ประสบการณ์ตรงคบกับเด็กร้านนวดปู๋ Chapter 19 : Love therapy

Chapter 19 : Love therapy
.
อ่านย้อนหลังได้ในสปอยล์
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
.
ผมนอนราบอยู่คนเดียวบนที่นอนในห้องตอนสายของวันที่ผมไม่ต้องเข้างาน สัมผัสถึงลมหายใจที่เข้าและออก ขณะจินตนาการถึงตัวผมเองตอนนั่งอยู่บนแผ่น surf กลางทะเลที่มีคลื่นสูงแต่ยังไม่แตกตัวผ่านมา แดดอุ่นๆ น้ำทะเลเย็นๆ และลมทะเลที่พัดพาความสดชื่นมาให้.... ช่วงเวลานี้คือช่วงเวลาที่ผมรู้สึกผ่อนคลายที่สุดเท่าที่เคยสัมผัสมาในชีวิต…. น้ำทะเล สายลม และแสงแดด เวลาที่เราลอยอยู่บนน้ำ รอคลื่นที่พัดเข้ามาอย่างไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อยเหมือนกาลเวลาที่เดินทำหน้าที่ไม่มีหยุด
.
ช่วงเวลาที่เรารู้สึกผ่อนคลายที่สุด คือโจทย์แรกที่จิตแพทย์ประจำตัวผมบอกให้ทำเมื่อผมเอนตัวลงนอน ผมใช้เวลาให้เกิดความสงบตรงนี้ราว 10 นาที แต่ก็ทุกลักทุเล เพราะมีเรื่องรบกวนใจพอสมควร...​ เรื่องน้องพีชนั่นแหละ แต่ก็ยังสามารถสร้างความผ่อนคลายให้เกิดขึ้นในใจได้
.
สิ่งที่ผมคุยกับจิตแพทย์วันนี้ว่าอยากทำกระบวนการ คือ “ความสัมพันธ์” ซึ่งโจทย์นี้จะมีความเกี่ยวพันกับประสบการณ์ในวัยเด็กกับคนที่เราเติบโตมาด้วยอย่างแยกไม่ออก และไม่มีข้อยกเว้น
“ตอนนี้ คุณนึกถึงใครคะ” หมอถามผมผ่านทางวิดีโอคอล หลังจากปล่อยให้ผมอยู่กับความสงบมาระยะหนึ่ง ภาพผู้หญิงหน้าจีนๆ ตัดผมสั้นดำสวย ผิวขาวอมเหลือง สูงเลยไหล่ผมมาเพียงเล็กน้อยปรากฎขึ้น
.
มะม้า....
.
มะม้ากำลังยืนยิ้มมาให้ผม ใส่ชุดเดรสยาวสีเหลืองอ่อนจนเกือบขาวแบบผ้าดิบ มีลายดอกไม่เล็กๆ กับแขนจั๊ม มะม้าดูสวย สง่า และสงบ
“คุณอยากทำอะไรคะ” หมอดำเนินรายการต่อ
“ผมอยากคุยกับมะม้า..... มะม้าอยู่ไหน….. มะม้าสบายดีมั้ย….. “ ผมเห็นภาพตัวเองเดินเข้าไป จับมือมะม้าขึ้นมาข้างหนึ่ง คุยกับมะม้าด้วยความคิดถึง “มะม้า…… ผมเป็นห่วง….. “ มะม้ายิ้มแล้วยกมืออีกข้างที่ไม่ได้จับมือผมขึ้นมาลูบหัวผม ผมรู้สึกได้ถึงกระแสความรักที่มะม้าส่งผ่านภาพในใจมาให้ น้ำตาผมไหล
.
ผมกอดมะม้าอย่างแผ่วเบาและทะนุถนอม มือทั้งสองข้างผมโอบรอบตัวมะม้า ข้างหนึ่งโอบอยู่ที่เอว และอีกข้างหนึ่งวางอยู่กลางแผ่นหลังของมะม้า ศรีษะมะม้าวางอยู่บนยอดอกผม ยิ้มอย่างเป็นสุข มะม้าตัวเล็กและผอมมาก แต่มือผมที่ประทับวางอยู่บนแผ่นหลังของมะม้านั้นอบอุ่นและปลอดภัย ผมสะอื้นร้องตัวสะท้านขณะที่มะม้าใช้มือลูบหลังผมปลอบให้ผมคลายจากความเศร้า
.
ผมชอบความรู้สึกตอนมือผมวางอยู่บนแผ่นหลังของคนที่ผมรักตอนเรากอดกันแบบนี้เป็นที่สุด
.
ไม่มีคำพูดใดจากมะม้า เพราะผมไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับบทสนทนากับมะม้า มันจึงมีแต่อารมณ์ความรู้สึก ความรัก ความเป็นห่วง อยากรู้ว่าอยู่ไหน สบายดีมั้ย เมื่อผมคลายลงจากความเศร้า ผมพามะม้าจูงมือเดินเล่นในสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง มีแสงอาทิตย์ตอนบ่ายแก่ๆ สีทองๆ อุ่นๆ ขณะเราเดินคุยกันไปตามทางเดินที่มีต้นไม้และสระน้ำให้ชม
.
