ขอบคุณทุกคนที่อ่านเรื่องนี้นะคะ
ขอบคุณ คุณ เปรียว sixtyone, น้องดาว Lady Star 919, คุณ แอนนี่ annie <harmonica>, คุณ jazzzero, คุณลิ ลายลิขิต, คุณ สมาชิกหมายเลข 1065771, คุณ อุรุเวลา, คุณ เป่าชาง, คุณ ออม ออมอำพัน, คุณ ป้าทุยบ้านทุ่ง, คุณ nasa nasa, จารย์จี GTW, คุณนัน turtle_cheesecake
ขอบคุณทุกคะแนนโหวตด้วยค่ะ
บทก่อนหน้าค่ะ
บทนำ - บทที่ 1
http://ppantip.com/topic/35939682
บทที่ 2
http://ppantip.com/topic/35949094
บทที่ 3
http://ppantip.com/topic/35952735
บทที่ 4
http://ppantip.com/topic/35959348
บทที่ 5
http://ppantip.com/topic/35965068
บทที่ 6
https://ppantip.com/topic/35967281
บทที่ 7
https://ppantip.com/topic/35972274
บทที่ 8
https://ppantip.com/topic/35978915
บทที่ 9
https://ppantip.com/topic/35985669
บทที่ 10
https://ppantip.com/topic/35992032
บทที่ 11
https://ppantip.com/topic/35999142
บทที่ 12
https://ppantip.com/topic/36005614
บทที่ 13
https://ppantip.com/topic/36008955
บทที่ 14
https://ppantip.com/topic/36015042
บทที่ 15
ร่างขาวๆ ที่กำลังเดินเรื่อยเฉื่อยเหมือนเดินเล่นผ่านใต้หน้าต่างไปนั้นแม้ปณิตาจะไม่แน่ใจว่าเป็นใครเพราะความมืดรอบด้าน มีก็เพียงแสงไฟจากโคมบนเสาสองต้นหน้าบ้านซึ่งส่องมาถึงบ้างเพียงน้อยนิด แต่ก็พอเดาได้ จะมีใครที่ไหนเสียอีกในบ้านหลังนี้ที่กล้าใส่ชุดนอนบางเบาแล้วออกมาเดินกรุยกรายในลักษณะนั้น ที่ประหลาดใจก็ตรงที่ว่าหล่อนเกิดคึกอะไรขึ้นมาถึงได้ลงไปเดินเล่นในเวลาค่ำมืดดึกดื่นอย่างนี้ ที่นี่แม้จะไม่มีอันตรายจากมนุษย์คนใด แต่อะไรที่นอกเหนือจากนั้นล่ะ...อย่างที่เธอเคยเจอนั่นไง
ร่ำๆ จะตามลงไปดูเพื่อให้แน่ใจว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ละเมอหรือมีอะไรน่าเป็นห่วงอยู่แล้ว พอดีกับเห็นใครคนหนึ่งเดินพ้นชายคาตรงไปหาหล่อน จึงได้เปลี่ยนใจ ใครคนนั้นดูสูงใหญ่ไม่น้อย แม้มองลงไปจากที่สูงกว่าก็พอจะเดาได้ว่าเป็นใคร ในเวลานี้ภายในบ้านหลังนี้มีผู้ชายเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จัดได้ว่ายังอยู่ในวัยหนุ่ม ลุงผันและลุงคำผานั้นอยู่ในวัยล่วงหกสิบไปหลายปีแล้วกระมัง
เพราะฉะนั้นคนที่เห็นอยู่กลางสนามหญ้าหน้าบ้านในเวลานี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากนายจ้างของเธอเอง และเขากำลังเดินตามคนรักไปห่างๆ
