รื่องโดย ฉัตรชณา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ตอนก่อนหน้า
บทนำ : https://ppantip.com/topic/36780425
บทที่ 1 : https://ppantip.com/topic/36784782
บทที่ 2 : https://ppantip.com/topic/36808468
บทที่ 3 : https://ppantip.com/topic/37543715
บทที่ 4 : https://ppantip.com/topic/37545296
บทที่ 5 : https://ppantip.com/topic/37548724
บทที่ 6 (1/2) : https://ppantip.com/topic/37552736
บทที่ 6 (2/2) : https://ppantip.com/topic/37557798
บทที่ 7 : https://ppantip.com/topic/37565274
บทที่ 8 (1/3) : https://ppantip.com/topic/37575085
บทที่ 8 (2/3) : https://ppantip.com/topic/37588982
ตอนต่อไป
บทที่ 9 (1/3) : https://ppantip.com/topic/37618427
บทที่ 8 (3/3)
แผนรุกข้ามขั้น
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว จากช่วงค่ำมาเป็นค่อนดึก เมื่อสิสิระเดินมาส่งลัลนาที่หน้าบ้าน หญิงสาวเดินนำหน้าขณะที่ชายหนุ่มเดินตามจนกระทั่งทั้งคู่มาหยุดยืนอยู่ที่หน้าประตู ลัลนาหันไปมองเขาราวกับจะถามว่า ทำไมเขายังไม่กลับไปอีกแต่สิสิระตีขลุมประหนึ่งว่าตีความไม่ออก
“ยังไม่กลับหรือคะ”
“ผมยังมีเรื่องต้องคุยกับคุณ”
“ดึกมากแล้ว เอาไว้ค่อยคุยกันพรุ่งนี้ดีกว่าไหมคะ” ลัลนาพยายามเลี่ยง ดวงหน้าสวยมีรอยหนักใจผสมกับความไม่ไว้ใจ ชนิดที่ไม่ต้องเดาสิสิระก็ดูเธอออกแบบทะลุปุโปร่ง
“เพิ่งจะสี่ทุ่มนิดๆ เอง ดึกที่ไหนกัน” สิสิระยังอิดออด ทำอย่างไรได้วันนี้ทั้งวันนอกจากช่วงเวลาที่อยู่ในรถแล้วเขาแทบไม่ได้อยู่ตามลำพังกับลัลนาเลยนี่นา จะให้เขายอมกลับไปแบบมือเปล่าๆ อย่างนี้ได้อย่างไร มีหวังได้เสียยี่ห้อสิสิระหมดกันพอดี
“ดึกแล้วค่ะ พรุ่งนี้เช้าลัลต้องรีบไปร้าน คุณเองก็ต้องไปทำงานเหมือนกัน กลับบ้านไปพักผ่อนดีกว่าค่ะ” หญิงสาวปฏิเสธเสียงเย็น ทว่าคนอย่างสิสิระมีหรือจะยอมแพ้ เขาถือคติตื๊อเท่านั้นที่ครองโลก ฉะนั้นอย่างน้อยๆ เขาก็ต้องได้จูบเธอสักครั้งก่อนกลับ ไม่อย่างนั้นมีหวังคืนนี้เขาคงจะนอนไม่หลับเป็นแน่
“แต่ผมยังไม่อยากกลับนี่นา ขอผมเข้าไปนั่งกินกาแฟซักแก้วก่อน แล้วค่อยกลับได้ไหม” ชาหนุ่มเปลี่ยนมาใช้ลูกอ้อน หญิงสาวจึงเริ่มหยิบผู้คนขึ้นมาเป็นเหตุผลในการอ้างกับเขาแทน
“ไม่ได้ค่ะ ทำแบบนั้นใครผ่านไปผ่านมาเห็นเข้าจะไม่ดี”