เราเดินมาหยุดลงที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง เราดูเหมือนคนรักกันมากกว่าแม่ลูก เพราะท่านเพิ่งจะอายุ 30 กว่าตอนท่านเสีย คือภาพความทรงจำเดียวที่ผมมี ผมนั่งกุมมือมะม้า เราคุยกันด้วยความรัก ผ่อนคลาย และรอยยิ้ม ผมไม่รู้ว่าเราคุยอะไรกัน ผมรู้แต่ผมอยากอยู่กับมะม้านานๆ
.
สักพัก มะม้าลุกขึ้นยืน เหมือนถึงเวลาที่ท่านต้องไป ผมจับมือมะม้าแล้วถาม
“มะม้าภูมิใจในตัวผมมั้ย… ?” ผมถามพร้อมน้ำตาที่ไหลออกมา รอยยิ้มบนใบหน้าผมหายไปเพราะความคิดถึงและโศกเศร้าเข้ามาแทนที่ มะม้ายิ้มให้ผมแล้วพยักหน้า
“ผมควรรอน้องมั้ย.... ?” ปากและดวงตาผมบิดเบี้ยวด้วยความเสียใจขณะถาม มะม้าไม่พูดอะไร แต่ยิ้ม…. และส่ายหน้าให้ผมอย่างนุ่มนวลแต่ชัดเจน
“มันไม่เป็นไรใช่มั้ย…. แบบนี้….. ดีแล้วใช่มั้ย…. ?” ผมร้องไห้ ถามมะม้าด้วยความยากลำบากเพราะแรงสะอื้นที่สะท้านขึ้นมาเป็นจังหวะ มะม้ายื่นมือมาลูบหัวผมอีกครั้ง พยักหน้า แล้วดึงผมเข้าไปกอดทั้งที่ผมยังนั่งอยู่บนเก้าอี้ ศรีษะผมวางอยู่บนอกมะม้า ผมหลับตาซึมซับทุกความรู้สึกที่ได้อยู่ในอ้อมอกของมะม้า ความรักแบบที่ผมไม่เคยได้รับจากใครเลยมาตลอดชีวิต
.
ตลอดชีวิตผมเคยผิดพลาดมามากมายหลายครั้ง ทั้งที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจ ทุกครั้งลึกๆ ในใจผมร้องเรียกหาใครสักคนที่จะบอกผมว่า..... มันไม่เป็นไร…. ร้องเรียกหาใครที่จะอภัยให้ และยอมรับในสิ่งที่ผมเป็น ให้ผมได้เป็นตัวเอง ตลอดชีวิตที่เติบโต ถูกทำร้าย ความคิดความเชื่อมั่นถูกทำลาย เมื่อมะม้าจากไปชีวิตผมเหลือแต่พ่อคนเดียว และเมื่อพ่อคือคนที่ทำลายเราจนไม่มีชิ้นดี เด็กคนนี้จึงเติบโตมาด้วยการแสวงหาความรักมาเติม แต่มันเป็นหลุมที่ไม่มีวันเต็มตราบใดที่ผมยังบำบัดตัวเองไม่จบ
.
หนทางที่ต้องบำบัดตัวเอง ยังอีกไกล
.
.
วันนี้ผมมารับวิวก่อนเธอเลิกงานเป็นชั่วโมง สิ่งหนึ่งที่ผมชอบ คือการมารับก่อนเธอเลิกงานสัก 1-2 ชั่วโมง ใกล้ๆ ที่ทำงานเธออยู่ไม่ไกลจาก Avenue หรูใจกลางเมือง ผมจะสามารถไปเดินดูร้าน หาไอเดียต่อยอดสำหรับปรับปรุงร้านผมด้วย และบางครั้งก็นั่งหาอะไรทานเพื่อหาไอเดีย หาสูตรใหม่ๆ และได้ลองของใหม่ มันช่วยให้ผมผ่อนคลาย และยังเป็นการดึงตัวเองออกจากการคิดวนเรื่องอะไรก็ตามในหัวตัวเอง
.
การมารับวิวทุกวันที่ผมสามารถมาได้ตอนเธอเลิกงาน เป็นสิ่งที่ผมออกปากกับเธอเองว่าผมอยากทำ แม้มันจะทำให้เสียเวลาเราสองคน วิวบอกว่าเธอกลับเองได้ เพื่อให้ผมสามารถทำอย่างอื่นให้เป็นประโยชน์มากกว่าแค่ขับรถมารับเธอ แต่ผมเลือกที่จะให้เวลาเธอแบบนี้.... 
.
