Chapter 18 : Out of control
.
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้Ch 1 ที่นี่ไม่มี - 2 ห้ามให้ใครรู้
https://ppantip.com/topic/43274104
Ch 3 สวยไม่สวย - 4 ชอบดูหนัง
https://ppantip.com/topic/43275062
Ch 5 ติด
https://ppantip.com/topic/43276252
Ch 6 ข้อจำกัด
https://ppantip.com/topic/43277958
Ch 7 turning point
https://ppantip.com/topic/43279100
Ch 8 ไกล
https://ppantip.com/topic/43280746
Ch 9 อีกสักครั้ง
https://ppantip.com/topic/43282675
Ch 10 ธรรมชาติ กาแฟ และแสงดาว
https://ppantip.com/topic/43283324
Ch 11 กำเริบเสิบสาน
https://ppantip.com/topic/43284565
Ch 12 Found then lost
https://ppantip.com/topic/43287549
Ch 13 So be it...
https://m.ppantip.com/topic/43292913
Chapter 14 : อัปปรีย์ชีเอท
https://ppantip.com/topic/43294971
Chapter 15 : This is the end...... ?
https://ppantip.com/topic/43297240
Chapter 16 : การทดลอง
https://ppantip.com/topic/43297961
Chapter 17 : Take care แปลว่าดูแล....หรือลาก่อน
https://ppantip.com/topic/43299326
.
.
แม้ผมจะดีใจ แต่ผมก็ยังเห็นอะไรบางอย่าง.... การที่เธอออกปากว่าจะจ่ายค่านวดเอง แล้วพอถึงเวลากลับทำเฉย มันทำให้ผมคิดมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าเธอเป็นคนยังไงกันแน่ ที่แลดูเหมือนจะไม่แยแสที่จะรับผิดชอบคำพูดตัวเอง
.
จะใช้คำว่าเอาเปรียบได้มั้ยนะ…. เพราะในทุกความสัมพันธ์ที่ผ่านมาในชีวิต ทุกคนที่ผมคบหาด้วย จะมีความพยายามมีส่วนร่วมรับผิดชอบในความสัมพันธ์ สำหรับผม ขอแค่เห็นอีกฝ่ายพยายามแสดงตัวว่าจะช่วยออกค่าข้าวค่ากาแฟบ้างเป็นครั้งคราว ผมก็พร้อมจะทุ่มเทดูแลแบบไม่หวง และในทางกลับกัน สาวเจ้าที่คบหาก็จะรู้สึกดีกับตัวเองที่มีส่วนรับผิดชอบ และยิ่งเต็มอิ่มที่เห็นผมเต็มที่กับเธอ แต่พีชไม่เคยสักครั้งที่จะขอเลี้ยงกาแฟ ออกค่าข้าว หรือเสนอตัวเลี้ยงขนมผม
.
หรือผมคาดหวังกับพีชมากไป ?
.
เมื่อซื้อของเสร็จ ผมไปรับวิวแล้วขับรถกลับบ้านตามปกติ เธอสั่งกาแฟสดไว้ให้ผมเมื่อผมไปถึง ผมเริ่มมีความคิดว่า แบบนี้คงดีแล้ว พีชยังเด็กและการที่เธอดูแลคนอื่นไม่ค่อยเป็นแบบนี้ อาจจะเหมาะสมแล้วที่จะไม่ได้คบหากับผมต่อแบบที่เคย ความที่ผมดูแลคู่ความสัมพันธ์ราวกับเจ้าหญิงแบบนี้ พอมาตกอยู่กับพีช มันกลายเป็นผมรู้สึกไม่เท่าเทียมในความสัมพันธ์
.
ต่างจากวิวที่ผมก็ดูแลเธอไม่ต่างจากพีชตั้งแต่เริ่ม มาจนปีนี้เป็นปีที่ห้าที่เราคบหากันในฐานะแฟน ผมดูแลและตามใจเธอมาตลอด แค่อาจจะไม่หวานหยดเหมือนแรกๆ แต่วิวก็ไม่เคยทำให้ผมรู้สึกไม่ยุติธรรมในความสัมพันธ์ จริงอยู่ว่าการที่ผมดึงพีชเข้าในชีวิตมันผิด แต่ด้วยจุดยืน ณ ตอนนี้ผมรู้สึกได้ว่าผมกำลังถอยออกมาสู่ความพอดีที่ยอมรับได้มากขึ้นเรื่อยๆ อย่างน้อยผมก็ไม่มีความปราถนาที่จะมีอะไรกับพีชอีก
.
วันนี้ผมไม่มีความคิดจะโทรหาพีช เพราะคิดว่าเธอคงเพลียจากการเดินทาง ผมจึงไม่อยากโทรไปรบกวน
.
