสารไปวันอาทิตย์ก็ทัน”
“ คุณก็ยังไม่ได้บอกผมเลยว่า ไปกับผมได้ไหม” เขาพูดทำตาอ้อนวอน
".......
“ คุณศิลำบากใจหรือครับ”
“ วันนี้ศิรับรู้เรื่องอะไรมากจัง ศิชักคิดช้าแล้วหละ” หล่อนลังเล
“ ที่จริงผมควรจะค่อยๆบอก ค่อยๆทำ แต่ผมหาโอกาสไม่ได้ พรุ่งนี้คุณศิไปกับผมนะครับ ต้องออกจากโรงแรมสองโมงเช้า”
“ ค่ะ ศิจะไป....”
“ ดีใจจัง” เขาบีบมือหล่อนเหมือนเด็กๆ
“ระเบียงออกไปได้ไหมครับ”
“ ได้ค่ะ”
นิธิเดินออกไปมองฟ้า หาดาวอยู่ครู่หนึ่ง จึงโผล่หน้าเข้ามาเรียก
“ คุณศิมาดูอะไรนี่ซี่” ศิรินทร์ลุกเดินออกมา
“ เห็นดาวไหม วันนี้ท้องฟ้าใสจังเลย ที่โรงแรมคงจะดูได้ดีกว่านี้นะ เดี๋ยวผมจะกลับไปดู คุณดูที่นี่นะ ถ้าไม่รีบนอน” เขาหันมาบอกหล่อนที่ยืนข้างๆ
“ ผมจะกลับแล้ว” เขามองตาหล่อนในความมืดสลัว
“ คุณศิของผม” เขารั้งตัวหล่อนเข้ามาอย่างรวดเร็ว หล่อนตกใจขืนตัวออก แต่ว่าเขากลับจับตัวหล่อนหันข้างให้และโอบบ่าซบศีรษะอิงศีรษะของหล่อนอย่างหลงไหล สักครู่เดียวศิรินทร์ก็ถอยตัวออกมาเข้าสู่ห้อง ในใจตวัดคิดถึงวันนัดขึ้นมาทันที หล่อนเหมือนยืนรอให้เขากล่าวลา
“ คุณศิ...”
“ ดึกแล้วนะคะ” หล่อนบอกกับเขาๆก็แบมือทั้งสองออกมาให้หล่อนวางมือ หล่อนมองมือเขาและชักมือซ้ายไพล่หลังส่งมือขวามาให้ข้างเดียว เขาก็เอาสองมือมาเกาะกุมมือของหล่อนไว้
“ พรุ่งนี้เจอกันนะครับ” หล่อนพยักหน้า
“ เดี๋ยวศิเรียกแท็กซี่ให้นะคะ”หล่อนหยิบกระเป๋าใส่เศษเหรียญ แล้วเดินนำไปที่ประตู นิธิก้มลงหยิบสูทที่วางไว้และเดินออกจากห้องไป
โดยมีศิรินทร์นเปิดประตูค้างไว้ก่อนปิดพากันเดินไปสู่ลิฟต์
ศิรินทร์โทรเรียกแท็กซี่แล้วกะว่าสักสิบนาทีก็ควรจะมาถึง ทั้งสองเดินออกอีกด้านของตัวตึกมายืนรอด้านหน้าใกล้ถนน ยืนรอจนแท็กซี่มาพาเขาจากไปเมื่อเกือบห้าทุ่ม
(มีต่อ)
~-●✿❀❀💛 หอรักริมไรน์ ชีวิตนักเรียนไทยในเยอรมัน (อยู่เมืองฝรั่ง) 15 💛❀❀✿-●~
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สวัสดีค่ะ หอรักริมไรน์วางมาถึงตอนที่ 15 แล้วนะคะ รถด่วนขบวนรักกับรถเร็วก็ยังไม่สามารถบอกได้ว่าผู้โดยสาร
ใจเอนเอียงไปทางไหน มากกว่ากัน ขอบคุณการเม้นต์ของท่านผู้อ่านที่มีต่อเรื่องราว ทำให้สนุกสนานและ' พลอยแดง' ผู้เขียน
มีความสุขมากมายเลยค่ะ ขอขอบคุณผู้ลงชื่อและมิได้แสดงตน ถ้าทำให้ท่านมีความสุขก็ยินดีมากๆเลยค่ะ :มัศยวีร์ หลงรัก,
