ขอบคุณทุกคนที่อ่านเรื่องนี้นะคะ
ขอบคุณ คุณ เปรียว sixtyone, น้องดาว Lady Star 919, คุณนัน turtle_cheesecake, คุณ สมาชิกหมายเลข 1065771, คุณ เป่าชาง, คุณ jazzzero, คุณลิลายลิขิต, จารย์จี GTW, คุณ ป้าทุยบ้านทุ่ง, คุณ อุรุเวลา, คุณ nasa nasa
ขอบคุณสำหรับทุกคะแนนโหวตด้วยค่ะ
บทก่อนหน้าค่ะ
บทนำ - บทที่ 1
http://ppantip.com/topic/35939682
บทที่ 2
http://ppantip.com/topic/35949094
บทที่ 3
http://ppantip.com/topic/35952735
บทที่ 4
http://ppantip.com/topic/35959348
บทที่ 5
http://ppantip.com/topic/35965068
บทที่ 6
https://ppantip.com/topic/35967281
บทที่ 7
https://ppantip.com/topic/35972274
บทที่ 8
https://ppantip.com/topic/35978915
บทที่ 9
https://ppantip.com/topic/35985669
บทนี้เบรกเรื่องผีไว้สักบทนะคะ เพื่อเปิดโอกาสให้พระเอกได้พยายามจีบนางเอกแบบเนียนๆ แต่ผลออกมาไม่ค่อยเนียนเท่าไหร่ค่ะ
บทที่ 10
ครูสาวพับเพียบอยู่หน้ายกพื้นสำหรับพระนั่งสวดอภิธรรม เฝ้าจับตาดูผู้เป็นนายจ้างหนุ่มไหว้หลังจากทอดผ้าบังสุกุลถวายไทยธรรมพระรูปแรก เขาอยู่ในชุดสูทสีดำสุภาพ มีหญิงสาวในชุดสีเดียวกันตามติด ทั้งยังพยายามประคองเครื่องไทยธรรมร่วมกับเขาด้วยอีก หากแต่พอถึงพระรูปที่สามเขากลับหันมาทางเธอซึ่งนั่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล พร้อมกับผงกศีรษะเรียก
ปณิตาเหลียวขวับไปดูทางด้านหลังเพราะไม่แน่ใจว่าเขาเรียกใคร แต่เมื่อไม่เห็นคนอื่นอยู่ใกล้ๆ ก็พอเดาได้ว่าคงหมายถึงตัวเอง ขยับลุกแล้วคลานเข่าเข้าไปหา
"ถวายไทยธรรมด้วยกันนะต้า"
เขาคว้าข้อมือของเธอไว้ก่อนจะเปลี่ยนใจ แล้วดึงเบาๆ ให้เข้ามาคุกเข่าเคียงข้าง ให้จับเครื่องไทยธรรมร่วมกัน ทำเอาหญิงสาวที่ตามติดเขามาทั้งคืนจำต้องสะบัดสะบิ้งถอยออกห่างด้วยสีหน้าบึ้งตึง
ลักษณะที่นั่งคุกเข่าเคียงกัน มือแข็งแรงที่คอยจับมือเล็กๆ ให้ถือของถวายพระด้วยกัน คอยแตะหลังให้ขยับตาม อีกทั้งยังได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของโคโลญหรือไม่ก็โลชั่นหลังโกนหนวดเข้าให้อีก ทำเอาจิตใจของครูสาวเตลิดเปิดเปิงไปได้เหมือนกัน ทั้งๆ ที่กำลังเศร้าโศกเสียใจกับการสูญเสียยายที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เกิด
จนเหลือพระอีกสองรูป นายจ้างของเธอหันไปข้างหลังอีกครั้งเพื่อพูดกับใครบางคน
