อ่านย้อนหลัง Ch 1 ที่นี่ไม่มี - 2 ห้ามให้ใครรู้
https://ppantip.com/topic/43274104
อ่านย้อนหลัง Ch 3 สวยไม่สวย - 4 ชอบดูหนัง
https://ppantip.com/topic/43275062
อ่านย้อนหลัง Ch 5 ติด
https://ppantip.com/topic/43276252
อ่านย้อนหลัง Ch 6 ข้อจำกัด
https://ppantip.com/topic/43277958
อ่านย้อนหลัง Ch 7 turning point
https://ppantip.com/topic/43279100
อ่านย้อนหลัง Ch 8 ไกล
https://ppantip.com/topic/43280746
อ่านย้อนหลัง Ch 9 อีกสักครั้ง
https://ppantip.com/topic/43282675
อ่านย้อนหลัง Ch 10 ธรรมชาติ กาแฟ และแสงดาว
https://ppantip.com/topic/43283324
อ่านย้อนหลัง Ch 11 กำเริบเสิบสาน
https://ppantip.com/topic/43284565
อ่านย้อนหลัง Ch 12 Found then lost
https://ppantip.com/topic/43287549
.
.
Chapter 13 : So be it…
.
ผมไปจอดรถรอเธอที่หน้าคอนโดก่อนเวลาเธอเลิกงานราวครึ่งชั่วโมง เมื่อคอนโดเธออยู่ใกล้ร้านในระยะเดินได้จึงทำให้มีเพื่อนร่วมงานเธออยู่คอนโดเดียวกันกับเธอหลายคน และสังเกตุได้ไม่ยากเพราะเด็กๆ ที่ร้านก็จะเดินเกาะกลุ่มกันกลับมาพร้อมๆกัน เมื่อมีคนติดงานเท่านั้นที่จะต้องเดินกลับคนเดียว และความที่พีชเป็นดาวของร้าน ทำให้เธอมักติดลูกค้าและเลิกดึกกว่าคนอื่นอยู่บ่อยๆ และวันนี้ก็เช่นกัน
.
ผมรู้เพราะเห็นกลุ่มสาวๆ ที่เดินกลับจากร้านเป็นกลุ่มผ่านข้างรถผมไปโดยไม่มีใครสังเกตุเห็นผม บางคนเดินเข้าคอนโด บางคนจับแท็กซี่ออกไป ไม่มีน้องพีชอยู่ในกลุ่มนั้น ผ่านไปอีกราวครึ่งชั่วโมงถึงเห็นน้องพีชเดินผ่านมาคนเดียวและเลี้ยวเข้าคอนโดไป ผมไม่แน่ใจว่าน้องไม่เห็นผม หรือเดินเลยไปเพื่อไม่ให้ใครผิดสังเกตุ หรือเธอเปลี่ยนใจไม่ไปกับผมแล้วก็ไม่รู้ ผ่านไปราว 15 นาทีจนผมแน่ใจว่าเธอน่าจะอยู่บนห้องแล้ว จึงกดโทรศัพท์โทรหาเธอ
.
“ค่ะ” เธอรับสาย
“ทำไรอยู่คะ” ผมถามโดยพยายามทำเสียงให้นิ่มนวลที่สุด
“เก็บของค่ะ พี่อยู่ไหน” น้องตอบแล้วถามกลับมา
“พี่จอดรออยู่หน้าคอนโด เห็นหนูเดินผ่านหน้ารถพี่ด้วย” ผมพูดยิ้มๆ
“อ้าว พี่ไม่เรียกหนูล่ะ”
“ละไม่เห็นพี่เหรอ” ผมถาม
“ไม่เห็น หนูจำทะเบียนรถไม่ได้” ผมหัวเราะ ถ้าเป็นผมเมื่อก่อนอ่อนกว่านี้ซัก 5 ปี ผมก็คงพูดตำหนิเธอ ทำนองว่าขึ้นรถพี่ตั้งหลายครั้งจำไม่ได้เหรอ หรือคบกันละเรื่องแค่นี้ทำไมจำไม่ได้ แต่เมื่อผ่านเหตุการณ์หลายๆ ความสัมพันธ์ มันทำให้รู้เลยว่า เป็นการพูดที่บ่อนทำลายและไร้ค่าสิ้นดี ผมได้ยินเธอหยิบถุงพลาสติกและทำเสียงก๊อกแก๊ก
“ทำอะไรอะ” ผมถาม
“พี่กินกาแฟใช่มั้ย หนูไม่กิน พี่เอาไปนะ” น้องพีชกำลังหยิบขวดใส่กาแฟสำเร็จรูปใส่ถุงจะเอาลงมาให้ผม “พี่วนเข้ามาเลยค่ะ หนูวางก่อนนะ ลงลิฟท์” พีชบอกเมื่อได้ยินเสียงเธอปิดประตูห้อง
