ประสบการณ์ตรงคบกับเด็กร้านนวด Chapter 7 : turning point

อ่านย้อนหลัง Ch 1-2
https://ppantip.com/topic/43274104
อ่านย้อนหลัง Ch 3-4
https://ppantip.com/topic/43275062
อ่านย้อนหลัง Ch 5
https://ppantip.com/topic/43276252
อ่านย้อนหลัง Ch 6
https://ppantip.com/topic/43277958

Chapter 7 : turning point
เราจะไม่ได้เจอหน้ากันหลายวันเพราะผมต้องกลับบ้านที่ต่างจังหวัด ผมจึงพยายามหาโอกาสมาหาน้องบ่อยขึ้นก่อนไป
“หนูรู้สึกแปลกๆ ไม่สบาย” พีชบอกผม
“ไหนเป็นอะไร” ผมลูบผมเธอขณะนั่งอยู่ข้างๆ ในร้าน
“ไม่รู้เหมือนกัน แต่ปวดหัว ปวดตัว กดไปตรงไหนก็ปวด เมนส์ยังไม่มาด้วย คล้ายๆ จะเป็นเมนส์ แต่มันแปลก“
ก่อนเจอผมเธอเพิ่งไปหาหมอมา เธอบอกว่าเธอรู้สึกแปลกๆ แบบนี้มาหลายวัน แต่หมอยังหาสาเหตุที่แน่ชัดไม่ได้ หมอคาดว่าเธอติดเชื้ออะไรบางอย่าง
”ท้องรึเปล่า“ ผมถามเธอเรียบๆ ทั้งที่รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นเพราะผม
”พี่จะบ้าเหรอ ถ้าท้องหมอก็บอกแล้ว… แต่ก็ไม่แน่“
”อะไรนะ“ ผมคว้าท้ายทอยเธอมาใกล้หน้าผมเหมือนแกล้งจะจูบเธอ
”หนูล้อเล่น“ เธอหัวเราะออกมา ซึ่งผมรู้อยู่แล้ว ”แต่ช่วงนี้ ให้หนูได้พักก่อนนะคะ“
น้องพีชทำงานที่นี่ได้ราวครึ่งปี แรกๆเธอไม่รู้ว่าความพอดีอยู่ตรงไหน และควรให้หรือไม่ให้ลูกค้าทำอะไรบ้าง เธอจึงปล่อยให้ลูกค้าทำทุกอย่าง ยกเว้นมีอะไรกัน นั่นทำให้เธอมีลูกค้าติดเธอมากมายเพราะคำชมว่า ”ไม่หวงตัว“ คำๆ นี้ทำให้มีผู้ชายหลั่งไหลมาหาเธอจนขึ้นเป็นดาวของร้าน (ขายดี) แต่มันก็ทำให้เธอแทบไม่มีเวลาพัก ทานข้าวไม่เป็นเวลา ร่างกายบอบช้ำมากขึ้นเรื่อยๆ และเสี่ยงกับการรับเชื้อจากมือและน้ำลายลูกค้าที่อยากจะลงไปละเลงกับดอกไม้ของเธอ และตอนนี้มันได้กลายเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้เธอเครียดมากขึ้น เพราะอาการปวดตัวของเธอดูเหมือนจะมีที่มาจากการทำงานของเธอ และผมอาจจะมีส่วนด้วย
.
เธอมักเล่าเรื่องตอนทำงานให้ผมฟังเสมอ โดยเฉพาะพฤติกรรมลูกค้าที่เธอไม่ชอบ เช่นพวกที่ขอเล่นลิ้นกับดอกไม้เธอและตื้อจะทำแม้เธอจะปฏิเสธ หลายเดือนแรกที่เธอทำงานเธอไม่กล้าปฏิเสธลูกค้า เธอก็ได้แต่ทน หลายคนเป็นลูกค้าประจำเพราะทำแบบนี้กับเธอได้ บางคนใช้นิ้วไม่ระวังจนทำให้เธอเจ็บไปหลายวัน อีกอย่างที่ทำให้เธอเสี่ยงคือเธอล้างดอกไม้ด้วยสบู่เฉพาะจุดทุกครั้ง ผมเตือนเธอว่ามันจะเสี่ยงติดเชื้อง่ายกว่าเดิมถ้าใช้มันบ่อยเกินไป แต่เธอบอกผมว่าเธอขยะแขยงลูกค้า มันทำให้เธออยากล้างตัวเองให้สะอาดตลอดเวลา แต่ทำยังไงความรู้สึกนี้ก็ไม่หาย จนหลังๆ ชาชินไปแล้ว แต่ยังคงใช้สบู่เฉพาะจุดล้างทุกครั้งที่ทำงานเสร็จในแต่ละรอบ
.
