ม่านหัวใจ อุ่นไอรัก บทที่ 8 (1/3)

เรื่องโดย ฉัตรชณา

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

บทที่ 8 (1/3)

แผนรุกข้ามขั้น


หลังจากคืนที่สิสิระโมเมทำข้อตกลงกับลัลนาแบบมัดมือชก ชายหนุ่มก็มารับเธอเพื่อพาไปเซ็นสัญญาที่สำนักงานทนายความในช่วงบ่ายของวันหนึ่ง หลังจากนั้นชายหนุมก็หายหน้าหายตาไปหลายวันโดยไม่ติดต่อหรือโทรหาหญิงสาวอีกเลย ลัลนาให้รู้สึกโล่งใจจนเผลอคิดไปว่าชีวิตของเธออาจจะกลับมาเป็นดังเช่นปกติได้อีกครั้ง หลังจากที่ต้องหายใจแบบไม่ทั่วท้องมาเป็นเวลากว่าสองสัปดาห์

ในทุกๆ สัปดาห์หลังจากเหน็ดเหนื่อยกับการทำงานที่ร้านดอกไม้มาเกือบจะตลอดทั้งสัปดาห์ เช้าวันอาทิตย์ยังคงเป็นช่วงเวลาที่ลัลนาต้องใช้จัดการกับเรื่องส่วนตัวทุกอย่าง ก่อนที่หญิงสาวจะไปใช้เวลาในช่วงบ่ายที่โรงพยาบาลกับบิดาและน้องชาย เรียกว่าตลอดทั้งสัปดาห์เธอแทบไม่มีเวลาปลีกตัวไปไหนเลย ทว่านั่นก็ไม่ทำให้หญิงสาวรู้สึกแย่หรือท้อแท้แต่อย่างใด ลัลนาบอกกับตัวเองเสมอว่า ตราบใดที่กำลังใจสำคัญยังรอเธออยู่ เธอก็จะเดินหน้าทำมันต่อไปอย่างไม่ย่อท้อ เพื่อให้พ่อและน้องอยู่สบายเธอทำได้ทุกอย่าง ต่อให้ต้องแลกมาด้วยความเหน็ดเหนื่อยแสนสาหัสอย่างไรก็ตาม  

แสงตะวันเริ่มจับขอบฟ้า ลัลนาเข็นตัวเองให้ลุกจากที่นอนแล้วบิดขี้เกียจเพื่อขับไล่ความง่วงงุน จากนั้นก็เริ่มจัดการกับตัวเองก่อนแล้วจึงเก็บผ้าผ่อนลงไปใส่เครื่องซัก ระหว่างที่เครื่องซักผาทำงาน หญิงสาวก็จะค่อยๆ ทำความสะอาดบ้านไปเรื่อยๆ รอเวลาให้ผ้าเสร็จแล้วนำไปตาก ลัลนาทำแบบนี้ทุกสัปดาห์จนเป็นกิจวัตรที่เธอเคยชิน

กรอบรูปบานสวยที่คีตานำมาให้เธอเมื่อวันก่อน ถูกนำมาวางไว้กลางบ้านขณะที่หญิงสาวเจ้าของบ้านกำลังยืนเล็งว่าเธอควรจะแขวนมันไว้ตรงไหนดี

“ทำอะไรอยู่เหรอลัล” เพื่อนหนุ่มร่างสูงของลัลนาเอ่ยทักหลังจากถือวิสาสะเดินเข้ามาในบ้านโดยไม่ต้องรอให้เจ้าของบ้านเชิญ

“อ้าวนะ! ไปไหนมา ไปไงมาไง ถึงแวะมาที่นี่ได้” ลัลนาหันไปมองเพื่อนพลางถาม หญิงสาวออกจะประหลาดใจไม่น้อยที่จู่ๆ วัฒนะก็แวะมาหาเธอที่บ้าน ทั้งที่ตามปกติแล้วนับว่าน้อยครั้งที่เขาจะมาหาเธอที่นี่ เพราะอะไรคงไม่ต้องบอก ใครบ้างจะไม่รู้ ว่านางวรรณาแม่ของชายหนุ่มไม่ค่อยปลื้มลัลนาสักเท่าไหร่ ต่อให้ทั้งสองคนยืนยันหนักแน่นว่าคบกันฉันเพื่อนก็เถอะ นางก็ยังไม่ไว้ใจอยู่ดี

“วันนี้ว่างน่ะ เลยว่าจะมาอาสาขับรถพาลัลไปเยี่ยมพ่อกับริน”

ลัลนายิ่งมองเพื่อนหนุ่มอย่างแปลกใจ และในความแปลกใจนั้นก็มีความกังวลปะปนมาด้วยเป็นบางส่วน เพราะหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาวัฒนะมักจะขอติดตามเธอไปเยี่ยมพ่อกับน้องอยู่เสมอ นั่นเท่ากับว่าสิ่งที่สารินเคยคิดอย่างระแวงกำลังจะกลายเป็นเรื่องที่มีเค้าโครงของความจริง ซึ่งลัลนาไม่ปรารถนาให้เขาคิดกับเธอแบบนั้น

