ประสบการณ์ตรงคบกับเด็กนวด.....Intro - Chapter 1 ที่นี่ไม่มี

Intro ก่อนเริ่มเรื่อง
ผมมาเล่าแบ่งปันประสบการณ์จากเรื่องจริงที่เกิดกับผมเอง เท่าที่ความทรงจำจะจำได้ มันเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ที่ผ่านมาแล้วซักระยะ อยากจะบันทึกเก็บไว้ และส่วนตัวผมเป็นคนชอบขีดๆ เขียนๆ บอกเล่าเรื่องราว เลยปรับชื่อ/ สถานที่เพื่อความเป็นส่วนตัวของบุคคลในเรื่อง และเนื่องจากสิ่งที่เกิดขึ้นมันเป็นเรื่องจริง ผมจึงขอไม่ Tag เรื่องแต่ง / นิยายครับ
.
อนึ่ง ผมไม่ขอตอบคำถาม ว่าเบื้องหลังชื่อ/สถานที่จริงคือที่ไหนทุกกรณีครับ
.
ขอให้ทุกท่านที่เข้ามาอ่าน เพื่อความบันเทิงเท่านั้นนะครับ
.
--------------------------------------------------------------------------------
.
Chapter 1 ที่นี่ไม่มี
”วันนี้อยากพักผ่อนกับน้องคนไหนดีครับ“
พนักงานดูแลหน้าร้านถามขึ้นหลังจากผมเลือกดูรูปจากแทบเล็ตของร้านอยู่สักพักละเหมือนจะเห็นว่าผมตัดสินใจไม่ได้ “ลองน้องพีชมั้ย น้องใหม่เพิ่งมาได้ไม่นาน น้องอายุน้อย ตัวเล็ก ได้ฟีลแฟนเด็ก“
.
ผมดูรูปน้องตามที่พนักงานแนะนำ ในนั้นระบุว่าอายุ 20 จริงๆ ผมก็ชอบคนตัวเล็กอยู่แล้ว ชีวิตที่ผ่านมาที่เคยมีแฟน สำหรับผมแล้ว ชอบที่สุดก็กับคนตัวเล็กๆ นี่แหละ แต่ร้านนี้ขึ้นชื่อลือชาว่าเป็นร้านที่เน้นบริการที่ไม่มี “งานจบ” และถ้าเด็กคนไหนแอบขายงานจบคือไล่ออกเท่านั้น รูปที่ลงให้ดูในแทบเบล็ตก็ดูไม่ค่อยสวยด้วยสิ ร้านแนวนี้ คือ นกป ซึ่งมักจะมีข้อเด่นคือการบริการที่ดี คงเป็นข้อดีของร้านที่ไม่มีงานจบ ที่เด็กๆจะไม่ต้องมีอะไรกับลูกค้า ทำให้มีความพยายามทุ่มเทดูแลลูกค้าให้รู้สึกพอใจได้เต็มที่เพื่อสร้างความประทับใจ
.
เวลาผมมาเที่ยวที่แบบนี้ไม่ว่าจะจบหรือไม่จบ ในใจผมจะมีความรู้สึก +/- ตลอดเวลา ที่บวกคือมันก็มีความรู้สึกดีแหละที่มีคนมาเอาอกเอาใจ แต่ส่วนที่ลบคือลึกๆ เรารู้อยู่แล้วว่าเค้าก็ทำไปตามหน้าที่ ไม่ได้มีความรู้สึกอะไรให้เราจริงๆ
.
ด้วยความที่ผมไม่รู้จะตัดสินใจยังไง ก็ลองตกลงไปตามที่พนักงานเชียร์ สักพักน้องก็เดินออกมาต้อนรับทักทาย น้องตัวเล็กมาก สูงไม่ถึงไหล่ผม น้องพาผมเข้าไปในห้องห้องหนึ่ง ในห้องมีเตียงหกฟุต ห้องอาบน้ำ และผนังด้านหนึ่งเป็นกระจกเงาบานใหญ่ขนาดเต็มผนัง น้องดูยิ้มแย้มและร่าเริง แต่มีอะไรบางอย่างใต้รอยยิ้มที่ผมรู้สึกแปลกๆ.... ผมคิดไปเองมั้ยนะ
.