เห็นอย่างนั้นครูสาวก็วางใจ คิดว่าคู่หนุ่มสาวคงลงไปเดินเล่นกันนั่นเอง ว่าไปแล้วก็แปลกดีเหมือนกัน เวลากลางวันก็ตั้งเยอะตั้งแยะ แต่กลับลงไปจีบกันในที่มืดๆ ในเวลาค่อนดึก คงโรแมนติกดีพิลึก
ที่ลุกมานี่เพราะตั้งใจจะปิดหน้าต่าง พอเห็นอย่างนี้ก็เปลี่ยนใจ ถ้าปิดหน้าต่าง เดี๋ยวจะกลายเป็นจุดสนใจ ทำลายบรรยากาศของคนข้างล่างไปเสีย จึงกลับไปที่เตียง คว้านาฬิกาปลุกมาตั้งเวลา ตอนแรกตั้งใจว่าจะอ่านหนังสือของ ดร. ประยุทธิ์ อีกเล่มซึ่งติดตัวมาจากกรุงเทพด้วย แต่พอเห็นว่าจะสี่ทุ่มอยู่แล้ว และเมื่อครู่ก็กินยานอนหลับไปเรียบร้อย จึงได้แต่ล้มตัวลงนอนแล้วพยายามหลับให้ได้โดยเร็วที่สุดก่อนจะมีอะไรมาทำให้ขวัญกระเจิงไม่เป็นอันได้หลับได้นอนเสียอีก
กำลังเคลิ้มอยู่ทีเดียวเมื่อได้ยินเสียงเหมือนกรีดร้องดังมาจากที่ไหนสักแห่งไกลๆ ตามด้วยเสียงเหมือนคนกำลังวิ่ง
ครูสาวตาสว่างทันที อยากลุกไปดูว่าเสียงนั้นมาจากไหนและเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ไม่กล้า พยายามข่มตาให้หลับเสีย คิดว่าถ้าไม่สนใจเสียอย่าง เดี๋ยวก็คงเงียบไปเอง
แต่หาเป็นเช่นนั้นไม่ เสียงกรีดนั้นไม่มีแล้วก็จริง แต่กลับเป็นเสียงพูดคุยกันเบาๆ แทน ที่จริงเสียงนั้นคงไม่เบานักหรอก แต่เมื่อประตูปิดอยู่ และคนที่กำลังพูดกันคงอยู่ห่างออกไปทางบันได เสียงนั้นจึงเบามาก
ปณิตาเงี่ยหูฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ เมื่อหูแนบอยู่กับหมอน เสียงซึ่งมีพื้นห้องเป็นตัวนำก็ช่วยให้พอได้ยินบ้าง แม้จะจับใจความใดๆ ไม่ได้เลย หากก็พอฟังออกว่าที่ได้ยินเป็นการถกเถียงกันของคนสองคน คนหนึ่งคงเป็นผู้หญิง อีกคนเป็นผู้ชาย
แต่เธอก็ยังไม่คิดว่ามีอะไรผิดปกติอยู่ดี เหตุก็เพราะคุ้นเคยกับความไม่ปกติภายในบ้านหลังนี้เสียจนเรื่องแค่นี้ไม่แปลกอะไรอีกแล้ว
ตอนนี้เสียงเถียงกันนั้นเงียบไปแล้ว และยานอนหลับก็คงกำลังออกฤทธิ์แล้วด้วย จึงได้หลับไปเมื่อไรไม่รู้เลย
หากแต่คราวนี้ไม่ได้หลับรวดเดียวแล้วตื่นเสียสายเช่นคืนก่อน คราวนี้เธอฝันน่ากลัว ในความฝันเห็นตัวเองอยู่ในห้องซึ่งมีเพดานสูง มีชุดรับแขกทำด้วยไม้จัดรวมหมู่อยู่ตรงกลาง มีแสงส่องสว่างนวลมาจากที่ใดที่หนึ่ง เมื่อมองหาก็เห็นหน้าต่างกระจกรูปทรงสามเหลี่ยม เป็นกระจกสามแผ่นประกอบกัน แผ่นกลางสูงที่สุดและใหญ่ที่สุด...เหมือนห้องใหญ่ชั้นบนบ้านทรงชาเลต์ซึ่งเคยเป็นเรือนหอของคุณคมไม่มีผิดเพี้ยน มีกระจกขนาดเล็กกว่าอีกสองแผ่นอยู่สองข้าง ประกอบกันขึ้นเป็นรูปทรงสามเหลี่ยม หน้าต่างนั้นสูงลิ่วจากพื้นจรดเพดาน แต่เธอไม่เห็นเพดาน ไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน รู้ก็แต่ในส่วนลึกว่าห้องนี้ต้องมีเพดานอย่างแน่นอน