"คุณศรีนวลครับ เชิญครับ"
ปณิตาลอบถอนใจโล่งอกเมื่อปรายตาดูก็เห็นผู้เป็นป้าขยับเข้ามาคุกเข่าอยู่อีกด้าน และผู้ออกปากเชิญถอยไปข้างหลัง ปล่อยให้ป้าหลานเป็นผู้ถวายไทยธรรมที่เหลือต่อ
จนเมื่อมาถึงพระรูปสุดท้าย เขาออกคำสั่งอีกครั้ง
"กรวดน้ำด้วยกันนะต้า"
เธอได้แต่อือออตอบรับอย่างลังเล ด้วยไม่แน่ใจว่าเหมาะหรือไม่
หากถึงกระนั้นก็ขยับถอยมาทางเขาที่คอยอยู่แล้ว เหลือบมองผู้หญิงคนที่มากับเขาอย่างไม่สบายใจ แล้วมีอันต้องรีบหลบสายตาที่มองตอบกลับมาอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ เห็นลักษณะท่าทีที่หล่อนแสดงออกถึงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของคุณเขตมาตั้งแต่สวดศพคืนแรกแล้ว อากัปกริยาที่ตามติดเขาทำให้ญาติพี่น้องเพื่อนฝูงที่มาฟังพระสวดพากันมองอย่างสนอกสนใจ
‘เมียคุณเขตเหรอต้า’
อรรณพกระซิบถามในคืนแรกๆ คำตอบคือข้อศอกแหลมๆ กระทุ้งเข้าให้ที่สีข้าง
คุณเขตรับเป็นเจ้าภาพสวดศพของยายตลอดทั้งเจ็ดคืน แม้ป้าศรีนวลจะบอกว่าสวดเพียงสามคืนก็น่าจะพอ ยายเคยปรารภว่าอย่างนั้นจริงๆ ท่านไม่ต้องการให้งานศพของท่านกลายเป็นเรื่องใหญ่โต
‘สมัยนี้จัดงานศพกันทีเสียดายตังค์’ ยายเคยปรารภว่าอย่างนั้น เธอเองก็ได้ยิน
‘ค่าอะไรต่ออะไรมันเยอะไปหมด อย่างที่เขาว่ากันนะ ว่าคนตายขายคนเป็นนั่นแหละ’
แต่พอบอกให้คุณเขตรู้ถึงความต้องการของยาย เขากลับค้านว่าเจ็ดวันเหมาะสมกว่า ทั้งป้าหลานก็เลยไม่กล้าขัด ในเมื่อคนดูแลทุกอย่างในงานคือเขาคนเดียว นับตั้งแต่คืนสวด ไปจนถึงวันเผา แม้แต่อาหารทั้งหมด ตลอดไปจนถึงของแจกในวันเผา เขาก็เป็นคนจัดการให้ทุกอย่าง
‘เสร็จงานแล้วต้าต้องไปกราบขอบคุณคุณเขตสวยๆ นะลูก ถ้าไม่ได้ท่านงานนี้ เราจะทำกันยังไงก็ไม่รู้ นี่ท่านรับเป็นธุระไปหมดทุกอย่าง ทางเราแทบไม่มีใครต้องทำอะไรกันเลย’ ป้าศรีนวลสั่งไว้ว่าอย่างนั้น
จริงๆ แล้วก็มีพี่นิรันดร์คนเดียวที่รับผิดชอบเรื่องนิมนต์พระ แต่ก็นั่นแหละ ถ้าไม่เป็นเพราะคุณเขต งานของยายคงไม่ออกมาดีเป็นเรื่องเป็นราวได้ถึงขนาดนี้ ลำพังเธอคนเดียวคงแทบทำอะไรไม่ได้ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเริ่มตรงไหน ป้าศรีนวลแม้จะเป็นญาติ ก็เป็นญาติฝ่ายพ่อ ญาติใกล้ชิดฝ่ายแม่ไม่มีใครเหลืออยู่อีก จะให้ญาติทางฝ่ายพ่อเป็นธุระให้ทุกเรื่องก็กระไรอยู่ ดูเหมือนคุณเขตจะแก้ปัญหาทุกอย่างให้หมดสิ้น โดยที่เธอไม่เคยได้เอ่ยปากขอเลยแม้แต่คำเดียวเสียด้วยซ้ำ