ผมเลี้ยวรถไปใต้คอนโดเธอที่หน้าตึกและขับเลยไปเล็กน้อยแล้วดับเครื่อง ผมมองไปรอบๆ เพื่อดูว่ามีเพื่อนร่วมงานเธออยู่แถวนี้มั้ย แต่เวลานั้นดึกมากแล้ว จึงเงียบสงบและไร้ผู้คน ยกเว้นรปภ.ที่นั่งสัปปะหงกอยู่ที่หน้าประตูเข้าตึก ไม่นานน้องพีชก็เดินออกจากประตูมา เธอหันซ้ายขวาแล้วก็มาสะดุดตาที่รถผม ก้มหัวลงเหมือนเพ่งมองว่าใช่รถผมหรือเปล่า ก่อนจะเดินมาหา แล้วชะเง้อมองที่กระจกฝั่งข้างคนขับ เธอใส่เสื้อชุดนอนสีเขียวอ่อนมาเหมือนพร้อมนอนเต็มที่
“ทำไมไม่จอดหน้าประตู” น้องถามเมื่อเปิดประตูก้าวขึ้นรถมา
“เลยมาหน่อย ขึ้นรถตรงนั้นเดี๋ยวคนเห็นง่ายไป” ผมตอบ แล้วก็ติดเครื่องขับออกมา
“ละวันนี้เหนื่อยมั้ย งานเยอะรึเปล่า” ผมสังเกตุว่าเธอดูไม่ได้อ่อนเพลียมาก เทียบกับเมื่อวันก่อน
“ไม่เหนื่อยมากค่ะ เยอะแค่ตอนค่ำ”
ผมหยิบผ้าห่มให้เธอเพราะนี่ดึกแล้ว คิดว่าเธออาจจะหนาว มันคือผ้าห่มผืนที่เอาไปให้เธอห่มที่ร้านประจำผืนเดิม
“ละหิวมั้ย” ผมถามต่อ
“ไม่หิวค่ะ” พีชตอบ “แต่อยากกินไอติม” เธอพูดขณะกางผ้าห่มออกคลุมตัว….. กินไอติม กลางดึกแบบนี้เนี่ยนะ
“เซเว่นมั้ย” ผมตอบกวนๆ
“ไม่เอาาาา” พีชลากเสียงด้วยรอยยิ้ม “อยากกินบิงซู” เธอพูดต่อ
ผมจอดรถเข้าข้างทางแล้วกดมือถือดูว่ายังพอหาร้านคาเฟ่ หรือร้านไอติมที่ยังเปิดอยู่บ้างได้มั้ย แล้วก็เจอร้านหนึ่งที่เปิด 24 ชั่วโมงห่างออกไปสามสิบนาที เป็นร้านบิงซูพอดี ผมชั่งใจว่าจะไปดีมั้ย เพราะต้องขับรถกลับมาอีกสามสิบนาทีเพื่อไปที่พัก มันจะดึกไปมั้ย แต่ก็คิดว่ายอมนอนดึกละให้เธอได้ทานของที่เธออยากทานดีกว่า วงจรชีวิตของเธอก็รู้ดีอยู่แล้วว่าไม่ค่อยได้ทานอะไรนอกจากอาหารเดิมๆ ในตลาดใกล้ร้าน
.
แม้พีชจะติดมือถือ แต่เวลานั่งรถผมเธอก็ไม่เล่นมือถือ ผมสงสัยว่าเธอน่าจะเมารถง่าย เธอชอบมองออกไปแล้วถามอะไรผมเจื้อยแจ้ว ตึกรูปทรงประหลาดบ้าง ไฟประดับอะไรเยอะแยะบ้าง และถามว่าป้ายภาษาอังกฤษสวยๆ หน้าตาแปลกๆ อ่านว่าอะไร.... เช่นคำว่า J-A-P-A-N บางครั้งผมสงสัยด้วยว่าเธอถามเพราะเธอไม่ค่อยได้ไปไหนมาไหน หรือมันคือนิสัยที่ถามอะไรไปเรื่อยๆ แบบไม่ค่อยมีสาระ แต่ผมก็คิดอีกตลบว่า เราอย่าไปตัดสินเธอแบบนั้นเลยดีกว่า หรืออาจจะเป็นผมเองที่คุยเล่นกับเด็กวัยนี้ไม่ค่อยเป็นเอง.... เธอเพิ่งจะ 19
.
ผมเลี้ยวรถเข้าจอดในซอยข้างร้านบิงซูที่เป็นซอยตันสั้นๆ เราลงรถแล้วเดินเข้าร้านไปด้วยกัน ผมคว้ามือเธอมาจับเดินไปด้วยกัน แต่เหมือนเธอพยายามจะดึงมือออก ผมจึงปล่อย
.
เราผลักประตูร้านเข้ามา ร้านไฟสว่าง และเพลงก็ยังเปิด แต่ไม่มีคนเลยสักคนแม้แต่พนักงานของร้าน บนเคาเตอร์มีกริ่งสำหรับกดเรียกพนักงาน แต่ก็ไปเท่าไหร่ก็ไม่มีใครออกมาต้อนรับ ผมยกมือถือขึ้นมาให้เรตติ้งร้าน 1 ดาวและให้เหตุผลว่าไม่มีพนักงานมาต้อนรับ
“ไปที่อื่นก็ได้ค่ะ” พีชพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าจนปัญญาจะตามหาพนักงานร้าน
ผมกดมือถือหาร้านอื่นต่อไป เจออีกร้านคาเฟ่ร้านหนึ่งที่จะปิดในอีก 1 ชั่วโมง แต่ระยะทางขับรถคือ 20 นาที ผมสังเกตุว่าตาเธอเริ่มปรือ เพราะนี่ก็ดึกมากแล้ว
.
