อ่านย้อนหลัง Chapter 1-2 ได้ที่นี่
https://m.ppantip.com/topic/43274104?
.
.
Chapter 3 : สวยไม่สวย
“หนาว” เธอบอกผม แล้วก็ดึงเอาผ้าเช็ดตัวมาคลุมตัวขณะที่นอนหันหลังให้ผมกอดบนที่นอนหลังจากที่เราชมสวนดอกไม้กันเสร็จ คนร่างเล็กแบบน้องพีชจะขี้หนาวและมีความสามารถในการทนหนาวที่น้อยกว่าคนทั่วไปที่ตัวใหญ่กว่า ทุกครั้งที่อาบน้ำจะต้องปิดแอร์ไม่งั้นเธอจะหนาวสั่นทุกครั้งเมื่อตัวเปียก
ผมชอบมากที่เรานอนกอดกัน เธอจะชอบให้นอนกอดเธอจากด้านหลัง เหตุผลคือหันหน้าหากันแล้วมันหายใจลำบาก ลมหายใจตีกันแล้วอึดอัด แต่ถ้ากอดจากข้างหลังเธอรู้สึกอุ่น ที่สำคัญคือผมต้องเอาขาหนีบเท้าเธอไว้ เพราะเท้าเธอเย็น เรานอนตะแคงไปทางเดียวกัน แขนข้างหนึ่งของผมจะสอดไว้ใต้คอเธอ และผมจะวางแขนอีกข้างบนตัวเธอ เธอมักจะดึงมือผมไปกุมไว้ใกล้ๆ หน้าและจับมือผมไว้
.
“นอนกอดแบบนี้กับคนที่ห้องด้วยรึเปล่า” ผมกระซิบถามไปที่เรื่องส่วนตัวของเธอ เพราะลึกๆอยากที่จะรู้จักเธอให้มากขึ้น
“ไม่ค่ะ เค้าอ้วน มันร้อน เวลาเค้าค้างที่ห้องจะนอนกันคนละฟากเลย เค้าชอบทำให้หนูรำคาญ” เอาจริงๆ ผมก็ไม่รู้ว่าความจริงคืออะไร เธออาจจะโกหกเพื่อให้ผมรู้สึกดี แต่ผมก็พอใจกับคำตอบนี้ และทุกครั้งที่เอนหลังลงนอนเธอจะเรียกให้ผมกอดเธอเสมอ
.
ย้อนเวลากลับไปหนึ่งชั่วโมง ตอนที่เธอเดินออกมาต้อนรับแล้วเห็นหน้าผม เธอทำหน้าประหลาดใจ เพราะตลอดเดือนที่ผ่านมาผมจะมาหาเธอเพียงสัปดาห์ละครั้ง แต่คราวนี้ผมเพิ่งมาหาเธอเมื่อสามวันก่อนหน้าเท่านั้น
“ทำไมพี่มาไวจังคะ เพิ่งมาไม่กี่วันเอง” น้องพีชถามผมเมื่อเราอยู่กันสองต่อสองในห้อง
“ไม่รู้เหมือนกัน แต่พี่คิดถึงเรา อะไรดลใจก็ไม่รู้” ผมตอบไปตามตรงที่ผมคิดจริงๆ ผมพยายามบังคับตัวเองไม่ให้มาหาน้องพีชบ่อยกว่าสัปดาห์ละครั้ง พยายามเบรคตัวเองไม่ปล่อยตัวปล่อยใจให้ถลำลึกเกินไปจนเสียการควบคุมตัวเอง แต่ตลอดเช้าวันนี้ความคิดถึงน้องรบกวนใจผมมากอย่างบอกไม่ถูก และวันนี้ก็มีอะไรบางอย่างผิดปกติ น้องพีชดูเงียบและเครียดอย่างเห็นได้ชัด
“เราเป็นอะไรรึเปล่า ทำไมดูเครียดจัง” ผมถามเมื่อเห็นสีหน้าเธอที่อมทุกข์
“หนูอึดอัด”
เอาล่ะสิ เราทำอะไรผิดไปล่ะเนี่ย มาก็มาตามปกติ เรามาบ่อยไปเหรอ? เราทำอะไรให้น้องอึดอัดวะเนี่ย
