ประสบการณ์ตรงคบกับเด็กร้านนวด Chapter : 11 กำเริบเสิบสาน

อ่านย้อนหลัง Ch 1-2
https://ppantip.com/topic/43274104
อ่านย้อนหลัง Ch 3-4
https://ppantip.com/topic/43275062
อ่านย้อนหลัง Ch 5
https://ppantip.com/topic/43276252
อ่านย้อนหลัง Ch 6
https://ppantip.com/topic/43277958
อ่านย้อนหลัง Ch 7
https://ppantip.com/topic/43279100
อ่านย้อนหลัง Ch 8
https://ppantip.com/topic/43280746
อ่านย้อนหลัง Ch 9
https://ppantip.com/topic/43282675
อ่านย้อนหลัง Ch 10
https://ppantip.com/topic/43283324
.
.
.
Chapter 11 กำเริบเสิบสาน
ผมเล่าให้พ่อฟังเรื่องธุรกิจร้านอาหารที่กำลังจะลงทุนทำหน้าร้าน หลังจากผมทดลองทำขายเองมาสักพักจนเห็นช่องทางว่ามันยังมีพื้นที่ในตลาดให้เล่นได้อยู่ พ่อผมจึงชวนไปดูตลาดขายส่งในตัวเมือง เพื่อหา supplier สำรองสำหรับส่งวัตถุดิบ คุณพ่อมีเพื่อนทำร้านขายส่งวัตถุดิบที่รู้จักกันและจะพาผมไปแนะนำ
จากประสบการณ์วัยเด็กที่มีร่วมกันมา ทำให้ผมบุคลิกเปลี่ยนเป็นอีกคนเมื่ออยู่กับคุณพ่อ ถ้าไม่จำเป็นจะไม่พูดอะไรเลย พ่อผมเป็นคนจีนแท้ๆ สไตล์การเลี้ยงลูกก็จะเป็นสไตล์จีน คือไม่ชม แต่จะดุด่า และเลี้ยงด้วยการทำโทษ จนอายุย่าง 70 ก็ยังไม่สามารถเรียนรู้แนวคิดการเลี้ยงดูใหม่ๆ ได้ คติประจำใจคือ “ถ้าชมเดี๋ยวเหลิง” เพราะตอนเจอหลานท่านก็ทำแบบนี้ แต่การเลี้ยงดูที่สุดโต่งแบบนี้ผลที่ได้คือเด็กจะเติบโตมาด้วยความขาดความมั่นใจและเบื้องลึกจะแสวงหาการยอมรับจากคนอื่น เพราะไม่เคยได้รับการชื่นชมหรือยอมรับจากคนในครอบครัว
.
หลังจากผมเรียนรู้การทำจิตบำบัด เคยมีความพยายามอยู่หลายปีที่จะคุยและอยากสร้างความเปลี่ยนแปลงในความสัมพันธ์กับคุณพ่อ แต่ก็พบว่าเป็นอะไรที่เหนื่อยเปล่า และก็ต้องยอมรับว่ามันเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่เราจะไปเปลี่ยนแปลงคนอื่น กลับกัน ถ้าเราเปลี่ยนแปลงตัวเองได้นี่แหละที่จะส่งผลให้คนอื่นเปลี่ยนตาม เพราะเมื่อเราเปลี่ยน วิธีปฏิสัมพันธ์ของเราจะเปลี่ยนไป และทำให้คนอื่นปฏิบัติกับเราอีกแบบ
.
ตั้งแต่เด็กผมจะมีความพยายามทำให้พ่อเข้าใจความคิดความรู้สึกเรา มีความพยายามพูดคุยและอธิบาย จิตแพทย์ประจำตัวผมบอกว่าเราทำแบบนี้ได้ แต่ผลที่ออกมาอย่าไปคิดว่ามันจะต้องได้อย่างที่เราต้องการ เราอธิบายสิ่งต่างๆ ให้พ่อฟังได้ แต่ท่านจะเข้าใจหรือไม่ หรือกระทั่งจะเข้าใจว่ายังไง มันเรื่องของท่าน ไม่ใช่เรื่องของเราที่จะต้องไปคาดหวัง และใช่…… ท่านไม่เข้าใจครับ
.
เรานั่งรถไปด้วยกันยังตลาดในตัวเมืองที่เป็นแหล่งขายวัตถุดิบทำอาหาร คุณพ่อเดินนำพาผมไปดูร้านขายวัตถุดิบทีละร้าน จนมาเจอร้านของเพื่อนที่ท่านพูดถึง แต่เฮียเจ้าของร้านไม่อยู่ เราเดินสำรวจตลาดดูอีก 2-3 ร้านก็กลับออกจากตลาดกัน
.
