อ่านย้อนหลังในสปอยล์
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้Ch 1 ที่นี่ไม่มี - 2 ห้ามให้ใครรู้
https://ppantip.com/topic/43274104
Ch 3 สวยไม่สวย - 4 ชอบดูหนัง
https://ppantip.com/topic/43275062
Ch 5 ติด
https://ppantip.com/topic/43276252
Ch 6 ข้อจำกัด
https://ppantip.com/topic/43277958
Ch 7 turning point
https://ppantip.com/topic/43279100
Ch 8 ไกล
https://ppantip.com/topic/43280746
Ch 9 อีกสักครั้ง
https://ppantip.com/topic/43282675
Ch 10 ธรรมชาติ กาแฟ และแสงดาว
https://ppantip.com/topic/43283324
Ch 11 กำเริบเสิบสาน
https://ppantip.com/topic/43284565
Ch 12 Found then lost
https://ppantip.com/topic/43287549
Ch 13 So be it...
https://m.ppantip.com/topic/43292913
Chapter 14 : อัปปรีย์ชีเอท
https://ppantip.com/topic/43294971
Chapter 15 : This is the end...... ?
https://ppantip.com/topic/43297240
Chapter 16 : การทดลอง
https://ppantip.com/topic/43297961
Chapter 17 : Take care แปลว่าดูแล....หรือลาก่อน
https://ppantip.com/topic/43299326
Chapter 8ไกล
แม้น้องพีช จะบอกผมว่าเธอรู้สึกกับผมเพียงพี่น้อง แต่เราก็ยังคุยกันตลอดเกือบทุกวันเหมือนปกติ
“เป็นไง ได้หยุดยาว” ผมถามเธอไปทางโทรศัพท์ในขณะที่ผมเดินเล่นคนเดียวในสวนรอบบ้านที่ต่างจังหวัด วันนี้เป็นวันแรกที่เธอได้หยุด ผมรู้สึกได้ว่าใจผมกำลังค่อยๆ เดินหน้ายอมรับความจริงไปทีละนิดอย่างช้าๆ
“ดีมากเลยค่ะ“
”สรุปวันนี้จะไปทำอะไรบ้าง“ ผมถาม อยากรู้ว่าเธอคิดวางแผนอะไรยังไง จากที่ผมเคยแนะนำเธอไปว่าให้ลองไปไหนมาไหนคนเดียวบ้าง
”เดี๋ยวป้าหนูจะมาหา คงพาป้าไปซื้อของ ละไปเดินเล่นที่ท่าน้ำค่ะ” น้องตอบผม
เรากดสลับจากคุยสายเป็นวิดีโอคอลหากัน ตลอดทางที่ขับรถมาต่างจังหวัดผมคิดมาตลอดทางว่าเราคงต้องใช้โอกาสนี้จัดการความรู้สึกตัวเอง และเลือกว่าเราจะเดินต่อยังไง จะพยายามต่อไป หรือยอมรับความจริงแต่ยังให้น้องอยู่ในชีวิต หรือเราควรหายไปเลยถึงจะดีกันนะ แต่ในระหว่างที่ผมยังคิดไม่ตกว่าควรทำยังไง การที่เรายังคุยกันอยู่ มันเหมือนตัวบอกว่าพีชก็ยังต้องการให้ผมอยู่ตรงนี้ เธอไม่ได้ต้องการตัดผมออกไปจากชีวิต อย่างน้อยการมีผมตรงนี้ มันคงพอจะให้ความอุ่นใจกับเธอได้บ้าง
.
เธอตั้งมือถือที่เปิดวิดีโอคอลคุยกับผมไว้ที่โต๊ะในห้องนอน ขณะที่เธอเดินออกจากหน้ากล้องไปแต่งตัว เปิดเผยให้ผมเห็นผ้าห่มสีเหลืองที่ผมให้เธอไว้ ถูกกองไม่ได้พับอยู่บนเตียงนอนฝั่งหนึ่ง มันพอจะเลี้ยงความรู้สึกดีในใจผมไว้ได้ที่เห็นเธอยังเก็บและใช้ของที่ผมให้ไป
“ตอนเย็นๆ เพื่อนหนูจะมาหา” พีชบอกผมต่อ “เป็นเพื่อนสมัยเรียน”
“อือฮึ“ ผมตอบรับ “ผู้ชายหรือผู้หญิง?“
”ผู้ชายค่ะ เค้าบอกว่าคืนนี้จะพาไปเที่ยว”
“เค้าคิดอะไรกับเรารึเปล่า” ผมถามไป เริ่มกังวล รู้ตัวว่ามีความไม่ชอบใจเล็กๆ
“ไม่หรอกค่ะ เค้าเคยบอกชอบหนูตอนสมัยเรียน แต่พอหนูคบกับเพื่อนเค้า เค้าก็บอกว่าคิดกับหนูแค่เพื่อนละ” พีชเล่าให้ผมฟัง แต่เด็กหนอเด็ก มันไม่ง่ายอย่างงั้นสิ คนเคยชอบละถ้าตอนนี้เราว่าง ผู้ชายเค้าก็พร้อมจะกลับมาจีบแหละ แต่ยังไงนั่นเพื่อนเธอ ผมไม่อยากเข้าไปก้าวก่ายความสัมพันธ์ส่วนตัวของเธอ
“เพื่อนเราไว้ใจได้ใช่มั้ย” ผมมุ่งความสนใจไปที่ความปลอดภัยของน้อง พีชพยักหน้าให้ผมผ่านหน้ากล้องวิดีโอคอล
“เดี๋ยวตอนหนูไปเดินเล่นที่ท่าน้ำจะถ่ายรูปให้ดูนะ”
ใจผมพองโต ปกติพีชไม่เคยถ่ายรูปอะไรส่งให้ผมดู แต่อาจเป็นเพราะเวลาทำงานจะไม่สามารถถ่ายรูปได้ และวันหยุดบางทีก็ต้องไปธุระกับคนคนนั้น คำนี้จึงทำให้ผมรู้สึกว่าความรู้สึกเรายังใกล้ชิดกันอยู่
.
