ม่านหัวใจอุ่นไอรัก บทที่ 6 : 2/2

เรื่องโดย ฉัตรชณา

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

บทที่ 6 (2/2)

แผนไล่ต้อนลูกแกะ


ท้องฟ้าเบื้องนอกมืดสนิทเนื่องจากผ่านเวลาค่ำมาหลายชั่วโมง อากาศที่ด้านนอกคงจะยังร้อน ผิดกับด้านในที่เย็นฉ่ำด้วยประสิทธิภาพของแอร์คอนดิชั่นคุณภาพสูงที่กำลังเดินเครื่องเต็มกำลัง กระจกที่กรุอยู่รอบห้องมีไอน้ำเกาะพราวจนลัลนามองออกไปด้านนอกแทบไม่เห็น หญิงสาวดึงสายตากลับมามองมือตัวเองที่ตัวเธอเองบีบมันจนแทบช้ำ เพราะคำพูดกึ่งสารภาพของสิสิระเมื่อครู่แท้ๆ เวลานี้หญิงสาวจึงไม่ค่อยกล้าสบตาเขาสักเท่าไหร่ ได้แต่เสมองอะไรไปเรื่อยเปื่อย

สิสิระดูออกว่าลัลนากำลังเขิน ในใจเขานึกกระหยิ่มเพราะมันเป็นสัญญาณว่าเธอเองก็น่าจะพอมีใจให้กับเขา และแปลว่าหนทางที่เขาจะพิชิตเธอมันไม่ได้ถูกปิดตาย ที่เหลือก็คงต้องวัดกันที่วาทศิลป์ในการเกลี้ยกล่อม บวกกับชั้นเชิงในการล่อหลอกของเขา ว่ามันจะใช้การได้ดีเหมือนตอนที่เขาเจรจาธุรกิจหรือเปล่า

“คุณไม่อยากรู้หรือครับ ว่าผมจะพูดอะไร” เขาเอ่ยถาม นัยน์ตาพราวระยับ ลัลนาเงยหน้าขึ้นมองสบตาเขาแล้วนิ่งงันราวถูกสะกด “ว่าไงครับ อยากรู้หรือเปลา” ชายหนุ่มถามย้ำ ยิ้มอ่อนๆ เป็นนัยว่ารับรู้ในอาการมองเหม่อของเธอ

“คะ? เอ่อ ค่ะ คุณก็พูดมาสิคะ ฉันรอฟังอยู่” ลัลนารวบรวมสติ นึกตำหนิตัวเองที่ใจลอย นี่เธอเป็นอะไรไป เขาก็แค่พูดแค่ถามธรรมดา แต่กลับทำเอาเธอกลายเป็นคนติดอ่าง แถมใจยังเต้นไม่เป็นส่ำอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

สิสิระหัวเราะหึในลำคอ แล้วลุกขึ้นยืนกอดอกจากนั้นเดินไปใกล้ๆ ก่อนจะหยุดยืนอยู่ตรงหน้าพร้อมกับมองเธอด้วยสายตามากความหมาย

“ผมมีข้อเสนอ” ชายหนุ่มพูดแล้วยิ้มรอดูปฏิกิริยาของคู่สนทนา และเขาก็ได้พบกับแววตาสงสัยจากดวงตาคู่สวยของเธอ

“ข้อเสนออะไรคะ?”

“คุณไม่ต้องย้ายออกก็ได้ เพียงแต่....คุณต้อง...” ชายหนุ่มแสร้งพูดแล้วค้าง ทำทีเหมือนชั่งใจว่าเขาจะบอกหรือไม่บอกเธอดี ความจริงคือเขาอยากแกล้งถ่วงเวลาไว้อีกนิด กระตุ้นให้เธออยากรู้เพิ่มขึ้นอีกหน่อย

“ต้องอะไรคะ” ลัลนาเร่ง เธอเองก็อยากรู้จนเต็มแก่ ว่าชายหนุ่มต้องการให้เธอทำอะไร

สิสิระอมยิ้มจากนั้นบอกอย่างไม่เร่งร้อน ทว่าชัดทุกถ้อยคำ

“คบกับผม”

“คะ!!! คุณ...ว่าไงนะคะ???”