”เดี๋ยวเอาไว้ป๊าถามให้เอง“ พ่อผมเสนอตัวจะติดต่อให้ ”เดี๋ยวคุยให้ละเอาเบอร์ไป จะทำร้านการมี supplier สำรองสำคัญ ห้ามละเลย“ พ่อผมพูดราวกับท่านเป็นที่ปรึกษาทางธุรกิจ ทั้งที่ตลอดชีวิตท่านโดนโกงมาแล้วไม่รู้กี่ครั้งทุกครั้ง และไม่เคยปลดแอกตัวเองออกจากการเป็น ”พนักงานประจำ“ ได้เลย ผมรู้ว่าความรู้และทฤษฎีท่านเป๊ะ ผมจึงเพียงแค่รับฟังและขอบคุณ
.
ความเป็นจริงคือ ผมยัง +/- ว่าจะสนใจมากน้อยแค่ไหน ปัญหาอย่างหนึ่งที่ผมเคยเจอจากการสั่งของจากจังหวัดที่ไกลจากกรุงเทพแบบนี้ คือระยะเวลา ค่าส่ง และความเสี่ยงที่การขนส่งจะมีปัญหา ยังไม่นับเรื่องคุณภาพอาหารที่กว่าจะส่งถึงมืออีก เอาจริงๆ ผมยังไม่มีความคิดที่จะเปิดดีลธุรกิจกับที่นี่
.
วันนี้เป็นโอกาสสุดท้ายโอกาสเดียวที่เราจะได้เที่ยวพักผ่อนก่อนเดินทางกลับ กิจกรรมที่วิวชอบ แต่ไม่ค่อยได้มีโอกาสทำ คือการถ่ายรูป เธอถือเป็นสาวโซเชี่ยลตัวจริง ไปที่ไหนทำอะไรขอแค่มีรูปไปลง เธอบอกว่าเธอชอบลงรูป แล้วพอเวลาผ่านไปทุกปี มันจะเด้ง memory ขึ้นมาให้เธอนึกถึงว่าวันนี้ในปีก่อนๆ มันได้เกิดอะไรขึ้นบ้าง
.
ผมนัดจะพาเธอไปถ่ายรูปที่สวนดอกไม้โดยให้เธอเป็นคนเลือก เราไปที่สวนดอกไม้นอกตัวเมืองแห่งหนึ่งที่ต้องขับรถอ้อมเมืองไปเกือบชั่วโมง วันนี้วิวเลือกใส่เดรสยาวเปิดหลังสีขาวที่มีลายดอกไม้สีเหลืองและฟ้าดอกเล็กๆ ใส่คู่กับหมวกสานกว้างๆ
.
การถ่าย portrait สำหรับผม เป็นงานที่ผมถนัดมากกว่าการถ่าย landscape เพราะมันคืองานที่ผมเคยทำมาหลายปี แม้หลังๆ จะห่างไปนาน แต่พอจับกล้องถ่ายทุกครั้งก็ยังรู้สึกคล่อง แม้จะไม่เท่าเก่า
สไตล์การถ่ายของผม ไม่ใช่แนวถ่ายเร็วอะไรมากมาย ผมจะชอบการใช้เวลาอยู่กับจุดจุดนึงสักพัก ค่อยๆ หามุม ขยับหาตำแหน่งที่ดีไปเรื่อยๆ ผมชอบความรู้สึกที่เราได้ละเมียดละไมกับการปั้นเพื่อให้ได้ภาพที่เรารู้สึกพอใจสำหรับมุมๆ นี้ แต่วิวไม่ได้มีจริตแบบนี้ ถ้าผมถ่ายแล้วถ่ายอีก ปรับท่า ปรับมุมไปสักพัก ก็จะเริ่มมีคำถาม “ไม่ได้อีกเหรอ ?” ลอยขึ้นมา เราเคยทะเลาะกันเรื่องนี้ มันคือการที่ผมยังไม่พอใจยังอยากแก้จนกว่าจะได้ภาพที่เรารู้สึกโอเค ในขณะที่เธอหงุดหงิดรำคาญ อยากเปลี่ยนมุมไปถ่ายมุมอื่นแล้ว ในมุมผมผมรู้สึกว่าผมอยากให้ได้ภาพที่ดีไม่ดีเหรอ ทำไมไม่พยายามหน่อย ขณะที่เธอรู้สึกว่าทำไมต้องพยายามขนาดนั้น และการที่ผมยังดื้อไม่ยอมเลิกหน้าเธอก็งอขึ้นเรื่อยๆ จนถ่ายยังไงก็ไม่สวย ยกเว้นถ่ายให้ไม่เห็นหน้า ผมจึงได้แต่คิดว่า ถ้ารูปไม่สวยก็ช่วยไม่ได้ ซึ่งไม่ใช่ว่าผมจะถ่ายไปส่งๆ ผมเต็มที่กับทุกอย่างที่ทำอยู่ แต่ถ้าผู้ร่วมงานไม่เต็มที่ด้วย ก็ตามนั้น
.