เย็นวันนี้ผมมีนัดทานข้าวกับกลุ่มเพื่อนสมัยเรียน ผมนัดกันกับเพื่อนๆ ที่ร้านป้าแมว ร้านอาหารบ้านๆ แต่อร่อยระดับน้องๆ ภัตาคารดีๆ ที่นักศึกษานิยมมาทานกันเพราะใกล้มหาลัยที่เราเรียนและราคาไม่แพง ครั้งนี้เรามากันสี่คนได้แก่ผม บอย เอ และแฟนของบอย แต่เนื่องจากเราให้แฟนบอยระแคะระคายไม่ได้ว่าบอยมันเที่ยวผู้หญิง หัวข้อเกี่ยวกับเรื่องอย่างว่าจึงคุยกันไม่ได้ ซึ่งรวมไปถึงเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างน้องกับผมด้วย
น้องพีช : พี่โทรหาหน่อยได้มั้ยคะ หนูเงินหมด อยากคุยด้วย
น้องพีชส่งข้อความหาผม ขณะที่ผมอยู่บนโต๊ะอาหารกับเพื่อนๆ ผมกดโทรหาน้องทันที
“ว่าไงคะ มีอะไรรึเปล่า ?”
“หนูอึดอัด” พีชตอบมา น้ำเสียงหดหู่และรู้สึกได้อย่างขัดเจนว่ากำลังรำคาญใจ…. หมายถึงเรารึเปล่า ?
“ทำไมคะ เกิดอะไรขึ้น” ผมลุกขึ้นจากโต๊ะอาหาร ไม่อยากให้บทสนทนาของผมรบกวนเพื่อนๆ ที่กำลังทานข้าวกันอยู่
“เมื่อกี้เค้าโทรมา“
”ค่ะ“ ผมตอบแม้จะโล่งใจว่าไม่ได้หมายถึงเรา แต่ความเป็นห่วงก็เข้ามาแทนที่
”ทำไมต้องว่ากันด้วย หนูไม่เข้าใจ“ เธอเริ่มระบายออกมา
”เค้าว่าไงเหรอ“
”เค้าบอกว่า หยุดวันแรกก็เที่ยวเลยเหรอ“
”…..“ ผมนิ่งฟัง
”ทำไมอะ หนูมาเที่ยวกับเพื่อนนี่มันผิดเหรอ“ น้ำเสียงเธอคล้ายๆกับกำลังจะร้องไห้
”…..“
”ทำไมเค้าต้องมาบังคับ บอกให้อยู่ห้อง บอกให้นอน ให้ดูหนัง ทำอะไรอยู่ห้อง หนูเบื่อ เพื่อนมาหา นานๆ จะได้หยุดยาวๆ ซักที ทำไมต้องว่ากันด้วย“
”ค่ะ“ ผมนิ่งฟัง ปล่อยให้เธอระบายมาเรื่อยๆ
“หนูมาเที่ยวกับเพื่อนนี่มันผิดเหรอ”
“ไม่หรอกค่ะ หนูไม่ได้ทำอะไรผิด” ผมตอบเมื่อเธอวนเวียนอยู่กับคำถามเดิมๆ ซ้ำๆ
“ละทำไมต้องว่ากันด้วย”
“เค้าแค่ไม่ชอบที่เราทำ” ผมตอบ
“แล้วไงอะ ทำไมต้องว่ากันด้วย” เธอยังคงไม่พอใจ เห็นได้ชัดว่าเหตุผลไม่ช่วยให้เธอเข้าใจอะไรขึ้นมาได้ เพราะกำลังหงุดหงิดและอึดอัด
“อย่าโมโหไปเลยนะคะ” ผมเอาน้ำเย็นเข้าลูบ พยายามใช้น้ำเสียงให้อ่อนนุ่มที่สุดเท่าที่จะทำได้ “เค้าไม่เข้าใจ ไม่พอใจช่างเค้านะคะ แล้วนี่หนูอยู่ไหนละคะ?“ ผมถาม ลองพยายามเปลี่ยนเรื่องเผื่อเธอจะวางอารมณ์หงุดหงิดลงได้บ้าง
”อยู่กับเพื่อนละค่ะ หนูลืมถ่ายรูปส่งให้พี่ตอนอยู่ที่ท่าน้ำ หนูขอโทษ”
“อ๋อ ไม่เป็นไรหรอก“
“หนูมารอเพื่อน ตอนนี้อยู่แถวลาดพร้าว”
พูดแล้ว เธอก็กดวิดีโอคอลเปิดกล้องคุยกับผม เธอกำลังเอนหลังนอนอยู่บนเปลยวนที่ทำจากตาข่ายในห้องแสงสลัวๆ ที่เหมือนเป็นห้องชั้นล่างของตึกแถว ผมเดาว่าคงเป็นตึกแถวซักที่ที่เพื่อนเธอเช่าห้องอยู่ ตามตรอกซอกซอยเราจะสามารถพบตึกแถวที่เจ้าของแบ่งซอยแต่ละชั้นเป็นหลายๆ ห้องแล้วปล่อยเช่าในราคาถูกๆ ได้ทั่วไป
“แล้วเพื่อนจะพาเราไปไหน” ผมถาม
“ยังไม่รู้ค่ะ แถวนี้เค้าเรียก ลาดปลาเค้า พี่รู้จักมั้ย“
”รู้ค่ะ แต่ไม่ค่อยได้ไป ละนี่กินอะไรรึยัง”
“กินละค่ะ กินก๋วยเตี๋ยว กินกับป้าก่อนมา”