ลัลนาหน้าเหวอ เธอคงจะหูฝาดถึงได้ยินไปว่าสิสิระออกปากขอคบกับเธอ หรือไม่เขาก็คงจะล้อเธอเล่น คนระดับเขาจู่ๆ จะมาขอคบเป็นแฟนกับคนอย่างเธอ มันห่างไกลจากความเป็นจริงจนแทบจะเป็นไปไม่ได้ ถึงเขาจะพาตัวเองมาใกล้ มาแสดงออกว่าชอบเธออยู่ก่อนแล้วก็เถอะ แต่ชีวิตรักซินเดอเรลล่าน่ะหรือจะมาเกิดขึ้นกับเธอ หญิงสาวยังไม่อยากเชื่ออยู่ดี

เริ่มเกมแล้วก็ต้องลงมือให้เร็ว สิสิระทรุดตัดสินใจนั่งลงยังด้านข้างของหญิงสาว จากนั้นเริ่มเอ่ยสารภาพความรู้สึกของตัวเอง

“ผมชอบคุณมากนะครับคุณลัล คุณเองก็คงจะพอรู้”

ร่างบางรับฟังพลางกระเถิบหนี ดวงหน้าใสกระจ่างมีรอยอึดอัดใจ  สิสิระเข้าใจไม่ผิด เธอรู้อยู่ตลอดเวลาว่าเขาคิดย่างไรกับเธอ แต่ด้วยสถานการณ์ของครอบครัวเธอ ที่ผ่านมาญิงสาวจึงไม่เคยเปิดใจรับใคร เธอไม่พร้อมจะเปิดโอกาส หรือยอมรับรู้ความรู้สึกจากใครทั้งนั้น รวมทั้งตัวเขา หญิงสาวจึงตั้งท่าจะปฏิเสธ

“คุณสิสิระคะ คือว่าฉัน..อ๊ะ คุณ!”

แต่แล้วเธอกลับต้องผวาสุดตัว เมื่อจู่ๆ สิสิระก็กระเถิบเข้ามาชิด พร้อมกับดึงมือเธอขึ้นไปจดที่ริมฝีปาก ลัลนาขนลุกเกรียวความร้อนผ่าวที่แล่นจากปลายนิ้วไล่ลามไปจนทั่วทั้งร่าง  นี่เธอกลายเป็นคนประเภทจุดติดง่ายไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน หญิงสาวถามอย่างต้องการจะเตือนสติตัวเอง พร้อมกันนั้นก็พยายามจะกระถดร่างถอยหนี แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อด้านข้างไม่มีที่เหลือพอให้เธอถอยได้อีกแล้ว

หญิงสาวพยายามจะดึงมือตัวเองออกจากการเกาะกุม แต่สิสิระไม่ยินยอม มิหนำซ้ำยังคว้าตัวเธอมากอดไว้หลวมๆ พร้อมกับกระซิบที่ริมหู

“เพราะคุณ ผมถึงคุมตัวเองไม่อยู่แบบนี้ มันเป็นความรับผิดชอบของคุณนะครับคุณลัล”

พูดจบใบหน้าคมก็เริ่มซุกไซ้ลงบนซอกคอขาวนวล ลัลนารับรู้ถึงความสากระคายที่สัมผัสลงบนผิวเนื้อ ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเธอตั้งรับไม่ทัน

“คุณสิสิระ คุณจะทำอะไร” ลัลนาตกใจกับการจู่โจมของเขา หญิงสาวพยายามจะผลักกายหนาให้ออกห่างแต่ก็ยากเย็นเต็มที  “นี่...คุณดื่มหรือคะ” เธอถามอย่างตกใจ เมื่อรับรู้ได้ถึงลมหายใจที่ปะปนด้วยกลิ่นของแอลกอฮอร์ที่รินรดอยู่ข้างแก้ม ก่อนหน้านี้เธอก็ไม่เห็นว่าเขาจะมีอาการอะไรเลยนี่นา ที่บนบนโต๊ะก็ไม่มีแก้วเหล้าอยู่สักแก้ว แล้วกลิ่นเหล้ามันมาจากตัวเขาได้อย่างไร ลัลนายังจบต้นชนปลายไม่ถูก

“นิดหน่อยเอง เพื่อเรียกกำลังใจ ไม่งั้นผมคงไม่กล้าพูดคุยกับคุณตรงๆ แบบนี้หรอก” ริมฝีปากหยักหนางึมงำอธิบายขณะไล่และเล็มริมใบหู ลัลนาตกใจทั้งจากกิริยาอาการของเขา อีกทั้งยังความรู้สึกแปลกประหลาดของตัวเธอเองที่ทำให้เธอต้องกัดริมฝีปากตัวเองไว้แน่นเพื่อสกัดกั้นความรู้สึกที่กำลังแล่นขึ้นเป็นริ้วๆ อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน สิสิระใช้คำว่าคุยแต่แท้จริงแล้วเขากำลังล่อลวงเธอด้วยการกระทำอันวาบหวามต่างหาก