“คิดมากไปได้คุณ สมัยนี้แล้วใครเขาสนใจเรื่องแบบนี้กัน” ชายหนุ่มพูดพลางหัวเราะพลางราวกับว่าความคิดของลัลนาช่างโบราณเสียเหลือเกิน ทั้งที่ความจริงแล้ว ตัวเขาเองก็ไม่เคยนึกนิยมผู้หญิงประเภทใจเร็วด่วนได้เลยสักนิด
“ใครไม่สนก็ช่างค่ะ แต่ลัลสน โดยเฉพาะเรื่องแบบนี้”
“ใจคอคุณจะไม่เปิดโอกาสให้ผมจริงๆ ใช่ไหม”
“โอกาสอะไรหรือคะ เท่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ลัลว่ามันก็มากพอดูแล้วนะคะ”
“แต่มันยังน้อยไปสำหรับผม”
“ต้องแค่ไหนหรือคะ คุณถึงจะพอใจ”
“ก็... แค่ให้เราได้มีเวลาอยู่ด้วยกัน”
“สถานะไหนล่ะคะ”
“แฟนไง คุณตอบตกลงเป็นกับผมแล้วนี่นา”
“ถ้างั้นที่ลัลทำแบบนี้ มันก็ถูกแล้วนี่คะ คนเป็นแฟนกัน ไม่จำเป็นต้องสนิทชิดใกล้กันเหมือนกับคนที่เป็นสามีภรรยา” ลัลนาไม่รู้เลยว่า ตัวเองได้พูดจาเปิดทางให้ชายหนุ่มคิดไปไกลขนาดไหน และจะนำมาอะไรมาสู่เธอบ้าง
“ถ้าคุณว่างั้นนะ โอเค. ครับ เป็นอันว่าผมรับทราบ”
“ถ้าเข้าใจแล้ว งั้นก็เชิญกลับไปได้แล้วค่ะ”
“ไล่เสียจริง คุณทำอย่างกับว่าผมเป็นคนไม่ดีไม่น่าไว้ใจอย่างนั้นล่ะ ถ้างั้นเอางี้ดีกว่า เรามาแลกเปลี่ยนกัน”
“คะ” เธอถามแล้วมองหน้าเขาอย่างรอฟัง นับตั้งแต่วันแรกที่ลัลนารู้จักกับชายหนุ่ม เขามักจะยื่นข้อเสนอแปลกๆ ที่ทำให้เธอต้องประหลาดใจแบบนี้เสมอ ครั้งนี้หญิงสาวจึงนิ่งและรอฟังเขา
“ถ้าคุณยอมให้ผมหอมแก้มคุณทีหนึ่ง ผมจะยอมกลับ” สิสิระพูดหน้าตาย ขณะที่คนฟังตาเริ่มเหลือก นึกไม่ถึงว่าเขาจะกล้ายื่นข้อเสนอที่ฟังดูหน้าหนาพิกลจนต้องเธอถามซ้ำเพื่อให้แน่ใจว่าตัวเองฟังไม่ผิด
“ว...ว่าไงนะคะ”
“หอมแก้มไง แลกกับการที่ผมจะยอมกลับบ้านแต่โดยดี แล้วรับรองว่าคืนนี้ผมจะไม่กวนคุณอีก” ชายหนุ่มย้ำ แถมยังยิ้มกริ่ม เริ่มจะมองเห็นชัยชนะอยู่รำไร
“คุณนี่! นับวันก็ยิ่งจะตลกมากขึ้นทุกที” ลัลนาต่อว่าระอาใจ ทว่าชายหนุ่มกลับยังทู่ซี้ต่อ ไม่ยอมเลิกล้มความตั้งใจง่ายๆ
“แค่หอมเองคุณ นะคุณนะ รับรองว่าผมจะไม่ทำให้แก้มคุณช้ำอย่างแน่นอน” สิสิระยังเดินหน้าพูดจาแบบหน้าไม่อาย ผิดกับลัลนาที่ปฏิเสธจนท้อใจใกล้จะร้องไห้เต็มแก่
“ไม่ได้ค่ะ ดึกมากแล้วคุณควรจะกลับไปซะที”
“น่า นะคุณ หอมแค่ทีเดียวเอง”
“เอ๊ะ! คุณนี่ ทำเป็นเด็กอ้อนขอขนมไปได้”
“ก่อนหน้านี้ที่ผมทำ มันมากกว่าหอมอีกนะคุณ ตอนนั้นคุณไม่เห็นจะว่า” เขาท้วงโดยยกเหตุการณ์ในครั้งก่อนๆ มาอ้าง ลัลนาทั้งตกใจทั้งอายจนหน้าแดงก่ำ รู้สึกเปลืองตัวเปลืองใจขึ้นมาจนบอกไม่ถูก
“คุณสิสิระ!”