“ก๋วยเตี๋ยวอีกละ” ผมพูดแซวติดตลก
จังหวะนั้นเองที่เพื่อนๆ ผมเดินออกจากร้านอาหารมา ตะโกนเรียกผม
“เออๆ เคลียได้เลย เท่าไหร่ก็ไลน์มา” ผมตอบกลับไป ไม่มีอารมณ์จะกินข้าวแล้วเพราะเป็นห่วงพีช มีหลายความรู้สึกปนกันในใจ
“ยังหงุดหงิดอยู่มั้ย” ผมถามน้องขณะที่ลุกจากขอบฟุตบาทเดินไปที่รถ
“ดีขึ้นค่ะ” เธอตอบ
”ค่อยๆสังเกตุไปนะ ว่าสิ่งที่เค้าทำ มันเป็นตัวบอกว่านี่คือสิ่งที่เค้าเป็น”
“ค่ะ”
“เค้าทำแบบนี้ เพราะเค้าเป็นคนแบบนี้ สมมติพีชเดินชนใครสักคนเข้า แล้วเค้าโมโหด่าเรา ถามว่าเค้าด่าเราเพราะอะไร ? เพราะเราชนเค้าใช่มั้ย เหมือนจะใช่ แต่จริงๆ สาเหตุหลักๆ ที่เค้าด่าเรา มันเป็นเพราะเค้าเป็นคนแบบนั้น ไม่ใช่ว่าเราไม่ผิดนะ เราชนเค้าน่ะ เราผิดแหละ แต่การที่เค้าด่าเรา มันเพราะเค้าเป็นแบบนั้น เพราะความเป็นจริงคือ บางคนโดนชน เค้าอาจจะยกมือไหว้ขอโทษเราที่เค้ายืนขวางทางเดินก็ได้ เพราะนั่นคือสิ่งที่เค้าเป็น“
“แต่หนูไม่ชอบเลยอะ” พีชพูด ที่ผมสอนมันทำให้เธอเข้าใจบ้างมั้ยน้อ
“อืม แล้วไปนี่ จะดื่มมั้ย” ผมถาม เบนทิศทางบทสนทนาออกมาจากอารมณ์เธอ
“ดื่มได้มั้ยอะคะ” พีชถามผม ทำให้ผมยิ้ม ผมดีใจที่เธอถามเหมือนขออนุญาตจากผม มันอาจจะแปลว่าผมยังสำคัญสำหรับเธอ
“ได้ แต่ห้ามเมานะ โอเคมั้ย” ถ้าผมอยู่ด้วย หรือมีคนที่ไว้ใจได้จริงๆ อยู่ด้วยผมคงปล่อยเต็มที่
“ค่ะ”
“หนูมีสิทธิ์ทำอะไรได้ทุกอย่างแหละ ขอให้ระวังตัวมากๆ สังเกตุรอบข้างรอบตัวให้ดี” ผมบอก
“หนูไม่ชอบเลยอะ ทำไมต้องบังคับกันด้วย” พีชยังกลับไปพูดเรื่องเดิม
“อืม ไม่เป็นไร ช่างเค้านะ เราไม่ได้ทำอะไรผิด อย่าไปเก็บมาคิดเลย เที่ยวไม่สนุกเปล่าๆ”
“ก็เค้าไม่เหมือนพี่อะ ทำไมต้องบังคับก็ไม่รู้”
ผมไม่อยากพูดสอนเธอมากไปกว่านี้ ในความสัมพันธ์ถ้าเราเอาแต่สอนเค้าอยู่ทุกเรื่อง มันจะเป็นความสัมพันธ์ที่น่าเบื่อน่ารำคาญมาก
ผมคุยกับพีชต่ออีกสองสามคำเพื่อนเธอก็ลงมา ก่อนวางสายผมกำชับให้เธอระวังตัวและถ้ามีอะไรให้โทรหาผมได้ทันที ผมขับรถออกมาจากหน้าร้านป้าแมว กลับไปรับแฟนที่บ้านแล้วพาเธอมาเดินเล่นที่ตลาดกลางคืนในตัวเมืองก่อนที่จะต้องพาเธอกลับมาทำงานต่อ สำหรับวิว หยุดยาวครั้งนี้เหมือนการเปลี่ยนที่ทำงาน เพราะเป็นช่วงที่เธอต้อง stand by ผมจึงปล่อยให้เธอทำงาน แล้วขับรถออกมาหาร้านนวด ผมเมื่อยหลังมากจากการขับรถทางไกลหลายชั่วโมง
.
ปกติผมจะมีร้านนวดที่นวดประจำที่ถูกจริตในกรุงเทพที่อยู่ใกล้บ้าน การหาร้านนวดที่ต่างจังหวัดแบบนี้จึงถือว่าวัดดวงพอสมควร และเป็นโอกาสให้ผมโทรหาน้องพีช เพราะเป็นห่วงความปลอดภัยของเธอ ผมไปถึงร้านนวดเล็กๆ ที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านมากนัก เป็นร้านเดียวที่ยังเปิดและปิดดึกกว่าร้านอื่นในละแวกนี้ เกือบสามทุ่มครึ่งแล้ว ร้านส่วนใหญ่สามทุ่มก็ปิด มีร้านนี้ที่เปิดถึงสี่ทุ่ม
.
