Chapter 15 : This is the end...... ?
.
.
อ่านย้อนหลังใน Spoil
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้Ch 1 ที่นี่ไม่มี - 2 ห้ามให้ใครรู้
https://ppantip.com/topic/43274104
Ch 3 สวยไม่สวย - 4 ชอบดูหนัง
https://ppantip.com/topic/43275062
Ch 5 ติด
https://ppantip.com/topic/43276252
Ch 6 ข้อจำกัด
https://ppantip.com/topic/43277958
Ch 7 turning point
https://ppantip.com/topic/43279100
Ch 8 ไกล
https://ppantip.com/topic/43280746
Ch 9 อีกสักครั้ง
https://ppantip.com/topic/43282675
Ch 10 ธรรมชาติ กาแฟ และแสงดาว
https://ppantip.com/topic/43283324
Ch 11 กำเริบเสิบสาน
https://ppantip.com/topic/43284565
Ch 12 Found then lost
https://ppantip.com/topic/43287549
Ch 13 So be it...
https://m.ppantip.com/topic/43292913
Chapter 14 : อัปปรีย์ชีเอท
https://ppantip.com/topic/43294971
Chapter 15 : This is the end...... ?
https://ppantip.com/topic/43297240
Chapter 16 : การทดลอง
https://ppantip.com/topic/43297961/
.
เมื่อวานเป็นวันที่พีชไปหาหมอตามนัด ผมพยายามโทรหาเธอระหว่างวันเพราะอยากรู้ความคืบหน้าอาการของเธอว่าเธอเป็นยังไงบ้าง ผมพยายามเสนอตัวที่จะเป็นคนพาเธอไปหาหมอ แต่เธอกังวลเกินไปที่จะไปกับผม เธอจึงเลือกที่จะให้ป้าเธอเป็นคนไปกับเธอ
.
ผมกดโทรหาเธอตั้งแต่ช่วงสายๆ แต่เธอไม่รับสาย ผมลองเว้นช่วงเวลาสักครึ่งชั่วโมง แล้วกดโทรอีกที ก็ยังคงไม่มีคนรับสาย จนผมไม่กล้าโทรไปอีก เพราะมันจะเหมือนผมโทรจิก ผมจึงรอดูว่าเธอจะโทรกลับมาหาผมมั้ย จนเวลาผ่านไปตลอดทั้งวัน ตกเย็นผมคิดว่ามันคงนานพอที่จะดูไม่น่าเกลียด ผมจึงกดโทรหาเธออีกทีตอนก่อนจะมืด
“สวัสดีค่ะ” เธอรับสายผม
“เป็นไง หาหมอมาแล้วยังคะ” ผมถาม
“หาแล้วค่ะ” เสียงเธอฟังดูอ่อนเพลีย
“หมอว่าไงบ้าง” ผมถามต่อ
“เอาไว้ก่อนนะ หนูอยากพัก”
“เพลียเหรอ ให้พี่สั่งอะไรให้กินมั้ย“
”ไม่เป็นไรค่ะ ไม่หิว“ เธอตอบ
”แล้วนี่อยู่ไหนแล้ว“
”อยู่ห้องละค่ะ“
”ให้พี่พาไปกินข้าวมั้ย“ ความที่ผมรู้ว่าวันนี้เป็นวันหยุดเธอ ทำให้ผมคิดว่าเธอน่าจะว่างหลังจากหาหมอเสร็จ
”ไม่อยากไปไหนอะค่ะ ให้หนูพักนะ“ เธอตอบ เธอพูดคำนี้หลายทีจนผมไม่อยากเซ้าซี้แล้ว ถามเธออีกคำสองคำ ผมก็คิดว่าผมควรจะวางสายและให้เธอพักตามที่เธอขอ แน่นอนว่าผมตัดสินใจเดี๋ยวนั้นเลยว่าผมจะเข้าไปหาเธอพรุ่งนี้
ผมเป็นห่วงเธอ
.