สายวันถัดมาเป็นวันที่เธอต้องเข้าร้านเป็นวันแรกหลังได้หยุดยาว ผมกดโทรศัพท์หาเธอช่วงสายก่อนเธอจะเข้าร้านดูว่าเธอจะตื่นหรือยัง
“ฮัลโหล” เธอรับสาย ที่ผ่านมาเธอมักตื่นสายกว่านี้และต้องกุลีกุจออาบน้ำแต่งตัวแต่งหน้าไปเข้าร้านแบบฉิวเฉียดแทบทุกวัน เพราะเพลียที่นอนไม่พอ การที่เธอได้หยุดยาวคงทำให้เธอไม่เครียดและกังวลน้อยลงและหลับนอนได้ดีขึ้น
“ไงคะ อาบน้ำยัง”
“อาบแล้ว หนูแต่งตัวอยู่” เธอกดสลับเป็นวิดีโอคอลคุยกับผม
“ละเมื่อวานได้กินสุกี้มั้ย” ผมถาม
“ค่ะ” เธอตอบ “เค้าว่าหนูใหญ่เลย”
“เรื่อง ?”
“ก็ที่หนูทำซิมที่เค้าซื้อให้อันนั้นหาย หาไม่เจอ หนูเลยซื้อเบอร์ใหม่ เค้าว่าหนูว่าเป็นแบบนี้แล้วเมื่อไหร่จะโต” เธอกระแทกเสียงในตอนท้าย
ผมคิดในใจ….ไอเวร ซิมการ์ดแค่อันนึงมันสำคัญกว่าความรู้สึกหรือจิตใจของคนที่คบหากันรึไง พีชอายุ 19 เพิ่งจบ ม. 6 ได้ปีนึง จะคาดหวังอะไรมากมาย พีชหายหน้าไปหลายวัน กลับมาถึงก็ทำเสียอารมณ์กันตั้งแต่วันแรกเลย ทำไมเป็นคนห่วยแตกแบบนี้ แล้วผมก็นึกย้อนมาที่ตัวเอง ว่าผมล่ะ คาดหวังอะไรกับพีชมากไปมั้ยตลอดเวลาที่คบหาและอยู่ด้วยกัน
.
“ช่างเถอะ ของมันหายไปแล้ว อย่าใส่ใจเลยนะ” ผมปลอบเธอ “ละดอกไม้ที่พี่ให้ยังอยู่มั้ย”
ผมนึกถึงดอกกุหลาบพลาสติกที่ให้เธอไปเมื่อวันเกิด
“คือ…. หนูทำมันหัก….” เธอพูดแล้วหยิบโทรศัพท์เดินไปหยิบมาให้ผมดู
ผมยิ้มหัวเราะในความซุ่มซ่ามของเธอ ”แล้วไปทำอีท่าไหนมันถึงหัก“
”หนูเอาใส่ในเป้ แล้วใส่ของเยอะไป”
ผมยิ้มหัวเราะให้เธอ เอ็นดูในความซุ่มซ่ามของเธอ สิ่งของวัดถุอะไรก็ตามที่ผมให้ใครไป ไม่ว่ามันจะมีมูลค่ามากหรือน้อย อะไรจะเกิดกับมัน มันดีทั้งนั้น ไม่ว่าเธอจะดูแลมันอย่างดี แตกหักเสียหาย หรือเธอจะทำมันหายก็ตาม ผมต้องการบอกให้เธอรู้ว่า นั่นไม่เป็นไร ผมไม่เคยรู้สึกโกรธ ไม่พอใจ เพราะใจคนที่เรารักสำคัญกว่าอะไรทั้งหมด มันงี่เง่าสิ้นดีที่เราไปให้ค่าสิ่งของมากกว่าจิตใจคนที่เรารัก ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ผมก็รักเธอเหมือนเดิม สิ่งของแทนใจมันหาใหม่ได้เสมอ
“ไม่เป็นไรหรอก ไม่ต้องคิดมากนะ”
.
.
ผมเคยสั่งเซทบราวนี่ คุกกี้ และเค้กส่งไปให้วิวแฟนผมที่ออฟฟิศเป็นของขวัญวันวาเลนไทน์ มันเป็นเซทขนมที่จัดกล่องเก้าช่องเก้าชิ้นเล็กๆ ที่น่ารักมาก และมาคู่กับมัจฉะอีกแก้วแบบที่วิวชอบและผมแน่ใจว่าคนดูแลการกินแบบวิวไม่มีทางทานคนเดียวหมด
“เอาไปแบ่งเพื่อนๆ กินนะ” ผมบอก
“ทำไมต้องแบ่งอะ” วิวตอบ
“กินคนเดียวหมดเหรอ” ผมถามขำๆ
“ไม่หมด…”
“อืม เก็บไว้ก็ไม่อร่อย“
”แต่ตัวเองให้เค้าไม่ใช่เหรอ“ วิวถาม
”ใช่ เค้าให้ตัวเอง… มันคือของตัวเอง แปลว่าตัวเองจะกินเอง แบ่งใคร มันก็ได้ทั้งนั้นแหละ“ ผมบอก “ตัวเองคิดว่าเค้าจะว่าเหรอ ถ้าตัวเองแบ่งเพื่อน”
“ใช่ เค้าเคยโดนว่า ว่าทำไมเอาของที่ให้ไปแบ่งคนอื่น เพราะเค้าบอกเค้าให้วิวคนเดียว” วิวตอบ
“ใช่ ให้วิวคนเดียว แต่วิวจะทำอะไรกับมันก็ได้ ให้วิวแล้วมันคือของวิว วิวมีสิทธิ์จะทำอะไรก็ได้ เค้าไม่งี่เง่าแบบนั้นหรอก”
"แล้วถ้าเค้าเอาของที่ตัวเองให้เค้าใช้ไปให้คนอื่นล่ะ" เธอถามอีก
"ก็แปลว่า เธอคงไม่ได้ใช้ แล้วให้คนอื่นไปมันมีประโยชน์กว่า ก็ดีแล้วนี่"
"แล้วถ้าเค้าทำของที่ตัวเองให้หายล่ะ" เธอถาม
"หายก็หายดิ แล้วไงอะ" ผมถามกลับ "ของมันหายก็คือหาย ต้องแปลว่าอะไรด้วยเหรอ"
"ไม่โกรธเหรอ"
"โกรธทำไมอะ เจตนาทำร้ายจิตใจกันเหรอ" ผมถามกลับ "ถ้าตัวเองทำของที่เค้าให้หาย ตัวเองคงเสียใจอยู่แล้ว แล้วจะให้เค้าโกรธตัวเองซ้ำให้เสียใจหนักกว่าเก่าเหรอ มันดีกว่ามั้ย ถ้าเค้านึกถึงใจตัวเอง ว่าตัวเองทุกข์ใจอยู่แล้ว เค้าช่วยให้ตัวเองสบายใจ น่าจะดีกว่านะ"
วิวบอกว่าผมไม่เหมือนใครเลยที่เธอเคยคบหามาก่อน
.