ผมขับรถวนกลับไปมาอยู่ซักพักด้วยความงุนงง เพราะบนแผนที่บอกว่าเรามาถึงแล้ว แต่เจอแต่ตึกที่ปิดไฟมืด หาไม่เจอแม้แต่ป้ายของร้านที่แสดงอยู่บนแผนที่ ผมเริ่มเซ็งเพราะความคาดหวังที่จะได้พาพีชไปกินอะไรที่เธออยากินดูจะไม่เป็นอย่างหวัง ผมจอดรถเข้าข้างทางแล้วลองกดโทรไปตามเบอร์ร้านที่แสดงบนแอพแผนที่
“ไม่กินแล้วก็ได้นะคะ หนูง่วงแล้ว”
เราเสียเวลาบนถนนเกือบชั่วโมงโดยไม่ได้อะไรเลย ผมจึงจำใจยอมแพ้แล้วออกรถขับมุ่งหน้าไปห้องพักที่ผมจองเอาไว้
.
พีชผลอยหลับไปแล้วด้วยความอ่อนเเพลียบนที่นั่งข้างคนขับเมื่อผมเลี้ยวรถเข้ามายังที่พัก ห้องพักที่นี่ถูกทำเป็นหลังๆ แยกออกจากกันเป็นสัดเป็นส่วน ไม่หรูหรา แต่น่าพักทีเดียว ผมไม่อยากปลุกเธอจึงเดินไปรับกุญแจห้อง เปิดประตูห้องไว้ แล้วกลับมาที่รถ ผมลูบผมเธอเบาๆ ระวังไม่ให้เธอสะดุ้ง แล้วพูดเสียค่อยใกล้ๆเธอ
“ถึงแล้วนะคะ”
เธอขยับตัวเล็กน้อยเพียงพอให้ผมรู้ว่าเธอรับรู้แล้วแต่ไม่ลืมตาขึ้น มีความรู้สึกบางอย่างแน่นขึ้นมาในอกทำให้ผมก้มลงจูบที่กลางกระหม่อมเธอ ผมสอดแขนไปใต้ข้อพับขาเธอและใช้แขนอีกข้างโอบหลังและไหล่เธอไว้ ยกตัวเธอออกจากรถอย่างไม่ยากเย็นนัก ขอบคุณการออกกำลังกายกล้ามหลังและไหล่ที่ผมออกเป็นประจำ พีชเอื้อมแขนทั้งสองข้างขึ้นมากอดคอผมไว้ ผมชอบความรู้สึกที่ได้ดูแลเธอแบบนี้มากจริงๆ การที่เธอให้ผมอุ้มแบบนี้ มันทำให้ผมรู้สึกว่าผมได้ดูแลปกป้องเธอจริงๆ
ผมปิดประตูรถด้วยเท้า แล้วอุ้มเธอเดินไปยังห้องพัก มีคู่ชายหญิงคู่หนึ่งนั่งสูบบุหรี่อยู่หน้าห้องถัดไปทั้งคู่มองตามผมตลอดตั้งแต่ผมเปิดประตูรถแล้วอุ้มพีชออกมา ผมได้ยินทั้งคู่กระซิบอะไรกันบางอย่างและแอบหัวเราะเบาๆ ผมเดาว่าเค้าคงคิดว่าผมมอมเหล้าเด็กม.ปลายแล้วพามาที่นี่ล่ะมั้ง เพราะพีชก็ยังดูเหมือนเด็ก ม. ปลายจริงๆ ผมสงสัยจริงว่าจะมีใครแจ้งความ จนตำรวจต้องมาเคาะห้องผมรึเปล่า
.
.
ผมลืมตาตื่นตอน 7 โมงเช้าเหมือนเคย ครั้งนี้ดีหน่อยที่ยังพอหลับได้ และเหมือนเดิม เรามีเวลาถึงแค่ 10 โมงครึ่งก็ต้องพาพีชไปส่งที่ร้าน
.
ที่พักที่นี่ไม่มีกาน้ำร้อนในห้อง แต่มีมุมกาแฟอยู่ตรงล้อบบี้ที่ต้องเดินออกจากเรือนหลังนี้ไปที่หน้าที่พัก ผมเดินออกมาแแล้วปิดประตูห้องอย่างเบามือที่สุด เดินไปที่ล้อบบี้แล้วก็พบว่ามีแต่แก้วกระดาษ และกาแฟซองแดงๆ ที่ทำลายสุขภาพอย่างรุนแรง ผมเดินกลับมาที่รถเปิดประตูไปที่เบาะหลัง แล้วหยิบขวดกาแฟสำเร็จรูปที่น้องพีชให้ไว้ขึ้นมาดู เป็นกาแฟฟรีสดรายที่บรรจุอยู่ในขวดขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ยี่ห้อที่ผมไม่รู้จัก แม้จะเป็นสิ่งที่พีชให้ผมมาอย่างเสียไม่ได้เพียงเพราะเธอไม่กินกาแฟ แต่ถึงกระนั้น มันคือสิ่งของที่เป็นวัตถุเพียงสิ่งเดียวที่พีชได้ให้ผมมา และอย่างน้อยเธอก็ยังนึกถึงผมอยู่บ้างเมื่อเธอเห็นกาแฟ
.