“จะดีเหรอ เกิดป้าวรรณรู้เข้า มีหวังได้เป็นเรื่อง ลัลไม่อยากร้อนหู” หญิงสาวพยายามจะปฏิเสธแบบเลี่ยงๆ โดยหยิบยกเอามารดาของเพื่อนหนุ่มขึ้นมาเป็นข้ออ้าง อีกทั้งโดยส่วนตัวของลัลนาแล้ว ทุกครั้งที่นึกถึงวีรกรรมที่ผ่านๆ มาของนางวรรณา เธอเองก็ยังรู้สึกขยาดๆ อยู่ไม่น้อย

“แม่จะมารู้ได้ไง ลัลย้ายบ้านมาอยู่ตั้งไกล อีกอย่างคนแถวนี้เขาก็ไม่ได้รู้จักนะเสียหน่อย ใครที่ไหนจะเอาไปบอกแม่ได้ล่ะ ลัลละก็ คิดมากไปได้” วัฒนะพูดพลางหัวเราะ เขาอดรู้สึกขำในความขี้ระแวงของเพื่อนสาวไม่ได้ ทว่าลึกๆ แล้วชายหนุ่มเข้าใจเธอดี และเขาเองก็รู้ว่าหนี่งในเหตุผลที่ทำให้ลัลนาย้ายออกมาจากระแวกบ้านเดิมมีสาเหตุมาจากมารดาของเขาด้วย

“ก็แค่คิดเผื่อไว้ก่อน ลัลไม่อยากให้นะต้องทะเลาะกับแม่เพราะลัลอีก”

“ลัลเป็นคนบอกกับนะเองไม่ใช่เหรอว่าตราบใดที่เราบริสุทธิ์ใจก็ไม่ต้องกลัวใครเข้าใจผิด ต่อให้เป็นแม่นะก็เถอะ”

หญิงสาวพยายามหยิบยกเหตุผลขึ้นมาอธิบาย ทว่าวัฒนะกลับเลี่ยงที่จะยอมรับ มิหนำซ้ำยังยกคำพูดที่เธอเคยพูดไว้เมื่อตอนที่เกิดเรื่องวุ่นวายคราวก่อนขึ้นมาแย้ง ชายหนุ่มคงไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาพยายามแสดงออกกับลัลนาในตอนนี้มันทำให้เธอทั้งอึดอัดและลำบากใจ ทว่าเพราะความที่เป็นเพื่อนที่คงหากันมายาวนาน ทำให้หญิงสาวไม่อาจพูดจาตัดรอนกับเขาจนเกินไป

“มันก็ใช่ แต่ลัลยังอยากเป็นเพื่อนกับนะไปนานๆ นี่นา ฉะนั้นระวังไว้ก่อนมันจะไม่ดีกว่าเหรอ”

“เอาไว้ค่อยระวังวันหลังแล้วกัน ไหนๆ วันนี้นะก็มาแล้ว อย่าให้ต้องเสียเที่ยวเลยนะลัล แล้วนี่กำลังทำอะไรอยู่เหรอ เห็นยืนจ้องกำแพงอยู่ตั้งเป็นนานสองนาน”

“กำลังหาที่แขวนรูปน่ะ เสียดายจัง รูปออกจะสวย แต่ผนังบ้านลัลมันดันไม่สวยเอาเสียเลย” หญิงสาวบ่นพลางมองฝาผนังโล่งทว่าสีออกจะกระดำกระด่างของตัวเองอย่างเสียดาย

“ไม่สวยก็อย่าเพิ่งติดสิ เอาไว้นะหาเวลามาทาสีให้ใหม่ก่อน แล้วคอยติด” วัฒนะออกความเห็น ที่ทำให้ลัลนารู้ว่าวัฒนะตั้งใจจะมาหาเธอที่นี่อีกหลายครั้ง อย่างน้อยก็ต้องมีอีกสองครั้งล่ะ ครั้งแรกคือวันทาสี ส่วนอีกครั้งคือวันแขวนรูปหลังจากที่สีแห้ง

“นะละก็ พูดเป็นเล่นไปได้ ทำอย่างกับตัวเองว่างอย่างนั้นแหละ” ลัลนาหัวเราะเบาๆ ไม่เชิงว่าเธอจะปฏิเสธความหวังดีของเพื่อน แต่หญิงสาวเลือกที่จะทำเป็นตีขลุมไม่รับความหวังดีจากเขาโดยกล่าวหาว่าวัฒนะกำลังล้อเธอเล่น ไม่ได้คิดจะทำจิงดังว่า

“ใครว่าล่ะ นะพูดจริงต่างหาก ผนังห้องมันมันอาจะดูเก่า แต่ทาสีใหม่เสียหน่อยแค่นั้นก็สวยขึ้นแล้ว หรือไม่ก็รอให้ลัลย้ายไปอยู่ใกล้ๆ นะเสียก่อนแล้วค่อยเอารูปไปติดทีเดียวเลยก็ได้” วัฒนะพูดทีเล่นทีจริง ในความหมายของเขาคือเมื่อลัลนาย้ายตัวเธอเองไปอยู่กับเขา ลัลนาฟังแล้วเริ่มจะทำหน้าไม่ถูก หญิงสาวจึงพยายามตีความแบบเลี่ยงๆ ว่าเขาหมายถึงการที่เธอจะย้ายกลับไปอยู่ที่บ้านหลังเดิม ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับบ้านของชายหนุ่ม