ชีวิตที่ผ่านมาในความสัมพันธ์ที่เคยจบไป ผมเคยทำแบบนั้นมาแล้ว ต่างคนต่างอยู่ ผมทำงานของผม อีกคนก็ทำงานตัวเอง กลับมาเจอกันที่บ้าน เช้ามาต่างคนต่างไป เย็นมาต่างคนต่างกลับ ได้เจอหน้าพูดคุยกันชั่วโมงสองชั่วโมงก็เข้านอน และยิ่งเจอเป็นคนบ้างาน อยู่ทำงานดึกๆ บ่อยๆ ก็ยิ่งทำให้เรามีเวลาให้กันน้อยลง ผมจึงไม่ต้องการให้ความสัมพันธ์ครั้งนี้มันดำเนินซ้ำรอยแบบนั้น ผมจึงให้เวลาวิวมากเท่าที่ผมจะให้ได้ ไปส่งเธอ และรับเธอทุกครั้งที่ทำได้โดยไม่มีข้อแม้จากความเกียจคร้านหรือความต้องการส่วนตัว และไม่เคยมีสักครั้งที่ผมทิ้งวิวเพื่อไปหาพีช
.
“เมื่อเช้าเค้าทำ session กับหมอด้วย” ผมเล่าให้วิวฟังขณะขับรถกลับบ้านด้วยกัน“รอบนี้ทำเรื่อง มะม้า”
“แล้วเป็นไงมั่ง” เธอถาม
“ดีนะ…. เค้าคิดถึงมะม้าอะ อยากรู้ว่ามะม้าสบายดีมั้ย เป็นห่วงมะม้า….. เค้าพามะม้าเดินเล่นในสวนด้วยนะ” วิวยิ้มฟังผมเล่า “คุยอะไรกันก็ไม่รู้เยอะแยะเลย แล้วก็นั่งที่ร้านกาแฟกัน”
.
“ตัวเอง….” วิวเรียกเมื่อผมเงียบไปครู่หนึ่ง
“….. ?”
“เค้ามีเรื่องไม่สบายใจ”
“เรื่องอะไรเหรอ” ผมถาม
“เค้ารู้นะ ว่าตั้งแต่มีปัญหากับพ่อ… ตัวเองไปที่นั่นบ่อยขึ้น”
ใช่ ผมไปที่นั่นบ่อยขึ้นเพราะน้องพีช
“ตัวเองดูเครียดขึ้น เงียบขึ้น”
ผมไม่มีคำอธิบาย หรือคำแก้ตัว
“วันก่อน ตัวเองเมากลับมา ตัวเองไม่เคยเมาหนักขนาดนี้มาก่อน”
ใช่ กว่าสิบปีแล้ว ที่ผมไม่ดื่มหนักขนาดนี้
“ตัวเองโอเคมั้ย…. ” วิวถามผม “…. เค้าทอดทิ้งตัวเองมากไปรึเปล่า ที่เค้าบอกให้ตัวเองไปหาทางออกแบบนั้น”
เป็นคำที่ผมพยายามสุดชีวิตที่จะไม่ใช้…. ทอดทิ้งกัน
“วันนี้ พี่โต๊ะข้างๆ เค้าเลิกกับแฟน…. แฟนพี่เค้าไปติดเด็กเอน เพราะพี่เค้าไม่ยอมมีอะไรด้วย”
เรื่องนี้ มันคงมากระตุ้นความกังวลในใจเธอขึ้นมาสินะ จริงอยู่ว่าพี่ผู้ชายทำไม่ถูก ผมเองก็ไม่ต่างจากพี่เค้าเท่าไหร่ อาจจะแค่ผมไม่คิดจะจบความสัมพันธ์กับวิวด้วยเหตุผลนี้ สิ่งสำคัญกว่านั้น คือสาเหตุของปัญหามันอยู่ตรงไหน ?
.
ในความสัมพันธ์ ไม่มีใครอยากทำผิด การประคับประคองความสัมพันธ์ให้ดำเนินไปได้ราบรื่น การตอบสนองกันและกันจึงเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญ “ความรู้สึก” ที่ได้รับการตอบสนอง ทำให้เกิดความรู้สึกได้รับความสำคัญคือสิ่งที่หากละเลย ก็ทำให้เกิดความรู้สึก “ไร้ค่า” ตามมา
.
“เค้ากลัว….. ” วิวพูดพร้อมน้ำตาที่รื้นขึ้นมา ผมบีบมือเธอคล้ายเป็นการบอกว่าผมอยู่ตรงนี้
“วิว… เค้าไม่เคยคิดจะทำแบบนั้นนะ“ ผมบอกเธอช้าๆ พยายามพูดให้เธอรู้ว่าผมหมายถึงอย่างนั้นจริงๆ นุ่มนวลแต่หนักแน่น ”เค้าอาจจะเหงาบ้าง แต่เรื่องแบบนั้น จะไม่มีทางเกิดขึ้น”
“เค้าเริ่มเชื่อตัวเองละ ว่าทุกคนมีปม…. ตัวเองนัดจิตแพทย์ให้เค้าหน่อยสิ” เธอพูดในที่สุด
"เค้าขอโทษนะ ที่ปล่อยให้ตัวเองแก้ปัญหาคนเดียวมาตั้งนาน“
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่