ผมชงกาแฟถือเดินกลับไปที่ห้อง นั่งลงที่โต๊ะกระจกขนาดเล็กที่มุมห้องด้านหนึ่ง ผมคิดว่าถ้าเธอลืมตาขึ้นมาไม่เจอผมเธอคงกังวล แม้ผมจะรู้สึกอยากนั่งรับลมและแดดอ่อนๆ ข้างนอก แต่ก็คิดว่ามานั่งในห้องให้พีชอุ่นใจดีกว่าให้เธอไม่สบายใจและต้องมาถามผมว่าผมไปไหนมา
.
ผมถือวิสาสะหยิบโทรศัพท์เธอขึ้นมาเพื่อดูว่าแบตเตอรี่เหลือกี่ % แล้วก็เสียบเข้ากับสายชาร์ตที่ผมเอามา พีชลืมตาขึ้นมาเห็นตอนผมกำลังกดดูหน้าจอโทรศัพท์เธอพอดี พอเสียบสายเสร็จ ผมก็เดินไปดูกระเป๋าที่เธอใส่ของเธอมา เอาเสื้อและกางเกงยีนส์ที่เธอเตรียมมาขึ้นมาแขวนไว้ให้ แล้วไปนั่งเปิดโทรศัพท์เล่นรอพีขตื่น ขณะที่นั่งคิดเรื่องเธอไปด้วย
.
ตั้งแต่ผมตื่นนอน มีคำถามหลายคำที่วิ่งวนในหัว ว่านี่เรากำลังทำอะไรอยู่ ? ที่ทำอยู่มันมีค่ามั้ย ? ในขณะที่ผมรู้สึกว่าผมทุ่มเททุกอย่างเหมือนเดิม แม้พีชจะบอกว่าไม่ได้รักผมแล้ว เธอยังต้องการเราอยู่มั้ย ? หรือเธอปั่นหัวหลอกเราไปเรื่อยๆอยู่กันแน่ ? เพื่ออะไร ? ผมคิดวนอยู่ซักพัก ก็รู้สึกว่าความคิดเรามันวนและไม่มีคำตอบหรือทางออกอะไรขึ้นมา ผมหยิบมือถือขึ้นมาแล้วกดสั่งอาหารเป็นก๋วยเตี๋ยวเส้นหมี่ต้มยำที่หนึ่ง และเกาเหลากับข้าวเปล่าอีกที่หนึ่ง พีชกินก๋วยเตี๋ยวบ่อย ผมกลัวเธอเบื่อเลยสั่งอะไรร้อนๆ คล้ายๆ กันมาเผื่อเธอจะอยากกิน ซึ่งตัวผมนั้นกินอะไรก็ได้ ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงอาหารก็มาส่ง
.
เช้านี้ผมคิดต่างจากเดิมสักหน่อยที่เดิมจะปล่อยให้น้องนอนเท่าที่น้องอยากนอน แต่เช้านี้ผมอยากคุย อย่างน้อยรู้สึกว่าเราควรได้คำตอบอะไรจากน้องบ้าง ผมรอจนเก้าโมงครึ่งก็เดินเข้าไปปลุกเธอเบาๆ แต่เธอยังคงไม่ยอมตื่น จนเมื่อผมปลุกเธอหลายครั้งเธอจึงยอมพูด
“โอ้ยยยยยยย “ เธอร้องด้วยความหงุดหงิดที่โดนเรียกให้ตื่นก่อนเวลาที่เธออยากจะตื่น ผมนั่งนิ่งความรู้สึกเหมือนใจโดนมีดกรีด ทำไมผมถึงรู้สึกแย่ขนาดนี้ ?
.
เธอยันตัวขึ้นนั่งด้วยความงัวเงียและหงุดหงิด เธอมองหน้าผม แต่เมื่อเธอเห็นผมนิ่งไม่แสดงอารมณ์ใดๆ เธอก็ไม่ได้พูดอะไรอีก หน้าผมแบบนี้จะดูดุมาก “ไปอาบน้ำล้างหน้าไป” ผมพูดเรียบๆ พยายามไม่กระแทกเสียง
เธอลุกไปห้องน้ำ แปรงฟัน แล้วถอดชุดออกเพื่ออาบน้ำ
“พี่อาบมั้ย” เธอถามออกมา ผมหวั่นไหวกับคำพูดเธออีกแล้ว คำถามของเธอทำให้ผมยอมเข้าไปในห้องน้ำและอาบน้ำด้วยกันกับเธอ แต่มีคำถามวนอยู่ในหัวว่า “มันใช่เหรอ?”