ผ่านเหตุการณ์แบบนี้มาหลายครั้งเข้า ผมเห็นว่าวิวเองก็อดทนมากขึ้น ผมเองก็ดื้อด้านจะถ่ายใหม่เรื่อยๆน้อยลง บางครั้งผมก็รู้สึกว่าเธอบ่นน้อยลงกว่าเมื่อก่อนเหมือนกันเวลาผมถ่ายมุมเดิมนานๆ แต่ก็รับรู้ได้ว่าเธอยังคงไม่ชอบ ผมยังแอบเห็นเธอถอนหายใจบ่อยๆ เวลาผมบอกให้ปรับท่าโพส แต่ก็ไม่เป็นไร มันคือสิ่งที่เธอเป็น ถ้ายอมรับกันได้นั่นถือว่าโอเค ขณะที่ผมก็ไม่ได้ชอบนักที่ไม่ได้เป็นตัวเอง ยอมลดมาตรฐานลง แต่มันคงดีกว่าที่จะมีปัญหา
.
เรามาถึงสวนดอกไม้ก็เป็นเวลาบ่ายมากแล้ว แดดเฉียงองศากำลังดีเหมาะกับการถ่ายรูป ที่นี่ดี มีดอกไม้หลากสีให้ถ่าย การใส่ชุดสีกลางๆ แบบสีขาว ทำให้สามารถเข้ากับดอกไม้ได้ค่อนข้างหลากหลาย ขณะผมถ่ายภาพให้วิวในทุ่งดอกไม้ ผมก็มีผุดนึกถึงน้องพีชเป็นระยะ ผมจินตนาการไม่ออกว่าถ้าตรงนี้ไม่ใช่วิว แต่เป็นน้องพีช มันจะเป็นยังไง น่าประหลาดที่ผมไม่มีความปราถนาที่จะให้น้องพีชมาอยู่ตรงนี้แทนวิวเลย
.
เราใช้เวลาอยู่ที่สวนดอกไม้จนเย็น แล้วขับรถไปแวะทานอาหารพื้นเมืองเป็นมื้อค่ำสุดท้ายก่อนกลับไปพักผ่อน และต้องตื่นตีหนึ่งเพื่อขับรถกลับ ก่อนที่กลุ่มคลื่นมหาชนจะมารวมตัวกันบนท้องถนนเพื่อเดินทางกลับในวันสุดท้ายก่อนวันหยุดยาวจะหมดลง
.
ผมอยากกลับไปหาน้องพีช แต่รู้สึกได้ ว่าความร้อนรน กระวนกระวาย หายไป คิดแค่ เธอจะเป็นยังไง สบายดีมั้ย
.
.
.
วันนี้คือวันเกิดน้องพีช วันที่ 6 ของที่ผมสั่งไว้ให้น้องยังมาไม่ถึง ทำให้ผมผิดแผนที่จะเอาของขวัญวันเกิดไปให้น้อง ผมเลยคิดว่าควรมีอะไรไป “มัดจำ” น้องไว้ก่อน เพราะเคยพูดเอาไว้ ไม่อยากให้เธอเก้อหรือผิดหวัง แต่เป็นอะไรดีที่ดีไม่ยิ่งใหญ่เกินไป และไม่หน่อมแน้มไปจนดูไร้ค่า…
.
น้องพีชยังคงดูอ่อนเพลียและกังวลเมื่อผมเห็นหน้าเธอที่ร้าน ครั้งนี้จึงเป็นอีกครั้งที่ผมลงเวลาอยู่กับเธอ 3 ชั่วโมง ผมคิดว่ามันน่าจะช่วยให้เธอได้พัก ผมมาถึงบ่ายสอง นั่นคือเธอจะอยู่กับผมและพักผ่อนไปถึง 5 โมงเย็น ว่าง่ายๆคือเธอได้พักเกือบครึ่งวัน
.