“หมอกครับ คุณรับปากแล้วว่าจะเรียกชื่อเล่นผม”
‘ดูเอาเถอะคนเรา พอได้คืบจะเอาศอก’ หญิงสาวค่อนว่าเขาในใจ เวลานี้เธอไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยอะไรออกให้เขาได้ยินแม้แต่เพียงคำ
“คุณจะยื่นแก้มมาให้ผมหอม หรือจะให้ผมยืนอ้อนคุณอยู่แบบนี้ทั้งคืน ก็เลือกเอาละกัน”
“คุณนี่มัน...” ลัลนารู้สึกจนคำพูด เถียงเท่าไรก็ไม่ชนะเขาสักที สุดท้ายก็ต้องต้องตัดใจ “โอเคค่ะ แค่ทีเดียวนะคะ”
“ครับทีเดียว”
อนุญาตเขาแล้วหญิงสาวก็ยืนนิ่งรอให้เขาเป็นฝ่ายยื่นหน้ามาหาเธอเอง ไวเท่าความคิด สิสิระก้าวเข้าไปใกล้เธออีกหนึ่งก้าว ชายหนุ่มใช้สองมือประคองดวงหน้างามให้หันกลับมา แล้วประทับจูบลงบนริมฝีปากบางนิ่งนาน ลัลนาตกใจจนตาค้าง หญิงสาวพยายามผลักเขาออกห่าง ทั้งยังปัดป้องตัวเองพัลวัน ทว่ามือหนากลับยึดใบหน้าของเธอเอาไว้แน่นจนไม่อาจขยับหนีไปไหน ริมฝีปากหยักทั้งบดเบียดและเรียกร้องด้วยชั้นเชิงที่เหนือกว่า เปลี่ยนอาการขัดขืนของหญิงสาวให้โอนอ่อนผ่อนตาม ลัลนาลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าทั้งเธอและเขายังคงยืนอยู่ที่หน้าบ้าน มือบางเปลี่ยนจากผลักเป็นโอบรอบคอเขาไว้แน่นพร้อมกับจูบตอบเขาอย่างท้าทาย และลืมตัว
มือของชายหนุ่มเปลี่ยนจากตรึงใบหน้ามาประคองที่เอวบาง พร้อมกันนั้นก็ดันร่างบอบบางของเธอไปชิดบานประตู จากนั้นรุกแรงด้วยการแทรกลิ้นลงในโพรงหวานทั้งยั่วเย้าหยอกเอิน ทั้งกวาดต้อนรวบรัดเก็บเกี่ยวเอาความอุ่นชื้นหอมหวานไปจนหมดสิ้น ก่อนจะเปลี่ยนเป้าหมายมาเป็นไล่และเล็มไล่ไปบนซอกคอขาวนวลที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ยวนจมูก ราวกับจะฉุดรั้งร่างสูงยิ่งจมดิ่งสู่ห้วงตฤษณา จมูกโด่งไล่ดอมดมไปจนถ้วนทั่ว ตลอดร่างของหญิงสาวผ่าวร้อน ต่อให้มองไม่เห็น สิสิระก็พอจะเดาได้ว่าตอนนี้เนื้อตัวของหญิงสาวคงจะเปลี่ยนเป็นสีชมพูอมแดงไปทั่วทั้งสรรพางค์ สิสิระจดริมฝีปากบนใบหูนุ่มนิ่มแล้วขบเม้มดูดดึง ขณะที่มือหนานวดคลึงไปบนอกอวบนุ่มที่กำลังลุกฮืดขึ้นต้านมือของเขา ร่างบางพลันสั่นสะท้านจนแทบจะทรงตัวไว้ไม่อยู่ เสียงหอบกระเส่าคุ้นหูครางครวญดังแว่วมากระทบโสต ทว่าลัลนากลับไม่เฉลียวใจสักนิดว่านั่นเป็นเสียงของตัวเธอเอง