“ทำไมเหรอ เกิดอะไรขึ้น” ผมพยายามตั้งคำถามให้เป็นกลางๆ
“เดือนที่ผ่านมา หนูย้ายมาอยู่คอนโดใกล้ๆ ที่ ‘เค้า’ หามาให้ หนูเพิ่งรู้อาทิตย์ที่แล้วว่าเค้าซื้อเลย” น้องพีชพูดเป็นชุด พร้อมน้ำตาที่รื้นขึ้นมา “หนูอึดอัด หนูไม่ได้ต้องการให้เค้าทำแบบนี้” เห็นได้ชัดว่าเธอพยายามกลั้นน้ำตาที่กำลังเอ่อล้นขึ้นมา
ผมอึ้งนิดๆ แต่ก็โล่งใจว่าสาเหตุที่น้องอึดอัดไม่ใช่เพราะเรา แต่เรื่องแบบนี้ผมคงพูดอะไรลำบาก
“หนูทำไงดีอะ ห้องเก่าหนูก็คืนเจ้าของไปแล้ว”
ผมเลยรู้สึกว่า มันคงถึงเวลาที่ผมจะทำความเข้าใจความสัมพันธ์ของเธอกับผู้ชายคนนี้ละว่ามันคืออะไร แม้ใจจะไม่อยากรับรู้ก็ตาม น้องพีชเคยเล่าว่าทีแรกเธอก็รู้สึกดีที่เค้าเข้ามาทำดีด้วย ถึงวันนี้เพิ่งเจอกันได้สามเดือน แต่สุดท้ายเธอรู้ตัวว่าไม่ได้รักเค้า แต่ดันตกลงคบกับเค้าไปแล้ว
“อ้าว ถ้าไม่ได้รัก แล้วทำไมยังคบกันอยู่” ผมถามแบบไม่เอาตัวเองเข้าไปเกี่ยวข้อง
“หนูไม่อยากอยู่คนเดียว” เธอตอบเสียงค่อยเหมือนหลุดปากออกมามากกว่าตั้งใจพูด สายตาหลบต่ำ ทำให้รู้ว่าเธอรู้สึกแบบนี้จริงๆ และเป็นเรื่องที่มีผลต่อจิตใจเธอ เธอกลัวการอยู่คนเดียว
ผมเห็นภาพและเข้าใจ เด็กสาวอายุ 20 มาไกลจากตจว. พยายามหาเงินขณะที่ยังไม่โตเป็นผู้ใหญ่แบบนี้ ทักษะชีวิตอะไรก็ยังไม่ค่อยมี แล้วก็ต้องมาติดกับดักแบบนี้
“สองวันมานี้เค้าพยายามมีอะไรกับหนู แต่หนูไม่ยอม เลยทะเลาะกัน หนูเลยแต่ขู่ว่าถ้าจะบังคับกันจะไม่อยู่ด้วย เค้าถึงตึงตังกลับบ้านไป” น้องพีชเล่าต่อ
ผมคิดตามแล้วก็คิดว่า อย่างน้อยแม้ผู้ชายคนนี้จะพยายามใช้เงินเปย์ แต่เค้าก็ไม่บังคับขืนใจกัน ก็ยังนับว่ามีความดี แต่การที่เค้าทุ่มซื้อคอนโดห้องเป็นล้านให้ผู้หญิงที่เพิ่งเจอกันได้ไม่กี่เดือน และพูดว่าชีวิตนี้จะขอหยุดที่คนนี้ มันดูไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไหร่ น้องเพิ่งจะ 20 ชีวิตยังมีอะไรที่ต้องเรียนรู้และเติบโตอีกมาก ผมสงสัยด้วยซ้ำว่าผู้ชายคนนี้อาจจะมีภรรยาแล้ว แต่เอาเถอะ มันเงินเค้า ชีวิตเค้า ไม่ได้เกี่ยวกับผม เค้าจะทำอะไรมันก็เรื่องของเค้า ผมเลยโฟกัสความคิดไปที่น้องพีช ว่าทำยังไงให้น้องสบายใจขึ้น
.