ความคิดว่าเราอาจจะมีส่วนที่ทำให้เธอไม่สบายนี้ทำผมน้ำตาซึม เพราะไม่คิดว่าเราจะไปมีส่วนสร้างความทุกข์ให้เธอ พีชยังคงอ่อนเพลียจากการนอนไม่พอเพราะฝันและหลับไม่สนิท และยังเกิดความผิดปกตินี้อีก ผมไม่รู้จะช่วยเธอยังไง นอกจากปล่อยให้เธอได้พัก และไม่เพิ่มความเครียดให้เธอ
.
วันนี้เป็นครั้งแรก ที่เห็นเธออ่อนเพลียและเครียดมากขนาดนี้ ผมจึงลงเวลาอยู่กับเธอสองรอบติดกัน (3 ชั่วโมง) หวังให้เธอได้พักและผ่อนคลายลงบ้าง
.
อีกสิ่งที่เธอบ่นบ่อยๆ คือเธอเมื่อยไหล่/หลังมาก ยืดหรือออกกำลังกายยังไงก็ไม่หาย วันนี้ผมจึงเสนอตัวจะนวดหลังให้เธอในเมื่อเรามีเวลาด้วยกันสามชั่วโมงเต็ม
“ใช้โลชั่นหนูดีกว่า” น้องพีชพูดขึ้นเมื่อเห็นผมเอื้อมมือไปจะหยิบขวดเจลหล่อลื่นของร้าน “เจลของร้านมันล้างออกยาก” ผมจึงหันไปหยิบโลชั่นจากกระบะของใช้ส่วนตัวที่เธอยกเข้ามาแทน กดโลชั่นลงบนแผ่นหลังเธอแล้วเริ่มนวด
การนวดด้วยโลชั่นจะต่างจากการใช้เจล/น้ำมัน ตรงที่มันจะซึมเร็วและไม่นานมันก็จะแห้ง ผมหยิบขวดน้ำดื่มค่อยๆ หยดน้ำลงบนหลังเธอที่เคลือบไปด้วยโลชั่นที่เริ่มแห้ง
“พี่รู้ว่าต้องใช้น้ำด้วยเหรอ” น้องเอี้ยวตัวมาถามถามอย่างประหลาดใจ
“ลืมไปละเหรอว่าพี่เรียนนวดมา” ผมตอบยิ้มๆ ผมนวดให้น้องอยู่ราว 30 นาที เธอพูดขึ้นมาหลายครั้ง ว่าพอแล้วก็ได้ เดี๋ยวผมเมื่อย แต่ผมไม่พูดอะไรนอกจากตอบไปว่าไม่เมื่อย
.
พอนวดให้เธอเสร็จ ผมคิดว่าควรปล่อยให้เธอพักผ่อน ผมเอื้อมไปหยิบถุงกระดาษที่ใส่ของที่เตรียมมา ดึงผ้าห่มสีเหลืองลายการ์ตูนที่ผมไปเดินหาซื้อมาเมื่อวันก่อน และแวะซักแห้งก่อนเข้ามาเจอน้องวันนี้ เป็นผ้าห่มขนาด 3.5 ฟุตทำจากผ้านาโน ผมจัดแจงห่มผ้าให้เธอแทนผ้าเช็ดตัว
“อุ่นมั้ย” ผมเอนตัวลงไปกระซิบถามที่ข้างหูเธอจากข้างหลังขณะเธอตะแคงตัวหันหลังให้ผม เธอพยักหน้าโดยไม่ลืมตาขึ้นมาดู เธอคงเพลียมากจริงๆ และคงกำลังเคลิ้มจากที่ผมนวดให้ ผมปล่อยให้เธอนอนโดยผมนอนกอดเธอจากข้างหลังเหมือนเคย ผมสงสัยว่าความสัมพันธ์เรามันจะดำเนินแบบนี้ไปได้ถึงเมื่อไหร่กันนะ
.