“สมมตินะ” ผมตั้งขอสัณนิษฐานเพื่อถามพีช “ถ้าพี่ไม่มีแฟน พีชจะมาอยู่กับพี่มั้ย”
เธอนิ่งคิดอยู่อึดใจหนึ่งก่อนจะตอบออกมา
”ไม่ค่ะ พี่เอาเก่ง“
”ว่าไงนะ“ ผมไม่นึกว่านี่คือเหตุผลที่เธอจะให้
”หนูล้อเล่น“ เธอหัวเราะ แต่ก็ไม่ได้ให้คำตอบอะไรแทนคำล้อเล่น จริงๆ การถามอะไรที่มันไม่ใช่ความจริงก็คาดหวังคำตอบอะไรไม่ได้อยู่แล้ว เพราะในเมื่อมันไม่ใช่สิ่งที่จะเกิดขึ้นจริง คนตอบจะตอบอะไรก็ได้ แต่คำว่า ”พี่เอาเก่ง“ คือสิ่งที่เธอคิด คนเราชอบเอาเรื่องจริงมาล้อเล่นแบบนี้เอง
.
น้องพีชเอนหลังลงนอน วันนี้ผมพกผ้าห่มนาโนผืนใหม่มา เป็นผืนใหญ่สำหรับเตียง 6 ฟุต เพราะผืนขนาด 3.5 ฟุตห่มสองคนไม่ค่อยพอ และผืนที่ผมเคยให้น้องก็เอาไปใช้ห่มนอนที่ห้อง ผืนนี้จึงเอามาเพื่อห่มที่นี่โดยเฉพาะ
“อยากให้พี่นวดให้มั้ย ยังเมื่อยคอกับไหล่อยู่รึเปล่า”
“ค่ะ” เธอตอบสั้นๆ แล้วจัดแจงถอดชุดออกเหลือเพียงกางเกงใน แล้วนอนคว่ำลงให้ผมนวด เมื่อเช้าผมมีนัดคุยงานกับหุ้นส่วน จึงมาในชุดเสื้อเชิ้ต ผมจึงถอดเสื้อออกเหลือไว้เพียงกางเกงยีนส์ เธอครางอย่างผ่อนคลายเป็นพักๆ เวลาผมนวดไปตามคอและไหล่เธอ
“ใช้บริการพี่บ่อยแบบนี้ ต้องจ่ายค่าตัวให้พี่ละมั้ง”  ผมพูด เธอชูมือ กางนิ้วออก
”ให้พี่ห้าร้อย ?“
”ห้าบาท”
“โห นี่พี่มีค่าแค่นั้นเองเหรอ” ผมหัวเราะ คำถามนี้ผมถามออกมาจากใจ แต่เธอคงไม่รู้
”อยากนวดตรงไหนอีกมั้ย“ ผมถามหลังจากนวดไหล่กับคอให้เธอได้ 30 นาที
”พี่นวดต้นขาได้มั้ย“ เธอหงายตัวขึ้นแล้วชี้ไปที่ต้นขาด้านในใกล้หว่างขา “มันตึง” ผม
กดโลชั่นใส่มือแล้วลูบไปตามต้นขาเธอทีละข้าง
“เจ็บมั้ย” ผมถาม เธอส่ายหน้าทั้งที่หลับตาอยู่ ”ถ้าเจ็บบอกนะ“ ผมกดฝ่ามือรีดไปตามแนวกล้ามและเส้นตั้งแต่เหนือเข่าขึ้นไปจนแตะขาหนีบเธอ เธอตัวเกร็งและหายใจแรงขึ้น ทุกครั้งที่นิ้วผมสัมผัสถูกขาหนีบ เธอจะเกร็งและสั่น ผมเห็นว่าเธอแอบหรี่ตามองผม แต่ผมเลือกที่จะเฉยและเพียงนวดให้เธอต่อไปแม้ทั้งในกายและใจจะมีความต้องการที่พุ่งสูงขึ้นตามอุณหภูมิร่างกายที่เร่งสูงขึ้นจากหัวใจที่เต้นแรงขึ้น
ผมนวดขาให้เธออยู่ราว 15 นาที
”ขอบคุณค่ะ“ เธอพูดเสียงเบา ผมเอาขวดโลชั่นเธอไปเก็บกลับคืนใส่กระบะของใช้ของเธอแล้วกลับมานั่งข้างๆ
“พี่มีอะไรจะให้” ผมบอก แล้วเอื้อมมือไปหยิบถุงกระดาษที่วางแอบไว้ระหว่างเตียงกับโต๊ะข้างเตียง หยิบเอากุหลาบเทียมที่ทำจากพลาสติกแข็ง