เมื่อหันกลับมาทางชุดรับแขกอีกครั้งก็สังเกตเห็นเป็นครั้งแรกว่ามีใครคนหนึ่งนั่งอยู่ที่นั่นด้วย คนๆ นั้นกำลังหันหลัง ดูไม่ออกด้วยซ้ำว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย น่าแปลกที่แม้ห้องจะสว่างไสวและชุดรับแขกนั้นก็อยู่ห่างออกไปไม่มาก แต่กลับเห็นได้ไม่ชัดเจนเท่าไรนัก ดูเป็นเงาตะคุ่มๆ เลือนรางอย่างไรชอบกล
นิสัยอยากรู้อยากเห็นซึ่งคงติดตัวมาแต่เกิดทำให้ต้องเดินเข้าไปดู ตั้งใจจะทักทาย แต่เขาก็ยังคงหันหลังให้ราวไม่รู้ตัวว่ามีใครคนหนึ่งกำลังก้าวช้าๆ อย่างระมัดระวังเข้ามาหา
หากแต่ก่อนจะถึงตัว เสียงกรีดร้องจากที่ไหนสักแห่ง...เหมือนที่ได้ยินเมื่อหัวค่ำ...ดังขึ้นอย่างกระทันหัน ร่างนั้นผุดลุกพรวดขึ้นยืนอย่างกะทันหัน ครูสาวถึงกับผงะ ถอยกรูดไม่เป็นกระบวนห่างออกมา ร่างซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้เมื่อครู่ไม่ใช่ลุกยืนเฉยๆ หากแต่ยืดยาวสูงขึ้นเรื่อยๆ สูงจนในขณะนี้เกือบจะติดเพดานซึ่งเธอไม่เห็นอยู่แล้ว
"ต้า..."
เสียงห้าวๆ อ่อนโยนมาจากที่ไหนสักแห่งใกล้ตัวนี่เอง ปณิตาไม่กล้าเหลียวหลังไปดูว่าเป็นใครเพราะแข้งขาอ่อนเปลี้ยไปหมด ตะลึงตาค้างราวถูกตรึงไว้กับร่างสูงลิ่วตรงหน้า ระทึกอยู่ในหัวอกว่าคงหันมาเห็นเธอเข้าในไม่ช้า พยายามจะหนี แต่ก้าวขาไม่ออกอีกแล้ว
"คุณต้า มาทางนี้"
มือของใครคนหนึ่งแตะที่บ่าของเธอ แล้วเลื่อนลงคว้าแขน ครูสาวสะดุ้งสุดตัว หันขวับไปดู คางเหลี่ยมได้รูปเป็นสิ่งแรกที่เห็น จากนั้นก็ดวงตาคมกริบจัดจ้าราวเรืองแสงได้เอง นัยน์ตาคู่นั้นอ่อนแสงลงในเสี้ยววินาทีถัดมา
เธอปล่อยให้เขาดึงตัวถอยหลัง ที่จริงก็ไม่มีแรงหลงเหลือพอจะพาตัวเองไปทางไหนเสียมากกว่า หันกลับดูร่างน่าสยดสยองตรงหน้า ก็เห็นว่ามันกำลังโอนเอนไปมาเหมือนแผ่นกระดาษที่ลอยตามคลื่นอยู่บนผิวน้ำ
มันกำลังก้มลงดูอะไรบางอย่าง เธอจึงลดสายตาลงมองตาม เห็นร่างสูงยืนอยู่ที่ประตู เสื้อเชิ้ตสีขาวที่เขาสวมมลังมเลืองภายใต้แสงสว่างนวลจนดูแสบตา ทำให้แรกๆ ไม่เห็นหน้าของเขาชัดเจน ความจัดจ้าของสีเสื้อทำให้ดูพร่าไปหมด เป็นครู่กว่าจะเริ่มคุ้นและใบหน้าคมคายค่อยปรากฏชัดขึ้น
ข้างๆ เขาเป็นหญิงสาวร่างอวบอัดในชุดสีแดงเพลิงที่เคยเห็นมาก่อน ผู้หญิงคนนั้นกำลังกอดแขนของเขาไว้แนบตัว ใบหน้าแหงนเงยขึ้นประสานสายตากับร่างร้ายอย่างไม่หวาดหวั่น แล้วลดสายตาลงจ้องตรงมาทางเธอ แววในดวงตาคู่นั้นลุกโพลงไม่ผิดอะไรกับเสื้อของคนข้างๆ