“กล้าออกมาอยู่คนเดียวมั้ยล่ะ” ผมถามน้องไป น้องเงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนตอบ
“ชีวิตนี้หนูไม่เคยอยู่คนเดียวเลย ตอนอยู่บ้านก็อยู่กับพ่อแม่” เธอเล่า
ผมอธิบายให้เธอว่าความสามารถในการที่เราจะอยู่กับตัวเราเองให้เป็นเป็นสิ่งสำคัญ เพราะถ้าเราอยู่กับตัวเองไม่เป็น จัดการความอ้างว้างไม่เป็น มีความสุขด้วยตัวเองไม่ได้ เราจะมีชีวิตที่ต้องคอยพึ่งพาและพิงคนอื่นตลอดเวลา และมันจะกลายเป็นข้อจำกัดข้อใหญ่ในการที่เราจะมีชีวิตเป็นของตัวเอง
“ก่อนย้ายมาห้องนี้ หนูเคยอยู่คนเดียว หนูเหงา เวลาไปไหนก็ไม่รู้จะคุยกับใคร มันไม่โอเคเลย” เธอพูดด้วยอารมณ์ที่ถูกรุมเร้าด้วยความกลัวและกังวล เพราะทางหนึ่งก็อึดอัดไม่ได้ต้องการให้เป็นแบบนี้ แต่อีกทางหนึ่งก็ต้องเผชิญกับสภาวะที่เหงาและเปล่าเปลี่ยวไม่คุ้นเคย แต่แม้ผมจะสอนเธอว่าเธอควรอยู่ด้วยตัวเองให้เป็น สุดท้ายแล้วผมก็ปล่อยปลายเปิดให้เธอเลือกเอง เพราะไม่อยากไปเพิ่มแรงกดดันหรือตีกรอบให้เธออึดอัดมากไปกว่านี้ ลึกๆแล้วผมก็รู้ตัวแหละ ว่าผมก็อยากให้เธอออกมาจากตรงนั้น ผมลูบผมเธอขณะที่นอนเคียงข้างกัน ประทับริมฝีปากลงที่หน้าผาก
“ไม่เป็นไรนะ อย่างน้อยเค้าก็ไม่ได้ทำอะไรไม่ดีกับเราเกินไป” ผมปลอบเธอ เบนเรื่องราวออกมาจากสิ่งที่ทำให้เธอเครียดและพยายามทำให้เธอรู้สึกปลอดภัย
“พี่ขอเบอร์เราได้มั้ย” ผมเอ่ยปากขึ้น ผมไม่มีความคิดจะขอคอนแทคอื่นจากเธอ ไม่ว่าจะเป็นไลน์ หรือเฟสบุ้ค
น้องพีชตกใจ และปฏิเสธออกมา “พี่จะเอาไปทำไม ไม่ค่ะ!” น้ำเสียงเธอเปลี่ยน อารมณ์ก็เปลี่ยน แต่กลับฟังดูสดใสขึ้น ร้านแนวนี้ทุกร้านจะมีกฎเหล็กอีกข้อ คือห้ามไม่ให้น้องให้เบอร์ส่วนตัวหรือช่องทางติดต่อใดๆ กับลูกค้า
เธอนอนนิ่งอยู่พักนึง จริงๆ ผมขอเบอร์เธอไป แม้จะตั้งใจขอจริงๆ ส่วนนึงคือดึงเธอออกจากความคิดที่วิ่งวนกับเรื่องที่ทำให้เธออึดอัด ซึ่งเหมือนจะได้ผล เพราะเธอเปลี่ยนเรื่องมาสนใจที่ผมขอเบอร์โทรศัพท์เธอแทน ผมยิ้มและหัวเราะเบาๆ ในคอกับคำปฏิเสธของเธอ ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้หรือไม่ได้แต่แรก สักครู่หนึ่ง เธอลุกจากเตียง ไปหยิบเสื้อของผมที่แขวนอยู่มาใส่ แล้วเดินออกจากห้องไปหลังจากบอกว่า “เดี๋ยวหนูมา” อึดใจหนึ่งเธอเดินกลับเข้ามาแล้วถอดเสื้อออก โชว์ให้เป็นหมายเลข 10 หลักที่ถูกเขียนด้วยปากกาอายไลเนอร์ที่ท้องแขน
.