.
ผมไม่แน่ใจนัก ว่าพีชเข้าใจบ้างมั้ย กับสิ่งที่ผมแสดงออกให้เธอเห็นว่าผมให้ความสำคัญกับเธอขนาดไหน
.
เธอหายหน้าจากร้านไปหลายวัน ผมเดาว่าวันนี้เธอคงติดงานคิวยาวเหยียดไปจนดึก หลังจากวางสายจากเธอไปตอนเช้า ผมก็ไม่ติดต่อเธออีกตลอดวัน จนตอนดึกผมกดโทรศัพท์หาเธอตอนดึกหลังเวลาเธอเลิกงานราวครึ่งชั่วโมง
.
เธอกดตัดสายผม… คาดว่าเธอคงไม่ได้อยู่คนเดียวเหมือนทุกครั้ง เธอตัดสายผมเพราะไม่สามารถคุยกับผมได้ ซึ่งผมก็รู้แล้วว่าผมคาดหวังให้เธอโทรกลับได้ยาก เพราะน้อยครั้งมากที่เธอจะโทรกลับหาผม
.
.
เช้าวันต่อมา ผมโทรหาเธอก่อนเวลาทำงานตอนสายๆ…. เธอไม่รับสาย บางทีถ้าผมโทรไปตอนสายๆ หากเธอยังไม่ตื่นบางทีก็ไม่รับโทรศัพท์ ผมเดาว่าเมื่อวานเธออาจจะเหนื่อยจากที่ลูกค้าหลั่งไหลมาหาเธอที่หายหน้าไปหลายวัน ผมเลยคิดว่าเธออาจจะเพลียและตื่นสาย หรือไม่เธอก็อาจจะอาบน้ำอยู่ ผมรอเวลาอีกสักครึ่งชั่วโมงจึงกดโทรหาเธออีก
.
แต่คราวนี้ กลายเป็นว่าเสียงสัญญาณที่ดังคือดังถี่ๆ…… เธอบล้อคเบอร์ผม
.
ผมคิดแง่ดี ว่าเธออาจจะบล้อคเบอร์ผมไปก่อน เพราะไม่ได้อยู่คนเดียวแล้วไม่อยากให้มีปัญหากับคนนั้นหากโทรศัพท์ดังขึ้นแล้วเป็นผมที่โทรไป ผมสงสัยว่าเค้าทะเลาะกันรึเปล่า ที่เมื่อกี้ผมโทรไปแล้วเธอไม่รับ เค้าเห็นแล้วผิดสังเกตุรึเปล่า ว่าทำไมญาติคนนี้โทรมาบ่อยเหลือเกิน
.
เลยเวลาเข้างานไปหลายชั่วโมง ผมยังคงไม่สามารถติดต่อเธอได้ เธอยังไม่ปลดบล้อคเบอร์ผม ผมเริ่มผิดสังเกตุ เลยไลน์ไปจองเวลาเพื่อเข้าไปหาเธอที่ร้าน ถ้าเธอไม่ปลดบล้อคเบอร์ผม ผมก็ไม่มีทางคุยกับเธอได้ ผมเป็นห่วงเธอ
.
.