ในส่วนลึกปณิตามีความรู้สึกว่าเธอไว้ใจนายจ้างของตัวมากกว่าคนซึ่งกำลังยึดแขนของตัวเองอยู่ในเวลานี้ ชื่อของเขาจึงหลุดปากออกมาโดยไม่ตั้งใจ
"คุณเขต…"
แม้จะรู้สึกว่าเสียงของตัวเบาเอามากๆ หากร่างสยองขวัญซึ่งขวางอยู่ตรงกลางหันขวับมามอง
ครูสาวตกใจแทบสิ้นสติ ทรุดฮวบลงตรงนั้นเอง ใบหน้าของร่างนั้นสยดสยองอย่างที่เกิดมาไม่เคยเห็นอะไรน่าเกลียดน่ากลัวเท่านี้มาก่อน เพิ่งเห็นชัดๆ ตอนนี้นี้เองว่าเป็นผู้หญิง ผมสีดำยาวสยายรุ่งริ่ง บางส่วนมีโคลนจับ ชิ้นเนื้อด้านซ้ายของใบหน้าหลุดแหว่งเป็นกะบิลงมาห้อยร่องแร่งระคาง เห็นกะโหลกศีรษะภายในขาวโพลน จมูกแหว่งหายไป ริมฝีปากบิดเบี้ยวจนดูน่ากลัว น้ำลายปนเลือดไหลเป็นทางลงมาจากมุมปาก ที่น่าสยดสยองที่สุดคงไม่มีอะไรเกินดวงตาคู่นั้น มันโปนจนแทบถลนออกมานอกเบ้า มีริ้วเส้นเลือดกระจายอยู่ทั่วตาขาว ตาดำขุ่นมัวไม่มีแวว ผิวซีดขาวออกเทาจางๆ เหมือนเนื้อซึ่งแช่อยู่ในน้ำเป็นเวลานาน ดูอีกทีเหมือนสีของปลาตายซาก สองแขนตกห้อยอยู่ข้างตัว ทั้งยืดยาวเลยสะโพกลงมาจนเกือบถึงบริเวณซึ่งน่าจะเป็นหัวเข่า
ปณิตาอ้าปากค้าง เกือบจะกรีดร้องออกมาอยู่แล้ว พอดีกับเสียงกริ่งอะไรบางอย่างดังขึ้นอย่างกะทันหันทำให้สะดุ้งเฮือกทั้งตัว แล้วผวาลุกพรวดขึ้นนั่งราวตัวติดสปริง
คุ้มสีทอง (บทที่ 15)
ขอบคุณ คุณ เปรียว sixtyone, น้องดาว Lady Star 919, คุณ แอนนี่ annie <harmonica>, คุณ jazzzero, คุณลิ ลายลิขิต, คุณ สมาชิกหมายเลข 1065771, คุณ อุรุเวลา, คุณ เป่าชาง, คุณ ออม ออมอำพัน, คุณ ป้าทุยบ้านทุ่ง, คุณ nasa nasa, จารย์จี GTW, คุณนัน turtle_cheesecake
ขอบคุณทุกคะแนนโหวตด้วยค่ะ
บทก่อนหน้าค่ะ
บทนำ - บทที่ 1 http://ppantip.com/topic/35939682
บทที่ 2 http://ppantip.com/topic/35949094
บทที่ 3 http://ppantip.com/topic/35952735
บทที่ 4 http://ppantip.com/topic/35959348
บทที่ 5 http://ppantip.com/topic/35965068
บทที่ 6 https://ppantip.com/topic/35967281
บทที่ 7 https://ppantip.com/topic/35972274
บทที่ 8 https://ppantip.com/topic/35978915
บทที่ 9 https://ppantip.com/topic/35985669
บทที่ 10 https://ppantip.com/topic/35992032
บทที่ 11 https://ppantip.com/topic/35999142
บทที่ 12 https://ppantip.com/topic/36005614
บทที่ 13 https://ppantip.com/topic/36008955
บทที่ 14 https://ppantip.com/topic/36015042