‘จบไม่เคยสวย’ คือคำเตือนที่ทุกคนจะถูกเตือนเมื่อพูดถึงการคบกับลูกค้า สถานที่เที่ยวแบบนี้มันไม่แปลกถ้าคนที่มามีซัมติงกันแล้วจะเกิดติดอกติดใจกัน และอยากจะพัฒนาความสัมพันธ์ ซึ่งผมก็รู้อยู่แล้ว ตัวผมเองนี่แหละที่มักตั้งคำถามกับกฎเกณฑ์ประเภทนี้ว่ามันจะเป็นแบบนั้นเสมอไป 100% ขนาดนั้นเลยเหรอ ในขณะที่ผมไม่ปิดบังสถานะที่ผมมีกับน้อง และน้องเองก็เปิดเผยกับผม ไม่ได้หลอกกันหรือคิดจะเอาเปรียบกัน ความไคร่รู้นี้ทำให้ผมขอเบอร์โทรศัพท์กับน้อง
.
ตลอดชีวิตผมไม่เคยคิดจะมีปฏิสัมพันธ์กับคนในแวดวงนี้ เพราะไม่เคยรู้สึกประทับใจและไม่เคยได้รับความจริงใจจากใครมาก่อน เมื่อไม่เคยมีใครให้ค่าเราจริงๆ ผมจึงเฉย แต่กับน้องพีชเป็นอะไรที่ต่างออกไป ท่าทีของน้องทำให้ผมลิงโลด
“ทำไมยอมให้เบอร์พี่ล่ะ” ผมกระซิบถาม เพราะกลัวเสียงจะเล็ดรอดออกไปให้ใครได้ยิน
“หนูอยากรู้จักพี่มากขึ้น” ผมไม่ค่อยเข้าใจคำตอบนี้สักเท่าไหร่ บางทีผมก็เถรตรงจนบางทีก็มองหรือตีความอะไรไม่ออก ผมก็คิดว่าน้องเพียงอยากรู้จักเราจริงๆ สาเหตุที่ให้เบอร์คงรู้สึกปลอดภัยเมื่ออยู่กับเราแค่นั้น ผมกดบันทึกเบอร์โทรศัพท์ของน้องพีชไว้ในเครื่องโดยยังไม่กดโทรหาน้อง
.
ผมรู้สึกได้ว่าวันนี้ผมกลับออกมาด้วยความรู้สึกที่ได้ข้ามเขตแดนอะไรบางอย่างที่ผมขีดเส้นเอาไว้ ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมพยายามปักจุดยืนให้ตัวเองเป็นแค่ลูกค้าคนหนึ่งที่หลายๆวันมาเจอน้องสักทีแค่นั้น แต่สิ่งที่มันเติบโตขึ้นจนผมทนไม่ค่อยจะได้ คือความรู้สึกเป็นห่วง จากสิ่งต่างๆที่เธอเล่าให้ผมฟัง ทำให้ผมรู้ว่าเธอยังดูแลตัวเองไม่ค่อยได้ โดยเฉพาะการจัดการความเครียด ซึ่งไม่แปลกที่เด็กอายุเพียงเท่านี้ อยู่ไกลจากพ่อแม่หรือผู้ปกครอง แล้วเหมือนเจอความสัมพันธ์ที่ไม่ได้เป็นอย่างที่ต้องการ ไหนยังจะการทำงาน มันทำให้ผมคิดว่า การมีผมอยู่ในชีวิตน่าจะทำให้เธอมีความสุขและสบายใจขึ้นมาได้บ้าง
ประสบการณ์ตรงคบกับเด็กร้านนวด Chapter 3 : สวยไม่สวย
https://m.ppantip.com/topic/43274104?