ผมเข้าไปเวลาเดิมคือช่วงบ่ายหลังจากผมจัดการงานที่ร้านเสร็จ เธอออกมารับผมด้วยสีหน้าที่ผมไม่คุ้นเคย.... โกรธและไม่พอใจ ผมรอดูว่าพีชจะว่ายังไง แต่เธอไม่พูดอะไรเลยเมื่อเข้ามาในห้องที่เราอยู่กันสองคนตามลำพัง จึงเป็นผมที่เริ่มบทสนทนาก่อน
“ทะเลาะกับเค้าเหรอ” ผมถามสิ่งที่ผมคาดเดา แต่ความเป็นจริงเป็นอะไรที่ผมไม่ได้นึกถึง
“คืนที่หนูโทรหาพี่…. พี่อยู่ไหน” เธอถามผมกลับมาโดยไม่ได้ตอบคำถามผม ในหัวผมประมวลอย่างรวดเร็ว ว่าเธอไม่พอใจเหรอที่เรามาที่ร้านตอนเธอไม่อยู่
“พี่มาที่นี่” ผมบอกเธอ “พี่อยากรู้ว่าถ้าพี่มาแบบที่หนูบอก พี่จะรู้สึกยังไง”
“พี่บอกอะไรพี่สกาย” เธอถามผมต่อ ผมเริ่มตามไม่ทัน ว่าเธอต้องการอะไร เพราะแลดูเธอไม่ได้ไม่พอใจที่ผมมา แต่มันเหมือนผมทำอะไรผิดหรือทำให้เธอเดือดร้อน “พี่สกายเค้ามาว่าหนู พี่ไปบอกเค้าว่าพี่คบกับหนูเหรอ”
ผมเข้าใจก็ตอนนี้เอง
“เรา..… ยังคบกันอยู่เหรอ ?” ผมถาม เริ่มมีความรู้สึกไม่พอใจ ที่ถูกตำหนิหรือตัดสินโดยไม่เรายังไม่ได้คุยกัน
“ก็ไม่ใช่... แต่ทำไมพี่ไปพูดแบบนั้น”
“ก็ถ้าเราไม่ได้คบกัน แล้วมันจะเป็นพีชได้ยังไง ไปยอมรับทำไม”
“ก็พี่ไปพูดให้เค้าเข้าใจผิด แล้วเค้าก็มาว่า มาบอกให้หนูหยุด มาวุ่นวายเชคมือถือหนูเนี่ย”
“พี่คุยกับสกาย เล่าเรื่องของพี่ให้เค้าฟัง ไม่ได้เล่าเรื่องหนู”
“ก็เค้าคิดว่ามันคือหนู” พีชสวนผม
“พี่ต้องอธิบายเค้าทุกอย่าง พูดทุกสิ่งให้เค้ารับให้เค้ารู้งั้นเหรอ ว่าคนที่พี่คบอยู่เนี่ยเป็นใคร มาจากไหน พี่ต้องทำอย่างงั้นเหรอ เค้าเอาไปปะติดปะต่อว่าเป็นหนูเอง ให้ไปพี่เรียกสกายมาคุยมั้ย”
ถึงจุดนี้ พีชได้แต่เงียบ เพราะก็รู้ดีว่าทำแบบนั้นไม่ได้
“หนูพอจริงๆ ละ” เธอพูดกระแทกเสียง ผมหัวเราะหึขึ้นมาทีหนึ่ง คิดในใจว่าพีชจัดการตัวเองไม่เป็น เลยมาไล่จัดการคนอื่นให้เป็นอย่างใจ ผมเข้าใจทั้งหมดละ ว่าอะไรเป็นอะไร เด็กคนนี้ยังไม่โตพอที่จะเข้าใจ ที่จะมองให้ออกว่าควรทำยังไงกับปัญหา แต่เธอตั้งความคาดหวังให้ทุกคนทุกอย่างเป็นอย่างใจ มันคงยากเกินไปสำหรับคนวัยอย่างพีชที่จะรู้จักลากเส้น และเลือกว่าจะเอาอะไรมาใส่ใจ
.
ทำไมถึงอวดดีแบบนี้
.
ตลอดเวลาที่คบหากัน รู้จักกันมา ไม่เคยมีสักครั้งที่พีชจะถามผม ว่าเธอควรทำยังไง ควรแก้ปัญหายังไง ควรจัดการเรื่องต่างๆ ยังไง ทั้งที่เธอเพิ่งจะอายุย่าง 19 แต่ทำราวกับตัวเองรู้เยอะ จัดการชีวิตตัวเองได้ เธอไม่เคยถอยออกมาจากปัญหา แล้วปรึกษาหารือกันว่าเราควรเดินหน้าต่อยังไง ผมเคยคิดจะเป็นคนวางแผนทำยังไงให้เราไปกันได้โดยไม่ต้องมีปัญหา และให้เธอเรียนรู้ที่จะดูแลใจและความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง และวางตัวยังไงเพื่อให้อะไรๆ มันราบรื่น แต่เหมือนมันล่วงเลยมา จนตอนนี้มันเหมือนเกินจะควบคุมอะไรได้อีกต่อไป
.
สถานะที่ผมเป็นลูกค้า มันทำให้เธอต้องอยู่ในบ่วงที่คอยระวังตัวตลอดเวลาไม่ให้คนที่ร้านรู้ระแคะระคาย มันจะง่ายขึ้นมากถ้าผมหายไปจากร้านและเจอกันแต่ข้างนอก ยิ่งผมอยู่ห่างจากร้านได้มากเท่าไหร่ ความตึงเครียด ความหวาดระแวงก็จะลดลง ขณะที่การเจอกันที่ร้าน เราทำอะไรไม่ได้มากในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ ทางที่จะทำให้ผมสามารถอยู่ห่างจากร้านได้ และพีชก็สามารถสบายใจได้ คือเราดูแลความรู้สึกกันได้ดีพอพอ ผมไม่ต้องมาหาเธอที่ร้านและเธอก็ไม่คาดหวังให้ผมเข้ามาหา เธอไม่เคยคิดมุมนี้ ขณะที่ผมมั่นใจว่าผมดูแลใจเธอได้ แต่กลับกันเธอไม่สามารถดูแลใจผมได้เลย ยิ่งคิดก็ยิ่งเข้าใจว่าทำไมความรักในชีวิตเธอถึงไม่เคยดี เธอยังเด็กเกินไป
.
