คุ้มสีทอง (บทที่ 6)

ขอบคุณทุกคนที่อ่านเรื่องนี้นะคะ
ขอบคุณ น้องดาว Lady Star 919, คุณ เปรียว sixtyone, คุณ เป่าชาง, คุณ PuPaKae, จารย์จี GTW, คุณนัน turtle_cheesecake, คุณ ป้าทุยบ้านทุ่ง, คุณ อุรุเวลา, คุณ jazzzero
ขอบคุณทุกคะแนนโหวตด้วยค่ะ

บทก่อนหน้าค่ะ
บทนำ - บทที่ 1  http://ppantip.com/topic/35939682
บทที่ 2   http://ppantip.com/topic/35949094
บทที่ 3   http://ppantip.com/topic/35952735
บทที่ 4   http://ppantip.com/topic/35959348
บทที่ 5   http://ppantip.com/topic/35965068

บทนี้ตัวละครสำคัญอีกตัวออกโรงอย่างเป็นทางการแล้วค่ะ ตัวละครตัวนี้ทำให้ทุกอย่างในเรื่องนี้เป็นอย่างที่มันเป็นแหละค่ะ


บทที่ 6



    ในแวบแรกที่เห็น ร่างนั้นอยู่ในเงามืด ระเบียงด้านข้างของบ้านฝั่งนี้มีต้นรังขนาดใหญ่โตมโหฬารสองต้นขึ้นเคียงกัน มันแผ่กิ่งก้านสาขาปกคลุมไปทั่วบริเวณจนร่มครึ้ม จึงเห็นเพียงเรือนกายดำมืดทะมึน ยังไม่เห็นใบหน้าในทันที แต่น่าแปลกที่พอผู้ชายคนนั้นขยับตัวเพียงนิดเดียว ใบหน้าคมคายปรากฏให้เห็น ทั้งๆ ที่ตัวของเขายังคงอยู่ในเงามืดของร่มไม้อย่างนั้น ยังไม่ได้ขยับไปทางไหนเลยด้วยซ้ำ ครูสาวเดาไม่ออกเลยว่าแสงที่ส่องให้เห็นนั้นมาจากที่ใด

    ใบหน้าของผู้ชายคนนั้นทำให้ย้อนคิดไปถึงสมัยเรียนปีสี่ วิชาหนึ่งที่เลือกเรียนเพราะเหตุว่าชอบเป็นพิเศษคือเทพปกรณัมกรีก แม้วิชานั้นต้องข้ามถนนไปเรียนที่คณะอักษรศาสตร์ ปณิตาก็ยังดั้นด้นไปเรียนได้จนจบเทอม แถมยังสอบได้เกรดบีมาอีกด้วย ทั้งๆ ที่ต้องเรียนร่วมกับเซียนภาษาอังกฤษอย่างเด็กอักษรฯ

    ที่อยากเรียนก็เพราะชอบเรื่องราวเกี่ยวกับกรีกโบราณมาแต่ไหนแต่ไร พอเข้าเรียนคณะครุศาสตร์ปีหนึ่ง รู้ว่าอาจไม่มีโอกาสได้เรียนวิชานั้น เพราะมีเปิดสอนก็เป็นวิชาเลือกของนิสิตอักษรศาสตร์ที่เรียนภาษาอังกฤษเป็นวิชาเอกเท่านั้น ก่อนขึ้นปีสี่ พอรู้ว่ามีนโยบายใหม่ให้นิสิตเรียนวิชาเลือกข้ามคณะได้ ก็ดีใจเหมือนได้แก้ว วิชาแรกที่เลือกเรียนเมื่อลงทะเบียนเทอมแรกของปีสี่คือเทพปกรณัมของกรีกนั่นเอง และในบรรดาเรื่องราวที่พูดถึงในหนังสือประกอบการเรียน คงไม่มีเรื่องใดน่าประทับใจเท่าเรื่องของนาซิสซัส

ที่จริงนาซิสซัสไม่ใช่เทพ แต่เป็นวีรบุรุษของอาณาจักรเทสเปีย กวีโอวิดเขียนเรื่องของนาซิสซัสไว้ว่ามีความหล่อเหลาและสง่างามยากจะมีใครเปรียบ จนนางไม้ชื่อเอคโค่หลงรัก แต่นาซิสซัสไม่รักตอบเพราะคิดว่าความงามของตัวเองเทียบได้กับเทพอย่างเช่นอพอลโล่นั่นเลยทีเดียว

ความผิดหวังจากความรักทำให้เอคโค่เลือนหายกลายเป็นเพียงเสียงกระซิบแผ่วๆ ไป เทพธิดาเนเมซิสจึงสั่งสอนนาซิสซัสด้วยการสาปให้หลงรักเงาของตัวเองที่เห็นในบึงของเอคโค่ นาซิสซัสจึงได้แต่นั่งดูเงาของตัวเองในน้ำอย่างหลงไหลจนไม่เป็นอันทำอะไร จนตายไปในที่สุด