.
.
Chapter 3 : สวยไม่สวย
“หนาว” เธอบอกผม แล้วก็ดึงเอาผ้าเช็ดตัวมาคลุมตัวขณะที่นอนหันหลังให้ผมกอดบนที่นอนหลังจากที่เราชมสวนดอกไม้กันเสร็จ คนร่างเล็กแบบน้องพีชจะขี้หนาวและมีความสามารถในการทนหนาวที่น้อยกว่าคนทั่วไปที่ตัวใหญ่กว่า ทุกครั้งที่อาบน้ำจะต้องปิดแอร์ไม่งั้นเธอจะหนาวสั่นทุกครั้งเมื่อตัวเปียก
ผมชอบมากที่เรานอนกอดกัน เธอจะชอบให้นอนกอดเธอจากด้านหลัง เหตุผลคือหันหน้าหากันแล้วมันหายใจลำบาก ลมหายใจตีกันแล้วอึดอัด แต่ถ้ากอดจากข้างหลังเธอรู้สึกอุ่น ที่สำคัญคือผมต้องเอาขาหนีบเท้าเธอไว้ เพราะเท้าเธอเย็น เรานอนตะแคงไปทางเดียวกัน แขนข้างหนึ่งของผมจะสอดไว้ใต้คอเธอ และผมจะวางแขนอีกข้างบนตัวเธอ เธอมักจะดึงมือผมไปกุมไว้ใกล้ๆ หน้าและจับมือผมไว้
.
“นอนกอดแบบนี้กับคนที่ห้องด้วยรึเปล่า” ผมกระซิบถามไปที่เรื่องส่วนตัวของเธอ เพราะลึกๆอยากที่จะรู้จักเธอให้มากขึ้น
“ไม่ค่ะ เค้าอ้วน มันร้อน เวลาเค้าค้างที่ห้องจะนอนกันคนละฟากเลย เค้าชอบทำให้หนูรำคาญ” เอาจริงๆ ผมก็ไม่รู้ว่าความจริงคืออะไร เธออาจจะโกหกเพื่อให้ผมรู้สึกดี แต่ผมก็พอใจกับคำตอบนี้ และทุกครั้งที่เอนหลังลงนอนเธอจะเรียกให้ผมกอดเธอเสมอ
.
ย้อนเวลากลับไปหนึ่งชั่วโมง ตอนที่เธอเดินออกมาต้อนรับแล้วเห็นหน้าผม เธอทำหน้าประหลาดใจ เพราะตลอดเดือนที่ผ่านมาผมจะมาหาเธอเพียงสัปดาห์ละครั้ง แต่คราวนี้ผมเพิ่งมาหาเธอเมื่อสามวันก่อนหน้าเท่านั้น
“ทำไมพี่มาไวจังคะ เพิ่งมาไม่กี่วันเอง” น้องพีชถามผมเมื่อเราอยู่กันสองต่อสองในห้อง
“ไม่รู้เหมือนกัน แต่พี่คิดถึงเรา อะไรดลใจก็ไม่รู้” ผมตอบไปตามตรงที่ผมคิดจริงๆ ผมพยายามบังคับตัวเองไม่ให้มาหาน้องพีชบ่อยกว่าสัปดาห์ละครั้ง พยายามเบรคตัวเองไม่ปล่อยตัวปล่อยใจให้ถลำลึกเกินไปจนเสียการควบคุมตัวเอง แต่ตลอดเช้าวันนี้ความคิดถึงน้องรบกวนใจผมมากอย่างบอกไม่ถูก และวันนี้ก็มีอะไรบางอย่างผิดปกติ น้องพีชดูเงียบและเครียดอย่างเห็นได้ชัด
“เราเป็นอะไรรึเปล่า ทำไมดูเครียดจัง” ผมถามเมื่อเห็นสีหน้าเธอที่อมทุกข์
“หนูอึดอัด”
เอาล่ะสิ เราทำอะไรผิดไปล่ะเนี่ย มาก็มาตามปกติ เรามาบ่อยไปเหรอ? เราทำอะไรให้น้องอึดอัดวะเนี่ย