เรานั่งลงข้างเตียงเริ่มต้นพูดคุยกันซึ่งก็เป็นไปตามปกติของที่นี่ เช่นการถามว่า ดื่มอะไรมั้ย กินอะไรมารึยัง วันนี้ไม่ทำงานเหรอ บลาๆๆ แต่อะไรบางอย่างบอกให้ผมรู้ตั้งแต่นาทีแรกที่คุยกันว่าน้องมีปัญหาที่รบกวนจิตใจอยู่ อันที่จริงแค่ลองคิดว่าเด็กอายุแค่ยี่สิบมาทำงานหาเงินที่มีแต่คนอายุเยอะกว่ารายล้อม ขณะที่คนวัยเดียวกันยังเรียนหนังสืออยู่ ก็น่าจะสร้างความเครียดให้เธอได้มากอยู่แล้ว เด็กคนอื่นๆ ในร้านส่วนใหญ่จะอายุไม่ต่ำกว่า 22 มีแค่ไม่กี่คนที่อายุเท่าน้องพีช
.
“ทำที่นี่มานานรึยัง” ผมถามเธอ ผมมักสงสัยอยู่เสมอ ว่าคนคนนึงจะมีเหตุผลอะไรที่ทำให้ตัดสินใจมาทำงานในวงการนี้ แน่นอนว่ามันคือเรื่องเงิน แต่เบื้องหลังว่าต้องการเงินไปทำอะไรจึงเลือกเส้นทางอาชีพนี้ คือสิ่งที่ผมสนใจไคร่รู้
“ครึ่งปีละค่ะ” น้องพีชตอบ
“แล้วทำงานที่นี่เป็นไง เหนื่อยมั้ย เครียดรึเปล่า”
”ค่ะ….“ เธอตอบผมสั้นๆ สีหน้าเธอเปลี่ยนจากที่พยายามยิ้มให้ผม กลายเป็นนิ่งลงและรอยยิ้มหายไปทันทีที่เธอได้นึกถึงเรื่องของตัวเอง แปลว่าการทำงานที่นี่คงไม่ได้ให้ความสุขกับเธอ และอาจจะมีอะไรอย่างอื่นมากกว่านั้นอยู่อีก
.
ผมไม่ได้ชอบให้ใครฝืนใจทำอะไรเพื่อเรา ตลอดเวลาที่ผมอยู่กับน้อง ผมจึงไม่แตะต้องตัวเธอเลย และผมเลือกที่จะนั่งคุยกับเธอไปเรื่อยๆ จนเธอค่อยๆ เล่าความอึดอัดหลายอย่างให้ผมฟัง จนร้องไห้ออกมาในที่สุด เราใช้เวลาทั้งชั่วโมง แลกเปลี่ยนประสบการณ์ในอดีต เล่าเรื่องของผม ว่าผมเคยเจออะไรมาบ้างที่น้องฟังแล้วได้ข้อคิด และน้องพีชก็เล่าเรื่องที่น้องเก็บไว้อยู่ในใจแล้วเล่าให้ใครฟังไม่ได้
.