ร่างขาวๆ ที่กำลังเดินเรื่อยเฉื่อยเหมือนเดินเล่นผ่านใต้หน้าต่างไปนั้นแม้ปณิตาจะไม่แน่ใจว่าเป็นใครเพราะความมืดรอบด้าน มีก็เพียงแสงไฟจากโคมบนเสาสองต้นหน้าบ้านซึ่งส่องมาถึงบ้างเพียงน้อยนิด แต่ก็พอเดาได้ จะมีใครที่ไหนเสียอีกในบ้านหลังนี้ที่กล้าใส่ชุดนอนบางเบาแล้วออกมาเดินกรุยกรายในลักษณะนั้น ที่ประหลาดใจก็ตรงที่ว่าหล่อนเกิดคึกอะไรขึ้นมาถึงได้ลงไปเดินเล่นในเวลาค่ำมืดดึกดื่นอย่างนี้ ที่นี่แม้จะไม่มีอันตรายจากมนุษย์คนใด แต่อะไรที่นอกเหนือจากนั้นล่ะ...อย่างที่เธอเคยเจอนั่นไง
ร่ำๆ จะตามลงไปดูเพื่อให้แน่ใจว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ละเมอหรือมีอะไรน่าเป็นห่วงอยู่แล้ว พอดีกับเห็นใครคนหนึ่งเดินพ้นชายคาตรงไปหาหล่อน จึงได้เปลี่ยนใจ ใครคนนั้นดูสูงใหญ่ไม่น้อย แม้มองลงไปจากที่สูงกว่าก็พอจะเดาได้ว่าเป็นใคร ในเวลานี้ภายในบ้านหลังนี้มีผู้ชายเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จัดได้ว่ายังอยู่ในวัยหนุ่ม ลุงผันและลุงคำผานั้นอยู่ในวัยล่วงหกสิบไปหลายปีแล้วกระมัง
เพราะฉะนั้นคนที่เห็นอยู่กลางสนามหญ้าหน้าบ้านในเวลานี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากนายจ้างของเธอเอง และเขากำลังเดินตามคนรักไปห่างๆ
เห็นอย่างนั้นครูสาวก็วางใจ คิดว่าคู่หนุ่มสาวคงลงไปเดินเล่นกันนั่นเอง ว่าไปแล้วก็แปลกดีเหมือนกัน เวลากลางวันก็ตั้งเยอะตั้งแยะ แต่กลับลงไปจีบกันในที่มืดๆ ในเวลาค่อนดึก คงโรแมนติกดีพิลึก
ที่ลุกมานี่เพราะตั้งใจจะปิดหน้าต่าง พอเห็นอย่างนี้ก็เปลี่ยนใจ ถ้าปิดหน้าต่าง เดี๋ยวจะกลายเป็นจุดสนใจ ทำลายบรรยากาศของคนข้างล่างไปเสีย จึงกลับไปที่เตียง คว้านาฬิกาปลุกมาตั้งเวลา ตอนแรกตั้งใจว่าจะอ่านหนังสือของ ดร. ประยุทธิ์ อีกเล่มซึ่งติดตัวมาจากกรุงเทพด้วย แต่พอเห็นว่าจะสี่ทุ่มอยู่แล้ว และเมื่อครู่ก็กินยานอนหลับไปเรียบร้อย จึงได้แต่ล้มตัวลงนอนแล้วพยายามหลับให้ได้โดยเร็วที่สุดก่อนจะมีอะไรมาทำให้ขวัญกระเจิงไม่เป็นอันได้หลับได้นอนเสียอีก
กำลังเคลิ้มอยู่ทีเดียวเมื่อได้ยินเสียงเหมือนกรีดร้องดังมาจากที่ไหนสักแห่งไกลๆ ตามด้วยเสียงเหมือนคนกำลังวิ่ง
ครูสาวตาสว่างทันที อยากลุกไปดูว่าเสียงนั้นมาจากไหนและเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ไม่กล้า พยายามข่มตาให้หลับเสีย คิดว่าถ้าไม่สนใจเสียอย่าง เดี๋ยวก็คงเงียบไปเอง