ประสบการณ์ตรงคบกับเด็กร้านนวด Chapter 13 : So be it…
https://ppantip.com/topic/43274104
อ่านย้อนหลัง Ch 3 สวยไม่สวย - 4 ชอบดูหนัง
https://ppantip.com/topic/43275062
อ่านย้อนหลัง Ch 5 ติด
https://ppantip.com/topic/43276252
อ่านย้อนหลัง Ch 6 ข้อจำกัด
https://ppantip.com/topic/43277958
อ่านย้อนหลัง Ch 7 turning point
https://ppantip.com/topic/43279100
อ่านย้อนหลัง Ch 8 ไกล
https://ppantip.com/topic/43280746
อ่านย้อนหลัง Ch 9 อีกสักครั้ง
https://ppantip.com/topic/43282675
อ่านย้อนหลัง Ch 10 ธรรมชาติ กาแฟ และแสงดาว
https://ppantip.com/topic/43283324
อ่านย้อนหลัง Ch 11 กำเริบเสิบสาน
https://ppantip.com/topic/43284565
อ่านย้อนหลัง Ch 12 Found then lost
https://ppantip.com/topic/43287549
.
.
Chapter 13 : So be it…
.
ผมไปจอดรถรอเธอที่หน้าคอนโดก่อนเวลาเธอเลิกงานราวครึ่งชั่วโมง เมื่อคอนโดเธออยู่ใกล้ร้านในระยะเดินได้จึงทำให้มีเพื่อนร่วมงานเธออยู่คอนโดเดียวกันกับเธอหลายคน และสังเกตุได้ไม่ยากเพราะเด็กๆ ที่ร้านก็จะเดินเกาะกลุ่มกันกลับมาพร้อมๆกัน เมื่อมีคนติดงานเท่านั้นที่จะต้องเดินกลับคนเดียว และความที่พีชเป็นดาวของร้าน ทำให้เธอมักติดลูกค้าและเลิกดึกกว่าคนอื่นอยู่บ่อยๆ และวันนี้ก็เช่นกัน
.
ผมรู้เพราะเห็นกลุ่มสาวๆ ที่เดินกลับจากร้านเป็นกลุ่มผ่านข้างรถผมไปโดยไม่มีใครสังเกตุเห็นผม บางคนเดินเข้าคอนโด บางคนจับแท็กซี่ออกไป ไม่มีน้องพีชอยู่ในกลุ่มนั้น ผ่านไปอีกราวครึ่งชั่วโมงถึงเห็นน้องพีชเดินผ่านมาคนเดียวและเลี้ยวเข้าคอนโดไป ผมไม่แน่ใจว่าน้องไม่เห็นผม หรือเดินเลยไปเพื่อไม่ให้ใครผิดสังเกตุ หรือเธอเปลี่ยนใจไม่ไปกับผมแล้วก็ไม่รู้ ผ่านไปราว 15 นาทีจนผมแน่ใจว่าเธอน่าจะอยู่บนห้องแล้ว จึงกดโทรศัพท์โทรหาเธอ
.
“ค่ะ” เธอรับสาย
“ทำไรอยู่คะ” ผมถามโดยพยายามทำเสียงให้นิ่มนวลที่สุด
“เก็บของค่ะ พี่อยู่ไหน” น้องตอบแล้วถามกลับมา
“พี่จอดรออยู่หน้าคอนโด เห็นหนูเดินผ่านหน้ารถพี่ด้วย” ผมพูดยิ้มๆ
“อ้าว พี่ไม่เรียกหนูล่ะ”
“ละไม่เห็นพี่เหรอ” ผมถาม
“ไม่เห็น หนูจำทะเบียนรถไม่ได้” ผมหัวเราะ ถ้าเป็นผมเมื่อก่อนอ่อนกว่านี้ซัก 5 ปี ผมก็คงพูดตำหนิเธอ ทำนองว่าขึ้นรถพี่ตั้งหลายครั้งจำไม่ได้เหรอ หรือคบกันละเรื่องแค่นี้ทำไมจำไม่ได้ แต่เมื่อผ่านเหตุการณ์หลายๆ ความสัมพันธ์ มันทำให้รู้เลยว่า เป็นการพูดที่บ่อนทำลายและไร้ค่าสิ้นดี ผมได้ยินเธอหยิบถุงพลาสติกและทำเสียงก๊อกแก๊ก
“ทำอะไรอะ” ผมถาม
“พี่กินกาแฟใช่มั้ย หนูไม่กิน พี่เอาไปนะ” น้องพีชกำลังหยิบขวดใส่กาแฟสำเร็จรูปใส่ถุงจะเอาลงมาให้ผม “พี่วนเข้ามาเลยค่ะ หนูวางก่อนนะ ลงลิฟท์” พีชบอกเมื่อได้ยินเสียงเธอปิดประตูห้อง