ริมฝีปากบางของเธอเริ่มถูกเขาครอบงำ ความอุ่นชื้นประกบทับบดเบียดและดูดดึงอย่างคนที่ชำนาญการ แม้จะเนิบนาบแต่กลับเร่งเร้าอยู่ในที อกใจลัลนายิ่งสั่นไหวเมื่อรับรู้ถึงเรียวลิ้นอุ่นชื้นที่ชำแรกแทรกลงในโพรงปากของเธอแล้วเกี่ยวกระหวัดแทรกแซงลิ้นเล็กๆ จนเธอตั้งรับแทบไม่เป็นกระบวน หญิงสาวพยายามจะเบือนหน้าหลบแต่ติดที่คางของเธอถูกมือแกร่งราวคีบเหล็กของเขาคีบตรึง บีบบังคับให้เธอขานรับจุมพิตเผ็ดร้อนของเขา จนเธอไม่อาจเบือนหนี

เพราะความที่ขาดประสบการณ์ลมหายใจของลัลนาจึงราวกับจะถูกเขาสูบไปจนเกลี้ยงปอด หญิงสาวเริ่มดิ้นขลุกขลัก สิสิระจึงค่อยๆ ถอนริมฝีปากของเขาออกจากเธออย่างแสนเสียดาย ทว่าเมื่ออารมณ์หนุ่มเริ่มจุดติดมีหรือที่จะดับลงได้โดยง่าย จมูกโด่งจึงเริ่มซุกไซ้ลงบนซอกคอขาวนวล ความหวิวหวามปั่นป่วนพลันรุมเร้าทั้งเธอและเขา กลิ่นหอมอ่อนๆ จากร่างของลัลนา ราวกับคะตะไลต์ ที่เร่งรัดแรงกำหนัดของเขาให้ลุกโชน ขณะที่ลัลนาเองก็เคลิบเคลิ้มไปตามสัมผัสร้อนผ่าวที่โลมเลียมแนบชิดกับผิวเนื้อ มือหนาเริ่มไล่ไต่ลงไปที่เนินอกงามสล้างที่แม้จะยังอยู่ใต้ร่มผ้า แต่กลับเบ่งบานชูช่อประหนึ่งว่ากำลังจะท้าทายมือของเขา

“หยุดก่อนค่ะ คุณสิสิระ ตั้งสติก่อน คุณกำลังเมา” เธอเอ่ยห้ามเขาปากคอสั่น ลัลนารู้สึกเหมือนตัวเธอเป็นหินที่กำลังจะถูกเขาหลอมจนละลาย สัมผัสรุกเร้าของสิสิระปลุกความรู้สึกแปลกๆ ในร่างของเธอให้กลายเป็นความรุ่มร้อนดุจลาวาที่แลบแล่น แผ่ซ่าน ไปจนทั่วทั้งร่างของเธอ

“คงใช่ แต่ผมไม่ได้เมาเหล้าหรอกนะ ผมว่าผมเมาคุณมากกว่า ให้ตายเถอะ! คุณทำผมปั่นป่วน ทรมานไปหมดแล้ว” สิสิระงึมงำมาจากซอกคอ ลัลนาฟังแล้วขนลุกเกรียวยิ่งกว่าเดิม

“พอเถอะค่ะ คุณกำลังทำให้ฉันกลัว”

“อย่ากลัวไปเลย ผมรู้ว่าคุณก็รู้สึกแบบเดียวกับผมเหมือนกัน” เขาพูดเข้าข้างตัวเอง ขณะเดียวกันก็โน้มน้าวเธอเป็นเชิงปลอบ แต่ลัลนายังตั้งท่าปฏิเสธ

“ไม่ใช่ค่ะ ฉันไม่ได้...”