เหลือ 15 นาที เธอปาดน้ำตาออก สูดหายใจ รู้สึกได้ว่าเธอดูโล่งใจขึ้นหน่อย เธอชวนผมนวด แต่ผมปฏิเสธ “ไม่เป็นไร พี่ไม่เมื่อย แค่ได้ฟังเราเล่าเรื่องของเราพี่ก็โอเคแล้ว” ผมบอก เธอเขยิบมานั่งชิดผม เกาะแขนแล้วซบไหล่ผม และลูบผมเธอเบาๆ น่าแปลกที่ผมรู้สึกดีกว่าครั้งไหนๆ ที่เคยมาใช้บริการ ผมปลอบและให้กำลังใจเธอได้ไม่กี่คำก็ได้เวลากลับ ผมเดินออกมาจากที่แห่งนั้นด้วยความรู้สึกอบอุ่นในหัวใจอย่างไม่เคยได้จากที่ไหนมาก่อน
.
สิ่งที่น้องเล่าให้ผมฟัง ผมก็ไม่รู้จริงหรือไม่จริงมากน้อยแค่ไหน แต่ผมรู้สึกดีกว่าผมได้มีอะไรกับใครแบบว่างเปล่าเพื่อแลกกับเงินอย่างเทียบไม่ได้
.
.
.
“จองน้องพีชครับ” เกือบ 10 วันผ่านไป หลังจากที่ผมวุ่นวายกับงาน พอมีเวลาว่างก็มักจะนึกถึงน้องพีช ว่าจะยังเครียดอยู่มั้ย ตอนนี้จะเป็นยังไงบ้าง การพูดคุยกันชั่วโมงกว่าวันนั้นมันช่วยให้เธอสบายใจขึ้นบ้างมั้ยนะ จึงตัดสินใจเข้าไปหา ผมรู้สึกว่าการได้รับฟังเรื่องของน้องทำให้ใจผมเองก็ได้รับการเติมเต็มด้วย
.
”สวัสดีค่ะ“ น้องออกมาต้อนรับเหมือนเดิม แต่มีสิ่งที่ต่างออกไปนิดหน่อย เธอดูดีใจที่เห็นหน้าผมวันนี้…. ถ้าผมไม่ได้คิดไปเอง
.
“เป็นยังไงบ้าง” ผมถามแบบปลายเปิดให้เธอเลือกเองว่าอยากตอบผมเรื่องไหน เมื่อเราเข้ามาในห้อง ผมรู้สึกได้ถึงพลังงานความสุขที่แผ่ออกมาจากสีหน้าท่าทางของเธอ
“ได้คุยกับพี่วันนั้น หนูสบายใจขึ้นมากๆ เลยค่ะ” เธอตอบผมด้วยรอยยิ้มที่ผมสัมผัสได้ว่ามันคือความสุขและสบายใจ
“จริงเหรอ” ผมตอบกลับพร้อมยิ้มดีใจ เธอเล่าให้ผมฟังว่าคนรอบตัวเธอทั้งพี่ๆในร้าน และลูกค้า ทุกคนบอกว่าเธอดูสดใสร่าเริงขึ้น ไม่อมทุกข์ ผมเองดีใจที่ทำให้คนคนนึงสบายใจได้จากการที่เราเพียงพูดคุยและรับฟังกัน บรรยากาศในห้องวันนี้อบอุ่น แม้ผมไม่ค่อยชอบใจนักที่เธอพูดถึงผู้ชายคนอื่นแม้จะเป็นลูกค้า
.
เราคุยกันไม่กี่คำ เธอก็ออกจากห้องไปเพื่อเตรียมอุปกรณ์ต่างๆที่ต้องใช้ตามหน้าที่ เธอกลับเข้ามาก็ประหลาดใจ ที่เห็นผมนุ่งผ้าเช็ดตัว ผมอาบน้ำเองเรียบร้อยแล้ว
“ทำไมไม่รอหนู” เธอถามผมอย่างติดตลก ผมรู้ว่านี่คือคำเธอใช้พูดกับ “ลูกค้า” 
“พี่ชอบอาบเอง” ผมตอบ แต่ในความหมายคือ ผมไม่ได้ต้องการให้เธอมาบริการผม
.