ใบหน้าคมเริ่มลดลงต่ำ สิสิระฝังจมูกคมลงบนร่องอกอวบล้นนิ่งนาน ชายหนุ่มกำลังร้องบอกกับตัวเองว่าเขาต้องหยุด เพราะถ้าขืนยังเดินหน้าต่อ มีหวังได้เผลอทำอะไรประเจิดประเจ้อกันไปมากกว่านี้แน่ๆ เขายังพอจะรู้ว่าตัวเองกำลังอยู่ที่ไหน และยิ่งรู้ว่าไม่สวมควรจะเดินหน้าต่อในตอนนี้ ชายหนุ่มค่อยๆ ถอนใบหน้าขึ้น พร้อมกับรั้งมือตัวเองจากร่างบางอย่างยากเย็น จากนั้นกระซิบถามเบาๆ ด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่าปนกระเส่า
“จะเปลี่ยนใจให้ผมอยู่ค้างกับคุณที่นี่ก็ได้นะ”
ลัลนาพลันกลับมาเป็นตัวเองอีกครั้ง ใบหน้าของเธอแดงก่ำเพราะความอับอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี หญิงสาวพยายามจะผลักเขาออก แต่กลับไม่ถนัดเอาเสียเลย เป็นเพราะร่างสูงยังคงกักตัวเธอไว้จนแนบชิดกับบานประตู
อีกครั้งแล้วสินะที่เธอเผลอไผลไปกับเขา เกือบไปอีกแล้ว ถ้าสิสิระไม่หยุดตัวเองไว้ก่อน เธอเองยังนึกไม่ออกว่าเหตุการณ์นี้มันจะไปจบลงที่ตรงไหน
“ปล่อยค่ะ”
“ไม่อยากปล่อยเลย ขอผมค้างด้วยคนนะ” ชายหนุ่มยังอ้อน
“ไม่ได้ค่ะ แค่นี้ก็มากพอแล้ว คุณกลับไปได้แล้วค่ะ”
“ใจร้ายจัง” เสียงทุ้มบ่นออด แต่สุดท้ายก็ยินยอมถอยห่างจากร่างบอบบางของเธอ “ก็ได้ กลับก็กลับ พรุ่งนี้เช้าผมจะมารับ คุณแต่งตัวสวยๆ ไว้ด้วยล่ะ”
หญิงสาวขมวดคิ้วมุ่น แค่ที่ต้องกระดากเมื่อครู่มันยังไม่พอ เขายังจะตามมาตอกย้ำเธอในตอนเช้าอีก ลัลนาอยากจะบ้าตายเสียให้มันรู้แล้วรู้รอด จะได้ไม่ต้องทนอับอายต่อหน้าเขาแบบนี้อีก ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะผ่อนลมหายใจ ใบหน้าคมพลันโฉบลงมาจูบบนริมฝีปากบางของเธออีกครั้ง ก่อนจะผละจากไปในเวลาอันรวดเร็ว ทว่าแม้ตัวจะเดินห่างออกไปไกลแล้วก็ยังไม่วายหันมาร้องสั่ง
“เข้าบ้านซะ แล้วก็อย่าลืมล็อกประตูด้วยล่ะ
ลัลนาอยากจะหาอะไรเขวี้ยงตามหลังคนช่างยั่วนัก นอกจากมือไว ใจไว้ แล้วปากของเขายังคมจนน่าตบอีกต่างหาก หญิงสาวรีบหมุนตัวกลับเข้าบ้าน ทว่าพอเข้ามาแล้วเธอกับเอาแต่ยืนนิ่งเอนหลังพิงประตู
การอยู่ใกล้ชิดกับสิสิระนับวันจะยิ่งน่ากลัวสำหรับเธอมากขึ้นเรื่อยๆ ชายหนุ่มได้พิสูจน์ให้เธอรู้ว่า ตัวเขาคือเชื้อไฟ ที่พร้อมจะจุดติดบนน้ำมันอย่างตัวเธอได้ทุกที่ทุกเวลา เขาทำเหมือนหลอกล่อ จับแต่แสร้งปล่อย เขาทำแบบนี้กับเธออยู่หลายครั้งหลายคราว ราวกับจะลองใจเธอก็ไม่ปาน มันทำให้ลัลนายิ่งอยากรู้ว่าเขาต้องการอะไรจากตัวเธอกันแน่