ผมเลี้ยวรถไปใต้คอนโดเธอที่หน้าตึกและขับเลยไปเล็กน้อยแล้วดับเครื่อง ผมมองไปรอบๆ เพื่อดูว่ามีเพื่อนร่วมงานเธออยู่แถวนี้มั้ย แต่เวลานั้นดึกมากแล้ว จึงเงียบสงบและไร้ผู้คน ยกเว้นรปภ.ที่นั่งสัปปะหงกอยู่ที่หน้าประตูเข้าตึก ไม่นานน้องพีชก็เดินออกจากประตูมา เธอหันซ้ายขวาแล้วก็มาสะดุดตาที่รถผม ก้มหัวลงเหมือนเพ่งมองว่าใช่รถผมหรือเปล่า ก่อนจะเดินมาหา แล้วชะเง้อมองที่กระจกฝั่งข้างคนขับ เธอใส่เสื้อชุดนอนสีเขียวอ่อนมาเหมือนพร้อมนอนเต็มที่
“ทำไมไม่จอดหน้าประตู” น้องถามเมื่อเปิดประตูก้าวขึ้นรถมา
“เลยมาหน่อย ขึ้นรถตรงนั้นเดี๋ยวคนเห็นง่ายไป” ผมตอบ แล้วก็ติดเครื่องขับออกมา
“ละวันนี้เหนื่อยมั้ย งานเยอะรึเปล่า” ผมสังเกตุว่าเธอดูไม่ได้อ่อนเพลียมาก เทียบกับเมื่อวันก่อน
“ไม่เหนื่อยมากค่ะ เยอะแค่ตอนค่ำ”
ผมหยิบผ้าห่มให้เธอเพราะนี่ดึกแล้ว คิดว่าเธออาจจะหนาว มันคือผ้าห่มผืนที่เอาไปให้เธอห่มที่ร้านประจำผืนเดิม
“ละหิวมั้ย” ผมถามต่อ
“ไม่หิวค่ะ” พีชตอบ “แต่อยากกินไอติม” เธอพูดขณะกางผ้าห่มออกคลุมตัว….. กินไอติม กลางดึกแบบนี้เนี่ยนะ
“เซเว่นมั้ย” ผมตอบกวนๆ
“ไม่เอาาาา” พีชลากเสียงด้วยรอยยิ้ม “อยากกินบิงซู” เธอพูดต่อ
ผมจอดรถเข้าข้างทางแล้วกดมือถือดูว่ายังพอหาร้านคาเฟ่ หรือร้านไอติมที่ยังเปิดอยู่บ้างได้มั้ย แล้วก็เจอร้านหนึ่งที่เปิด 24 ชั่วโมงห่างออกไปสามสิบนาที เป็นร้านบิงซูพอดี ผมชั่งใจว่าจะไปดีมั้ย เพราะต้องขับรถกลับมาอีกสามสิบนาทีเพื่อไปที่พัก มันจะดึกไปมั้ย แต่ก็คิดว่ายอมนอนดึกละให้เธอได้ทานของที่เธออยากทานดีกว่า วงจรชีวิตของเธอก็รู้ดีอยู่แล้วว่าไม่ค่อยได้ทานอะไรนอกจากอาหารเดิมๆ ในตลาดใกล้ร้าน
.
แม้พีชจะติดมือถือ แต่เวลานั่งรถผมเธอก็ไม่เล่นมือถือ ผมสงสัยว่าเธอน่าจะเมารถง่าย เธอชอบมองออกไปแล้วถามอะไรผมเจื้อยแจ้ว ตึกรูปทรงประหลาดบ้าง ไฟประดับอะไรเยอะแยะบ้าง และถามว่าป้ายภาษาอังกฤษสวยๆ หน้าตาแปลกๆ อ่านว่าอะไร.... เช่นคำว่า J-A-P-A-N บางครั้งผมสงสัยด้วยว่าเธอถามเพราะเธอไม่ค่อยได้ไปไหนมาไหน หรือมันคือนิสัยที่ถามอะไรไปเรื่อยๆ แบบไม่ค่อยมีสาระ แต่ผมก็คิดอีกตลบว่า เราอย่าไปตัดสินเธอแบบนั้นเลยดีกว่า หรืออาจจะเป็นผมเองที่คุยเล่นกับเด็กวัยนี้ไม่ค่อยเป็นเอง.... เธอเพิ่งจะ 19
.
ผมเลี้ยวรถเข้าจอดในซอยข้างร้านบิงซูที่เป็นซอยตันสั้นๆ เราลงรถแล้วเดินเข้าร้านไปด้วยกัน ผมคว้ามือเธอมาจับเดินไปด้วยกัน แต่เหมือนเธอพยายามจะดึงมือออก ผมจึงปล่อย
.
เราผลักประตูร้านเข้ามา ร้านไฟสว่าง และเพลงก็ยังเปิด แต่ไม่มีคนเลยสักคนแม้แต่พนักงานของร้าน บนเคาเตอร์มีกริ่งสำหรับกดเรียกพนักงาน แต่ก็ไปเท่าไหร่ก็ไม่มีใครออกมาต้อนรับ ผมยกมือถือขึ้นมาให้เรตติ้งร้าน 1 ดาวและให้เหตุผลว่าไม่มีพนักงานมาต้อนรับ
“ไปที่อื่นก็ได้ค่ะ” พีชพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าจนปัญญาจะตามหาพนักงานร้าน
ผมกดมือถือหาร้านอื่นต่อไป เจออีกร้านคาเฟ่ร้านหนึ่งที่จะปิดในอีก 1 ชั่วโมง แต่ระยะทางขับรถคือ 20 นาที ผมสังเกตุว่าตาเธอเริ่มปรือ เพราะนี่ก็ดึกมากแล้ว
.