สิ่งหนึ่งที่เป็นความอึดอัดที่เริ่มก่อตัวในใจผมขึ้นมาทีละนิด คือผมเริ่มมีความรู้สึกอยากที่จะได้รับอะไรเป็นชิ้นเป็นอันจากเธอบ้าง จริงๆก็ไม่ได้ถึงกับคาดหวังว่าเธอจะให้อะไรผมมากมาย เพราะผมรู้ตัวว่าเป็นตัวผมเองที่ชอบหานั่นนี่ติดไม้ติดมือมาให้เธอบ่อยๆ โดยที่เธอไม่ได้เรียกร้อง ไปไหนเจออะไร พอนึกว่าน้องน่าจะได้ใช้ประโยชน์ น้องน่าจะชอบ ผมก็ไม่ลังเลที่จะเอาติดมือมาให้เธอ แค่นึกว่าเธอคงชอบเท่านั้นเอง แต่ตลอดเวลาที่เราคบกัน ผมไม่เคยได้ของขวัญหรือของฝากจากเธอเลย ผมฟุ้งซ่านว่าเวลาที่เราไม่ได้เจอกันว่าเธอนึกถึงผมบ้างมั้ย ขณะที่ผมนึกถึงเธออยู่เกือบตลอดเวลา ผมคาดหวังมากไปรึเปล่า ? หรือเธอดูแลความรู้สึกของคนอื่นไม่เป็น ? หรือมันคือนิสัย ?
.
ผมปล่อยความคิดวนเวียน สลับกับเคลิ้มหลับเป็นพักๆ พีชจะมีอาการแขนกระตุกอยู่บ่อยๆ แปลว่าเธอมีความเครียดความกังวลรบกวนอยู่จริงๆ
.
“เป็นไง โอเคมั้ย” ผมปลุกน้องพีชขึ้นมา เมื่อเวลาเราเหลือไม่ถึง 20 นาที
“ค่ะ” เธอตอบขณะที่ยังงัวเงียอยู่เล็กน้อย “พี่รู้สึกมั้ยว่าหนูนอนกระตุก” เธอถามผม
ผมพยักหน้าแล้วผมอ้าแขนออกเป็นสัญญาณว่าอยากให้เธอเข้ามากอด แต่เธอนั่งนิ่ง
”เป็นอะไรรึเปล่า“ ผมลดแขนลงถามเธอด้วยความเป็นห่วงปนความกังวลที่พุ่งสูงขึ้น
”เปล่าค่ะ“ เธอตอบ แล้วจึงขยับเข้ามาให้ผมกอด แต่เป็นการกอดที่ผมกอดเธออยู่ฝ่ายเดียว ผมรู้ละว่ามีอะไรบางอย่างเปลี่ยนไป ผมคลายวงแขนที่กอดเธอลงโดยไม่พูดอะไร รอให้เธอเป็นคนพูดออกมาเอง แต่เธอก็นิ่งเงียบ สายตาดูเหม่อลอย ถ้าผมไม่เริ่มก็คงไม่ได้คุยกัน
“มีอะไรรึเปล่า ไหนบอกพี่สิคะ” ผมถามเธอ ในอึดใจนั้นผมบอกตัวเองว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เธอจะรู้สึกอะไร หรือเปลี่ยนแปลงไปยังไง นั่นไม่เป็นไร
“หนู… รู้สึกว่ามันลดลง” เธอพูดออกมาอย่างยากลำบาก ผมพยักหน้า ประคองแขนให้เธอนั่งลงข้างเตียงด้วยกัน “ตอนนี้มันรู้สึกกับพี่ เหมือนแค่พี่น้อง”
ใจผมวูบหล่นหาย ไม่นึกว่าสิ่งที่ผมนอนคิดเมื่อกี้นั้น คำตอบจะมาเร็วขนาดนี้
“พี่เสียใจมั้ย” เธอถามผม
“พี่ไม่เป็นไรหรอก” ผมไม่ตอบคำถามเธอตรงๆ “แต่พี่ขอบคุณนะที่บอกพี่ตรงๆ”
ที่ผ่านมาตลอดทุกความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้น มีแต่เพื่อนแซวผมว่าทุกคนที่ผมคบนั้นคลั่งรักผมทุกคน ทำให้ผมค่อนข้างเชื่อว่าตัวเองนั้นเป็นคู่รักที่ดี และมั่นใจในความทุ่มเทที่ผมมี ผมสงสัยว่าผมผิดพลาดหรือบกพร่องตรงไหนไปรึเปล่า หรือนี่มันคือสิ่งที่เธอเป็น ที่ว่ารู้สึกดี แต่ไม่นานมันก็ลดลง