ผมจองเวลาอยู่กับเธอสองคิวเหมือนที่เคยทำ ทั้งเพื่อให้มีเวลากับเธอเต็มที่ และให้เธอได้พักผ่อน เมื่อเดินเข้ามาในห้องอยู่กันสองคน ผมรับรู้ได้ทันทีว่ารังสีความเครียดของเธอแผ่ซ่านหนักกว่าครั้งไหนๆ…. New high อีกแล้ว
”พี่มาทำไมคะ“ ผมไม่นึกว่าจะได้ยินเธอถามคำถามนี้ แต่มันแปลว่าเธอเครียดหนักมาก จนไม่สามารถกลั่นกรองการเลือกใช้คำพูดได้ โดยเฉพาะเมื่ออยู่กับคนที่เธอไม่ต้องใส่หน้ากากแบบผม ถึงผมจะไม่ชอบคำถามนี้ แต่มันทำให้ผมเห็นเลยว่าเธอเครียดกว่าครั้งไหนๆ
”คิดว่าพี่มาทำไมล่ะคะ.... พี่เป็นห่วง เราเป็นไงบ้าง“ ผมถาม
”โอเคค่ะ“ เธอตอบผมสั้นๆ
”ไหนเล่าให้พี่ฟังหน่อย หาหมอมาเป็นยังไงบ้าง“
”มันมีหลายเรื่อง เรื่องที่บ้านด้วย เรื่องหาหมอด้วย“ พีชตอบ ”เอาไว้ก่อนได้มั้ย“
ผมเข้าใจดีว่าการที่เธอไม่ได้รู้สึกกับผมเหมือนเดิม มันก็คงไม่แปลกถ้าเธอจะเริ่มไม่พูดให้ผมฟังถึงปัญหาของเธอ เรื่องส่วนตัวอย่างครอบครัวหรือที่บ้านของเธอ ผมยินดีที่จะให้พื้นที่ความเป็นส่วนตัวกับเธอ แต่สิ่งที่ทำให้ผมปล่อยวางไม่ลงคือเรื่องสุขภาพของเธอ เพราะถ้าสิ่งที่เธอเป็น มันเป็นผลมาจากความสัมพันธ์ที่เรามี ผมคิดว่าผมควรจะต้องรับรู้
”หมอว่ายังไง บอกพี่มาเถอะ“ ผมคะยั้นคะยอ
พีชนั่งลงข้างผมแล้วถึงเริ่มเล่า
”หมอให้ฉีดยา“ เธอให้ผมดูที่หลังมือที่มีรอยเข็ม ผมดูออกทันทีว่ามันคือรอยเจาะน้ำเกลือ
”แอดมิดเหรอ“
”เปล่าค่ะ ผ่าตัด“ เธอตอบ ”ที่หนูเป็น เกือบถึงชีวิตเลยนะ“
ผมนิ่งฟังว่ามันคืออะไร
”หมอบอกว่าเจอก้อนเนื้อในมดลูก มันทำให้หนูปวดตัวและเมนส์ไม่มา“
”อ่อ เราเลยมีอาการคล้ายคนท้อง“ ผมตอบ
”หนูเหมือนคนท้องมากเลยเหรอ“ เธอถาม
”นิดๆ บางอย่าง ไม่ได้เหมือนมาก มีส่วนเหมือนนิดหน่อย“ ผมบอก ”พี่ถึงได้เคยถามเราไงว่าท้องรึเปล่า แต่มันไม่เหมือนขนาดนั้น พี่ก็คิดว่าไม่ใช่หรอก"
”หมอวางยาสลบ แล้วใช้เครื่องดูดออก“ เธอเล่าต่อ
”เจ็บมากมั้ย“
พีชพยักหน้า ผมลูบไปที่ผมของเธอ อยากช่วยทำให้เธอรู้สึกดีขึ้น แต่ไม่แน่ใจว่าด้วยสถานะและความรู้สึกของน้องกับการแสดงออกของผม มันจะช่วยบ้างมั้ย
”ไม่ใช่ว่าจริงๆ คือทำแท้งมาใช่มั้ย“ ผมเปลี่ยนท่าทีหันมาแหย่เธอเล่น
”พี่จะบ้าเหรอ“ เธอหัวเราะยิ้มน้อยๆ
”พี่ล้อเล่น“ เอาจริงๆ ผมก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่เธอบอกมีความจริงมากน้อยแค่ไหน แต่ผมไม่คิดจะตามเชคหรือขอให้เธอยืนยันอะไร
”แล้วมียากินมั้ย“ ผมถาม
”มีค่ะ หมอให้ยาฆ่าเชื้อมา“ ยาฆ่าเชื้ออีกแล้ว ผมรู้สึกว่าเธอกินยาฆ่าเชื้อต่อเนื่องมากนานไปสักหน่อยละ หวังว่าการรักษาของเธอคราวนี้จะตรงจุด และไม่ต้องทานยาฆ่าเชื้ออีกเมื่อเรื่องนี้จบลง
“ที่ร้านให้หนูหยุดห้าวัน” เธอบอกผม ในหัวผมเริ่มคิดทันทีว่าห้าวันนี้ผมจะพาน้องไปไหนได้บ้าง “พี่ไม่ต้องโทรหาหนูได้มั้ย” คำนี้ของเธอดับฝันผมลงทันที
”เราจะทำอะไร“ ผมถาม
”หนูมีที่ที่หนูอยากไป“ เธอบอก ”หนูจะเปลี่ยนเบอร์"
ผมนิ่ง และไม่รู้จะคิดยังไง
”ให้หนูได้มั้ย มันสำคัญกับหนูจริงๆ“
“จะกลับบ้านเหรอ” ผมถาม แต่เธอไม่ตอบคำถามผม
“พี่ไม่ต้องตามหนูหรอกนะ มันมีเรื่องที่หนูอยากทำ”
.