ตอนนั้นปณิตาหลงไหลเรื่องราวของนาซิสซัสเอามากๆ เคยวาดภาพของวีรบุรุษนาซิสซัสไว้ในใจเสียด้วยซ้ำ เคยแม้แต่แสวงหารูปวาดของนาซิสซัสทุกรูปเท่าที่หาได้มาดู ไม่ว่าจะเป็นรูปวาดของ มิเกลันเจโล คาราวักจิโอ หรือ จอห์น วิลเลี่ยม วอเตอร์เฮ้าส์ แล้วสรุปว่าวีรบุรุษในตำนานผู้นั้นคือชายในฝันของตัวเอง

ในเวลานี้ถ้านาซิสซัสมีจริง เขาคงมีหน้าตาเหมือนผู้ชายร่างสูงที่ยืนอยู่ตรงหน้า แม้เขายืนใต้เงาไม้ ห่างจากที่เธอยืนอยู่ไม่ใช่น้อยๆ ยังไม่ถึงกับเห็นหน้ากันชัดๆ แต่พอมองออกว่าใบหน้าได้รูปนั้นคมคาย ตั้งแต่คิ้วหนา ตาคมกริบ จมูกเป็นสันตรง ปากสวยเหมือนปากผู้หญิง ทั้งใบหน้าและเรือนร่างเหมือนรูปปั้นกรีกสวยๆ เราดีๆ นี่เอง

เขายืนนิ่งเหมือนคอยดูท่าทีของผู้ที่เพิ่งมาถึง ลุงผันบอกเธอว่าบ้านนี้ถูกทิ้งร้าง ไม่มีใครมาดูแลนานแล้ว ถ้าอย่างนั้นผู้ชายคนนี้เป็นใคร

"คุณคงอยากเข้าไปดูในบ้าน"

หลังจากยืนจ้องดูท่าทีกันเงียบๆ อยู่ครู่หนึ่ง เขาเป็นฝ่ายเอ่ยทำลายบรรยากาศน่าอึดอัดขึ้นก่อน สำเนียงพูดบอกได้ว่าไม่ใช่คนภาคกลาง

"เอ่อ...ค่ะ ไม่รู้ว่ามีคนอยู่ที่นี่"

ตอนนี้ปณิตาชักไม่แน่ใจเสียแล้วว่าควรทำอย่างไร ใจหนึ่งอยากกลับไปบ้านหลังใหญ่ แล้วค่อยมาใหม่วันหลัง อีกใจคิดว่าเมื่อมาถึงนี่แล้วก็อยากเข้าไปเห็นข้างในเพื่อไม่ให้เสียเที่ยว พิจารณารูปร่างหน้าตาของชายผู้นี้ก็พอสรุปได้ว่าไม่น่าจะเป็นคนร้าย เพราะดูภูมิฐาน ไม่น่าจะมีพิษสงอะไร

หากถึงกระนั้นก็ยังลังเล เแถมชักจะร้อนขึ้นทุกทีเพราะกำลังยืนตากแดดเปรี้ยงยามบ่ายอีกด้วย

"คุณอยู่ที่นี่หรือคะ"

"ผมอยู่ที่นี่…” เขาตอบทันควัน แต่แล้วเหมือนคิดได้

“…เคยอยู่ที่นี่ คุณคงอยากเข้าไปดูข้างใน" เขาทวนประโยคนั้นอีก

ร่างสูงขยับก้าวมาข้างหน้าเพียงสองก้าว แต่ยังไม่ออกพ้นเงาไม้อยู่ดี ท่าทางเหมือนเป็นเจ้าของสถานที่

ปณิตาเพิ่งสังเกตเห็นว่ามีประตูอยู่ที่นั่น เริ่มมีความรู้สึกเหมือนกำลังบุกรุกที่ส่วนบุคคล ทั้งๆที่ลุงผันและป้าคำแปงบอกไว้ล่วงหน้าแล้วว่าเดินดูทั่วอาณาบริเวณบ้านได้ทุกเมื่อ จะข้ามไปอีกฝั่งของธารน้ำก็ยังได้ แต่เมื่อเห็นมีคนอยู่แบบนี้ ก็ชักไม่แน่ใจเสียแล้วว่าสมควรหรือไม่ เขาไม่ใช่ผู้อยู่อาศัยที่นี่ แม้ว่าจะเคยอยู่มาก่อนอย่างที่บอกก็ตาม

ความคิดเรื่องคนร้ายผุดขึ้นมาในใจอีกครั้ง

"เอ่อ…ไม่เป็นไรหรอกค่ะ วันหลังค่อยมาใหม่ดีกว่า" ในที่สุดก็ตัดสินใจได้ ถึงอย่างไรก็ยังมีโอกาสมาที่นี่อีกหลายครั้ง