“ทำไมเหรอ เกิดอะไรขึ้น” ผมพยายามตั้งคำถามให้เป็นกลางๆ
“เดือนที่ผ่านมา หนูย้ายมาอยู่คอนโดใกล้ๆ ที่ ‘เค้า’ หามาให้ หนูเพิ่งรู้อาทิตย์ที่แล้วว่าเค้าซื้อเลย” น้องพีชพูดเป็นชุด พร้อมน้ำตาที่รื้นขึ้นมา “หนูอึดอัด หนูไม่ได้ต้องการให้เค้าทำแบบนี้” เห็นได้ชัดว่าเธอพยายามกลั้นน้ำตาที่กำลังเอ่อล้นขึ้นมา
ผมอึ้งนิดๆ แต่ก็โล่งใจว่าสาเหตุที่น้องอึดอัดไม่ใช่เพราะเรา แต่เรื่องแบบนี้ผมคงพูดอะไรลำบาก
“หนูทำไงดีอะ ห้องเก่าหนูก็คืนเจ้าของไปแล้ว”
ผมเลยรู้สึกว่า มันคงถึงเวลาที่ผมจะทำความเข้าใจความสัมพันธ์ของเธอกับผู้ชายคนนี้ละว่ามันคืออะไร แม้ใจจะไม่อยากรับรู้ก็ตาม น้องพีชเคยเล่าว่าทีแรกเธอก็รู้สึกดีที่เค้าเข้ามาทำดีด้วย ถึงวันนี้เพิ่งเจอกันได้สามเดือน แต่สุดท้ายเธอรู้ตัวว่าไม่ได้รักเค้า แต่ดันตกลงคบกับเค้าไปแล้ว
“อ้าว ถ้าไม่ได้รัก แล้วทำไมยังคบกันอยู่” ผมถามแบบไม่เอาตัวเองเข้าไปเกี่ยวข้อง
“หนูไม่อยากอยู่คนเดียว” เธอตอบเสียงค่อยเหมือนหลุดปากออกมามากกว่าตั้งใจพูด สายตาหลบต่ำ ทำให้รู้ว่าเธอรู้สึกแบบนี้จริงๆ และเป็นเรื่องที่มีผลต่อจิตใจเธอ เธอกลัวการอยู่คนเดียว
ผมเห็นภาพและเข้าใจ เด็กสาวอายุ 20 มาไกลจากตจว. พยายามหาเงินขณะที่ยังไม่โตเป็นผู้ใหญ่แบบนี้ ทักษะชีวิตอะไรก็ยังไม่ค่อยมี แล้วก็ต้องมาติดกับดักแบบนี้
“สองวันมานี้เค้าพยายามมีอะไรกับหนู แต่หนูไม่ยอม เลยทะเลาะกัน หนูเลยแต่ขู่ว่าถ้าจะบังคับกันจะไม่อยู่ด้วย เค้าถึงตึงตังกลับบ้านไป” น้องพีชเล่าต่อ
ผมคิดตามแล้วก็คิดว่า อย่างน้อยแม้ผู้ชายคนนี้จะพยายามใช้เงินเปย์ แต่เค้าก็ไม่บังคับขืนใจกัน ก็ยังนับว่ามีความดี แต่การที่เค้าทุ่มซื้อคอนโดห้องเป็นล้านให้ผู้หญิงที่เพิ่งเจอกันได้ไม่กี่เดือน และพูดว่าชีวิตนี้จะขอหยุดที่คนนี้ มันดูไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไหร่ น้องเพิ่งจะ 20 ชีวิตยังมีอะไรที่ต้องเรียนรู้และเติบโตอีกมาก ผมสงสัยด้วยซ้ำว่าผู้ชายคนนี้อาจจะมีภรรยาแล้ว แต่เอาเถอะ มันเงินเค้า ชีวิตเค้า ไม่ได้เกี่ยวกับผม เค้าจะทำอะไรมันก็เรื่องของเค้า ผมเลยโฟกัสความคิดไปที่น้องพีช ว่าทำยังไงให้น้องสบายใจขึ้น
.