บ่ายวันที่เธอเดินทางจากแม่ฮ่องสอนมาถึงกรุงเทพ เขาก็เป็นคนไปรับที่สนามบิน แล้วพาไปจัดการเรื่องรดน้ำศพ เรื่องจัดเตรียมดอกไม้หน้าศพ เรื่องจัดซื้อเครื่องไทยธรรม แม้แต่ติดต่อจัดทำของที่ระลึกซึ่งจะใช้แจกวันเผาอีกด้วย
‘ผมจะเลือกให้ก็กลัวว่าคุณจะไม่ชอบ ก็เลยคอยให้คุณมาเป็นคนเลือกเองนี่แหละ คุณคิดว่าจะมีคนมาร่วมในงานเผาสักกี่คน’ เขาถามเมื่อพนักงานขายส่งแคตตาล็อกของชำรวยสารพัดชนิดให้ดู
‘ต้าไม่แน่ใจค่ะ ญาติสนิททางฝ่ายแม่แทบไม่มีใครแล้ว ก็คงเป็นญาติฝ่ายพ่อกับเพื่อนๆ ของต้า ซึ่งก็มีกันไม่กี่คน ต้าคิดว่าคงไม่เกินสามสิบคนมั้งคะ’ เธอตอบเกรงอกเกรงใจด้วยรู้ว่าเขาจะเป็นคนออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด
‘ถ้าอย่างนั้นเราสั่งไว้สักร้อยก็แล้วกันนะ’
เธอถึงกับตะลึงกับตัวเลขนั้น
‘ตั้งร้อยเลยหรือคะ อย่าเลยค่ะ สักสี่สิบก็น่าจะพอ’
เขายิ้มเอ็นดู แล้วเปลี่ยนเป็นหัวเราะหึๆ ในลำคอเมื่อเห็นเธอย่นคอ
‘ถ้างั้นเอาเป็นห้าสิบก็แล้วกัน เผื่อไว้ดีกว่าไม่พอ’
ปณิตาเลือกหนังสือธรรมะเป็นของแจกผู้มางานเผา ด้วยคิดว่ายายคงพอใจในเมื่อท่านเป็นคนธรรมะธรรมโมอยู่แล้ว
คุ้มสีทอง (บทที่ 10)
ขอบคุณ คุณ เปรียว sixtyone, น้องดาว Lady Star 919, คุณนัน turtle_cheesecake, คุณ สมาชิกหมายเลข 1065771, คุณ เป่าชาง, คุณ jazzzero, คุณลิลายลิขิต, จารย์จี GTW, คุณ ป้าทุยบ้านทุ่ง, คุณ อุรุเวลา, คุณ nasa nasa
ขอบคุณสำหรับทุกคะแนนโหวตด้วยค่ะ
บทก่อนหน้าค่ะ
บทนำ - บทที่ 1 http://ppantip.com/topic/35939682
บทที่ 2 http://ppantip.com/topic/35949094
บทที่ 3 http://ppantip.com/topic/35952735
บทที่ 4 http://ppantip.com/topic/35959348
บทที่ 5 http://ppantip.com/topic/35965068
บทที่ 6 https://ppantip.com/topic/35967281
บทที่ 7 https://ppantip.com/topic/35972274
บทที่ 8 https://ppantip.com/topic/35978915
บทที่ 9 https://ppantip.com/topic/35985669
บทนี้เบรกเรื่องผีไว้สักบทนะคะ เพื่อเปิดโอกาสให้พระเอกได้พยายามจีบนางเอกแบบเนียนๆ แต่ผลออกมาไม่ค่อยเนียนเท่าไหร่ค่ะ
ครูสาวพับเพียบอยู่หน้ายกพื้นสำหรับพระนั่งสวดอภิธรรม เฝ้าจับตาดูผู้เป็นนายจ้างหนุ่มไหว้หลังจากทอดผ้าบังสุกุลถวายไทยธรรมพระรูปแรก เขาอยู่ในชุดสูทสีดำสุภาพ มีหญิงสาวในชุดสีเดียวกันตามติด ทั้งยังพยายามประคองเครื่องไทยธรรมร่วมกับเขาด้วยอีก หากแต่พอถึงพระรูปที่สามเขากลับหันมาทางเธอซึ่งนั่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล พร้อมกับผงกศีรษะเรียก