ผมขับรถวนกลับไปมาอยู่ซักพักด้วยความงุนงง เพราะบนแผนที่บอกว่าเรามาถึงแล้ว แต่เจอแต่ตึกที่ปิดไฟมืด หาไม่เจอแม้แต่ป้ายของร้านที่แสดงอยู่บนแผนที่ ผมเริ่มเซ็งเพราะความคาดหวังที่จะได้พาพีชไปกินอะไรที่เธออยากินดูจะไม่เป็นอย่างหวัง ผมจอดรถเข้าข้างทางแล้วลองกดโทรไปตามเบอร์ร้านที่แสดงบนแอพแผนที่
“ไม่กินแล้วก็ได้นะคะ หนูง่วงแล้ว”
เราเสียเวลาบนถนนเกือบชั่วโมงโดยไม่ได้อะไรเลย ผมจึงจำใจยอมแพ้แล้วออกรถขับมุ่งหน้าไปห้องพักที่ผมจองเอาไว้
.
พีชผลอยหลับไปแล้วด้วยความอ่อนเเพลียบนที่นั่งข้างคนขับเมื่อผมเลี้ยวรถเข้ามายังที่พัก ห้องพักที่นี่ถูกทำเป็นหลังๆ แยกออกจากกันเป็นสัดเป็นส่วน ไม่หรูหรา แต่น่าพักทีเดียว ผมไม่อยากปลุกเธอจึงเดินไปรับกุญแจห้อง เปิดประตูห้องไว้ แล้วกลับมาที่รถ ผมลูบผมเธอเบาๆ ระวังไม่ให้เธอสะดุ้ง แล้วพูดเสียค่อยใกล้ๆเธอ
“ถึงแล้วนะคะ”
เธอขยับตัวเล็กน้อยเพียงพอให้ผมรู้ว่าเธอรับรู้แล้วแต่ไม่ลืมตาขึ้น มีความรู้สึกบางอย่างแน่นขึ้นมาในอกทำให้ผมก้มลงจูบที่กลางกระหม่อมเธอ ผมสอดแขนไปใต้ข้อพับขาเธอและใช้แขนอีกข้างโอบหลังและไหล่เธอไว้ ยกตัวเธอออกจากรถอย่างไม่ยากเย็นนัก ขอบคุณการออกกำลังกายกล้ามหลังและไหล่ที่ผมออกเป็นประจำ พีชเอื้อมแขนทั้งสองข้างขึ้นมากอดคอผมไว้ ผมชอบความรู้สึกที่ได้ดูแลเธอแบบนี้มากจริงๆ การที่เธอให้ผมอุ้มแบบนี้ มันทำให้ผมรู้สึกว่าผมได้ดูแลปกป้องเธอจริงๆ
ผมปิดประตูรถด้วยเท้า แล้วอุ้มเธอเดินไปยังห้องพัก มีคู่ชายหญิงคู่หนึ่งนั่งสูบบุหรี่อยู่หน้าห้องถัดไปทั้งคู่มองตามผมตลอดตั้งแต่ผมเปิดประตูรถแล้วอุ้มพีชออกมา ผมได้ยินทั้งคู่กระซิบอะไรกันบางอย่างและแอบหัวเราะเบาๆ ผมเดาว่าเค้าคงคิดว่าผมมอมเหล้าเด็กม.ปลายแล้วพามาที่นี่ล่ะมั้ง เพราะพีชก็ยังดูเหมือนเด็ก ม. ปลายจริงๆ ผมสงสัยจริงว่าจะมีใครแจ้งความ จนตำรวจต้องมาเคาะห้องผมรึเปล่า
.
.
ผมลืมตาตื่นตอน 7 โมงเช้าเหมือนเคย ครั้งนี้ดีหน่อยที่ยังพอหลับได้ และเหมือนเดิม เรามีเวลาถึงแค่ 10 โมงครึ่งก็ต้องพาพีชไปส่งที่ร้าน
.
ที่พักที่นี่ไม่มีกาน้ำร้อนในห้อง แต่มีมุมกาแฟอยู่ตรงล้อบบี้ที่ต้องเดินออกจากเรือนหลังนี้ไปที่หน้าที่พัก ผมเดินออกมาแแล้วปิดประตูห้องอย่างเบามือที่สุด เดินไปที่ล้อบบี้แล้วก็พบว่ามีแต่แก้วกระดาษ และกาแฟซองแดงๆ ที่ทำลายสุขภาพอย่างรุนแรง ผมเดินกลับมาที่รถเปิดประตูไปที่เบาะหลัง แล้วหยิบขวดกาแฟสำเร็จรูปที่น้องพีชให้ไว้ขึ้นมาดู เป็นกาแฟฟรีสดรายที่บรรจุอยู่ในขวดขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ยี่ห้อที่ผมไม่รู้จัก แม้จะเป็นสิ่งที่พีชให้ผมมาอย่างเสียไม่ได้เพียงเพราะเธอไม่กินกาแฟ แต่ถึงกระนั้น มันคือสิ่งของที่เป็นวัตถุเพียงสิ่งเดียวที่พีชได้ให้ผมมา และอย่างน้อยเธอก็ยังนึกถึงผมอยู่บ้างเมื่อเธอเห็นกาแฟ
.