ผมมาถึงเปิดประตู้ร้านเข้ามาภายในร้างผู้คน คงเพราะเป็นวันหยุดยาวผู้คนส่วนใหญ่คงไปสังสรรค์กัน สักครู่หนึ่งพนักงานร้านก็เดินออกมาทักทายที่ทำเอาผมไม่สบายใจ เพราะเธอมาในชุดเกาะอก กับกางเกงยืนส์สั้นมาก แต่งหน้าเข้มและกลิ่นน้ำหอมฉุนจมูก จนผมสงสัยว่าร้านนี้จริงๆ เป็นร้านขายบริการแฝงรึเปล่า
“พี่รอแปปนึงนะ ไปตามหมอก่อน” พอรู้ว่าคนนี้ไม่ใช่คนนวด ผมก็ใจดีสู้เสือ ลองรอดูว่าหมอนวดร้านนี้จะดูเป็นยังไง ถ้าดูไม่น่าเป็นร้าน “นวด” แต่เป็นร้าน “นาบ” ก็คงไม่เอา ผมนั่งรออยู่ครู่หนึ่ง หมอนวดเป็นผู้หญิงวัยกลางคน ใส่ชุดฟอร์ม ดูบ้านๆ ก็เดินมารับและถามว่าต้องการนวดอะไร เห็นแบบนี้ก็ค่อยสบายใจ พอเลือกคอร์สนวดเสร็จ เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดสำหรับลูกค้า ผมก็กดสายโทรหาน้องพีช
“เป็นไง เมายัง” ผมถามไปแบบติดตลกเมื่อเธอรับสายผม
“ยังไม่ได้เข้าเลยค่ะ” เธอบอกผม น้ำเสียงฟังดูกังวล แต่ก็ดูอารมณ์ดีและสบายใจขึ้นกว่าเมื่อตอนหัวค่ำ
“ทำไมล่ะ”
“หนูอายุไม่ถึง เค้าไม่ให้เค้า” เออว่ะ น้องอายุ 19 อยู่เลยนี่หว่า “เพื่อนๆ กำลังหาทางกันอยู่”
“จะได้เที่ยวมั้ยเนี่ย” ผมแหย่เธอ
“ไม่รู้” เธอกดเปิดวิดีโอคอลให้ผมดูบรรยากาศรอบข้าง เพื่อนๆ พี่ๆ ของเธอกำลังคุยกันอยู่ไม่ห่างออกไป “ตอนนี้มันติดที่หนูคนเดียวเลย ที่อายุไม่ถึง รู้สึกไม่ดีเลย ทำคนอื่นไม่ได้เที่ยว”
จริงๆ มันก็ดีนะที่พีชได้ไปกับเพื่อนกลุ่มนี้ พอน้องพีชเข้าผับไม่ได้ ก็ไม่มีใครว่าอะไรและยินดีที่จะหาที่ที่จะไปด้วยกัน และไม่ทิ้งกัน
“ไม่เป็นไรหรอก เราไม่ได้ผิดอะไร นี่ดีมากเลยนะที่เพื่อนไม่ห่วงเที่ยวแล้วทิ้งเราอะ” ผมบอกให้เธอมองในแง่บวก
”เค้าไม่โทรหาหนูเลยอะ“ พีชพูดขึ้น คำนี้ทำร้ายจิตใจผมเล็กน้อย แต่ก็พยายามกล้ำกลืนมันลงไป เพราะถ้าผมปฏิเสธที่จะรับรู้ เท่ากับผมจะไม่สามารถช่วยเธอเรื่องนี้ได้ “เค้าไม่เป็นห่วงหนูเลยรึไง”
ในตอนนี้สำหรับเธอ ทั้งผมที่อยู่ไกล คนคนนั้นก็ไม่ได้อยู่ดูแล ผมจึงพยายามที่สุดที่จะทำให้เธอรู้สึกว่าผมจะไม่ทอดทิ้งเธอ
ผมพยายามอยู่ในสาย คุยกับเธอตลอดเวลาที่ผมนอนนวดอยู่ในร้านนวด เมื่อร้านที่เธอไปทีแรกนั้นไม่ได้รับอนุญาตให้เข้า พวกเธอก็พากันหาร้านใหม่ ทั้งกลุ่มเดินไปขึ้นรถไฟฟ้าเพื่อมุ่งหน้ามาที่ 5 แยกลาดพร้าว
“ได้ขึ้นรถไฟฟ้าละนี่” ผมทักขึ้น พีชไม่เคยขึ้นรถไฟฟ้ามาก่อน ตลอดเวลาหลายเดือนที่อยู่ที่นี่ถ้าไม่ขึ้นแท็กซี่ ก็จะมีคนไปส่งตลอด “เป็นไง สนุกมั้ย”
“ก็ดีค่ะ ดีกว่าที่คิด” น้องพีชตอบ ผมยิ้มละขำในใจ ว่าเธอจะกลัวทำไม แค่นั่งรถไฟฟ้า แต่ก็นั่นแหละ เธอก็มีสิ่งที่เธอเป็น ผมแนะนำให้เธอและเพื่อนๆ ไปนั่งลานเบียร์แทนที่จะเข้าผับ เพราะคาดว่าความเข้มงวดเรื่องการตรวจบัตรจะน้อยกว่า แต่ไม่รู้ว่ามันจะตอบโจทย์พวกเธอมั้ย เธอขอผมวางสายเพื่อไปจับรถแท็กซี่ลองไปลานเบียร์ตามที่ผมแนะนำ