พรุ่งนี้สิสิระจะมารับเธอ และเธอก็ต้องเจอกับเขาอีกครั้ง ลัลนาให้หวั่นใจ ว่าคราวต่อๆ ไป เขาจะใจดียอมปล่อยเธอเหมือนที่ผ่านๆ มาหรือเปล่า ลัลนารู้ตัวดีว่าเธอกำลังหวั่นไหวไปกับสัมผัสวาบหวามของเขา
ทุกครั้งที่เธอนึกถึงรสสัมผัสของเขาขึ้นมาคราวใด ร่างบางมีอันให้ต้องสั่นสะท้านไปทุกที
--------------------
(จบตอน)
ม่านหัวใจ อุ่นไอรัก บทที่ 8 (3/3)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แผนรุกข้ามขั้น
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว จากช่วงค่ำมาเป็นค่อนดึก เมื่อสิสิระเดินมาส่งลัลนาที่หน้าบ้าน หญิงสาวเดินนำหน้าขณะที่ชายหนุ่มเดินตามจนกระทั่งทั้งคู่มาหยุดยืนอยู่ที่หน้าประตู ลัลนาหันไปมองเขาราวกับจะถามว่า ทำไมเขายังไม่กลับไปอีกแต่สิสิระตีขลุมประหนึ่งว่าตีความไม่ออก
“ยังไม่กลับหรือคะ”
“ผมยังมีเรื่องต้องคุยกับคุณ”
“ดึกมากแล้ว เอาไว้ค่อยคุยกันพรุ่งนี้ดีกว่าไหมคะ” ลัลนาพยายามเลี่ยง ดวงหน้าสวยมีรอยหนักใจผสมกับความไม่ไว้ใจ ชนิดที่ไม่ต้องเดาสิสิระก็ดูเธอออกแบบทะลุปุโปร่ง
“เพิ่งจะสี่ทุ่มนิดๆ เอง ดึกที่ไหนกัน” สิสิระยังอิดออด ทำอย่างไรได้วันนี้ทั้งวันนอกจากช่วงเวลาที่อยู่ในรถแล้วเขาแทบไม่ได้อยู่ตามลำพังกับลัลนาเลยนี่นา จะให้เขายอมกลับไปแบบมือเปล่าๆ อย่างนี้ได้อย่างไร มีหวังได้เสียยี่ห้อสิสิระหมดกันพอดี
“ดึกแล้วค่ะ พรุ่งนี้เช้าลัลต้องรีบไปร้าน คุณเองก็ต้องไปทำงานเหมือนกัน กลับบ้านไปพักผ่อนดีกว่าค่ะ” หญิงสาวปฏิเสธเสียงเย็น ทว่าคนอย่างสิสิระมีหรือจะยอมแพ้ เขาถือคติตื๊อเท่านั้นที่ครองโลก ฉะนั้นอย่างน้อยๆ เขาก็ต้องได้จูบเธอสักครั้งก่อนกลับ ไม่อย่างนั้นมีหวังคืนนี้เขาคงจะนอนไม่หลับเป็นแน่
“แต่ผมยังไม่อยากกลับนี่นา ขอผมเข้าไปนั่งกินกาแฟซักแก้วก่อน แล้วค่อยกลับได้ไหม” ชาหนุ่มเปลี่ยนมาใช้ลูกอ้อน หญิงสาวจึงเริ่มหยิบผู้คนขึ้นมาเป็นเหตุผลในการอ้างกับเขาแทน
“ไม่ได้ค่ะ ทำแบบนั้นใครผ่านไปผ่านมาเห็นเข้าจะไม่ดี”
“คิดมากไปได้คุณ สมัยนี้แล้วใครเขาสนใจเรื่องแบบนี้กัน” ชายหนุ่มพูดพลางหัวเราะพลางราวกับว่าความคิดของลัลนาช่างโบราณเสียเหลือเกิน ทั้งที่ความจริงแล้ว ตัวเขาเองก็ไม่เคยนึกนิยมผู้หญิงประเภทใจเร็วด่วนได้เลยสักนิด