“กล้าออกมาอยู่คนเดียวมั้ยล่ะ” ผมถามน้องไป น้องเงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนตอบ
“ชีวิตนี้หนูไม่เคยอยู่คนเดียวเลย ตอนอยู่บ้านก็อยู่กับพ่อแม่” เธอเล่า
ผมอธิบายให้เธอว่าความสามารถในการที่เราจะอยู่กับตัวเราเองให้เป็นเป็นสิ่งสำคัญ เพราะถ้าเราอยู่กับตัวเองไม่เป็น จัดการความอ้างว้างไม่เป็น มีความสุขด้วยตัวเองไม่ได้ เราจะมีชีวิตที่ต้องคอยพึ่งพาและพิงคนอื่นตลอดเวลา และมันจะกลายเป็นข้อจำกัดข้อใหญ่ในการที่เราจะมีชีวิตเป็นของตัวเอง
“ก่อนย้ายมาห้องนี้ หนูเคยอยู่คนเดียว หนูเหงา เวลาไปไหนก็ไม่รู้จะคุยกับใคร มันไม่โอเคเลย” เธอพูดด้วยอารมณ์ที่ถูกรุมเร้าด้วยความกลัวและกังวล เพราะทางหนึ่งก็อึดอัดไม่ได้ต้องการให้เป็นแบบนี้ แต่อีกทางหนึ่งก็ต้องเผชิญกับสภาวะที่เหงาและเปล่าเปลี่ยวไม่คุ้นเคย แต่แม้ผมจะสอนเธอว่าเธอควรอยู่ด้วยตัวเองให้เป็น สุดท้ายแล้วผมก็ปล่อยปลายเปิดให้เธอเลือกเอง เพราะไม่อยากไปเพิ่มแรงกดดันหรือตีกรอบให้เธออึดอัดมากไปกว่านี้ ลึกๆแล้วผมก็รู้ตัวแหละ ว่าผมก็อยากให้เธอออกมาจากตรงนั้น ผมลูบผมเธอขณะที่นอนเคียงข้างกัน ประทับริมฝีปากลงที่หน้าผาก
“ไม่เป็นไรนะ อย่างน้อยเค้าก็ไม่ได้ทำอะไรไม่ดีกับเราเกินไป” ผมปลอบเธอ เบนเรื่องราวออกมาจากสิ่งที่ทำให้เธอเครียดและพยายามทำให้เธอรู้สึกปลอดภัย
“พี่ขอเบอร์เราได้มั้ย” ผมเอ่ยปากขึ้น ผมไม่มีความคิดจะขอคอนแทคอื่นจากเธอ ไม่ว่าจะเป็นไลน์ หรือเฟสบุ้ค
น้องพีชตกใจ และปฏิเสธออกมา “พี่จะเอาไปทำไม ไม่ค่ะ!” น้ำเสียงเธอเปลี่ยน อารมณ์ก็เปลี่ยน แต่กลับฟังดูสดใสขึ้น ร้านแนวนี้ทุกร้านจะมีกฎเหล็กอีกข้อ คือห้ามไม่ให้น้องให้เบอร์ส่วนตัวหรือช่องทางติดต่อใดๆ กับลูกค้า
เธอนอนนิ่งอยู่พักนึง จริงๆ ผมขอเบอร์เธอไป แม้จะตั้งใจขอจริงๆ ส่วนนึงคือดึงเธอออกจากความคิดที่วิ่งวนกับเรื่องที่ทำให้เธออึดอัด ซึ่งเหมือนจะได้ผล เพราะเธอเปลี่ยนเรื่องมาสนใจที่ผมขอเบอร์โทรศัพท์เธอแทน ผมยิ้มและหัวเราะเบาๆ ในคอกับคำปฏิเสธของเธอ ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้หรือไม่ได้แต่แรก สักครู่หนึ่ง เธอลุกจากเตียง ไปหยิบเสื้อของผมที่แขวนอยู่มาใส่ แล้วเดินออกจากห้องไปหลังจากบอกว่า “เดี๋ยวหนูมา” อึดใจหนึ่งเธอเดินกลับเข้ามาแล้วถอดเสื้อออก โชว์ให้เป็นหมายเลข 10 หลักที่ถูกเขียนด้วยปากกาอายไลเนอร์ที่ท้องแขน
.