ผมกำลังจะนวดเสร็จ และนั่นหมายถึงเมื่อผมกลับบ้านไป ผมจะไม่สามารถโทรศัพท์คุยกับเธอได้ ผมจึงได้แต่ส่งข้อความหากันผ่านโปรแกรมแชทบนโทรศัพท์มือถือ
ประสบการณ์ตรงคบกับเด็กร้านนวด Chapter 8 : ไกล
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
Chapter 8ไกล
แม้น้องพีช จะบอกผมว่าเธอรู้สึกกับผมเพียงพี่น้อง แต่เราก็ยังคุยกันตลอดเกือบทุกวันเหมือนปกติ
“เป็นไง ได้หยุดยาว” ผมถามเธอไปทางโทรศัพท์ในขณะที่ผมเดินเล่นคนเดียวในสวนรอบบ้านที่ต่างจังหวัด วันนี้เป็นวันแรกที่เธอได้หยุด ผมรู้สึกได้ว่าใจผมกำลังค่อยๆ เดินหน้ายอมรับความจริงไปทีละนิดอย่างช้าๆ
“ดีมากเลยค่ะ“
”สรุปวันนี้จะไปทำอะไรบ้าง“ ผมถาม อยากรู้ว่าเธอคิดวางแผนอะไรยังไง จากที่ผมเคยแนะนำเธอไปว่าให้ลองไปไหนมาไหนคนเดียวบ้าง
”เดี๋ยวป้าหนูจะมาหา คงพาป้าไปซื้อของ ละไปเดินเล่นที่ท่าน้ำค่ะ” น้องตอบผม
เรากดสลับจากคุยสายเป็นวิดีโอคอลหากัน ตลอดทางที่ขับรถมาต่างจังหวัดผมคิดมาตลอดทางว่าเราคงต้องใช้โอกาสนี้จัดการความรู้สึกตัวเอง และเลือกว่าเราจะเดินต่อยังไง จะพยายามต่อไป หรือยอมรับความจริงแต่ยังให้น้องอยู่ในชีวิต หรือเราควรหายไปเลยถึงจะดีกันนะ แต่ในระหว่างที่ผมยังคิดไม่ตกว่าควรทำยังไง การที่เรายังคุยกันอยู่ มันเหมือนตัวบอกว่าพีชก็ยังต้องการให้ผมอยู่ตรงนี้ เธอไม่ได้ต้องการตัดผมออกไปจากชีวิต อย่างน้อยการมีผมตรงนี้ มันคงพอจะให้ความอุ่นใจกับเธอได้บ้าง
.
เธอตั้งมือถือที่เปิดวิดีโอคอลคุยกับผมไว้ที่โต๊ะในห้องนอน ขณะที่เธอเดินออกจากหน้ากล้องไปแต่งตัว เปิดเผยให้ผมเห็นผ้าห่มสีเหลืองที่ผมให้เธอไว้ ถูกกองไม่ได้พับอยู่บนเตียงนอนฝั่งหนึ่ง มันพอจะเลี้ยงความรู้สึกดีในใจผมไว้ได้ที่เห็นเธอยังเก็บและใช้ของที่ผมให้ไป
“ตอนเย็นๆ เพื่อนหนูจะมาหา” พีชบอกผมต่อ “เป็นเพื่อนสมัยเรียน”
“อือฮึ“ ผมตอบรับ “ผู้ชายหรือผู้หญิง?“
”ผู้ชายค่ะ เค้าบอกว่าคืนนี้จะพาไปเที่ยว”
“เค้าคิดอะไรกับเรารึเปล่า” ผมถามไป เริ่มกังวล รู้ตัวว่ามีความไม่ชอบใจเล็กๆ
“ไม่หรอกค่ะ เค้าเคยบอกชอบหนูตอนสมัยเรียน แต่พอหนูคบกับเพื่อนเค้า เค้าก็บอกว่าคิดกับหนูแค่เพื่อนละ” พีชเล่าให้ผมฟัง แต่เด็กหนอเด็ก มันไม่ง่ายอย่างงั้นสิ คนเคยชอบละถ้าตอนนี้เราว่าง ผู้ชายเค้าก็พร้อมจะกลับมาจีบแหละ แต่ยังไงนั่นเพื่อนเธอ ผมไม่อยากเข้าไปก้าวก่ายความสัมพันธ์ส่วนตัวของเธอ
“เพื่อนเราไว้ใจได้ใช่มั้ย” ผมมุ่งความสนใจไปที่ความปลอดภัยของน้อง พีชพยักหน้าให้ผมผ่านหน้ากล้องวิดีโอคอล
“เดี๋ยวตอนหนูไปเดินเล่นที่ท่าน้ำจะถ่ายรูปให้ดูนะ”
ใจผมพองโต ปกติพีชไม่เคยถ่ายรูปอะไรส่งให้ผมดู แต่อาจเป็นเพราะเวลาทำงานจะไม่สามารถถ่ายรูปได้ และวันหยุดบางทีก็ต้องไปธุระกับคนคนนั้น คำนี้จึงทำให้ผมรู้สึกว่าความรู้สึกเรายังใกล้ชิดกันอยู่
.
