ขอบคุณทุกคนที่อ่านเรื่องนี้นะคะ
ขอบคุณ น้องดาว Lady Star 919, คุณนัน turtle_cheesecake, คุณ เจ้าหญิงงัวเงีย, คุณแอนนี่ annie <harmonica>, จารย์จี GTW, คุณ jazzzero, คุณ ป้าทุยบ้านทุ่ง, คุณ สมาชิกหมายเลข 1065771, คุณลิ ลายลิขิต, คุณ เป่าชาง, คุณออม ออมอำพัน, คุณ ฮิปโปโปตัวโตพุงโลชะมัด
ขอบคุณทุกคะแนนโหวตด้วยค่ะ
บทก่อนๆ ค่ะ
บทที่ 10
https://ppantip.com/topic/35992032
บทที่ 11
https://ppantip.com/topic/35999142
บทที่ 12
https://ppantip.com/topic/36005614
บทที่ 13
https://ppantip.com/topic/36008955
บทที่ 14
https://ppantip.com/topic/36015042
บทที่ 15
https://ppantip.com/topic/36022170
บทที่ 16
https://ppantip.com/topic/36025947
บทที่ 17
https://ppantip.com/topic/36032009
บทที่ 18
https://ppantip.com/topic/36038614
บทที่ 19
https://ppantip.com/topic/36045647
บทที่ 20
https://ppantip.com/topic/36052025
บทที่ 21
https://ppantip.com/topic/36057918
บทที่ 22
https://ppantip.com/topic/36064433
บทที่ 23
https://ppantip.com/topic/36071189
บทที่ 24
https://ppantip.com/topic/36080925
บทที่ 25
https://ppantip.com/topic/36084107
บทที่ 26
ได้ยินนายจ้างพูดถึงเรื่องไปรับป้าศรีนวลที่สนามบิน ปณิตาอยากตามเขาไปด้วย ยิ่งเขาบอกว่าจะพานิพาดาไปเยี่ยมเธอที่โรงพยาบาล ก็ยิ่งอยากไปดูให้เห็นกับตาว่านั่นหมายความว่าอย่างไร มีอะไรอีกหลายอย่างที่ยังไม่เข้าใจ ยิ่งในเวลานี้ความคิดเริ่มถดถอย ทำให้เข้าใจอะไรต่ออะไรที่ได้ยินเขาพูดกันยากขึ้นทุกที แต่ในเวลาเดียวกันกลับรู้และเข้าใจสภาพรอบตัวที่แรกๆ ดูแปลกประหลาดนี้ได้ดียิ่งขึ้นเช่นกัน ราวกับว่าตัวเองได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของสภาพแวดล้อมนี้ไปเสียแล้ว
นนท์หลับไปแล้ว ได้ยินเสียงแกหายใจแผ่วๆ สม่ำเสมอ เห็นผู้เป็นลุงลุกจากเตียง มีหลานสาวตัวน้อยเกาะขาแจ พอดีกับพี่เลี้ยงเด็กกระหืดกระหอบเข้าประตูมา ไม่รู้ตัวเลยว่าได้แทรกผ่านร่างขาวโพลนที่ยังคงยืนคาอยู่หน้าประตู
“คุณก้องโทรศัพท์มาค่ะคุณ”
น้อยหอบจนตัวโยน แสดงว่าวิ่งขึ้นบันไดมา
“แกถามเที่ยวบินที่คุณป้าของคุณครูจะมาถึงค่ะ”
“บอกเขาไปหรือเปล่า”
“บอกค่ะ ป้าแกเป็นคนบอกคุณก้องค่ะ คุณก้องบอกว่ากำลังจะออกไปรับหัวหน้าที่สนามบินเหมือนกันค่ะ ถ้าเวลาเครื่องมาถึงไม่ห่างกันมาก แกจะคอยรับคุณป้าของคุณครูมาด้วยเลยค่ะ แกว่าคุณเขตตกลงยังไงก็โทรศัพท์ไปบอกแกนะคะ ตอนนี้แกยังอยู่ที่ที่ทำงานค่ะ แกบอกให้โทรเร็วๆ หน่อยค่ะ แกกำลังจะออกจากที่ทำงานแล้วค่ะ”