แต่หาเป็นเช่นนั้นไม่ เสียงกรีดนั้นไม่มีแล้วก็จริง แต่กลับเป็นเสียงพูดคุยกันเบาๆ แทน ที่จริงเสียงนั้นคงไม่เบานักหรอก แต่เมื่อประตูปิดอยู่ และคนที่กำลังพูดกันคงอยู่ห่างออกไปทางบันได เสียงนั้นจึงเบามาก
ปณิตาเงี่ยหูฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ เมื่อหูแนบอยู่กับหมอน เสียงซึ่งมีพื้นห้องเป็นตัวนำก็ช่วยให้พอได้ยินบ้าง แม้จะจับใจความใดๆ ไม่ได้เลย หากก็พอฟังออกว่าที่ได้ยินเป็นการถกเถียงกันของคนสองคน คนหนึ่งคงเป็นผู้หญิง อีกคนเป็นผู้ชาย
แต่เธอก็ยังไม่คิดว่ามีอะไรผิดปกติอยู่ดี เหตุก็เพราะคุ้นเคยกับความไม่ปกติภายในบ้านหลังนี้เสียจนเรื่องแค่นี้ไม่แปลกอะไรอีกแล้ว
ตอนนี้เสียงเถียงกันนั้นเงียบไปแล้ว และยานอนหลับก็คงกำลังออกฤทธิ์แล้วด้วย จึงได้หลับไปเมื่อไรไม่รู้เลย
หากแต่คราวนี้ไม่ได้หลับรวดเดียวแล้วตื่นเสียสายเช่นคืนก่อน คราวนี้เธอฝันน่ากลัว ในความฝันเห็นตัวเองอยู่ในห้องซึ่งมีเพดานสูง มีชุดรับแขกทำด้วยไม้จัดรวมหมู่อยู่ตรงกลาง มีแสงส่องสว่างนวลมาจากที่ใดที่หนึ่ง เมื่อมองหาก็เห็นหน้าต่างกระจกรูปทรงสามเหลี่ยม เป็นกระจกสามแผ่นประกอบกัน แผ่นกลางสูงที่สุดและใหญ่ที่สุด...เหมือนห้องใหญ่ชั้นบนบ้านทรงชาเลต์ซึ่งเคยเป็นเรือนหอของคุณคมไม่มีผิดเพี้ยน มีกระจกขนาดเล็กกว่าอีกสองแผ่นอยู่สองข้าง ประกอบกันขึ้นเป็นรูปทรงสามเหลี่ยม หน้าต่างนั้นสูงลิ่วจากพื้นจรดเพดาน แต่เธอไม่เห็นเพดาน ไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน รู้ก็แต่ในส่วนลึกว่าห้องนี้ต้องมีเพดานอย่างแน่นอน
เมื่อหันกลับมาทางชุดรับแขกอีกครั้งก็สังเกตเห็นเป็นครั้งแรกว่ามีใครคนหนึ่งนั่งอยู่ที่นั่นด้วย คนๆ นั้นกำลังหันหลัง ดูไม่ออกด้วยซ้ำว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย น่าแปลกที่แม้ห้องจะสว่างไสวและชุดรับแขกนั้นก็อยู่ห่างออกไปไม่มาก แต่กลับเห็นได้ไม่ชัดเจนเท่าไรนัก ดูเป็นเงาตะคุ่มๆ เลือนรางอย่างไรชอบกล
นิสัยอยากรู้อยากเห็นซึ่งคงติดตัวมาแต่เกิดทำให้ต้องเดินเข้าไปดู ตั้งใจจะทักทาย แต่เขาก็ยังคงหันหลังให้ราวไม่รู้ตัวว่ามีใครคนหนึ่งกำลังก้าวช้าๆ อย่างระมัดระวังเข้ามาหา
หากแต่ก่อนจะถึงตัว เสียงกรีดร้องจากที่ไหนสักแห่ง...เหมือนที่ได้ยินเมื่อหัวค่ำ...ดังขึ้นอย่างกระทันหัน ร่างนั้นผุดลุกพรวดขึ้นยืนอย่างกะทันหัน ครูสาวถึงกับผงะ ถอยกรูดไม่เป็นกระบวนห่างออกมา ร่างซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้เมื่อครู่ไม่ใช่ลุกยืนเฉยๆ หากแต่ยืดยาวสูงขึ้นเรื่อยๆ สูงจนในขณะนี้เกือบจะติดเพดานซึ่งเธอไม่เห็นอยู่แล้ว
"ต้า..."