เย็นวันนี้ผมมีนัดทานข้าวกับกลุ่มเพื่อนสมัยเรียน ผมนัดกันกับเพื่อนๆ ที่ร้านป้าแมว ร้านอาหารบ้านๆ แต่อร่อยระดับน้องๆ ภัตาคารดีๆ ที่นักศึกษานิยมมาทานกันเพราะใกล้มหาลัยที่เราเรียนและราคาไม่แพง ครั้งนี้เรามากันสี่คนได้แก่ผม บอย เอ และแฟนของบอย แต่เนื่องจากเราให้แฟนบอยระแคะระคายไม่ได้ว่าบอยมันเที่ยวผู้หญิง หัวข้อเกี่ยวกับเรื่องอย่างว่าจึงคุยกันไม่ได้ ซึ่งรวมไปถึงเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างน้องกับผมด้วย
น้องพีช : พี่โทรหาหน่อยได้มั้ยคะ หนูเงินหมด อยากคุยด้วย
น้องพีชส่งข้อความหาผม ขณะที่ผมอยู่บนโต๊ะอาหารกับเพื่อนๆ ผมกดโทรหาน้องทันที
“ว่าไงคะ มีอะไรรึเปล่า ?”
“หนูอึดอัด” พีชตอบมา น้ำเสียงหดหู่และรู้สึกได้อย่างขัดเจนว่ากำลังรำคาญใจ…. หมายถึงเรารึเปล่า ?
“ทำไมคะ เกิดอะไรขึ้น” ผมลุกขึ้นจากโต๊ะอาหาร ไม่อยากให้บทสนทนาของผมรบกวนเพื่อนๆ ที่กำลังทานข้าวกันอยู่
“เมื่อกี้เค้าโทรมา“
”ค่ะ“ ผมตอบแม้จะโล่งใจว่าไม่ได้หมายถึงเรา แต่ความเป็นห่วงก็เข้ามาแทนที่
”ทำไมต้องว่ากันด้วย หนูไม่เข้าใจ“ เธอเริ่มระบายออกมา
”เค้าว่าไงเหรอ“
”เค้าบอกว่า หยุดวันแรกก็เที่ยวเลยเหรอ“
”…..“ ผมนิ่งฟัง
”ทำไมอะ หนูมาเที่ยวกับเพื่อนนี่มันผิดเหรอ“ น้ำเสียงเธอคล้ายๆกับกำลังจะร้องไห้
”…..“
”ทำไมเค้าต้องมาบังคับ บอกให้อยู่ห้อง บอกให้นอน ให้ดูหนัง ทำอะไรอยู่ห้อง หนูเบื่อ เพื่อนมาหา นานๆ จะได้หยุดยาวๆ ซักที ทำไมต้องว่ากันด้วย“
”ค่ะ“ ผมนิ่งฟัง ปล่อยให้เธอระบายมาเรื่อยๆ
“หนูมาเที่ยวกับเพื่อนนี่มันผิดเหรอ”
“ไม่หรอกค่ะ หนูไม่ได้ทำอะไรผิด” ผมตอบเมื่อเธอวนเวียนอยู่กับคำถามเดิมๆ ซ้ำๆ
“ละทำไมต้องว่ากันด้วย”
“เค้าแค่ไม่ชอบที่เราทำ” ผมตอบ
“แล้วไงอะ ทำไมต้องว่ากันด้วย” เธอยังคงไม่พอใจ เห็นได้ชัดว่าเหตุผลไม่ช่วยให้เธอเข้าใจอะไรขึ้นมาได้ เพราะกำลังหงุดหงิดและอึดอัด
“อย่าโมโหไปเลยนะคะ” ผมเอาน้ำเย็นเข้าลูบ พยายามใช้น้ำเสียงให้อ่อนนุ่มที่สุดเท่าที่จะทำได้ “เค้าไม่เข้าใจ ไม่พอใจช่างเค้านะคะ แล้วนี่หนูอยู่ไหนละคะ?“ ผมถาม ลองพยายามเปลี่ยนเรื่องเผื่อเธอจะวางอารมณ์หงุดหงิดลงได้บ้าง
”อยู่กับเพื่อนละค่ะ หนูลืมถ่ายรูปส่งให้พี่ตอนอยู่ที่ท่าน้ำ หนูขอโทษ”
“อ๋อ ไม่เป็นไรหรอก“
“หนูมารอเพื่อน ตอนนี้อยู่แถวลาดพร้าว”
พูดแล้ว เธอก็กดวิดีโอคอลเปิดกล้องคุยกับผม เธอกำลังเอนหลังนอนอยู่บนเปลยวนที่ทำจากตาข่ายในห้องแสงสลัวๆ ที่เหมือนเป็นห้องชั้นล่างของตึกแถว ผมเดาว่าคงเป็นตึกแถวซักที่ที่เพื่อนเธอเช่าห้องอยู่ ตามตรอกซอกซอยเราจะสามารถพบตึกแถวที่เจ้าของแบ่งซอยแต่ละชั้นเป็นหลายๆ ห้องแล้วปล่อยเช่าในราคาถูกๆ ได้ทั่วไป
“แล้วเพื่อนจะพาเราไปไหน” ผมถาม
“ยังไม่รู้ค่ะ แถวนี้เค้าเรียก ลาดปลาเค้า พี่รู้จักมั้ย“
”รู้ค่ะ แต่ไม่ค่อยได้ไป ละนี่กินอะไรรึยัง”
“กินละค่ะ กินก๋วยเตี๋ยว กินกับป้าก่อนมา”