‘จบไม่เคยสวย’ คือคำเตือนที่ทุกคนจะถูกเตือนเมื่อพูดถึงการคบกับลูกค้า สถานที่เที่ยวแบบนี้มันไม่แปลกถ้าคนที่มามีซัมติงกันแล้วจะเกิดติดอกติดใจกัน และอยากจะพัฒนาความสัมพันธ์ ซึ่งผมก็รู้อยู่แล้ว ตัวผมเองนี่แหละที่มักตั้งคำถามกับกฎเกณฑ์ประเภทนี้ว่ามันจะเป็นแบบนั้นเสมอไป 100% ขนาดนั้นเลยเหรอ ในขณะที่ผมไม่ปิดบังสถานะที่ผมมีกับน้อง และน้องเองก็เปิดเผยกับผม ไม่ได้หลอกกันหรือคิดจะเอาเปรียบกัน ความไคร่รู้นี้ทำให้ผมขอเบอร์โทรศัพท์กับน้อง
.
ตลอดชีวิตผมไม่เคยคิดจะมีปฏิสัมพันธ์กับคนในแวดวงนี้ เพราะไม่เคยรู้สึกประทับใจและไม่เคยได้รับความจริงใจจากใครมาก่อน เมื่อไม่เคยมีใครให้ค่าเราจริงๆ ผมจึงเฉย แต่กับน้องพีชเป็นอะไรที่ต่างออกไป ท่าทีของน้องทำให้ผมลิงโลด
“ทำไมยอมให้เบอร์พี่ล่ะ” ผมกระซิบถาม เพราะกลัวเสียงจะเล็ดรอดออกไปให้ใครได้ยิน
“หนูอยากรู้จักพี่มากขึ้น” ผมไม่ค่อยเข้าใจคำตอบนี้สักเท่าไหร่ บางทีผมก็เถรตรงจนบางทีก็มองหรือตีความอะไรไม่ออก ผมก็คิดว่าน้องเพียงอยากรู้จักเราจริงๆ สาเหตุที่ให้เบอร์คงรู้สึกปลอดภัยเมื่ออยู่กับเราแค่นั้น ผมกดบันทึกเบอร์โทรศัพท์ของน้องพีชไว้ในเครื่องโดยยังไม่กดโทรหาน้อง
.
ผมรู้สึกได้ว่าวันนี้ผมกลับออกมาด้วยความรู้สึกที่ได้ข้ามเขตแดนอะไรบางอย่างที่ผมขีดเส้นเอาไว้ ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมพยายามปักจุดยืนให้ตัวเองเป็นแค่ลูกค้าคนหนึ่งที่หลายๆวันมาเจอน้องสักทีแค่นั้น แต่สิ่งที่มันเติบโตขึ้นจนผมทนไม่ค่อยจะได้ คือความรู้สึกเป็นห่วง จากสิ่งต่างๆที่เธอเล่าให้ผมฟัง ทำให้ผมรู้ว่าเธอยังดูแลตัวเองไม่ค่อยได้ โดยเฉพาะการจัดการความเครียด ซึ่งไม่แปลกที่เด็กอายุเพียงเท่านี้ อยู่ไกลจากพ่อแม่หรือผู้ปกครอง แล้วเหมือนเจอความสัมพันธ์ที่ไม่ได้เป็นอย่างที่ต้องการ ไหนยังจะการทำงาน มันทำให้ผมคิดว่า การมีผมอยู่ในชีวิตน่าจะทำให้เธอมีความสุขและสบายใจขึ้นมาได้บ้าง