นี่เป็นครั้งแรกที่พีชขอผมแบบนี้ ผมไม่แน่ใจเลยว่าสิ่งที่เธอต้องการคืออะไร ผมเดาได้ดีที่สุด คือเธอคงอยากกลับไปบ้าน เธอมีเวลาห้าวัน มันคงนานพอให้เธอกลับไปใช้เวลาที่บ้านสักหน่อย หลบจากวงจรชีวิตที่สร้างความเครียดให้เธอ
“แล้ว.... จะโทรหาพี่มั้ย” ผมถาม พีชส่ายหัวเบาๆ ท่าที่เธอไม่ชัดเจนทำให้ผมคิดว่าเธอไม่แน่ใจ แต่ผมไม่กล้าเข้าข้างตัวเองและพยายามบอกตัวเองว่าให้มองแง่ร้ายน่าจะดีกว่าคิดแง่ดี มันช่างคล้ายกับที่เธอเคยบอกเลย ว่าวันไหนที่เธอตัดสินใจจะกลับไป เธอจะเปลี่ยนเบอร์ ตัดการติดต่อกับทุกคน และไม่ย้อนกลับมาที่นี่อีก ผมจึงทำใจเผื่อไว้เลย ว่านี่อาจจะเป็นการเจอกันครั้งสุดท้ายของเรา
.
ผมคิดว่าอย่างน้อย เธอก็ยังบอกผมก่อนที่เธอจะหายไป ไม่ได้อยู่ๆ ก็หายสาปสูญไปโดยไม่มีใครรู้อะไรเลยแบบที่เธอเคยบอกผม
”เราจะไม่ได้เจอกันอีกแล้วใช่มั้ย“ ผมถามคำถามที่ผมกลัวคำตอบเป็นที่สุด แต่เธอนิ่ง ไม่มีคำตอบใดๆ ให้ผม
.
ผมค่อนข้างมั่นใจว่าผมน่าจะเดาถูกว่าน้องน่าจะอยากกลับไปใช้เวลาที่บ้าน และผมก็ยินดีที่จะให้ทุกอย่างที่น้องต้องการ แบบที่ผมคิดมาตลอดว่าสิ่งสูงสุดที่ผมต้องการสำหรับพีช คือความสบายใจ แม้มันจะคือการที่ผมจะต้องเสียใจ
.
.
.
วันถัดมาคือวันที่ผมและเพื่อนๆ นัดเจอกัน ครั้งนี้เราเจอกันที่คอนโดของเอ ที่ห้องเอมีทั้งวิสกี้ เบียร์ โซจูธรรมชาติ แต่มีผมคนเดียวที่ชอบกินโซจูแบบมีรสผลไม้ ผมจึงเตรียมของผมไปเอง มาวันนี้ผมไม่มีความคิดที่จะพูดถึงเรื่องน้องพีชให้พวกนี้ฟังอีก แต่คิดว่าอยากดื่มๆ ให้ลืมๆ การนั่งดื่มในที่ส่วนตัวแบบนี้ข้อดีคือเราสามารถเปิดเพลงตามใจเราได้ และวันนี้พิเศษหน่อยที่ชายมันพกกีตาร์มาด้วย
.
ชายเริ่มหยิบกีตาร์ขึ้นมาเล่นหลังจากเริ่มดื่มกันไปได้ราวครึ่งชั่วโมง ขณะที่โซจูสองขวดที่ผมเตรียมมาหมดไปแล้วขวดหนึ่ง ผมขอให้เพื่อนช่วยเล่นเพลง “ปล่อย” เพื่อเตือนตัวเองและปลอบตัวเอง ในท่อนที่เนื้อร้องร้องว่า “แล้วมันจะผ่านไปด้วยดี แล้วใจของเธอจะเปลี่ยนไป” ผมร้องด้วยความรู้สึกออกมาจากก้นบึ้งของใจ ขณะที่มีคำถามวนในหัวว่า ผมจะเปลี่ยนไปจริงๆ เหรอ ? ในขณะที่ทุกความรู้สึกที่ผมมีให้ทุกคนที่ผมเคยรักมาตลอดชีวิต มันไม่เคยจางหายไปไหนเลย แต่ยอมรับว่าเพลงที่ตรงใจ มันปลอบโยนใจเราได้ดี และยังช่วยให้เราได้ปลดปล่อย
.