“ก๋วยเตี๋ยวอีกละ” ผมพูดแซวติดตลก
จังหวะนั้นเองที่เพื่อนๆ ผมเดินออกจากร้านอาหารมา ตะโกนเรียกผม
“เออๆ เคลียได้เลย เท่าไหร่ก็ไลน์มา” ผมตอบกลับไป ไม่มีอารมณ์จะกินข้าวแล้วเพราะเป็นห่วงพีช มีหลายความรู้สึกปนกันในใจ
“ยังหงุดหงิดอยู่มั้ย” ผมถามน้องขณะที่ลุกจากขอบฟุตบาทเดินไปที่รถ
“ดีขึ้นค่ะ” เธอตอบ
”ค่อยๆสังเกตุไปนะ ว่าสิ่งที่เค้าทำ มันเป็นตัวบอกว่านี่คือสิ่งที่เค้าเป็น”
“ค่ะ”
“เค้าทำแบบนี้ เพราะเค้าเป็นคนแบบนี้ สมมติพีชเดินชนใครสักคนเข้า แล้วเค้าโมโหด่าเรา ถามว่าเค้าด่าเราเพราะอะไร ? เพราะเราชนเค้าใช่มั้ย เหมือนจะใช่ แต่จริงๆ สาเหตุหลักๆ ที่เค้าด่าเรา มันเป็นเพราะเค้าเป็นคนแบบนั้น ไม่ใช่ว่าเราไม่ผิดนะ เราชนเค้าน่ะ เราผิดแหละ แต่การที่เค้าด่าเรา มันเพราะเค้าเป็นแบบนั้น เพราะความเป็นจริงคือ บางคนโดนชน เค้าอาจจะยกมือไหว้ขอโทษเราที่เค้ายืนขวางทางเดินก็ได้ เพราะนั่นคือสิ่งที่เค้าเป็น“
“แต่หนูไม่ชอบเลยอะ” พีชพูด ที่ผมสอนมันทำให้เธอเข้าใจบ้างมั้ยน้อ
“อืม แล้วไปนี่ จะดื่มมั้ย” ผมถาม เบนทิศทางบทสนทนาออกมาจากอารมณ์เธอ
“ดื่มได้มั้ยอะคะ” พีชถามผม ทำให้ผมยิ้ม ผมดีใจที่เธอถามเหมือนขออนุญาตจากผม มันอาจจะแปลว่าผมยังสำคัญสำหรับเธอ
“ได้ แต่ห้ามเมานะ โอเคมั้ย” ถ้าผมอยู่ด้วย หรือมีคนที่ไว้ใจได้จริงๆ อยู่ด้วยผมคงปล่อยเต็มที่
“ค่ะ”
“หนูมีสิทธิ์ทำอะไรได้ทุกอย่างแหละ ขอให้ระวังตัวมากๆ สังเกตุรอบข้างรอบตัวให้ดี” ผมบอก
“หนูไม่ชอบเลยอะ ทำไมต้องบังคับกันด้วย” พีชยังกลับไปพูดเรื่องเดิม
“อืม ไม่เป็นไร ช่างเค้านะ เราไม่ได้ทำอะไรผิด อย่าไปเก็บมาคิดเลย เที่ยวไม่สนุกเปล่าๆ”
“ก็เค้าไม่เหมือนพี่อะ ทำไมต้องบังคับก็ไม่รู้”
ผมไม่อยากพูดสอนเธอมากไปกว่านี้ ในความสัมพันธ์ถ้าเราเอาแต่สอนเค้าอยู่ทุกเรื่อง มันจะเป็นความสัมพันธ์ที่น่าเบื่อน่ารำคาญมาก
ผมคุยกับพีชต่ออีกสองสามคำเพื่อนเธอก็ลงมา ก่อนวางสายผมกำชับให้เธอระวังตัวและถ้ามีอะไรให้โทรหาผมได้ทันที ผมขับรถออกมาจากหน้าร้านป้าแมว กลับไปรับแฟนที่บ้านแล้วพาเธอมาเดินเล่นที่ตลาดกลางคืนในตัวเมืองก่อนที่จะต้องพาเธอกลับมาทำงานต่อ สำหรับวิว หยุดยาวครั้งนี้เหมือนการเปลี่ยนที่ทำงาน เพราะเป็นช่วงที่เธอต้อง stand by ผมจึงปล่อยให้เธอทำงาน แล้วขับรถออกมาหาร้านนวด ผมเมื่อยหลังมากจากการขับรถทางไกลหลายชั่วโมง
.
ปกติผมจะมีร้านนวดที่นวดประจำที่ถูกจริตในกรุงเทพที่อยู่ใกล้บ้าน การหาร้านนวดที่ต่างจังหวัดแบบนี้จึงถือว่าวัดดวงพอสมควร และเป็นโอกาสให้ผมโทรหาน้องพีช เพราะเป็นห่วงความปลอดภัยของเธอ ผมไปถึงร้านนวดเล็กๆ ที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านมากนัก เป็นร้านเดียวที่ยังเปิดและปิดดึกกว่าร้านอื่นในละแวกนี้ เกือบสามทุ่มครึ่งแล้ว ร้านส่วนใหญ่สามทุ่มก็ปิด มีร้านนี้ที่เปิดถึงสี่ทุ่ม
.