เธอวางของที่หอบเข้ามาพะรุงพะรังลง แล้วมองผม คงกำลังประเมิณว่าควรปฏิบัติกับผมยังไง เพราะเธอคงคิดว่าผมทำตัวไม่เหมือนครั้งก่อนที่เจอกัน
“เมื่อเช้าพี่ทำงานมา เหงื่อเยอะ พี่ไม่อยากนอนรอเฉยๆ เลยอาบน้ำเองเลย“ ผมบอก แล้วผมก็เอนหลังนอนลงบนเตียงทำหน้าง่วงอย่างไม่ปิดบัง
“เหนื่อยเหรอ ทานข้าวมารึยังคะ” เธอจับสังเกตุได้ว่าผมดูอ่อนเพลียขณะนั่งลงข้างเตียง พอผมเห็นว่าเธอสบายใจและสบายดี ผมก็สบายใจและเริ่มคลายกังวลลง
“ยัง เวลาพี่ทำงานจะไม่ค่อยอยากกินอะไร เสร็จงานพี่ก็มาหาเราเลย ละเราล่ะ กินอะไรรึยัง“ ผมถามเธอกลับ ตอนนั้นก็จะบ่ายสามเข้าไปแล้ว
”ยังค่ะ“
”ไม่หิวเหรอ“ ผมถามต่อ
”ไม่มีเวลากินอะค่ะ" บ่ายสามแล้วเธอยังไม่ได้ทานข้าว แปลว่างานเยอะลูกค้าเข้าจนไม่ได้ทานข้าว "พี่อยากกินผลไม้มั้ย“ เธอถาม
”กินในนี้ได้เหรอ ?“ ผมถาม
”ได้ แต่ต้องแอบค่ะ” ว่าแล้วเธอก็ลุกเดินออกจากห้องไป อึดใจนึงก็ถือถุงผลไม้กลับเข้ามาพร้อมสายตาเจ้าเล่ บอกให้รู้เป็นนัยว่า “อย่าบอกใครนะ”
ผมทานผลไม้ที่เธอเอามาให้ได้ไม่กี่คำ ก็รู้สึกมีอะไรแน่นอยู่ในอกจนไม่อยากทานอะไรอีก
"พอแล้วล่ะ" ผมบอกเธอ
“พี่อิ่มแล้วเหรอ” เธอถามผม คงคาดว่าผมจะทานได้เยอะกว่านี้
วินาทีนั้นเอง ผมดึงตัวเธอจากที่ยืนอยู่ข้างหน้าผมขึ้นมานั่งคร่อมอยู่บนตัก แย่งถุงผลไม้จากมือเธอมาวางลงข้างตัว ผมหยุดมองเธอที่ตกใจกับท่าทีของผมอยู่ครู่หนึ่ง ผมเอื้อมมืออ้อมไปประคองที่ท้ายทอยของเธอ ดึงหน้าเธอเข้ามาใกล้ เธอหลับตา ริมฝีปากปากเราสัมผัสกัน เราเหมือนคู่รักที่พลัดพรากจากกันมานานและคิดถึงกันสุดใจ ไม่มีแรงต้านทานและรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าเธอก็รู้สึกแบบเดียวกัน
“พี่… ที่นี่ไม่มีจบนะ… “ เธอพูดขึ้นด้วยเสียงที่หอบและรวยรินในตอนที่เราทั้งคู่เปลือยเปล่าและไม่มีอะไรเหลือมาขวางกั้น แต่ทุกอย่างก็สายไปเมื่อผมผลักตัวเองเข้าไปหาเธอ แม้จะพูดว่า “ไม่ได้” แต่เธอกลับไม่มีท่าทีขัดขืน กลับกันที่เราบรรเลงรักเข้าจังหวะกันอย่างดี
.
.
ผมเดินออกจากร้านมาด้วยความรู้สึกที่เอ่อล้นเกินจะทน น้ำตาไหลอาบแก้ม
เราทำอะไรผิดพลาดไปรึเปล่านะ ?
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่