“เก็บเอาแรงที่จะใช้รักใคร ไว้กับตัวเอง…. ดีกว่าเอาไปเสียน้ำตา…. เก็บเอาความตั้งใจและฝันที่เคยวาดไว้กับเขา…. เก็บคืนมาอย่าเปลืองหัวใจ“
.
“เฮ้ย ดูมีอินเนอร์นะ” บอยทักผมเมื่อผมร้องเพลง “ปล่อย” ที่ผมร้องด้วยเสียงที่เต็มคอเต็มคำ ผมไม่พูดอะไรได้แต่ยิ้มๆ มึนๆ “มีอะไรในใจป่าวววว” เพื่อนแซวผม แต่ผมก็ไม่อยากพูดอะไรออกไป ผมเปิดโซจูขวดที่สองที่เตรียมมารินใส่แก้ว แล้วกระดก แล้วเทเพิ่มอีกแก้วติดๆ กัน ผมปล่อยให้เพื่อนๆ เลือกเพลงเล่นกันเองไปสักพัก ผมเริ่มมึนจนคิดอะไรไม่ค่อยออก มีแต่ภาพพีชลอยอยู่ในหัวและความเป็นห่วง
.
“เฮ้ย ขอ ‘ดึงดัน’ ได้มั้ยวะ” ผมบอกเพื่อนเมื่อมันร้องเล่นกันจบไปได้สองเพลง แล้วกระดกโซจูลงคอไปอีกช้อตใหญ่
“ร้องยาก ไอสัส” บอยด่าผมทั้งยิ้มๆ
เอเปิดแทบเล็ตเพื่อหาคอร์ดเพลงให้บอยเล่น “ให้คนขอ

ร้องไป” เอพูด ผมกระดกโซจูอีกช้อตใหญ่
“…. ฉันเสียน้ำตาให้เธอมากแค่ไหน ทำได้เพียงแค่ทำใจ ความรักฉันหลุดลอยไป สุดสายตา….“ เพื่อนๆ เริ่มอึ้งที่ผมร้องเพลงนี้ได้ทุกเม็ดไม่มีหลุด ”โอ ใจเอยทำไมหัวใจไม่หลาบจำ ดึงดันจะรักเธออยู่….
”เยสเขร้

เป๊ะว่ะะะะ“ เพื่อนๆ แซวผม ในจังหวะที่ยังร้องได้ไม่จบท่อนฮุคดี น้ำตาผมก็แตกเมื่อถึงคำว่า “ทั้งที่รู้ว่าเขาไม่ใช่ แต่ยังจะรักเขาหมดหัวใจ ปล่อยเค้าทำร้ายย้ำๆ…. ” ผมสูดลมหายใจแรงๆ แล้วรีบลุกไปห้องน้ำ ขณะที่น้ำตาเอ่อท่วมและไหลออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ พร้อมกับฤทธิ์แอลกอฮอลล์ที่วิ่งย้อนสวนมาตามทางเก่าที่มันไหลเข้าไป ผมปิดประตูห้องน้ำก้มหน้าอาเจียนเอาโซจูออกจากท้องลงไปที่ชักโครกพร้อมน้ำตาที่ไหลพรากออกมา แล้วทรุดตัวลงนั่งพิงผนังห้องน้ำ มีภาพน้องพีชลอยขึ้นมา สะอื้นร้องหนักยิ่งกว่าครั้งก่อนที่ผมระบายให้แตนฟัง และปล่อยให้ใจตัวเองล่องลอยอยู่คนเดียวตรงนั้นเอง
.