ผมมาถึงเปิดประตู้ร้านเข้ามาภายในร้างผู้คน คงเพราะเป็นวันหยุดยาวผู้คนส่วนใหญ่คงไปสังสรรค์กัน สักครู่หนึ่งพนักงานร้านก็เดินออกมาทักทายที่ทำเอาผมไม่สบายใจ เพราะเธอมาในชุดเกาะอก กับกางเกงยืนส์สั้นมาก แต่งหน้าเข้มและกลิ่นน้ำหอมฉุนจมูก จนผมสงสัยว่าร้านนี้จริงๆ เป็นร้านขายบริการแฝงรึเปล่า
“พี่รอแปปนึงนะ ไปตามหมอก่อน” พอรู้ว่าคนนี้ไม่ใช่คนนวด ผมก็ใจดีสู้เสือ ลองรอดูว่าหมอนวดร้านนี้จะดูเป็นยังไง ถ้าดูไม่น่าเป็นร้าน “นวด” แต่เป็นร้าน “นาบ” ก็คงไม่เอา ผมนั่งรออยู่ครู่หนึ่ง หมอนวดเป็นผู้หญิงวัยกลางคน ใส่ชุดฟอร์ม ดูบ้านๆ ก็เดินมารับและถามว่าต้องการนวดอะไร เห็นแบบนี้ก็ค่อยสบายใจ พอเลือกคอร์สนวดเสร็จ เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดสำหรับลูกค้า ผมก็กดสายโทรหาน้องพีช
“เป็นไง เมายัง” ผมถามไปแบบติดตลกเมื่อเธอรับสายผม
“ยังไม่ได้เข้าเลยค่ะ” เธอบอกผม น้ำเสียงฟังดูกังวล แต่ก็ดูอารมณ์ดีและสบายใจขึ้นกว่าเมื่อตอนหัวค่ำ
“ทำไมล่ะ”
“หนูอายุไม่ถึง เค้าไม่ให้เค้า” เออว่ะ น้องอายุ 19 อยู่เลยนี่หว่า “เพื่อนๆ กำลังหาทางกันอยู่”
“จะได้เที่ยวมั้ยเนี่ย” ผมแหย่เธอ
“ไม่รู้” เธอกดเปิดวิดีโอคอลให้ผมดูบรรยากาศรอบข้าง เพื่อนๆ พี่ๆ ของเธอกำลังคุยกันอยู่ไม่ห่างออกไป “ตอนนี้มันติดที่หนูคนเดียวเลย ที่อายุไม่ถึง รู้สึกไม่ดีเลย ทำคนอื่นไม่ได้เที่ยว”
จริงๆ มันก็ดีนะที่พีชได้ไปกับเพื่อนกลุ่มนี้ พอน้องพีชเข้าผับไม่ได้ ก็ไม่มีใครว่าอะไรและยินดีที่จะหาที่ที่จะไปด้วยกัน และไม่ทิ้งกัน
“ไม่เป็นไรหรอก เราไม่ได้ผิดอะไร นี่ดีมากเลยนะที่เพื่อนไม่ห่วงเที่ยวแล้วทิ้งเราอะ” ผมบอกให้เธอมองในแง่บวก
”เค้าไม่โทรหาหนูเลยอะ“ พีชพูดขึ้น คำนี้ทำร้ายจิตใจผมเล็กน้อย แต่ก็พยายามกล้ำกลืนมันลงไป เพราะถ้าผมปฏิเสธที่จะรับรู้ เท่ากับผมจะไม่สามารถช่วยเธอเรื่องนี้ได้ “เค้าไม่เป็นห่วงหนูเลยรึไง”
ในตอนนี้สำหรับเธอ ทั้งผมที่อยู่ไกล คนคนนั้นก็ไม่ได้อยู่ดูแล ผมจึงพยายามที่สุดที่จะทำให้เธอรู้สึกว่าผมจะไม่ทอดทิ้งเธอ
ผมพยายามอยู่ในสาย คุยกับเธอตลอดเวลาที่ผมนอนนวดอยู่ในร้านนวด เมื่อร้านที่เธอไปทีแรกนั้นไม่ได้รับอนุญาตให้เข้า พวกเธอก็พากันหาร้านใหม่ ทั้งกลุ่มเดินไปขึ้นรถไฟฟ้าเพื่อมุ่งหน้ามาที่ 5 แยกลาดพร้าว
“ได้ขึ้นรถไฟฟ้าละนี่” ผมทักขึ้น พีชไม่เคยขึ้นรถไฟฟ้ามาก่อน ตลอดเวลาหลายเดือนที่อยู่ที่นี่ถ้าไม่ขึ้นแท็กซี่ ก็จะมีคนไปส่งตลอด “เป็นไง สนุกมั้ย”
“ก็ดีค่ะ ดีกว่าที่คิด” น้องพีชตอบ ผมยิ้มละขำในใจ ว่าเธอจะกลัวทำไม แค่นั่งรถไฟฟ้า แต่ก็นั่นแหละ เธอก็มีสิ่งที่เธอเป็น ผมแนะนำให้เธอและเพื่อนๆ ไปนั่งลานเบียร์แทนที่จะเข้าผับ เพราะคาดว่าความเข้มงวดเรื่องการตรวจบัตรจะน้อยกว่า แต่ไม่รู้ว่ามันจะตอบโจทย์พวกเธอมั้ย เธอขอผมวางสายเพื่อไปจับรถแท็กซี่ลองไปลานเบียร์ตามที่ผมแนะนำ
ผมกำลังจะนวดเสร็จ และนั่นหมายถึงเมื่อผมกลับบ้านไป ผมจะไม่สามารถโทรศัพท์คุยกับเธอได้ ผมจึงได้แต่ส่งข้อความหากันผ่านโปรแกรมแชทบนโทรศัพท์มือถือ