เปลวอัคคี หลงรัก, แก้วกรกช หลงรัก, สมาชิกหมายเลข 868666 ถูกใจ, tedta ถูกใจ, GTW หลงรัก, Lady Star 919 หลงรัก,turtle_cheesecake หลงรัก, Na(นะ) ถูกใจ, Eien Akai Debiru หลงรัก, WANG JIE หลงรัก ,The Mario หลงรัก, เสาวรส 17ถูกใจ, Memories pink ถูกใจ
🍄🍊🍋
ศิรินทร์เดินนำเข้าตึกกดลิฟต์ เขาก้าวเข้าตาม หล่อนนึกในใจว่า ตายละห้องรกเชียว เผลอถอนใจออกมานิดหนึ่ง คนตรงข้ามเลิกคิ้วถาม หล่อนสั่นศีรษะ ลิฟต์หยุดพอดี ก้าวเดินตามกันออกมาถึงหน้าประตูหล่อนควานหากุญแจห้อง ผมปรกหน้า หล่อนสลัดขึ้น ยกกระเป๋าให้สูงขึ้นอีกนิดเพราะแสงสว่างไม่พอ เมื่อเจอก็ไขห้อง กัดริมฝีปากนิดหนึ่งก่อนจะบอกว่า
“ เชิญค่ะ” นิธิเอามือรับที่จับประตูเพื่อจะเดินตามหลังหล่อน ที่เอื้อมมือไปเปิดไฟข้างประตู และเดินเข้าไปเปิดอีกดวงด้านใน วางกระเป๋าไปเปิดประตูที่ระเบียงแง้มไว้แต่รูดม่านเปิดครึ่งหนึ่ง ลมเย็นๆพัดเข้ามาทันทีที่หล่อนเปิดกว้างสักครู่ นิธิมองตามที่หล่อนทำทั้งหมด และทำอะไรไม่ถูกจะถอดเสื้อสูทหรือนั่งเลย
“ ตามสบายนะคะ “ หล่อนยิ้มนึกในใจว่าเหมือนถูกจู่โจม โดยมิได้นึกมาก่อน
“ จะถอดเสื้อไหมคะ” หล่อนไม่รู้ว่าเขาจะอยู่นานเท่าใด
นิธิขยับตัวถอดเสื้อแล้วก็หนีบไว้ข้างๆตัวเมื่อนั่งลง หล่อนแบมือรับเสื้อไปแขวนให้ เขากวาดตามองรอบห้องเล็กๆ
“ศิถามมั่งจะดื่มอะไรคะ”
“ ดื่มน้ำใจ” เขาตอบเรียบๆ
“ อะไรนะคะ” หล่อนถามใหม่
“ มีหรือเปล่าน้ำใจ” เขาบอกอีกหน
“ ให้คนไปหมดแล้วค่ะ” หล่อนยิ้มขันเมื่อตอบ
“ ไม่จริงหรอก” เขามองตาว่าอย่างไรก็ไม่เชื่อ
“ นี่ศิต้องขอร้องให้เชื่อไหมคะ”
“ ไม่ต้องหรอกครับ ผมต่างหากที่อยากจะขอร้องให้คุณศิเชื่อ”
“ เราไม่ขอร้องกันดีกว่านะคะ ตกลงดื่มอะไรดีคะ” หล่อนยังยืนถามอยู่
“อะไรก็ได้ครับ ดื่มเหมือนๆกันกับคุณ”
“ งั้นดื่มน้ำแอปเปิ้ลนะคะ” หล่อนออกไปเอาที่ในครัวมาเปิดกล่อง หยิบแก้วสองใบจากในตู้มาวางเทน้ำแอปเปิ้ลแล้วส่งให้เขา
“ ห้องศิรก เพราะไม่ทราบว่าจะมีแขก” หล่อนออกตัวทรุดนั่งปลายด้านหนึ่งของโซฟา
“ คุณรู้ไหม ห้องแขกสมัยก่อนรกกว่านี้อีก”
“ ห้องบ้านหรือห้องอะไรคะ”
“ ห้องหอพักนี่แหละ”
“คุณเคยอยู่หอพักที่ไหนคะ”
“ หอพักนักเรียนอยู่แบบนี้แหละ”
"........