“ใครไม่สนก็ช่างค่ะ แต่ลัลสน โดยเฉพาะเรื่องแบบนี้”
“ใจคอคุณจะไม่เปิดโอกาสให้ผมจริงๆ ใช่ไหม”
“โอกาสอะไรหรือคะ เท่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ลัลว่ามันก็มากพอดูแล้วนะคะ”
“แต่มันยังน้อยไปสำหรับผม”
“ต้องแค่ไหนหรือคะ คุณถึงจะพอใจ”
“ก็... แค่ให้เราได้มีเวลาอยู่ด้วยกัน”
“สถานะไหนล่ะคะ”
“แฟนไง คุณตอบตกลงเป็นกับผมแล้วนี่นา”
“ถ้างั้นที่ลัลทำแบบนี้ มันก็ถูกแล้วนี่คะ คนเป็นแฟนกัน ไม่จำเป็นต้องสนิทชิดใกล้กันเหมือนกับคนที่เป็นสามีภรรยา” ลัลนาไม่รู้เลยว่า ตัวเองได้พูดจาเปิดทางให้ชายหนุ่มคิดไปไกลขนาดไหน และจะนำมาอะไรมาสู่เธอบ้าง
“ถ้าคุณว่างั้นนะ โอเค. ครับ เป็นอันว่าผมรับทราบ”
“ถ้าเข้าใจแล้ว งั้นก็เชิญกลับไปได้แล้วค่ะ”
“ไล่เสียจริง คุณทำอย่างกับว่าผมเป็นคนไม่ดีไม่น่าไว้ใจอย่างนั้นล่ะ ถ้างั้นเอางี้ดีกว่า เรามาแลกเปลี่ยนกัน”
“คะ” เธอถามแล้วมองหน้าเขาอย่างรอฟัง นับตั้งแต่วันแรกที่ลัลนารู้จักกับชายหนุ่ม เขามักจะยื่นข้อเสนอแปลกๆ ที่ทำให้เธอต้องประหลาดใจแบบนี้เสมอ ครั้งนี้หญิงสาวจึงนิ่งและรอฟังเขา
“ถ้าคุณยอมให้ผมหอมแก้มคุณทีหนึ่ง ผมจะยอมกลับ” สิสิระพูดหน้าตาย ขณะที่คนฟังตาเริ่มเหลือก นึกไม่ถึงว่าเขาจะกล้ายื่นข้อเสนอที่ฟังดูหน้าหนาพิกลจนต้องเธอถามซ้ำเพื่อให้แน่ใจว่าตัวเองฟังไม่ผิด
“ว...ว่าไงนะคะ”
“หอมแก้มไง แลกกับการที่ผมจะยอมกลับบ้านแต่โดยดี แล้วรับรองว่าคืนนี้ผมจะไม่กวนคุณอีก” ชายหนุ่มย้ำ แถมยังยิ้มกริ่ม เริ่มจะมองเห็นชัยชนะอยู่รำไร
“คุณนี่! นับวันก็ยิ่งจะตลกมากขึ้นทุกที” ลัลนาต่อว่าระอาใจ ทว่าชายหนุ่มกลับยังทู่ซี้ต่อ ไม่ยอมเลิกล้มความตั้งใจง่ายๆ
“แค่หอมเองคุณ นะคุณนะ รับรองว่าผมจะไม่ทำให้แก้มคุณช้ำอย่างแน่นอน” สิสิระยังเดินหน้าพูดจาแบบหน้าไม่อาย ผิดกับลัลนาที่ปฏิเสธจนท้อใจใกล้จะร้องไห้เต็มแก่
“ไม่ได้ค่ะ ดึกมากแล้วคุณควรจะกลับไปซะที”
“น่า นะคุณ หอมแค่ทีเดียวเอง”
“เอ๊ะ! คุณนี่ ทำเป็นเด็กอ้อนขอขนมไปได้”
“ก่อนหน้านี้ที่ผมทำ มันมากกว่าหอมอีกนะคุณ ตอนนั้นคุณไม่เห็นจะว่า” เขาท้วงโดยยกเหตุการณ์ในครั้งก่อนๆ มาอ้าง ลัลนาทั้งตกใจทั้งอายจนหน้าแดงก่ำ รู้สึกเปลืองตัวเปลืองใจขึ้นมาจนบอกไม่ถูก
“คุณสิสิระ!”