.... ผมคงคาดหวังมากไปจริงๆ
ประสบการณ์ตรงคบกับเด็กร้านนวดปู๋ Chapter 18 : Out of control
.
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
.
.
แม้ผมจะดีใจ แต่ผมก็ยังเห็นอะไรบางอย่าง.... การที่เธอออกปากว่าจะจ่ายค่านวดเอง แล้วพอถึงเวลากลับทำเฉย มันทำให้ผมคิดมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าเธอเป็นคนยังไงกันแน่ ที่แลดูเหมือนจะไม่แยแสที่จะรับผิดชอบคำพูดตัวเอง
.
จะใช้คำว่าเอาเปรียบได้มั้ยนะ…. เพราะในทุกความสัมพันธ์ที่ผ่านมาในชีวิต ทุกคนที่ผมคบหาด้วย จะมีความพยายามมีส่วนร่วมรับผิดชอบในความสัมพันธ์ สำหรับผม ขอแค่เห็นอีกฝ่ายพยายามแสดงตัวว่าจะช่วยออกค่าข้าวค่ากาแฟบ้างเป็นครั้งคราว ผมก็พร้อมจะทุ่มเทดูแลแบบไม่หวง และในทางกลับกัน สาวเจ้าที่คบหาก็จะรู้สึกดีกับตัวเองที่มีส่วนรับผิดชอบ และยิ่งเต็มอิ่มที่เห็นผมเต็มที่กับเธอ แต่พีชไม่เคยสักครั้งที่จะขอเลี้ยงกาแฟ ออกค่าข้าว หรือเสนอตัวเลี้ยงขนมผม
.
หรือผมคาดหวังกับพีชมากไป ?
.
เมื่อซื้อของเสร็จ ผมไปรับวิวแล้วขับรถกลับบ้านตามปกติ เธอสั่งกาแฟสดไว้ให้ผมเมื่อผมไปถึง ผมเริ่มมีความคิดว่า แบบนี้คงดีแล้ว พีชยังเด็กและการที่เธอดูแลคนอื่นไม่ค่อยเป็นแบบนี้ อาจจะเหมาะสมแล้วที่จะไม่ได้คบหากับผมต่อแบบที่เคย ความที่ผมดูแลคู่ความสัมพันธ์ราวกับเจ้าหญิงแบบนี้ พอมาตกอยู่กับพีช มันกลายเป็นผมรู้สึกไม่เท่าเทียมในความสัมพันธ์
.
ต่างจากวิวที่ผมก็ดูแลเธอไม่ต่างจากพีชตั้งแต่เริ่ม มาจนปีนี้เป็นปีที่ห้าที่เราคบหากันในฐานะแฟน ผมดูแลและตามใจเธอมาตลอด แค่อาจจะไม่หวานหยดเหมือนแรกๆ แต่วิวก็ไม่เคยทำให้ผมรู้สึกไม่ยุติธรรมในความสัมพันธ์ จริงอยู่ว่าการที่ผมดึงพีชเข้าในชีวิตมันผิด แต่ด้วยจุดยืน ณ ตอนนี้ผมรู้สึกได้ว่าผมกำลังถอยออกมาสู่ความพอดีที่ยอมรับได้มากขึ้นเรื่อยๆ อย่างน้อยผมก็ไม่มีความปราถนาที่จะมีอะไรกับพีชอีก
.
วันนี้ผมไม่มีความคิดจะโทรหาพีช เพราะคิดว่าเธอคงเพลียจากการเดินทาง ผมจึงไม่อยากโทรไปรบกวน
.
สายวันถัดมาเป็นวันที่เธอต้องเข้าร้านเป็นวันแรกหลังได้หยุดยาว ผมกดโทรศัพท์หาเธอช่วงสายก่อนเธอจะเข้าร้านดูว่าเธอจะตื่นหรือยัง
“ฮัลโหล” เธอรับสาย ที่ผ่านมาเธอมักตื่นสายกว่านี้และต้องกุลีกุจออาบน้ำแต่งตัวแต่งหน้าไปเข้าร้านแบบฉิวเฉียดแทบทุกวัน เพราะเพลียที่นอนไม่พอ การที่เธอได้หยุดยาวคงทำให้เธอไม่เครียดและกังวลน้อยลงและหลับนอนได้ดีขึ้น
“ไงคะ อาบน้ำยัง”
“อาบแล้ว หนูแต่งตัวอยู่” เธอกดสลับเป็นวิดีโอคอลคุยกับผม
“ละเมื่อวานได้กินสุกี้มั้ย” ผมถาม
“ค่ะ” เธอตอบ “เค้าว่าหนูใหญ่เลย”
“เรื่อง ?”