“ถ้าได้อย่างนั้นก็ดี”
เขตเองก็วิตกอยู่ว่าจะไปถึงสนามบินไม่ทันเวลาเครื่องเข้าเพราะทุกอย่างผิดแผนไปหมด ตอนแรกกะเวลาไว้แล้วว่าแวะไปดูปณิตาที่โรงพยาบาลก่อนเพื่อให้เด็กสองคนได้เห็นครูของแก จากนั้นก็ขับรถต่อไปที่สนามบินที่เชียงใหม่ แต่เวลานี้เก้าโมงเช้าแล้วก็ยังไม่ได้ออกจากบ้าน
“น้อยอยู่เป็นเพื่อนนนท์ก็แล้วกัน ไม่ต้องไปด้วยหรอก”
เขารวบมือเล็กๆ ของหลานสาวมากุมไว้ เหลียวมองหลานชายบนเตียงอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าหลับแล้วจริงๆ
“ค่ะ คุณเขต”
น้อยยอบตัวเมื่อผ่านนายจ้างไปอีกด้านของเตียง ดึงผ้าห่มผืนบางขึ้นคลุมเด็กชายซึ่งกำลังหลับสบาย เป็นที่รู้กันว่าถ้านนท์อยู่ในสภาพนี้ แกจะหลับนานทีเดียว
ปณิตาตัดสินใจไม่ถูกว่าควรทำอย่างไรดี มองตามหลังร่างสูงๆ ที่กำลังผ่านคุณณัฐฐาออกประตูไป ก็เห็นว่าหล่อนหันมองตามเขา ไม่แสดงทีท่าว่าเป็นห่วงลูกเลยแม้แต่น้อยนิด นั่นยิ่งทำให้ไม่สบายใจ จะทิ้งนนท์ไปในสภาพนี้ได้อย่างไร
“คุณไม่ห่วงลูกเลยหรือคะคุณณัฐ” ได้ยินเสียงตัวเองถามไปว่าอย่างนั้น
คำตอบที่ได้กลับมาทำเอาชะงักงันไปเลยทีเดียว
“ทำไมต้องห่วง ลูกของฉันคนเดียวเสียที่ไหน ลูกของเขาเหมือนกัน”
ครูสาวพอเข้าใจอยู่หรอกว่า ‘เขา’ นั้นหมายถึงใคร
“แต่เขาพยายามทำร้ายนนท์นะคะ คุณยอมได้ยังไง” ประโยคหลังทั้งตำหนิ ทั้งดูแคลน
ใบหน้าซีดเผือดจนออกเขียวเหลียวขวับกลับมาทางเธอ ผมยาวเกือบถึงกลางหลังที่คิดเมื่อครู่ว่าถูกรวบไว้หลวมๆ นั้นกระจายพลิ้ว นัยน์ตาคู่สวยฉายแววเคืองขุ่นวาบขึ้นแวบหนึ่ง ริมฝีปากอวบอิ่มเหยียดยิ้มเย้ยหยัน เสียงกร้าวนั้นแหลมสูง ฟังดูไม่ต่างอะไรกับโลหะกรีดลงบนแผ่นกระจก
“เธอไม่รู้อะไรสักอย่าง อยู่เฉยๆ จะดีกว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเธอสักนิด”
ปณิตาได้ที สวนกลับทันควัน เรื่องของความอยากรู้อย่างเห็นนี่คงเป็นนิสัยที่แก้ไม่มีวันหายเลยจริงๆ จนขนาดนี้แล้วก็ยังอยากรู้ไปหมด
“ก็ทำไมคุณไม่บอกฉันละคะว่าเรื่องมันเป็นยังไง คุณอยากให้ฉันช่วยไม่ใช่หรือคะ”
อีกฝ่ายเงียบไปทันที หันกลับไปทางเดินซึ่งนำไปที่บันไดอีกครั้ง ก่อนพึมพำอะไรบางอย่างออกมาเบาๆ
ปณิตาพยายามเงี่ยหูฟังแล้วก็ยังไม่ได้ยินอยู่ดี ยิ่งเสียงผู้คนกระซิบกระซาบกันดังก้องไปหมดอย่างนี้ ยิ่งยากจะได้ยินอะไรได้ถนัด จึงต้องร้องถาม
“คุณว่าไงนะคะ”
“บอกแล้วไง เธอช่วยฉันในสภาพแบบนี้ไม่ได้”
คราวนี้ชัดเจนเลยทีเดียว ตั้งใจจะถามต่อ แต่มีอะไรบางอย่างเข้ามารบกวน คลื่นรุนแรงจากบริเวณหน้าต่างสั่นสะเทือนเรื่อยมาจนถึงตัว พอหันขวับไปดูก็ถึงกับตะลึง