“ ก็เล่าต่อสิคะ’
“ จริงนะ ผมยังไม่เคยเล่าอะไรให้ฟังเลยใช่ไหม”
“แล้วจะเล่าหรือเปล่าล่ะคะ” หล่อนไม่รู้ตนเองว่ากำลังเพลินกับสิ่งที่อยู่ต่อหน้า
“ เล่าสิ แต่คุณ..ศิต้องเล่าด้วยแบบเดียวกับที่ผมเล่านะ”
“ ตกลงค่ะ”
“ เริ่มตรงไหนดีล่ะ เอาตรงหอพักนี่ก็แล้วกันนะ ผมอยู่หอพักประมาณสองปี ทานอาหารซื้อบ้างทำเองบ้าง แต่สมัยก่อนมักจะต้องทานอาหารแห้งซะมากกว่า พวกอาหารกระป๋อง”
“ อยู่ที่ไหนคะ” หล่อนทำท่าตั้งใจฟัง
“ ที่ลอนดอน” ตอบแล้วก็เห็นสีหน้าแปลกใจของผู้ฟัง
มิน่าต้องกลับไปเยี่ยมบ้าน หล่อนนึกถึงที่เขาว่าอยู่ต่ออีกสัปดาห์หนึ่ง
“ ที่จริงที่แพลนไว้จะกลับไทยเลย แต่นะ...ยังกลับไม่ได้หรอก ใช่ไหม” เขาหยุดมองตาผู้ฟังก่อนคำถามท้ายสุด
“ ศิจะไปรู้เหรอ” หล่อนรีบปฏิเสธ
“ ต้องรับรู้แล้วนะ บอกไปแล้ว ไม่รับรู้ไม่ได้แล้ว” ปากก็พูด ตาก็ยืนยันแน่วแน่
“ มันไม่ได้อยู่ที่เวลาว่าเร็วไปหรอกนะ คุณศิ มันขึ้นอยู่กับความเข้าใจมากกว่า”
“ แล้วผมก็เชื่อว่าคุณศิต้องเข้าใจ ผมเข้าใจไม่ผิดหรอก”
".........
“ ผมคงไปลอนดอนสักสองสามวันแล้วจะกลับมาที่นี่อีก...นะครับ” เขาทั้งบอกและเหมือนถามไปในตัว “มารับคำตอบไง อย่าลืมซีครับ”
คนฟังหันมองไปทางอื่น
“ เล่าต่อก็ได้ ผมอยู่ลอนดอนสองปี แล้วก็กลับไปได้สักสองปีก็เริ่มทำงานบริษัท แล้วที่มาคราวนี้ก็ติดต่อให้บริษัท”
“ บริษัทใครคะ”
เขาบอกชื่อบริษัท
“ ศิถามว่าบริษัทของใครนะคะ”
เขาขำนิดหนึ่งลุกขึ้นเดินมองไปที่ระเบียง
“ ของที่บ้าน”
“ ความลับมากก็ไม่ต้องเล่าก็ได้นะคะ ศิว่าคุณไม่จำเป็นต้องเล่าก็ได้”
“ ผมอยากให้คุณศิได้รู้”
“ ศิว่าไม่จำเป็นจริงๆค่ะ เดี๋ยวคุณก็กลับเมืองไทยแล้ว’
“จำเป็น เพราะผมอยากอยู่ที่ลอนดอนอีก หรือไม่ก้อ....” เขาหยุดพูดกลางคัน
“ ทำไมถึงคิดอย่างนั้นล่ะคะ” หล่อนสงสัย
“ ผมก็บอกไม่ได้ว่าทำไม รู้แต่ว่าสิ่งที่ผมเห็น มันไม่ใช่ภาพลวงตา ความรู้สึกคงเป็นแบบซิกเซ้นส์อะไรนั่นละมั้งที่บอก แล้วก็บางอย่างมันไม่ต้องการเหตุผลหรอก ขึ้นอยู่กับอารมณ์กับความต้องการของเราเท่านั้น อย่างเราไปฟังเพลง คนเล่นคนดูก็ใช้แต่อารมณ์ทั้งนั้น ใช่ไหมครับ” เขาพูดช้าๆจนจบหันมามองคนที่นั่งฟัง
“ ที่ทำงานมีปัญหาอะไรหรือคะ ถึงไม่ทำต่อ”
“ ไม่มีปัญหาอะไรหรอก มีแต่ปัญหาเฉพาะหน้าที่ต้องแก้เร่งด่วนเท่านั้น”
“ แล้วต้องไปแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่ว่า นานเท่าใดคะ”
“คงใช้เวลาสักอาทิตย์เดียว ก็น่าจะรู้เรื่องแล้ว”
“ ที่เมืองไทยหรือลอนดอนคะ” หล่อนถูกให้ร่วมในความนึกคิดโดยไม่รู้ตัว