“ก็ที่หนูทำซิมที่เค้าซื้อให้อันนั้นหาย หาไม่เจอ หนูเลยซื้อเบอร์ใหม่ เค้าว่าหนูว่าเป็นแบบนี้แล้วเมื่อไหร่จะโต” เธอกระแทกเสียงในตอนท้าย
ผมคิดในใจ….ไอเวร ซิมการ์ดแค่อันนึงมันสำคัญกว่าความรู้สึกหรือจิตใจของคนที่คบหากันรึไง พีชอายุ 19 เพิ่งจบ ม. 6 ได้ปีนึง จะคาดหวังอะไรมากมาย พีชหายหน้าไปหลายวัน กลับมาถึงก็ทำเสียอารมณ์กันตั้งแต่วันแรกเลย ทำไมเป็นคนห่วยแตกแบบนี้ แล้วผมก็นึกย้อนมาที่ตัวเอง ว่าผมล่ะ คาดหวังอะไรกับพีชมากไปมั้ยตลอดเวลาที่คบหาและอยู่ด้วยกัน
.
“ช่างเถอะ ของมันหายไปแล้ว อย่าใส่ใจเลยนะ” ผมปลอบเธอ “ละดอกไม้ที่พี่ให้ยังอยู่มั้ย”
ผมนึกถึงดอกกุหลาบพลาสติกที่ให้เธอไปเมื่อวันเกิด
“คือ…. หนูทำมันหัก….” เธอพูดแล้วหยิบโทรศัพท์เดินไปหยิบมาให้ผมดู
ผมยิ้มหัวเราะในความซุ่มซ่ามของเธอ ”แล้วไปทำอีท่าไหนมันถึงหัก“
”หนูเอาใส่ในเป้ แล้วใส่ของเยอะไป”
ผมยิ้มหัวเราะให้เธอ เอ็นดูในความซุ่มซ่ามของเธอ สิ่งของวัดถุอะไรก็ตามที่ผมให้ใครไป ไม่ว่ามันจะมีมูลค่ามากหรือน้อย อะไรจะเกิดกับมัน มันดีทั้งนั้น ไม่ว่าเธอจะดูแลมันอย่างดี แตกหักเสียหาย หรือเธอจะทำมันหายก็ตาม ผมต้องการบอกให้เธอรู้ว่า นั่นไม่เป็นไร ผมไม่เคยรู้สึกโกรธ ไม่พอใจ เพราะใจคนที่เรารักสำคัญกว่าอะไรทั้งหมด มันงี่เง่าสิ้นดีที่เราไปให้ค่าสิ่งของมากกว่าจิตใจคนที่เรารัก ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ผมก็รักเธอเหมือนเดิม สิ่งของแทนใจมันหาใหม่ได้เสมอ
“ไม่เป็นไรหรอก ไม่ต้องคิดมากนะ”
.
.
ผมเคยสั่งเซทบราวนี่ คุกกี้ และเค้กส่งไปให้วิวแฟนผมที่ออฟฟิศเป็นของขวัญวันวาเลนไทน์ มันเป็นเซทขนมที่จัดกล่องเก้าช่องเก้าชิ้นเล็กๆ ที่น่ารักมาก และมาคู่กับมัจฉะอีกแก้วแบบที่วิวชอบและผมแน่ใจว่าคนดูแลการกินแบบวิวไม่มีทางทานคนเดียวหมด
“เอาไปแบ่งเพื่อนๆ กินนะ” ผมบอก
“ทำไมต้องแบ่งอะ” วิวตอบ
“กินคนเดียวหมดเหรอ” ผมถามขำๆ
“ไม่หมด…”
“อืม เก็บไว้ก็ไม่อร่อย“
”แต่ตัวเองให้เค้าไม่ใช่เหรอ“ วิวถาม
”ใช่ เค้าให้ตัวเอง… มันคือของตัวเอง แปลว่าตัวเองจะกินเอง แบ่งใคร มันก็ได้ทั้งนั้นแหละ“ ผมบอก “ตัวเองคิดว่าเค้าจะว่าเหรอ ถ้าตัวเองแบ่งเพื่อน”
“ใช่ เค้าเคยโดนว่า ว่าทำไมเอาของที่ให้ไปแบ่งคนอื่น เพราะเค้าบอกเค้าให้วิวคนเดียว” วิวตอบ
“ใช่ ให้วิวคนเดียว แต่วิวจะทำอะไรกับมันก็ได้ ให้วิวแล้วมันคือของวิว วิวมีสิทธิ์จะทำอะไรก็ได้ เค้าไม่งี่เง่าแบบนั้นหรอก”
"แล้วถ้าเค้าเอาของที่ตัวเองให้เค้าใช้ไปให้คนอื่นล่ะ" เธอถามอีก
"ก็แปลว่า เธอคงไม่ได้ใช้ แล้วให้คนอื่นไปมันมีประโยชน์กว่า ก็ดีแล้วนี่"
"แล้วถ้าเค้าทำของที่ตัวเองให้หายล่ะ" เธอถาม
"หายก็หายดิ แล้วไงอะ" ผมถามกลับ "ของมันหายก็คือหาย ต้องแปลว่าอะไรด้วยเหรอ"
"ไม่โกรธเหรอ"
"โกรธทำไมอะ เจตนาทำร้ายจิตใจกันเหรอ" ผมถามกลับ "ถ้าตัวเองทำของที่เค้าให้หาย ตัวเองคงเสียใจอยู่แล้ว แล้วจะให้เค้าโกรธตัวเองซ้ำให้เสียใจหนักกว่าเก่าเหรอ มันดีกว่ามั้ย ถ้าเค้านึกถึงใจตัวเอง ว่าตัวเองทุกข์ใจอยู่แล้ว เค้าช่วยให้ตัวเองสบายใจ น่าจะดีกว่านะ"
วิวบอกว่าผมไม่เหมือนใครเลยที่เธอเคยคบหามาก่อน
.