เสียงห้าวๆ อ่อนโยนมาจากที่ไหนสักแห่งใกล้ตัวนี่เอง ปณิตาไม่กล้าเหลียวหลังไปดูว่าเป็นใครเพราะแข้งขาอ่อนเปลี้ยไปหมด ตะลึงตาค้างราวถูกตรึงไว้กับร่างสูงลิ่วตรงหน้า ระทึกอยู่ในหัวอกว่าคงหันมาเห็นเธอเข้าในไม่ช้า พยายามจะหนี แต่ก้าวขาไม่ออกอีกแล้ว
"คุณต้า มาทางนี้"
มือของใครคนหนึ่งแตะที่บ่าของเธอ แล้วเลื่อนลงคว้าแขน ครูสาวสะดุ้งสุดตัว หันขวับไปดู คางเหลี่ยมได้รูปเป็นสิ่งแรกที่เห็น จากนั้นก็ดวงตาคมกริบจัดจ้าราวเรืองแสงได้เอง นัยน์ตาคู่นั้นอ่อนแสงลงในเสี้ยววินาทีถัดมา
เธอปล่อยให้เขาดึงตัวถอยหลัง ที่จริงก็ไม่มีแรงหลงเหลือพอจะพาตัวเองไปทางไหนเสียมากกว่า หันกลับดูร่างน่าสยดสยองตรงหน้า ก็เห็นว่ามันกำลังโอนเอนไปมาเหมือนแผ่นกระดาษที่ลอยตามคลื่นอยู่บนผิวน้ำ
มันกำลังก้มลงดูอะไรบางอย่าง เธอจึงลดสายตาลงมองตาม เห็นร่างสูงยืนอยู่ที่ประตู เสื้อเชิ้ตสีขาวที่เขาสวมมลังมเลืองภายใต้แสงสว่างนวลจนดูแสบตา ทำให้แรกๆ ไม่เห็นหน้าของเขาชัดเจน ความจัดจ้าของสีเสื้อทำให้ดูพร่าไปหมด เป็นครู่กว่าจะเริ่มคุ้นและใบหน้าคมคายค่อยปรากฏชัดขึ้น
ข้างๆ เขาเป็นหญิงสาวร่างอวบอัดในชุดสีแดงเพลิงที่เคยเห็นมาก่อน ผู้หญิงคนนั้นกำลังกอดแขนของเขาไว้แนบตัว ใบหน้าแหงนเงยขึ้นประสานสายตากับร่างร้ายอย่างไม่หวาดหวั่น แล้วลดสายตาลงจ้องตรงมาทางเธอ แววในดวงตาคู่นั้นลุกโพลงไม่ผิดอะไรกับเสื้อของคนข้างๆ
ในส่วนลึกปณิตามีความรู้สึกว่าเธอไว้ใจนายจ้างของตัวมากกว่าคนซึ่งกำลังยึดแขนของตัวเองอยู่ในเวลานี้ ชื่อของเขาจึงหลุดปากออกมาโดยไม่ตั้งใจ
"คุณเขต…"
แม้จะรู้สึกว่าเสียงของตัวเบาเอามากๆ หากร่างสยองขวัญซึ่งขวางอยู่ตรงกลางหันขวับมามอง
ครูสาวตกใจแทบสิ้นสติ ทรุดฮวบลงตรงนั้นเอง ใบหน้าของร่างนั้นสยดสยองอย่างที่เกิดมาไม่เคยเห็นอะไรน่าเกลียดน่ากลัวเท่านี้มาก่อน เพิ่งเห็นชัดๆ ตอนนี้นี้เองว่าเป็นผู้หญิง ผมสีดำยาวสยายรุ่งริ่ง บางส่วนมีโคลนจับ ชิ้นเนื้อด้านซ้ายของใบหน้าหลุดแหว่งเป็นกะบิลงมาห้อยร่องแร่งระคาง เห็นกะโหลกศีรษะภายในขาวโพลน จมูกแหว่งหายไป ริมฝีปากบิดเบี้ยวจนดูน่ากลัว น้ำลายปนเลือดไหลเป็นทางลงมาจากมุมปาก ที่น่าสยดสยองที่สุดคงไม่มีอะไรเกินดวงตาคู่นั้น มันโปนจนแทบถลนออกมานอกเบ้า มีริ้วเส้นเลือดกระจายอยู่ทั่วตาขาว ตาดำขุ่นมัวไม่มีแวว ผิวซีดขาวออกเทาจางๆ เหมือนเนื้อซึ่งแช่อยู่ในน้ำเป็นเวลานาน ดูอีกทีเหมือนสีของปลาตายซาก สองแขนตกห้อยอยู่ข้างตัว ทั้งยืดยาวเลยสะโพกลงมาจนเกือบถึงบริเวณซึ่งน่าจะเป็นหัวเข่า
ปณิตาอ้าปากค้าง เกือบจะกรีดร้องออกมาอยู่แล้ว พอดีกับเสียงกริ่งอะไรบางอย่างดังขึ้นอย่างกะทันหันทำให้สะดุ้งเฮือกทั้งตัว แล้วผวาลุกพรวดขึ้นนั่งราวตัวติดสปริง