“หมอกครับ คุณรับปากแล้วว่าจะเรียกชื่อเล่นผม”
‘ดูเอาเถอะคนเรา พอได้คืบจะเอาศอก’ หญิงสาวค่อนว่าเขาในใจ เวลานี้เธอไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยอะไรออกให้เขาได้ยินแม้แต่เพียงคำ
“คุณจะยื่นแก้มมาให้ผมหอม หรือจะให้ผมยืนอ้อนคุณอยู่แบบนี้ทั้งคืน ก็เลือกเอาละกัน”
“คุณนี่มัน...” ลัลนารู้สึกจนคำพูด เถียงเท่าไรก็ไม่ชนะเขาสักที สุดท้ายก็ต้องต้องตัดใจ “โอเคค่ะ แค่ทีเดียวนะคะ”
“ครับทีเดียว”
อนุญาตเขาแล้วหญิงสาวก็ยืนนิ่งรอให้เขาเป็นฝ่ายยื่นหน้ามาหาเธอเอง ไวเท่าความคิด สิสิระก้าวเข้าไปใกล้เธออีกหนึ่งก้าว ชายหนุ่มใช้สองมือประคองดวงหน้างามให้หันกลับมา แล้วประทับจูบลงบนริมฝีปากบางนิ่งนาน ลัลนาตกใจจนตาค้าง หญิงสาวพยายามผลักเขาออกห่าง ทั้งยังปัดป้องตัวเองพัลวัน ทว่ามือหนากลับยึดใบหน้าของเธอเอาไว้แน่นจนไม่อาจขยับหนีไปไหน ริมฝีปากหยักทั้งบดเบียดและเรียกร้องด้วยชั้นเชิงที่เหนือกว่า เปลี่ยนอาการขัดขืนของหญิงสาวให้โอนอ่อนผ่อนตาม ลัลนาลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าทั้งเธอและเขายังคงยืนอยู่ที่หน้าบ้าน มือบางเปลี่ยนจากผลักเป็นโอบรอบคอเขาไว้แน่นพร้อมกับจูบตอบเขาอย่างท้าทาย และลืมตัว
มือของชายหนุ่มเปลี่ยนจากตรึงใบหน้ามาประคองที่เอวบาง พร้อมกันนั้นก็ดันร่างบอบบางของเธอไปชิดบานประตู จากนั้นรุกแรงด้วยการแทรกลิ้นลงในโพรงหวานทั้งยั่วเย้าหยอกเอิน ทั้งกวาดต้อนรวบรัดเก็บเกี่ยวเอาความอุ่นชื้นหอมหวานไปจนหมดสิ้น ก่อนจะเปลี่ยนเป้าหมายมาเป็นไล่และเล็มไล่ไปบนซอกคอขาวนวลที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ยวนจมูก ราวกับจะฉุดรั้งร่างสูงยิ่งจมดิ่งสู่ห้วงตฤษณา จมูกโด่งไล่ดอมดมไปจนถ้วนทั่ว ตลอดร่างของหญิงสาวผ่าวร้อน ต่อให้มองไม่เห็น สิสิระก็พอจะเดาได้ว่าตอนนี้เนื้อตัวของหญิงสาวคงจะเปลี่ยนเป็นสีชมพูอมแดงไปทั่วทั้งสรรพางค์ สิสิระจดริมฝีปากบนใบหูนุ่มนิ่มแล้วขบเม้มดูดดึง ขณะที่มือหนานวดคลึงไปบนอกอวบนุ่มที่กำลังลุกฮืดขึ้นต้านมือของเขา ร่างบางพลันสั่นสะท้านจนแทบจะทรงตัวไว้ไม่อยู่ เสียงหอบกระเส่าคุ้นหูครางครวญดังแว่วมากระทบโสต ทว่าลัลนากลับไม่เฉลียวใจสักนิดว่านั่นเป็นเสียงของตัวเธอเอง
ใบหน้าคมเริ่มลดลงต่ำ สิสิระฝังจมูกคมลงบนร่องอกอวบล้นนิ่งนาน ชายหนุ่มกำลังร้องบอกกับตัวเองว่าเขาต้องหยุด เพราะถ้าขืนยังเดินหน้าต่อ มีหวังได้เผลอทำอะไรประเจิดประเจ้อกันไปมากกว่านี้แน่ๆ เขายังพอจะรู้ว่าตัวเองกำลังอยู่ที่ไหน และยิ่งรู้ว่าไม่สวมควรจะเดินหน้าต่อในตอนนี้ ชายหนุ่มค่อยๆ ถอนใบหน้าขึ้น พร้อมกับรั้งมือตัวเองจากร่างบางอย่างยากเย็น จากนั้นกระซิบถามเบาๆ ด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่าปนกระเส่า