ผมไม่แน่ใจว่าผมนั่งจมอยู่ตรงนั้นนานแค่ไหน ก่อนที่ชายจะเดินมาเคาะประตูห้องน้ำ ผมว่ามันคงปวดเยี่ยว
“เฮ้ย โอเคมั้ย”
“เออๆ กูไม่เป็นไร” ผมตอบทั้งที่จมูกตันและเต็มไปด้วยน้ำมูกเพราะน้ำตาแตก ผมสูดหายใจลึกๆ อีกครั้ง ลุกขึ้นไปกดชักโครกแล้วหมุนตัวไปล้างหน้าที่อ่างล้างหน้าก่อนเปิดประตูออกไปรวมกลุ่มกับเพื่อนๆ ผมพยายามบอกเพื่อนว่าผมไม่เป็นไร แค่เมา แต่เพื่อนๆก็ดูออกว่าผมน่าจะไม่ไหวแล้ว พวกมันลากอาร์มแชร์ที่เอนหลังได้มาให้ผมนั่ง ชายส่งแก้วมาให้ ผมยกดื่มโดยไม่ได้สนใจว่ามันเทอะไรมาให้ผม แล้วจึงพบว่ามันคือน้ำเปล่า ผมส่งแก้วเปล่าคืนไปให้มันแล้วพูดสั้นๆ
“โซจู”
“เฮ้ย ไหวเหรอ” มันถามผม
“ไหวๆ” ผมลืมตาขึ้นมาตอบมัน ผมเพียงแค่มึนหัวจนคิดอะไรไม่ออก ชายส่งแก้วมาให้ผมอีกที คราวนี้เป็นโซจูตามที่ผมขอ ผมกระดกดื่มรวดเดียวหมดราวกับประชดชีวิต….. ผมแค่อยากดื่ม
ประสบการณ์ตรงคบกับเด็กร้านนวดปู๋ Chapter 15 : This is the end...... ?
.
.
อ่านย้อนหลังใน Spoil
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
.
เมื่อวานเป็นวันที่พีชไปหาหมอตามนัด ผมพยายามโทรหาเธอระหว่างวันเพราะอยากรู้ความคืบหน้าอาการของเธอว่าเธอเป็นยังไงบ้าง ผมพยายามเสนอตัวที่จะเป็นคนพาเธอไปหาหมอ แต่เธอกังวลเกินไปที่จะไปกับผม เธอจึงเลือกที่จะให้ป้าเธอเป็นคนไปกับเธอ
.
ผมกดโทรหาเธอตั้งแต่ช่วงสายๆ แต่เธอไม่รับสาย ผมลองเว้นช่วงเวลาสักครึ่งชั่วโมง แล้วกดโทรอีกที ก็ยังคงไม่มีคนรับสาย จนผมไม่กล้าโทรไปอีก เพราะมันจะเหมือนผมโทรจิก ผมจึงรอดูว่าเธอจะโทรกลับมาหาผมมั้ย จนเวลาผ่านไปตลอดทั้งวัน ตกเย็นผมคิดว่ามันคงนานพอที่จะดูไม่น่าเกลียด ผมจึงกดโทรหาเธออีกทีตอนก่อนจะมืด
“สวัสดีค่ะ” เธอรับสายผม
“เป็นไง หาหมอมาแล้วยังคะ” ผมถาม
“หาแล้วค่ะ” เสียงเธอฟังดูอ่อนเพลีย
“หมอว่าไงบ้าง” ผมถามต่อ
“เอาไว้ก่อนนะ หนูอยากพัก”
“เพลียเหรอ ให้พี่สั่งอะไรให้กินมั้ย“
”ไม่เป็นไรค่ะ ไม่หิว“ เธอตอบ
”แล้วนี่อยู่ไหนแล้ว“
”อยู่ห้องละค่ะ“
”ให้พี่พาไปกินข้าวมั้ย“ ความที่ผมรู้ว่าวันนี้เป็นวันหยุดเธอ ทำให้ผมคิดว่าเธอน่าจะว่างหลังจากหาหมอเสร็จ
”ไม่อยากไปไหนอะค่ะ ให้หนูพักนะ“ เธอตอบ เธอพูดคำนี้หลายทีจนผมไม่อยากเซ้าซี้แล้ว ถามเธออีกคำสองคำ ผมก็คิดว่าผมควรจะวางสายและให้เธอพักตามที่เธอขอ แน่นอนว่าผมตัดสินใจเดี๋ยวนั้นเลยว่าผมจะเข้าไปหาเธอพรุ่งนี้
ผมเป็นห่วงเธอ
.