.
ผมไม่แน่ใจนัก ว่าพีชเข้าใจบ้างมั้ย กับสิ่งที่ผมแสดงออกให้เธอเห็นว่าผมให้ความสำคัญกับเธอขนาดไหน
.
เธอหายหน้าจากร้านไปหลายวัน ผมเดาว่าวันนี้เธอคงติดงานคิวยาวเหยียดไปจนดึก หลังจากวางสายจากเธอไปตอนเช้า ผมก็ไม่ติดต่อเธออีกตลอดวัน จนตอนดึกผมกดโทรศัพท์หาเธอตอนดึกหลังเวลาเธอเลิกงานราวครึ่งชั่วโมง
.
เธอกดตัดสายผม… คาดว่าเธอคงไม่ได้อยู่คนเดียวเหมือนทุกครั้ง เธอตัดสายผมเพราะไม่สามารถคุยกับผมได้ ซึ่งผมก็รู้แล้วว่าผมคาดหวังให้เธอโทรกลับได้ยาก เพราะน้อยครั้งมากที่เธอจะโทรกลับหาผม
.
.
เช้าวันต่อมา ผมโทรหาเธอก่อนเวลาทำงานตอนสายๆ…. เธอไม่รับสาย บางทีถ้าผมโทรไปตอนสายๆ หากเธอยังไม่ตื่นบางทีก็ไม่รับโทรศัพท์ ผมเดาว่าเมื่อวานเธออาจจะเหนื่อยจากที่ลูกค้าหลั่งไหลมาหาเธอที่หายหน้าไปหลายวัน ผมเลยคิดว่าเธออาจจะเพลียและตื่นสาย หรือไม่เธอก็อาจจะอาบน้ำอยู่ ผมรอเวลาอีกสักครึ่งชั่วโมงจึงกดโทรหาเธออีก
.
แต่คราวนี้ กลายเป็นว่าเสียงสัญญาณที่ดังคือดังถี่ๆ…… เธอบล้อคเบอร์ผม
.
ผมคิดแง่ดี ว่าเธออาจจะบล้อคเบอร์ผมไปก่อน เพราะไม่ได้อยู่คนเดียวแล้วไม่อยากให้มีปัญหากับคนนั้นหากโทรศัพท์ดังขึ้นแล้วเป็นผมที่โทรไป ผมสงสัยว่าเค้าทะเลาะกันรึเปล่า ที่เมื่อกี้ผมโทรไปแล้วเธอไม่รับ เค้าเห็นแล้วผิดสังเกตุรึเปล่า ว่าทำไมญาติคนนี้โทรมาบ่อยเหลือเกิน
.
เลยเวลาเข้างานไปหลายชั่วโมง ผมยังคงไม่สามารถติดต่อเธอได้ เธอยังไม่ปลดบล้อคเบอร์ผม ผมเริ่มผิดสังเกตุ เลยไลน์ไปจองเวลาเพื่อเข้าไปหาเธอที่ร้าน ถ้าเธอไม่ปลดบล้อคเบอร์ผม ผมก็ไม่มีทางคุยกับเธอได้ ผมเป็นห่วงเธอ
.
.