“จะเปลี่ยนใจให้ผมอยู่ค้างกับคุณที่นี่ก็ได้นะ”
ลัลนาพลันกลับมาเป็นตัวเองอีกครั้ง ใบหน้าของเธอแดงก่ำเพราะความอับอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี หญิงสาวพยายามจะผลักเขาออก แต่กลับไม่ถนัดเอาเสียเลย เป็นเพราะร่างสูงยังคงกักตัวเธอไว้จนแนบชิดกับบานประตู
อีกครั้งแล้วสินะที่เธอเผลอไผลไปกับเขา เกือบไปอีกแล้ว ถ้าสิสิระไม่หยุดตัวเองไว้ก่อน เธอเองยังนึกไม่ออกว่าเหตุการณ์นี้มันจะไปจบลงที่ตรงไหน
“ปล่อยค่ะ”
“ไม่อยากปล่อยเลย ขอผมค้างด้วยคนนะ” ชายหนุ่มยังอ้อน
“ไม่ได้ค่ะ แค่นี้ก็มากพอแล้ว คุณกลับไปได้แล้วค่ะ”
“ใจร้ายจัง” เสียงทุ้มบ่นออด แต่สุดท้ายก็ยินยอมถอยห่างจากร่างบอบบางของเธอ “ก็ได้ กลับก็กลับ พรุ่งนี้เช้าผมจะมารับ คุณแต่งตัวสวยๆ ไว้ด้วยล่ะ”
หญิงสาวขมวดคิ้วมุ่น แค่ที่ต้องกระดากเมื่อครู่มันยังไม่พอ เขายังจะตามมาตอกย้ำเธอในตอนเช้าอีก ลัลนาอยากจะบ้าตายเสียให้มันรู้แล้วรู้รอด จะได้ไม่ต้องทนอับอายต่อหน้าเขาแบบนี้อีก ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะผ่อนลมหายใจ ใบหน้าคมพลันโฉบลงมาจูบบนริมฝีปากบางของเธออีกครั้ง ก่อนจะผละจากไปในเวลาอันรวดเร็ว ทว่าแม้ตัวจะเดินห่างออกไปไกลแล้วก็ยังไม่วายหันมาร้องสั่ง
“เข้าบ้านซะ แล้วก็อย่าลืมล็อกประตูด้วยล่ะ
ลัลนาอยากจะหาอะไรเขวี้ยงตามหลังคนช่างยั่วนัก นอกจากมือไว ใจไว้ แล้วปากของเขายังคมจนน่าตบอีกต่างหาก หญิงสาวรีบหมุนตัวกลับเข้าบ้าน ทว่าพอเข้ามาแล้วเธอกับเอาแต่ยืนนิ่งเอนหลังพิงประตู
การอยู่ใกล้ชิดกับสิสิระนับวันจะยิ่งน่ากลัวสำหรับเธอมากขึ้นเรื่อยๆ ชายหนุ่มได้พิสูจน์ให้เธอรู้ว่า ตัวเขาคือเชื้อไฟ ที่พร้อมจะจุดติดบนน้ำมันอย่างตัวเธอได้ทุกที่ทุกเวลา เขาทำเหมือนหลอกล่อ จับแต่แสร้งปล่อย เขาทำแบบนี้กับเธออยู่หลายครั้งหลายคราว ราวกับจะลองใจเธอก็ไม่ปาน มันทำให้ลัลนายิ่งอยากรู้ว่าเขาต้องการอะไรจากตัวเธอกันแน่
พรุ่งนี้สิสิระจะมารับเธอ และเธอก็ต้องเจอกับเขาอีกครั้ง ลัลนาให้หวั่นใจ ว่าคราวต่อๆ ไป เขาจะใจดียอมปล่อยเธอเหมือนที่ผ่านๆ มาหรือเปล่า ลัลนารู้ตัวดีว่าเธอกำลังหวั่นไหวไปกับสัมผัสวาบหวามของเขา
ทุกครั้งที่เธอนึกถึงรสสัมผัสของเขาขึ้นมาคราวใด ร่างบางมีอันให้ต้องสั่นสะท้านไปทุกที
--------------------
(จบตอน)