ขยับจะกลับไปทางเดิม แต่คำพูดต่อมาของชายหนุ่มตรงหน้าทำเอาถึงกับสะดุ้ง

"ผมไม่ใช่คนร้าย ถ้าคุณห่วงเรื่องนั้น"

ราวกับเขาอ่านใจเธอได้ ครูสาวเหลียวมองไปทางซ้ายมือที่เดินจากมาเมื่อครู่อย่างชั่งใจ

แต่พอหันกลับมาอีกที ร่างดำมืดนั้นหายไปเสียแล้ว ประตูด้านข้างเปิดไว้กว้าง บานประตูเปิดออกภายนอก จึงมองไม่เห็นว่าเขายืนอยู่หลังประตูหรือว่าอย่างไร ตัดสินใจอยู่ครู่หนึ่งว่าควรทำอย่างไรดี ในที่สุดความอยากรู้อยากเห็นมีมากกว่า เท่าที่พิจารณาดูท่าทางของเขา ไม่น่าจะเป็นคนร้ายแน่ๆ อีกอย่างจะเป็นคนร้ายไปได้อย่างไร จากถนนหน้าบ้านมาถึงที่นี่ต้องผ่านบ้านหลังใหญ่ เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะขับรถเข้ามา หรือเดินมาถึงบ้านหลังนี้โดยไม่มีใครเห็น อาจเป็นคนที่เข้าๆ ออกๆ ที่นี่เป็นประจำ อาจเป็นคนงานที่มาทำงานเป็นครั้งคราว หรืออาจรู้จักใครแล้วมาเยี่ยม

คิดได้อย่างนั้นก็ก้าวยาวๆ ไปถึงประตู ตื่นตะลึงเมื่อมองเข้าไปภายใน

ห้องที่เห็นคงเป็นห้องอาหาร ตรงกลางมีโต๊ะอาหารตัวยาว เนื้อไม้ละเอียด ลงชะแลคเป็นมันปลาบ มีเก้าอี้ไม้แบบเดียวกันหกตัววางอยู่โดยรอบ เบาะนั่งบุผ้าไหมไทยสีฟ้า ผนังห้องทาสีฟ้าน้ำทะเลอ่อนจาง มีภาพวาดสีน้ำมันฝีมือประณีต เป็นภาพภูเขาทางด้านหลังของบ้าน ภาพนั้นแขวนเด่นเป็นสง่า ที่น่าแปลกใจที่สุดคือทั้งห้องดูสดใสและสะอาดเหมือนมีคนคอยดูแล ผิดกับภายนอกลิบลับ

ผู้ชายคนนั้นยืนตระหง่านอยู่ที่ประตูซึ่งเปิดเข้าไปในห้องติดกัน มองเข้าไปเห็นว่าเป็นเหมือนห้องนั่งเล่นหรือห้องรับแขก มีชุดเก้าอี้นั่งสบายเกาะกลุ่มอยู่ตรงกลาง

เสียววาบตลอดสันหลังเมื่อคิดขึ้นได้ว่าจะเห็นภายในห้องติดกันนั่นได้อย่างไรในเมื่อร่างสูงหนาและดำมืดยืนขวางประตูอยู่แบบนั้น วูบหนึ่งคิดได้ว่าจะเห็นห้องนั้นได้ก็ต้องมองผ่านเขาไปเท่านั้น แล้วนี่มองผ่านร่างของเขาไปได้อย่างไรกัน คงเป็นเพราะสายตาที่เมื่อครู่คุ้นกับแสงแดดจัดจ้า พอเข้ามาในห้องซึ่งมืดกว่า ก็เลยยังปรับไม่ได้ในทันที

พอขยี้ตาแล้วมองอีกครั้ง จึงได้รู้ว่าจริงๆ แล้วพอจะเห็นภายในห้องนั้นได้ก็เพียงมุมแคบๆ  โดยมองผ่านด้านข้างของผู้ชายชุดดำคนนั้นเท่านั้นเอง

“แปลกจัง ข้างในนี้ผิดกับข้างนอกลิบลับเลยค่ะ ดูจากข้างนอกเหมือนบ้านร้าง แต่ข้างในเหมือนยังมีคนอาศัยอยู่ เหมือนมีคนคอยดูแลทำความสะอาด” อดไม่ได้ที่จะแสดงความคิดเห็นอย่างที่ใจกำลังคิด

ริมฝีปากบางได้รูปสวยของชายหนุ่มเหยียดยิ้ม แล้วหันหลังเดินนำเข้าไปในห้องติดกัน

ปณิตาเดินตามเข้าไปด้วย เริ่มคุ้นเคยกับอากัปกริยาเยือกเย็นของเขา จนความคิดที่ว่าเขาอาจเป็นคนร้ายเลือนหายไปหมดสิ้น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่