“ ที่ตัวผมเองที่นี่ไง คุณศิเข้าใจบ้างหรือยัง ผมตั้งใจนะ” เขาทำท่านั่งใกล้เข้ามา ศิรินทร์ขยับที่ให้ นั่งเสียชิดดังใจนึก
“ ผมจะใช้ความตั้งใจในปัญหาเฉพาะหน้า ถ้าแก้ได้ปัญหาอื่นก็เป็นรอง พรุ่งนี้คุณศิทำอะไรหรือเปล่า ผมอยากวนคุณศิเป็นเพื่อนผมไปนั่งเรือล่องริมไรน์ ผมได้ใบโฆษณามาพร้อมกับรายการคอนเสิร์ตนั่นแหละ”
“ แล้วรายการอะไรอีกคะ” หล่อนถามต่อ เพราะเขาบอกทีละอย่าง
“ นอกนั้นแล้วแต่คุณศิจะกรุณาแล้วหละ นะ” เขาเอื้อมมือมาบีบมืออีก
“ ผมอยากมีเวลาทำความเข้าใจ คุณศิรู้ไหม ผมอยากโทรมาสองสามวันก่อน แต่ไม่กล้า ตอนนี้ก็กล้าขึ้นบ้างแล้ว อยากเล่า อยากรู้อะไรๆอีกมากนะครับ พรุ่งนี้รถโรงแรมจะไปส่งที่ท่าเรือจะนั่งไป กลับบ่ายสามโมง”
“คุณจะไปลอนดอนเมื่อไรคะ”
“ ยังไม่ได้แจ้งไปเลยว่าจะถึงที่นั่นจันทร์หรืออังคาร ตอนนี้ที่เยอรมันสำคัญกว่า โทรสารไปวันอาทิตย์ก็ทัน”
“ คุณก็ยังไม่ได้บอกผมเลยว่า ไปกับผมได้ไหม” เขาพูดทำตาอ้อนวอน
".......
“ คุณศิลำบากใจหรือครับ”
“ วันนี้ศิรับรู้เรื่องอะไรมากจัง ศิชักคิดช้าแล้วหละ” หล่อนลังเล
“ ที่จริงผมควรจะค่อยๆบอก ค่อยๆทำ แต่ผมหาโอกาสไม่ได้ พรุ่งนี้คุณศิไปกับผมนะครับ ต้องออกจากโรงแรมสองโมงเช้า”
“ ค่ะ ศิจะไป....”
“ ดีใจจัง” เขาบีบมือหล่อนเหมือนเด็กๆ
“ระเบียงออกไปได้ไหมครับ”
“ ได้ค่ะ”
นิธิเดินออกไปมองฟ้า หาดาวอยู่ครู่หนึ่ง จึงโผล่หน้าเข้ามาเรียก
“ คุณศิมาดูอะไรนี่ซี่” ศิรินทร์ลุกเดินออกมา
“ เห็นดาวไหม วันนี้ท้องฟ้าใสจังเลย ที่โรงแรมคงจะดูได้ดีกว่านี้นะ เดี๋ยวผมจะกลับไปดู คุณดูที่นี่นะ ถ้าไม่รีบนอน” เขาหันมาบอกหล่อนที่ยืนข้างๆ
“ ผมจะกลับแล้ว” เขามองตาหล่อนในความมืดสลัว
“ คุณศิของผม” เขารั้งตัวหล่อนเข้ามาอย่างรวดเร็ว หล่อนตกใจขืนตัวออก แต่ว่าเขากลับจับตัวหล่อนหันข้างให้และโอบบ่าซบศีรษะอิงศีรษะของหล่อนอย่างหลงไหล สักครู่เดียวศิรินทร์ก็ถอยตัวออกมาเข้าสู่ห้อง ในใจตวัดคิดถึงวันนัดขึ้นมาทันที หล่อนเหมือนยืนรอให้เขากล่าวลา
“ คุณศิ...”
“ ดึกแล้วนะคะ” หล่อนบอกกับเขาๆก็แบมือทั้งสองออกมาให้หล่อนวางมือ หล่อนมองมือเขาและชักมือซ้ายไพล่หลังส่งมือขวามาให้ข้างเดียว เขาก็เอาสองมือมาเกาะกุมมือของหล่อนไว้
“ พรุ่งนี้เจอกันนะครับ” หล่อนพยักหน้า
“ เดี๋ยวศิเรียกแท็กซี่ให้นะคะ”หล่อนหยิบกระเป๋าใส่เศษเหรียญ แล้วเดินนำไปที่ประตู นิธิก้มลงหยิบสูทที่วางไว้และเดินออกจากห้องไป
โดยมีศิรินทร์นเปิดประตูค้างไว้ก่อนปิดพากันเดินไปสู่ลิฟต์
ศิรินทร์โทรเรียกแท็กซี่แล้วกะว่าสักสิบนาทีก็ควรจะมาถึง ทั้งสองเดินออกอีกด้านของตัวตึกมายืนรอด้านหน้าใกล้ถนน ยืนรอจนแท็กซี่มาพาเขาจากไปเมื่อเกือบห้าทุ่ม
(มีต่อ)