ผมจองเวลาอยู่กับเธอสองคิวเหมือนที่เคยทำ ทั้งเพื่อให้มีเวลากับเธอเต็มที่ และให้เธอได้พักผ่อน เมื่อเดินเข้ามาในห้องอยู่กันสองคน ผมรับรู้ได้ทันทีว่ารังสีความเครียดของเธอแผ่ซ่านหนักกว่าครั้งไหนๆ…. New high อีกแล้ว
”พี่มาทำไมคะ“ ผมไม่นึกว่าจะได้ยินเธอถามคำถามนี้ แต่มันแปลว่าเธอเครียดหนักมาก จนไม่สามารถกลั่นกรองการเลือกใช้คำพูดได้ โดยเฉพาะเมื่ออยู่กับคนที่เธอไม่ต้องใส่หน้ากากแบบผม ถึงผมจะไม่ชอบคำถามนี้ แต่มันทำให้ผมเห็นเลยว่าเธอเครียดกว่าครั้งไหนๆ
”คิดว่าพี่มาทำไมล่ะคะ.... พี่เป็นห่วง เราเป็นไงบ้าง“ ผมถาม
”โอเคค่ะ“ เธอตอบผมสั้นๆ
”ไหนเล่าให้พี่ฟังหน่อย หาหมอมาเป็นยังไงบ้าง“
”มันมีหลายเรื่อง เรื่องที่บ้านด้วย เรื่องหาหมอด้วย“ พีชตอบ ”เอาไว้ก่อนได้มั้ย“
ผมเข้าใจดีว่าการที่เธอไม่ได้รู้สึกกับผมเหมือนเดิม มันก็คงไม่แปลกถ้าเธอจะเริ่มไม่พูดให้ผมฟังถึงปัญหาของเธอ เรื่องส่วนตัวอย่างครอบครัวหรือที่บ้านของเธอ ผมยินดีที่จะให้พื้นที่ความเป็นส่วนตัวกับเธอ แต่สิ่งที่ทำให้ผมปล่อยวางไม่ลงคือเรื่องสุขภาพของเธอ เพราะถ้าสิ่งที่เธอเป็น มันเป็นผลมาจากความสัมพันธ์ที่เรามี ผมคิดว่าผมควรจะต้องรับรู้
”หมอว่ายังไง บอกพี่มาเถอะ“ ผมคะยั้นคะยอ
พีชนั่งลงข้างผมแล้วถึงเริ่มเล่า
”หมอให้ฉีดยา“ เธอให้ผมดูที่หลังมือที่มีรอยเข็ม ผมดูออกทันทีว่ามันคือรอยเจาะน้ำเกลือ
”แอดมิดเหรอ“
”เปล่าค่ะ ผ่าตัด“ เธอตอบ ”ที่หนูเป็น เกือบถึงชีวิตเลยนะ“
ผมนิ่งฟังว่ามันคืออะไร
”หมอบอกว่าเจอก้อนเนื้อในมดลูก มันทำให้หนูปวดตัวและเมนส์ไม่มา“
”อ่อ เราเลยมีอาการคล้ายคนท้อง“ ผมตอบ
”หนูเหมือนคนท้องมากเลยเหรอ“ เธอถาม
”นิดๆ บางอย่าง ไม่ได้เหมือนมาก มีส่วนเหมือนนิดหน่อย“ ผมบอก ”พี่ถึงได้เคยถามเราไงว่าท้องรึเปล่า แต่มันไม่เหมือนขนาดนั้น พี่ก็คิดว่าไม่ใช่หรอก"
”หมอวางยาสลบ แล้วใช้เครื่องดูดออก“ เธอเล่าต่อ
”เจ็บมากมั้ย“
พีชพยักหน้า ผมลูบไปที่ผมของเธอ อยากช่วยทำให้เธอรู้สึกดีขึ้น แต่ไม่แน่ใจว่าด้วยสถานะและความรู้สึกของน้องกับการแสดงออกของผม มันจะช่วยบ้างมั้ย
”ไม่ใช่ว่าจริงๆ คือทำแท้งมาใช่มั้ย“ ผมเปลี่ยนท่าทีหันมาแหย่เธอเล่น
”พี่จะบ้าเหรอ“ เธอหัวเราะยิ้มน้อยๆ
”พี่ล้อเล่น“ เอาจริงๆ ผมก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่เธอบอกมีความจริงมากน้อยแค่ไหน แต่ผมไม่คิดจะตามเชคหรือขอให้เธอยืนยันอะไร
”แล้วมียากินมั้ย“ ผมถาม
”มีค่ะ หมอให้ยาฆ่าเชื้อมา“ ยาฆ่าเชื้ออีกแล้ว ผมรู้สึกว่าเธอกินยาฆ่าเชื้อต่อเนื่องมากนานไปสักหน่อยละ หวังว่าการรักษาของเธอคราวนี้จะตรงจุด และไม่ต้องทานยาฆ่าเชื้ออีกเมื่อเรื่องนี้จบลง
“ที่ร้านให้หนูหยุดห้าวัน” เธอบอกผม ในหัวผมเริ่มคิดทันทีว่าห้าวันนี้ผมจะพาน้องไปไหนได้บ้าง “พี่ไม่ต้องโทรหาหนูได้มั้ย” คำนี้ของเธอดับฝันผมลงทันที
”เราจะทำอะไร“ ผมถาม
”หนูมีที่ที่หนูอยากไป“ เธอบอก ”หนูจะเปลี่ยนเบอร์"
ผมนิ่ง และไม่รู้จะคิดยังไง
”ให้หนูได้มั้ย มันสำคัญกับหนูจริงๆ“
“จะกลับบ้านเหรอ” ผมถาม แต่เธอไม่ตอบคำถามผม
“พี่ไม่ต้องตามหนูหรอกนะ มันมีเรื่องที่หนูอยากทำ”
.