“พี่อย่าคิดมากเลยนะ มันเป็นที่หนูเองนี่แหละ” พีชพูดเมื่อเห็นผมนิ่งไปและเหมือนดิ่งลงไปในความคิด “แบบที่หนูเคยบอกพี่ หนูรู้สึกดีนะ แต่มันก็ลดลง หนูขอโทษ“
”ไม่ต้องขอโทษหรอก ความรู้สึกมันบังคับกันไม่ได้นี่“ ผมพูดตามที่คิด พยายามสู้กับความรู้สึกที่กำลังหมุนวนปั่นป่วน
น้องพีชก้มลงพับผ้าห่มผืนสีเหลือง ใส่คืนลงถุงแล้วยื่นให้ผม
“พี่ให้” ผมบอกเธอแทนคำปฏิเสธที่จะรับคืน
“ให้หนูทำไมคะ” น้องถาม
“พี่ตั้งใจซื้อมาให้ หนูขี้หนาว เอาไว้ใช้นะ ไปไหนก็พกไปด้วย จะนั่งรถ ห่มนอน เป็นตัวแทนพี่ว่าพี่อยู่ข้างๆ ดูแลหนูตอนพี่ไม่อยู่นะ“
.
.
.
อกผมจะระเบิด
ตลอดสองวันที่ผ่านมาหลังจากไปเจอน้องพีชครั้งล่าสุด ผมพยายามอยู่กับตัวเอง และเตือนตัวเองว่าน้องเค้าไม่ได้คิด/ รู้สึกแบบนั้นแล้ว แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือผมไม่มีน้ำตาไหลออกมาเลยแม้สักหยด ผมรู้ตัวเองดีว่ามันคือกลไกทางจิตจากการที่เราเคยผ่านเหตุการณ์รุนแรงเกือบถึงชีวิตตอนเด็ก และถ้าร้องไห้ จะยิ่งโดนทำโทษซ้ำหนักกว่าเดิม ทำให้ใจผมจะไม่ยอมให้ความรู้สึก “เสียใจ” มันถูกปล่อยหรือระบายออกมา จะเก็บกดอยู่ภายใน
เย็นวันนี้ผมมาเดินที่ท่าน้ำที่เราเคยเดินเล่นด้วยกัน  ที่นี่คือที่แรกที่เราเดทกัน เดินจูงมือ ถ่ายรูปเล่น สั่งลูกชิ้นกับชาหวานๆ มาทานด้วยกัน ผมนั่งเหม่อไปกลางแม่น้ำ ขณะที่เฝ้าสังเกตุความรู้สึกในใจตัวเอง ผมคิดว่ามันใกล้ถึงขีดจำกัดแล้ว ผมอาจจะทำอะไรบ้าๆ ขึ้นมาถ้ายังนั่งอยู่เงียบๆ แบบนี้ต่อไป ผมต้องหาตัวช่วยที่สามารถทะลายกำแพงทางความรู้สึกนี้ลง
ผมยกโทรศัพท์ขึ้นกดโทรออก เสียงรอสายดังอยู่ไม่กี่ทีที่ปลายสายก็รับสาย
”หวัดดีแกกกกกกกกก“ เสียงของแตน เพื่อนรักผมที่ทักทายผมอย่างสดใสร่าเริง ผมน้ำตาแตกและปล่อยโฮออกมาทันทีที่ได้ยินเสียงเพื่อนรักคนนี้
แตนเป็นเพื่อนที่คบกันมาอย่างยาวนาน เราไม่ได้คุยกันบ่อย เพราะอยู่ไกลกัน แต่เรามีอะไรคล้ายๆกัน ปัญหาคล้ายๆ กัน แต่ที่สำคัญคือเราเข้าใจกัน ถือได้ว่าเป็นเพื่อนผู้หญิงที่สนิทและผมรักที่สุดคนนึงที่ผมสามารถเล่าทุกปัญหาให้เธอฟังได้โดยไม่ต้องกังวลว่าเธอจะคิดยังไง มันมีเพื่อนไม่กี่คนในชีวิตเราที่จะสามารถอยู่เคียงข้างเราแบบนี้ได้
.
การกลับบ้านรอบนี้ คงเป็นทริปทำใจสำหรับผม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่