ปณิตาเหลียวขวับไปดูทางด้านหลังเพราะไม่แน่ใจว่าเขาเรียกใคร แต่เมื่อไม่เห็นคนอื่นอยู่ใกล้ๆ ก็พอเดาได้ว่าคงหมายถึงตัวเอง ขยับลุกแล้วคลานเข่าเข้าไปหา
"ถวายไทยธรรมด้วยกันนะต้า"
เขาคว้าข้อมือของเธอไว้ก่อนจะเปลี่ยนใจ แล้วดึงเบาๆ ให้เข้ามาคุกเข่าเคียงข้าง ให้จับเครื่องไทยธรรมร่วมกัน ทำเอาหญิงสาวที่ตามติดเขามาทั้งคืนจำต้องสะบัดสะบิ้งถอยออกห่างด้วยสีหน้าบึ้งตึง
ลักษณะที่นั่งคุกเข่าเคียงกัน มือแข็งแรงที่คอยจับมือเล็กๆ ให้ถือของถวายพระด้วยกัน คอยแตะหลังให้ขยับตาม อีกทั้งยังได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของโคโลญหรือไม่ก็โลชั่นหลังโกนหนวดเข้าให้อีก ทำเอาจิตใจของครูสาวเตลิดเปิดเปิงไปได้เหมือนกัน ทั้งๆ ที่กำลังเศร้าโศกเสียใจกับการสูญเสียยายที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เกิด
จนเหลือพระอีกสองรูป นายจ้างของเธอหันไปข้างหลังอีกครั้งเพื่อพูดกับใครบางคน
"คุณศรีนวลครับ เชิญครับ"
ปณิตาลอบถอนใจโล่งอกเมื่อปรายตาดูก็เห็นผู้เป็นป้าขยับเข้ามาคุกเข่าอยู่อีกด้าน และผู้ออกปากเชิญถอยไปข้างหลัง ปล่อยให้ป้าหลานเป็นผู้ถวายไทยธรรมที่เหลือต่อ
จนเมื่อมาถึงพระรูปสุดท้าย เขาออกคำสั่งอีกครั้ง
"กรวดน้ำด้วยกันนะต้า"
เธอได้แต่อือออตอบรับอย่างลังเล ด้วยไม่แน่ใจว่าเหมาะหรือไม่
หากถึงกระนั้นก็ขยับถอยมาทางเขาที่คอยอยู่แล้ว เหลือบมองผู้หญิงคนที่มากับเขาอย่างไม่สบายใจ แล้วมีอันต้องรีบหลบสายตาที่มองตอบกลับมาอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ เห็นลักษณะท่าทีที่หล่อนแสดงออกถึงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของคุณเขตมาตั้งแต่สวดศพคืนแรกแล้ว อากัปกริยาที่ตามติดเขาทำให้ญาติพี่น้องเพื่อนฝูงที่มาฟังพระสวดพากันมองอย่างสนอกสนใจ
‘เมียคุณเขตเหรอต้า’
อรรณพกระซิบถามในคืนแรกๆ คำตอบคือข้อศอกแหลมๆ กระทุ้งเข้าให้ที่สีข้าง
คุณเขตรับเป็นเจ้าภาพสวดศพของยายตลอดทั้งเจ็ดคืน แม้ป้าศรีนวลจะบอกว่าสวดเพียงสามคืนก็น่าจะพอ ยายเคยปรารภว่าอย่างนั้นจริงๆ ท่านไม่ต้องการให้งานศพของท่านกลายเป็นเรื่องใหญ่โต
‘สมัยนี้จัดงานศพกันทีเสียดายตังค์’ ยายเคยปรารภว่าอย่างนั้น เธอเองก็ได้ยิน