ในท่ามกลางความมืดมัวของฝนที่กำลังตั้งเค้า ร่างครึ่งตัวดำมืดลอยขึ้นๆ ลงๆ อยู่นอกหน้าต่าง กำลังจ้องเขม็งเข้ามาข้างใน นัยน์ตาคมกริบคู่นั้นลุกวาวราวมีประกายไฟกลอกกลิ้งอยู่ภายใน เห็นชัดว่าเขากำลังโกรธจัด ริมฝีปากบางได้รูปสวยเม้มสนิททีเดียว
ปณิตาหันกลับมาทางร่างขาวๆ ที่ประตูห้องเพื่อจะชี้ให้หล่อนเห็นว่า ‘พ่อของนนท์’ ยังไม่ยอมเลิกรา แต่หล่อนก็หายไปเสียแล้ว
เสียงฝนเริ่มตกกระทบกระจกหน้าต่างดังเปาะแปะ แข่งกับเสียงกระซิบกระซาบภายในห้องซึ่งดังขึ้นกว่าเดิม และฟังดูเหมือนจะเร่งร้อนขึ้นด้วย
และแล้วความเข้าใจอะไรบางอย่างผ่านเข้ามาในห้วงรับรู้ เธอเพิ่งคิดได้ ทั้งคุณณัฐฐาและผู้ชายคนข้างนอกมีข้อจำกัด คุณณัฐฐาอยู่ได้แต่ภายในบ้าน ออกไปข้างนอกไม่ได้ ไม่เพียงแค่นั้น หล่อนวนเวียนอยู่ได้เพียงบริเวณพื้นที่รอบนอกของภายในบ้านนี้เท่านั้น หล่อนเข้าไปในห้องส่วนตัวของใครไม่ได้ถ้าเจ้าของห้องไม่อนุญาตหรือเปิดประตูให้ ใครคนหนึ่งเคยบอกอย่างนั้น ในเวลานี้ลืมไปแล้วว่าคนที่ว่าเป็นใคร
ช่างเถอะ…เสียเวลาคิดเปล่าๆ
รู้ต่อไปอีกว่าคนที่อยู่ภายนอกบ้านก็เข้ามาในบ้านไม่ได้ ทำไมเป็นอย่างนั้นก็ยากจะเข้าใจ รู้แต่ว่ามันเป็นแบบนั้น ก็เท่านั้นเอง
คุ้มสีทอง (บทที่ 26)
ขอบคุณ น้องดาว Lady Star 919, คุณนัน turtle_cheesecake, คุณ เจ้าหญิงงัวเงีย, คุณแอนนี่ annie <harmonica>, จารย์จี GTW, คุณ jazzzero, คุณ ป้าทุยบ้านทุ่ง, คุณ สมาชิกหมายเลข 1065771, คุณลิ ลายลิขิต, คุณ เป่าชาง, คุณออม ออมอำพัน, คุณ ฮิปโปโปตัวโตพุงโลชะมัด
ขอบคุณทุกคะแนนโหวตด้วยค่ะ
บทก่อนๆ ค่ะ
บทที่ 10 https://ppantip.com/topic/35992032
บทที่ 11 https://ppantip.com/topic/35999142
บทที่ 12 https://ppantip.com/topic/36005614
บทที่ 13 https://ppantip.com/topic/36008955
บทที่ 14 https://ppantip.com/topic/36015042
บทที่ 15 https://ppantip.com/topic/36022170
บทที่ 16 https://ppantip.com/topic/36025947
บทที่ 17 https://ppantip.com/topic/36032009
บทที่ 18 https://ppantip.com/topic/36038614
บทที่ 19 https://ppantip.com/topic/36045647
บทที่ 20 https://ppantip.com/topic/36052025
บทที่ 21 https://ppantip.com/topic/36057918
บทที่ 22 https://ppantip.com/topic/36064433
บทที่ 23 https://ppantip.com/topic/36071189
บทที่ 24 https://ppantip.com/topic/36080925
บทที่ 25 https://ppantip.com/topic/36084107