“ยิ่งแล้วไปใหญ่ นะนี่นะ พูดเป็นตลกไปได้ ใครเขาย้ายบ้านกลับไปกลับมากันล่ะ”

“นะหมายถึงว่า....” วัฒนะยังพยายามจะอธิบาย ทว่าลัลนารู้ว่าเพื่อนหนุ่มจะพูดอะไรหญิงสาวจึงรีบเปลี่ยนเรื่องเพื่อเป็นการตัดบทไปเสียก่อน

“ลัลว่าลัลเก็บรูปไว้ก่อนดีกว่า เอาไว้หาช่างมาทาสีได้แล้วค่อยคิดอีกทีว่าจะเอาไปแขวนตรงไหน”  หญิงสาวพูดพลางยิ้ม วัฒนะตั้งท่าจะแย้ง แต่ลัลนาไม่เปิดโอกาส ชิงพูดตัดหน้าขึ้นมาเสียก่อน “ตกลงว่านะจะไปโรงพยาบาลกับลัลใช่ไหม งั้นรอแป๊บนะ ลัลขอขึ้นไปเอาของก่อน”

พูดจบลัลนาก็รีบวิ่งขึ้นบันไดไปชั้นบน ทิ้งให้วัฒนะยืนคว้างอยู่กลางห้องเพียงลำพังด้วยความรู้สึกผิดหวังที่ไม่อาจพูดในนิ่งที่เขาคิดและตั้งใจจะบอกกับเธอ

ภาพของชายหนุ่มที่ยืนอยู่กลางห้องรับแขกในบ้านของลัลนาทำให้สิสิระที่เพิ่งจะเดินเข้ามาถึงกับจ้องมองร่างสูงของเพื่อนสนิทเจ้าของบ้านตาเขม็ง ชายหนุ่มรับรู้ว่าวัฒนะเป็นเพื่อนของหญิงสาว แต่เขาไม่คิดว่าคนเป็นเพื่อน โดยเฉพาะเป็นเพื่อนต่างเพศ จำเป็นต้องมายืนอยู่กลางบ้านของเพื่อนที่เป็นสาวโสดตามลำพังแบบนี้

“มาหาลัลเหรอครับ” แทนที่เขาจะทักทาย สิสิระกลับเลือกที่ถามทั้งที่ตัวเขาเองเป็นฝ่ายที่เพิ่งจะเข้ามาทีหลัง

“ครับ คุณคือ...” วัฒนะรับคำพร้อมกับมองชายหนุ่มที่เพิ่งจะเดินเข้ามาในห้องอย่างกังขา  ทว่ายังไม่ทันที่สิสิระจะตอบ หญิงสาวเจ้าของบ้านพลันเดินกลับลงมาจากชั้นบนพอดี

“คุณสิสิระ! มาได้ยังไงคะ”

“ผมเพิ่งกลับมาจากต่างจังหวัด เลยแวะมาหา ไม่นึกว่าคุณจะกำลังมีแขก” ชายหนุ่มอธิบายพร้อมกับปรายตามองไปยังวัฒนะที่ก้าวไปยืนข้างๆ ลัลนา ถ้าไม่รู้มาก่อนว่าวัฒนะเป็นใคร มีหวังเขาคงคิดว่าเพื่อนหนุ่มของเธอเป็นเจ้าของบ้านอีกคนมากกว่าที่จะเป็นเพียงแขก

“ไม่ใช่แขกหรอกค่ะ แต่เป็นเพื่อน นี่วัฒนะค่ะ นะ นี่คุณสิสิระ เจ้าของตึกที่ลัลเช่าทำร้านอยู่”

วัฒนะฟังเพื่อนสาวแนะนำแล้วยิ้ม ขณะที่สิสิระหันไปมองจ้องลัลนาราวกับจะคาดโทษ หญิงสาวเองก็อ่านสายตาของเขาออก แต่เธอก็เลือกที่จะทำเป็นไม่รับรู้

“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ ผมกับลัลเรารู้จักและคบกันมาตั้งแต่เด็ก พอดีว่าบ้านเราอยู่ใกล้กันน่ะครับ” แม้ว่าในใจของวัฒนะจะตั้งคำถามว่าทำไมเจ้าของตึกถึงถ่อมาเยี่ยมคนเช่าถึงบ้าน  แต่ชายหนุ่มก็เลือกที่จะเป็นฝ่ายยื่นไมตรีไปให้ก่อน แต่ยังไม่วายเท้าความถึงความหลังด้วยหวังจะให้อีกฝ่ายอ้างอิงถึงความสัมพันธ์ของเขากับลัลนา ทั้งที่ความจริงแล้วไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำแบบนั้นเลยสักนิด
(ยังมีต่อ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่