“ให้หนูเหรอ” พีชถาม
“มันมีของข้างในด้วยนะ” ผมบอก
ตัวกุหลาบสามารถเปิดออกได้ เผยให้เห็นช้อกโกแลตกลมขนาดเท่าลูกปิงปองถูกหุ้มด้วยฟอยสีทอง ตามแบบฉบับของขวัญที่คนนิยมซื้อให้กัน
“ช้อกโกแลตตตต” น้องพีชพูดด้วยรอยยิ้ม เธอแกะฟอยออกแล้วกัดไปครึ่งคำแล้วส่งอีกครึ่งคำป้อนให้ผมทาน “ขอบคุณนะคะ”
“สุขสันต์วันเกิดนะคะ ครั้งนี้พี่เอามาให้เป็นมัดจำไว้ก่อน ของที่ตั้งใจจะให้ยังไม่ได้” 
น้องพีชเอนหลังลง ประกบดอกกุหลาบกลับประสานกัน แล้วเอาขึ้นมาแตะจมูกดม
“ไม่หอม”
“แต่ไม่เหี่ยวนะ” ผมพูดต่อประโยค “คราวก่อนพี่ให้ดอกไม้สดละเราต้องทิ้ง อันนี้หนูเก็บไว้ได้”
“ไม่อวยพรวันเกิดให้หนูเหรอ”
ผมเอนตัวลงนอนข้างๆ เธอ
“เอ้า รับพร” ผมพูด เธอหัวเราะเสียงดัง แล้วประสานมือขึ้นและหลับตา
“สุขสันต์วันเกิดนะ ขอให้พีชมีความสุข ไม่ต้องเจ็บปวด และเติบโตขึ้นในทุกๆ วันนะคะ” ผมอวยพรให้เธอสั้นๆ แล้วประทับจูบลงบนหน้าผากเธอ
”พี่รู้อะไรมั้ย“ เธอพูดขึ้นหลังจากที่ผมอวยพรอวยชัยให้เธอเสร็จ “วันนี้อะ….. หนูเพิ่งจะ 19”
ผมตกใจทำตาโต ”ก็หนูไม่เรียนต่อ พอพ้น 18 หนูก็มาทำงาน ทำได้ครึ่งปี ก็มาอยู่นี่ไง“ ผมเป็นอย่างนี้เอง กับคนตรงหน้าผมไม่มาคอยจับผิด หรือคิดอะไรมาก เพราะอันที่จริง จะ 18 19 หรือ 20 มันก็ไม่ได้มีนัยยะอะไรมากมาย ไม่คุกก็พอ
”ทำได้นะ“ เธอพูดขึ้น แต่เป็นผมที่ลังเล
”ได้เหรอ“ ผมถามย้ำ เธอพยักหน้า ผมประทับปากลงบนไหล่เธอ และไล่ขึ้นไปตามคอ พยายามอ่อนโยนกับเธอให้มากที่สุด อินโทรไปพอหอมปากหอมคอ แต่พอกำลังจะนำรถจอดเข้าซอง น้องพีชหยีตา กำมือแน่น และตัวเกร็งขึ้นมาอย่างผิดปกติ ผมรู้ว่านี่ไม่ใช่อาการเสียว…… เธอเจ็บ
“เจ็บใช่มั้ย” ผมถาม เห็นเธอขมวดคิ้ว ผมถอยออกมาดึงเธอขึ้นมากอด “พี่ขอโทษนะที่ทำให้เจ็บ” ผมไม่เหลือความคิดจะทำอะไรเธออีกต่อไป ความเจ็บปวดของเธอคือสิ่งสุดท้ายที่ผมอยากจะเห็น ผมจึงหยุดทุกอย่างและเพียงกอดเธอไว้
“พี่ขอโทษนะ” ผมพูดขอโทษเธออีกครั้ง มันทำให้ผมรู้สึกแย่จริงๆ
“ไม่เป็นไรค่ะ” เธอพูด ผมช่วยเธอแต่งตัวหลังจากที่เราล้างตัวกันเสร็จ เธอหยิบดอกกุหลาบปลอมที่ผมให้เอาไปเสียบไว้ข้างกระบะแล้วหันมาหาผม
“สวยมั้ย” ผมยกกระบะที่เสียบดอกกุหลาบปลอมที่ผมให้ขึ้นมาอวด
“จะเอาโชว์คนอื่นแบบนั้นเหรอ” ผมถาม
“ค่ะ แต่ถ้าโดนทักโดนแซวเยอะๆ ก็คงเก็บค่ะ”
.
.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่