ผมเข้าไปเวลาเดิมคือช่วงบ่ายหลังจากผมจัดการงานที่ร้านเสร็จ เธอออกมารับผมด้วยสีหน้าที่ผมไม่คุ้นเคย.... โกรธและไม่พอใจ ผมรอดูว่าพีชจะว่ายังไง แต่เธอไม่พูดอะไรเลยเมื่อเข้ามาในห้องที่เราอยู่กันสองคนตามลำพัง จึงเป็นผมที่เริ่มบทสนทนาก่อน
“ทะเลาะกับเค้าเหรอ” ผมถามสิ่งที่ผมคาดเดา แต่ความเป็นจริงเป็นอะไรที่ผมไม่ได้นึกถึง
“คืนที่หนูโทรหาพี่…. พี่อยู่ไหน” เธอถามผมกลับมาโดยไม่ได้ตอบคำถามผม ในหัวผมประมวลอย่างรวดเร็ว ว่าเธอไม่พอใจเหรอที่เรามาที่ร้านตอนเธอไม่อยู่
“พี่มาที่นี่” ผมบอกเธอ “พี่อยากรู้ว่าถ้าพี่มาแบบที่หนูบอก พี่จะรู้สึกยังไง”
“พี่บอกอะไรพี่สกาย” เธอถามผมต่อ ผมเริ่มตามไม่ทัน ว่าเธอต้องการอะไร เพราะแลดูเธอไม่ได้ไม่พอใจที่ผมมา แต่มันเหมือนผมทำอะไรผิดหรือทำให้เธอเดือดร้อน “พี่สกายเค้ามาว่าหนู พี่ไปบอกเค้าว่าพี่คบกับหนูเหรอ”
ผมเข้าใจก็ตอนนี้เอง
“เรา..… ยังคบกันอยู่เหรอ ?” ผมถาม เริ่มมีความรู้สึกไม่พอใจ ที่ถูกตำหนิหรือตัดสินโดยไม่เรายังไม่ได้คุยกัน
“ก็ไม่ใช่... แต่ทำไมพี่ไปพูดแบบนั้น”
“ก็ถ้าเราไม่ได้คบกัน แล้วมันจะเป็นพีชได้ยังไง ไปยอมรับทำไม”
“ก็พี่ไปพูดให้เค้าเข้าใจผิด แล้วเค้าก็มาว่า มาบอกให้หนูหยุด มาวุ่นวายเชคมือถือหนูเนี่ย”
“พี่คุยกับสกาย เล่าเรื่องของพี่ให้เค้าฟัง ไม่ได้เล่าเรื่องหนู”
“ก็เค้าคิดว่ามันคือหนู” พีชสวนผม
“พี่ต้องอธิบายเค้าทุกอย่าง พูดทุกสิ่งให้เค้ารับให้เค้ารู้งั้นเหรอ ว่าคนที่พี่คบอยู่เนี่ยเป็นใคร มาจากไหน พี่ต้องทำอย่างงั้นเหรอ เค้าเอาไปปะติดปะต่อว่าเป็นหนูเอง ให้ไปพี่เรียกสกายมาคุยมั้ย”
ถึงจุดนี้ พีชได้แต่เงียบ เพราะก็รู้ดีว่าทำแบบนั้นไม่ได้
“หนูพอจริงๆ ละ” เธอพูดกระแทกเสียง ผมหัวเราะหึขึ้นมาทีหนึ่ง คิดในใจว่าพีชจัดการตัวเองไม่เป็น เลยมาไล่จัดการคนอื่นให้เป็นอย่างใจ ผมเข้าใจทั้งหมดละ ว่าอะไรเป็นอะไร เด็กคนนี้ยังไม่โตพอที่จะเข้าใจ ที่จะมองให้ออกว่าควรทำยังไงกับปัญหา แต่เธอตั้งความคาดหวังให้ทุกคนทุกอย่างเป็นอย่างใจ มันคงยากเกินไปสำหรับคนวัยอย่างพีชที่จะรู้จักลากเส้น และเลือกว่าจะเอาอะไรมาใส่ใจ
.
ทำไมถึงอวดดีแบบนี้
.
ตลอดเวลาที่คบหากัน รู้จักกันมา ไม่เคยมีสักครั้งที่พีชจะถามผม ว่าเธอควรทำยังไง ควรแก้ปัญหายังไง ควรจัดการเรื่องต่างๆ ยังไง ทั้งที่เธอเพิ่งจะอายุย่าง 19 แต่ทำราวกับตัวเองรู้เยอะ จัดการชีวิตตัวเองได้ เธอไม่เคยถอยออกมาจากปัญหา แล้วปรึกษาหารือกันว่าเราควรเดินหน้าต่อยังไง ผมเคยคิดจะเป็นคนวางแผนทำยังไงให้เราไปกันได้โดยไม่ต้องมีปัญหา และให้เธอเรียนรู้ที่จะดูแลใจและความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง และวางตัวยังไงเพื่อให้อะไรๆ มันราบรื่น แต่เหมือนมันล่วงเลยมา จนตอนนี้มันเหมือนเกินจะควบคุมอะไรได้อีกต่อไป
.
สถานะที่ผมเป็นลูกค้า มันทำให้เธอต้องอยู่ในบ่วงที่คอยระวังตัวตลอดเวลาไม่ให้คนที่ร้านรู้ระแคะระคาย มันจะง่ายขึ้นมากถ้าผมหายไปจากร้านและเจอกันแต่ข้างนอก ยิ่งผมอยู่ห่างจากร้านได้มากเท่าไหร่ ความตึงเครียด ความหวาดระแวงก็จะลดลง ขณะที่การเจอกันที่ร้าน เราทำอะไรไม่ได้มากในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ ทางที่จะทำให้ผมสามารถอยู่ห่างจากร้านได้ และพีชก็สามารถสบายใจได้ คือเราดูแลความรู้สึกกันได้ดีพอพอ ผมไม่ต้องมาหาเธอที่ร้านและเธอก็ไม่คาดหวังให้ผมเข้ามาหา เธอไม่เคยคิดมุมนี้ ขณะที่ผมมั่นใจว่าผมดูแลใจเธอได้ แต่กลับกันเธอไม่สามารถดูแลใจผมได้เลย ยิ่งคิดก็ยิ่งเข้าใจว่าทำไมความรักในชีวิตเธอถึงไม่เคยดี เธอยังเด็กเกินไป
.
.... ผมคงคาดหวังมากไปจริงๆ