ได้ยินนายจ้างพูดถึงเรื่องไปรับป้าศรีนวลที่สนามบิน ปณิตาอยากตามเขาไปด้วย ยิ่งเขาบอกว่าจะพานิพาดาไปเยี่ยมเธอที่โรงพยาบาล ก็ยิ่งอยากไปดูให้เห็นกับตาว่านั่นหมายความว่าอย่างไร มีอะไรอีกหลายอย่างที่ยังไม่เข้าใจ ยิ่งในเวลานี้ความคิดเริ่มถดถอย ทำให้เข้าใจอะไรต่ออะไรที่ได้ยินเขาพูดกันยากขึ้นทุกที แต่ในเวลาเดียวกันกลับรู้และเข้าใจสภาพรอบตัวที่แรกๆ ดูแปลกประหลาดนี้ได้ดียิ่งขึ้นเช่นกัน ราวกับว่าตัวเองได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของสภาพแวดล้อมนี้ไปเสียแล้ว
นนท์หลับไปแล้ว ได้ยินเสียงแกหายใจแผ่วๆ สม่ำเสมอ เห็นผู้เป็นลุงลุกจากเตียง มีหลานสาวตัวน้อยเกาะขาแจ พอดีกับพี่เลี้ยงเด็กกระหืดกระหอบเข้าประตูมา ไม่รู้ตัวเลยว่าได้แทรกผ่านร่างขาวโพลนที่ยังคงยืนคาอยู่หน้าประตู
“คุณก้องโทรศัพท์มาค่ะคุณ”
น้อยหอบจนตัวโยน แสดงว่าวิ่งขึ้นบันไดมา
“แกถามเที่ยวบินที่คุณป้าของคุณครูจะมาถึงค่ะ”
“บอกเขาไปหรือเปล่า”
“บอกค่ะ ป้าแกเป็นคนบอกคุณก้องค่ะ คุณก้องบอกว่ากำลังจะออกไปรับหัวหน้าที่สนามบินเหมือนกันค่ะ ถ้าเวลาเครื่องมาถึงไม่ห่างกันมาก แกจะคอยรับคุณป้าของคุณครูมาด้วยเลยค่ะ แกว่าคุณเขตตกลงยังไงก็โทรศัพท์ไปบอกแกนะคะ ตอนนี้แกยังอยู่ที่ที่ทำงานค่ะ แกบอกให้โทรเร็วๆ หน่อยค่ะ แกกำลังจะออกจากที่ทำงานแล้วค่ะ”
“ถ้าได้อย่างนั้นก็ดี”
เขตเองก็วิตกอยู่ว่าจะไปถึงสนามบินไม่ทันเวลาเครื่องเข้าเพราะทุกอย่างผิดแผนไปหมด ตอนแรกกะเวลาไว้แล้วว่าแวะไปดูปณิตาที่โรงพยาบาลก่อนเพื่อให้เด็กสองคนได้เห็นครูของแก จากนั้นก็ขับรถต่อไปที่สนามบินที่เชียงใหม่ แต่เวลานี้เก้าโมงเช้าแล้วก็ยังไม่ได้ออกจากบ้าน
“น้อยอยู่เป็นเพื่อนนนท์ก็แล้วกัน ไม่ต้องไปด้วยหรอก”
เขารวบมือเล็กๆ ของหลานสาวมากุมไว้ เหลียวมองหลานชายบนเตียงอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าหลับแล้วจริงๆ
“ค่ะ คุณเขต”
น้อยยอบตัวเมื่อผ่านนายจ้างไปอีกด้านของเตียง ดึงผ้าห่มผืนบางขึ้นคลุมเด็กชายซึ่งกำลังหลับสบาย เป็นที่รู้กันว่าถ้านนท์อยู่ในสภาพนี้ แกจะหลับนานทีเดียว
ปณิตาตัดสินใจไม่ถูกว่าควรทำอย่างไรดี มองตามหลังร่างสูงๆ ที่กำลังผ่านคุณณัฐฐาออกประตูไป ก็เห็นว่าหล่อนหันมองตามเขา ไม่แสดงทีท่าว่าเป็นห่วงลูกเลยแม้แต่น้อยนิด นั่นยิ่งทำให้ไม่สบายใจ จะทิ้งนนท์ไปในสภาพนี้ได้อย่างไร
“คุณไม่ห่วงลูกเลยหรือคะคุณณัฐ” ได้ยินเสียงตัวเองถามไปว่าอย่างนั้น
คำตอบที่ได้กลับมาทำเอาชะงักงันไปเลยทีเดียว
“ทำไมต้องห่วง ลูกของฉันคนเดียวเสียที่ไหน ลูกของเขาเหมือนกัน”
ครูสาวพอเข้าใจอยู่หรอกว่า ‘เขา’ นั้นหมายถึงใคร