นี่เป็นครั้งแรกที่พีชขอผมแบบนี้ ผมไม่แน่ใจเลยว่าสิ่งที่เธอต้องการคืออะไร ผมเดาได้ดีที่สุด คือเธอคงอยากกลับไปบ้าน เธอมีเวลาห้าวัน มันคงนานพอให้เธอกลับไปใช้เวลาที่บ้านสักหน่อย หลบจากวงจรชีวิตที่สร้างความเครียดให้เธอ
“แล้ว.... จะโทรหาพี่มั้ย” ผมถาม พีชส่ายหัวเบาๆ ท่าที่เธอไม่ชัดเจนทำให้ผมคิดว่าเธอไม่แน่ใจ แต่ผมไม่กล้าเข้าข้างตัวเองและพยายามบอกตัวเองว่าให้มองแง่ร้ายน่าจะดีกว่าคิดแง่ดี มันช่างคล้ายกับที่เธอเคยบอกเลย ว่าวันไหนที่เธอตัดสินใจจะกลับไป เธอจะเปลี่ยนเบอร์ ตัดการติดต่อกับทุกคน และไม่ย้อนกลับมาที่นี่อีก ผมจึงทำใจเผื่อไว้เลย ว่านี่อาจจะเป็นการเจอกันครั้งสุดท้ายของเรา
.
ผมคิดว่าอย่างน้อย เธอก็ยังบอกผมก่อนที่เธอจะหายไป ไม่ได้อยู่ๆ ก็หายสาปสูญไปโดยไม่มีใครรู้อะไรเลยแบบที่เธอเคยบอกผม
”เราจะไม่ได้เจอกันอีกแล้วใช่มั้ย“ ผมถามคำถามที่ผมกลัวคำตอบเป็นที่สุด แต่เธอนิ่ง ไม่มีคำตอบใดๆ ให้ผม
.
ผมค่อนข้างมั่นใจว่าผมน่าจะเดาถูกว่าน้องน่าจะอยากกลับไปใช้เวลาที่บ้าน และผมก็ยินดีที่จะให้ทุกอย่างที่น้องต้องการ แบบที่ผมคิดมาตลอดว่าสิ่งสูงสุดที่ผมต้องการสำหรับพีช คือความสบายใจ แม้มันจะคือการที่ผมจะต้องเสียใจ
.
.
.
วันถัดมาคือวันที่ผมและเพื่อนๆ นัดเจอกัน ครั้งนี้เราเจอกันที่คอนโดของเอ ที่ห้องเอมีทั้งวิสกี้ เบียร์ โซจูธรรมชาติ แต่มีผมคนเดียวที่ชอบกินโซจูแบบมีรสผลไม้ ผมจึงเตรียมของผมไปเอง มาวันนี้ผมไม่มีความคิดที่จะพูดถึงเรื่องน้องพีชให้พวกนี้ฟังอีก แต่คิดว่าอยากดื่มๆ ให้ลืมๆ การนั่งดื่มในที่ส่วนตัวแบบนี้ข้อดีคือเราสามารถเปิดเพลงตามใจเราได้ และวันนี้พิเศษหน่อยที่ชายมันพกกีตาร์มาด้วย
.