ผมชงกาแฟถือเดินกลับไปที่ห้อง นั่งลงที่โต๊ะกระจกขนาดเล็กที่มุมห้องด้านหนึ่ง ผมคิดว่าถ้าเธอลืมตาขึ้นมาไม่เจอผมเธอคงกังวล แม้ผมจะรู้สึกอยากนั่งรับลมและแดดอ่อนๆ ข้างนอก แต่ก็คิดว่ามานั่งในห้องให้พีชอุ่นใจดีกว่าให้เธอไม่สบายใจและต้องมาถามผมว่าผมไปไหนมา
.
ผมถือวิสาสะหยิบโทรศัพท์เธอขึ้นมาเพื่อดูว่าแบตเตอรี่เหลือกี่ % แล้วก็เสียบเข้ากับสายชาร์ตที่ผมเอามา พีชลืมตาขึ้นมาเห็นตอนผมกำลังกดดูหน้าจอโทรศัพท์เธอพอดี พอเสียบสายเสร็จ ผมก็เดินไปดูกระเป๋าที่เธอใส่ของเธอมา เอาเสื้อและกางเกงยีนส์ที่เธอเตรียมมาขึ้นมาแขวนไว้ให้ แล้วไปนั่งเปิดโทรศัพท์เล่นรอพีขตื่น ขณะที่นั่งคิดเรื่องเธอไปด้วย
.
ตั้งแต่ผมตื่นนอน มีคำถามหลายคำที่วิ่งวนในหัว ว่านี่เรากำลังทำอะไรอยู่ ? ที่ทำอยู่มันมีค่ามั้ย ? ในขณะที่ผมรู้สึกว่าผมทุ่มเททุกอย่างเหมือนเดิม แม้พีชจะบอกว่าไม่ได้รักผมแล้ว เธอยังต้องการเราอยู่มั้ย ? หรือเธอปั่นหัวหลอกเราไปเรื่อยๆอยู่กันแน่ ? เพื่ออะไร ? ผมคิดวนอยู่ซักพัก ก็รู้สึกว่าความคิดเรามันวนและไม่มีคำตอบหรือทางออกอะไรขึ้นมา ผมหยิบมือถือขึ้นมาแล้วกดสั่งอาหารเป็นก๋วยเตี๋ยวเส้นหมี่ต้มยำที่หนึ่ง และเกาเหลากับข้าวเปล่าอีกที่หนึ่ง พีชกินก๋วยเตี๋ยวบ่อย ผมกลัวเธอเบื่อเลยสั่งอะไรร้อนๆ คล้ายๆ กันมาเผื่อเธอจะอยากกิน ซึ่งตัวผมนั้นกินอะไรก็ได้ ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงอาหารก็มาส่ง
.
เช้านี้ผมคิดต่างจากเดิมสักหน่อยที่เดิมจะปล่อยให้น้องนอนเท่าที่น้องอยากนอน แต่เช้านี้ผมอยากคุย อย่างน้อยรู้สึกว่าเราควรได้คำตอบอะไรจากน้องบ้าง ผมรอจนเก้าโมงครึ่งก็เดินเข้าไปปลุกเธอเบาๆ แต่เธอยังคงไม่ยอมตื่น จนเมื่อผมปลุกเธอหลายครั้งเธอจึงยอมพูด
“โอ้ยยยยยยย “ เธอร้องด้วยความหงุดหงิดที่โดนเรียกให้ตื่นก่อนเวลาที่เธออยากจะตื่น ผมนั่งนิ่งความรู้สึกเหมือนใจโดนมีดกรีด ทำไมผมถึงรู้สึกแย่ขนาดนี้ ?
.
เธอยันตัวขึ้นนั่งด้วยความงัวเงียและหงุดหงิด เธอมองหน้าผม แต่เมื่อเธอเห็นผมนิ่งไม่แสดงอารมณ์ใดๆ เธอก็ไม่ได้พูดอะไรอีก หน้าผมแบบนี้จะดูดุมาก “ไปอาบน้ำล้างหน้าไป” ผมพูดเรียบๆ พยายามไม่กระแทกเสียง
เธอลุกไปห้องน้ำ แปรงฟัน แล้วถอดชุดออกเพื่ออาบน้ำ
“พี่อาบมั้ย” เธอถามออกมา ผมหวั่นไหวกับคำพูดเธออีกแล้ว คำถามของเธอทำให้ผมยอมเข้าไปในห้องน้ำและอาบน้ำด้วยกันกับเธอ แต่มีคำถามวนอยู่ในหัวว่า “มันใช่เหรอ?”