“แต่เขาพยายามทำร้ายนนท์นะคะ คุณยอมได้ยังไง” ประโยคหลังทั้งตำหนิ ทั้งดูแคลน
ใบหน้าซีดเผือดจนออกเขียวเหลียวขวับกลับมาทางเธอ ผมยาวเกือบถึงกลางหลังที่คิดเมื่อครู่ว่าถูกรวบไว้หลวมๆ นั้นกระจายพลิ้ว นัยน์ตาคู่สวยฉายแววเคืองขุ่นวาบขึ้นแวบหนึ่ง ริมฝีปากอวบอิ่มเหยียดยิ้มเย้ยหยัน เสียงกร้าวนั้นแหลมสูง ฟังดูไม่ต่างอะไรกับโลหะกรีดลงบนแผ่นกระจก
“เธอไม่รู้อะไรสักอย่าง อยู่เฉยๆ จะดีกว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเธอสักนิด”
ปณิตาได้ที สวนกลับทันควัน เรื่องของความอยากรู้อย่างเห็นนี่คงเป็นนิสัยที่แก้ไม่มีวันหายเลยจริงๆ จนขนาดนี้แล้วก็ยังอยากรู้ไปหมด
“ก็ทำไมคุณไม่บอกฉันละคะว่าเรื่องมันเป็นยังไง คุณอยากให้ฉันช่วยไม่ใช่หรือคะ”
อีกฝ่ายเงียบไปทันที หันกลับไปทางเดินซึ่งนำไปที่บันไดอีกครั้ง ก่อนพึมพำอะไรบางอย่างออกมาเบาๆ
ปณิตาพยายามเงี่ยหูฟังแล้วก็ยังไม่ได้ยินอยู่ดี ยิ่งเสียงผู้คนกระซิบกระซาบกันดังก้องไปหมดอย่างนี้ ยิ่งยากจะได้ยินอะไรได้ถนัด จึงต้องร้องถาม
“คุณว่าไงนะคะ”
“บอกแล้วไง เธอช่วยฉันในสภาพแบบนี้ไม่ได้”
คราวนี้ชัดเจนเลยทีเดียว ตั้งใจจะถามต่อ แต่มีอะไรบางอย่างเข้ามารบกวน คลื่นรุนแรงจากบริเวณหน้าต่างสั่นสะเทือนเรื่อยมาจนถึงตัว พอหันขวับไปดูก็ถึงกับตะลึง
ในท่ามกลางความมืดมัวของฝนที่กำลังตั้งเค้า ร่างครึ่งตัวดำมืดลอยขึ้นๆ ลงๆ อยู่นอกหน้าต่าง กำลังจ้องเขม็งเข้ามาข้างใน นัยน์ตาคมกริบคู่นั้นลุกวาวราวมีประกายไฟกลอกกลิ้งอยู่ภายใน เห็นชัดว่าเขากำลังโกรธจัด ริมฝีปากบางได้รูปสวยเม้มสนิททีเดียว
ปณิตาหันกลับมาทางร่างขาวๆ ที่ประตูห้องเพื่อจะชี้ให้หล่อนเห็นว่า ‘พ่อของนนท์’ ยังไม่ยอมเลิกรา แต่หล่อนก็หายไปเสียแล้ว
เสียงฝนเริ่มตกกระทบกระจกหน้าต่างดังเปาะแปะ แข่งกับเสียงกระซิบกระซาบภายในห้องซึ่งดังขึ้นกว่าเดิม และฟังดูเหมือนจะเร่งร้อนขึ้นด้วย
และแล้วความเข้าใจอะไรบางอย่างผ่านเข้ามาในห้วงรับรู้ เธอเพิ่งคิดได้ ทั้งคุณณัฐฐาและผู้ชายคนข้างนอกมีข้อจำกัด คุณณัฐฐาอยู่ได้แต่ภายในบ้าน ออกไปข้างนอกไม่ได้ ไม่เพียงแค่นั้น หล่อนวนเวียนอยู่ได้เพียงบริเวณพื้นที่รอบนอกของภายในบ้านนี้เท่านั้น หล่อนเข้าไปในห้องส่วนตัวของใครไม่ได้ถ้าเจ้าของห้องไม่อนุญาตหรือเปิดประตูให้ ใครคนหนึ่งเคยบอกอย่างนั้น ในเวลานี้ลืมไปแล้วว่าคนที่ว่าเป็นใคร
ช่างเถอะ…เสียเวลาคิดเปล่าๆ
รู้ต่อไปอีกว่าคนที่อยู่ภายนอกบ้านก็เข้ามาในบ้านไม่ได้ ทำไมเป็นอย่างนั้นก็ยากจะเข้าใจ รู้แต่ว่ามันเป็นแบบนั้น ก็เท่านั้นเอง