‘ค่าอะไรต่ออะไรมันเยอะไปหมด อย่างที่เขาว่ากันนะ ว่าคนตายขายคนเป็นนั่นแหละ’
แต่พอบอกให้คุณเขตรู้ถึงความต้องการของยาย เขากลับค้านว่าเจ็ดวันเหมาะสมกว่า ทั้งป้าหลานก็เลยไม่กล้าขัด ในเมื่อคนดูแลทุกอย่างในงานคือเขาคนเดียว นับตั้งแต่คืนสวด ไปจนถึงวันเผา แม้แต่อาหารทั้งหมด ตลอดไปจนถึงของแจกในวันเผา เขาก็เป็นคนจัดการให้ทุกอย่าง
‘เสร็จงานแล้วต้าต้องไปกราบขอบคุณคุณเขตสวยๆ นะลูก ถ้าไม่ได้ท่านงานนี้ เราจะทำกันยังไงก็ไม่รู้ นี่ท่านรับเป็นธุระไปหมดทุกอย่าง ทางเราแทบไม่มีใครต้องทำอะไรกันเลย’ ป้าศรีนวลสั่งไว้ว่าอย่างนั้น
จริงๆ แล้วก็มีพี่นิรันดร์คนเดียวที่รับผิดชอบเรื่องนิมนต์พระ แต่ก็นั่นแหละ ถ้าไม่เป็นเพราะคุณเขต งานของยายคงไม่ออกมาดีเป็นเรื่องเป็นราวได้ถึงขนาดนี้ ลำพังเธอคนเดียวคงแทบทำอะไรไม่ได้ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเริ่มตรงไหน ป้าศรีนวลแม้จะเป็นญาติ ก็เป็นญาติฝ่ายพ่อ ญาติใกล้ชิดฝ่ายแม่ไม่มีใครเหลืออยู่อีก จะให้ญาติทางฝ่ายพ่อเป็นธุระให้ทุกเรื่องก็กระไรอยู่ ดูเหมือนคุณเขตจะแก้ปัญหาทุกอย่างให้หมดสิ้น โดยที่เธอไม่เคยได้เอ่ยปากขอเลยแม้แต่คำเดียวเสียด้วยซ้ำ
บ่ายวันที่เธอเดินทางจากแม่ฮ่องสอนมาถึงกรุงเทพ เขาก็เป็นคนไปรับที่สนามบิน แล้วพาไปจัดการเรื่องรดน้ำศพ เรื่องจัดเตรียมดอกไม้หน้าศพ เรื่องจัดซื้อเครื่องไทยธรรม แม้แต่ติดต่อจัดทำของที่ระลึกซึ่งจะใช้แจกวันเผาอีกด้วย
‘ผมจะเลือกให้ก็กลัวว่าคุณจะไม่ชอบ ก็เลยคอยให้คุณมาเป็นคนเลือกเองนี่แหละ คุณคิดว่าจะมีคนมาร่วมในงานเผาสักกี่คน’ เขาถามเมื่อพนักงานขายส่งแคตตาล็อกของชำรวยสารพัดชนิดให้ดู
‘ต้าไม่แน่ใจค่ะ ญาติสนิททางฝ่ายแม่แทบไม่มีใครแล้ว ก็คงเป็นญาติฝ่ายพ่อกับเพื่อนๆ ของต้า ซึ่งก็มีกันไม่กี่คน ต้าคิดว่าคงไม่เกินสามสิบคนมั้งคะ’ เธอตอบเกรงอกเกรงใจด้วยรู้ว่าเขาจะเป็นคนออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด
‘ถ้าอย่างนั้นเราสั่งไว้สักร้อยก็แล้วกันนะ’
เธอถึงกับตะลึงกับตัวเลขนั้น
‘ตั้งร้อยเลยหรือคะ อย่าเลยค่ะ สักสี่สิบก็น่าจะพอ’
เขายิ้มเอ็นดู แล้วเปลี่ยนเป็นหัวเราะหึๆ ในลำคอเมื่อเห็นเธอย่นคอ
‘ถ้างั้นเอาเป็นห้าสิบก็แล้วกัน เผื่อไว้ดีกว่าไม่พอ’
ปณิตาเลือกหนังสือธรรมะเป็นของแจกผู้มางานเผา ด้วยคิดว่ายายคงพอใจในเมื่อท่านเป็นคนธรรมะธรรมโมอยู่แล้ว