ชายเริ่มหยิบกีตาร์ขึ้นมาเล่นหลังจากเริ่มดื่มกันไปได้ราวครึ่งชั่วโมง ขณะที่โซจูสองขวดที่ผมเตรียมมาหมดไปแล้วขวดหนึ่ง ผมขอให้เพื่อนช่วยเล่นเพลง “ปล่อย” เพื่อเตือนตัวเองและปลอบตัวเอง ในท่อนที่เนื้อร้องร้องว่า “แล้วมันจะผ่านไปด้วยดี แล้วใจของเธอจะเปลี่ยนไป” ผมร้องด้วยความรู้สึกออกมาจากก้นบึ้งของใจ ขณะที่มีคำถามวนในหัวว่า ผมจะเปลี่ยนไปจริงๆ เหรอ ? ในขณะที่ทุกความรู้สึกที่ผมมีให้ทุกคนที่ผมเคยรักมาตลอดชีวิต มันไม่เคยจางหายไปไหนเลย แต่ยอมรับว่าเพลงที่ตรงใจ มันปลอบโยนใจเราได้ดี และยังช่วยให้เราได้ปลดปล่อย
.
“เก็บเอาแรงที่จะใช้รักใคร ไว้กับตัวเอง…. ดีกว่าเอาไปเสียน้ำตา…. เก็บเอาความตั้งใจและฝันที่เคยวาดไว้กับเขา…. เก็บคืนมาอย่าเปลืองหัวใจ“
.
“เฮ้ย ดูมีอินเนอร์นะ” บอยทักผมเมื่อผมร้องเพลง “ปล่อย” ที่ผมร้องด้วยเสียงที่เต็มคอเต็มคำ ผมไม่พูดอะไรได้แต่ยิ้มๆ มึนๆ “มีอะไรในใจป่าวววว” เพื่อนแซวผม แต่ผมก็ไม่อยากพูดอะไรออกไป ผมเปิดโซจูขวดที่สองที่เตรียมมารินใส่แก้ว แล้วกระดก แล้วเทเพิ่มอีกแก้วติดๆ กัน ผมปล่อยให้เพื่อนๆ เลือกเพลงเล่นกันเองไปสักพัก ผมเริ่มมึนจนคิดอะไรไม่ค่อยออก มีแต่ภาพพีชลอยอยู่ในหัวและความเป็นห่วง
.
“เฮ้ย ขอ ‘ดึงดัน’ ได้มั้ยวะ” ผมบอกเพื่อนเมื่อมันร้องเล่นกันจบไปได้สองเพลง แล้วกระดกโซจูลงคอไปอีกช้อตใหญ่
“ร้องยาก ไอสัส” บอยด่าผมทั้งยิ้มๆ
เอเปิดแทบเล็ตเพื่อหาคอร์ดเพลงให้บอยเล่น “ให้คนขอ
“…. ฉันเสียน้ำตาให้เธอมากแค่ไหน ทำได้เพียงแค่ทำใจ ความรักฉันหลุดลอยไป สุดสายตา….“ เพื่อนๆ เริ่มอึ้งที่ผมร้องเพลงนี้ได้ทุกเม็ดไม่มีหลุด ”โอ ใจเอยทำไมหัวใจไม่หลาบจำ ดึงดันจะรักเธออยู่….
”เยสเขร้
.
ผมไม่แน่ใจว่าผมนั่งจมอยู่ตรงนั้นนานแค่ไหน ก่อนที่ชายจะเดินมาเคาะประตูห้องน้ำ ผมว่ามันคงปวดเยี่ยว
“เฮ้ย โอเคมั้ย”
“เออๆ กูไม่เป็นไร” ผมตอบทั้งที่จมูกตันและเต็มไปด้วยน้ำมูกเพราะน้ำตาแตก ผมสูดหายใจลึกๆ อีกครั้ง ลุกขึ้นไปกดชักโครกแล้วหมุนตัวไปล้างหน้าที่อ่างล้างหน้าก่อนเปิดประตูออกไปรวมกลุ่มกับเพื่อนๆ ผมพยายามบอกเพื่อนว่าผมไม่เป็นไร แค่เมา แต่เพื่อนๆก็ดูออกว่าผมน่าจะไม่ไหวแล้ว พวกมันลากอาร์มแชร์ที่เอนหลังได้มาให้ผมนั่ง ชายส่งแก้วมาให้ ผมยกดื่มโดยไม่ได้สนใจว่ามันเทอะไรมาให้ผม แล้วจึงพบว่ามันคือน้ำเปล่า ผมส่งแก้วเปล่าคืนไปให้มันแล้วพูดสั้นๆ
“โซจู”
“เฮ้ย ไหวเหรอ” มันถามผม
“ไหวๆ” ผมลืมตาขึ้นมาตอบมัน ผมเพียงแค่มึนหัวจนคิดอะไรไม่ออก ชายส่งแก้วมาให้ผมอีกที คราวนี้เป็นโซจูตามที่ผมขอ ผมกระดกดื่มรวดเดียวหมดราวกับประชดชีวิต….. ผมแค่อยากดื่ม