หญิงสาวพูดไม่ทันจบสิสิระก็เปลี่ยนเป้าหมายจากซอกคอนวลเนียนมาประกบริมฝีปากบาง ไม่ยอมให้เธอเอ่ยปฏิเสธเขาอีก ร่างสูงโน้มตัวขึ้นคล่อมทับร่างบางที่ถูกเขาลุกไล่จนต้องเอนร่างอิงกับพนักด้านข้าง เท่ากับว่าเวลานี้ลัลนาตกอยู่ในการควบคุมของเขาไปโดยปริยาย

ริมฝีปากของชายหนุ่มคลอเคลียแนบชิดไล่จูบไปตามผิวเนื้อ สติสตังลัลนายิ่งกระเจิดกระเจิงจนคิดอะไรแทบไม่ออก เผลอตอบสัมผัสเขาอย่างเงอะงะ สิสิระรู้ว่าตัวเขากำลังได้เปรียบ มือหนาค่อยๆ เลื่อนไปปลดกระดุมเสื้อของร่างบางที่อยู่ข้างใต้ แล้วสอดมือเข้าไปสัมผัสกับความอวบหยุ่นใต้ร่มผ้า ลัลนาสะท้านเฮือกกับความรู้สึกแสนจะแปลกใหม่ ใจหนึ่งเธอก็อยากจะหนีทว่าอีกใจกลับขานรับความท้าทายเพราะความอยากรู้

แค่มองสิสิระก็รู้ว่าลัลนากำลังจะหลุดจากการควบคุมตัวเอง  บุรุษมากประสบการณ์อย่างเขามีหรือจะปล่อยให้เธอลังเล มือหนาไล่ปลดอาภรณ์ออกจากร่างงามอย่างแผ่วเบารวมทั้งบราเซียลูกไม้สีหวานที่ปกปิดทรวงงามเป็นด่านสุดท้าย และทันทีที่ความงามตระการปรากฏแก่สายตาของเขา ไม่เพียงแค่สติของลัลนาเท่านั้นที่กระเจิดกระเจิง เวลานี้สิสิระเองก็ไม่ต่างกัน สายตาของชายหนุ่มจ้องมองไปยังเธออย่างตะลึงลาน นิ้วเรียวยาวเริ่มไล้เบาๆ ลงบนเนินสล้างเต่งตึงประหนึ่งดอกบัวตูม  ขนอ่อนบนผิวเรียบเนียนของลัลนาพลันลุกเกรียว ร่างงามเริ่มบิดน้อยๆ ตามสัมผัสนุ่มนวลชวนให้ลุ่มหลง  

จมูกโด่งคมจดลงบนอกอวบแล้วสูดกลิ่นกายของเธอเบาๆ เป็นความหอมแปลกที่สิสิระไม่เคยได้สัมผัสจากผู้หญิงคนไหนมาก่อน  ริมฝีปากของเขาเริ่มไล่เล็มเลาะไปทั่วเนินเนื้ออวบนุ่มพร้อมๆ กับลิ้นเปียกชึ้นที่ไล่กระหวัดไปจนถึงปลายยอดสีชมพูอ่อนที่กำลังเกร็งตัวต้านรับตามแรงดูดดึงของใบหน้าคมที่ซุกซบคลึงเคล้าอย่างใหลหลง ลัลนาแอ่นร่างรับสัมผัสท้าทายของเขาอย่างลืมตัว

(ขอไม่ลงเลิฟซีนนะคะ)

สิสิระถอนใบหน้าคมแล้วเคลื่อนกายขึ้นทาบทับบนร่างของหญิงสาว พร้อมกับจ้องมองร่างบางที่หลับตาพริ้มเนื่องจากเพิ่งจะผ่านพ้นช่วงอารมณ์รัญจวนมาหมาดๆ เขายิ้มแล้วเริ่มจูบเบาๆ ที่เปลือกตาของเธอจากนั้นต่อไปยังพวงแก้มใส ไล่ไปยังริมฝีปากบาง ลัลนารู้สึกเหมือนปากของตัวเองแดงเห่อและกำลังจะปริแตก เมื่อสัมผัสอ้อยอิ่งเริ่มเปลี่ยนเป็นรุกเร้ารุนแรง มันคือสัญญาณว่าเขากำลังจะไปต่อ สติลัลนาพลันกลับคืน พร้อมกับความละอายที่พอกพูน หญิงสาวพยายามจะกระถดกายหนีทั้งที่รู้ว่าไม่มีทาง

“อย่าค่ะ คุณสิสิระ ฉัน... ยังไม่พร้อม” เธอเอ่ยห้ามเขาด้วยน้ำเสียงลนลาน

สิสิระหยุดความเคลื่อนไหวของตัวเองลงอย่างยากเย็นแล้วซุกหน้าลงกับซอกคอขาวผ่องนวล รับรู้ถึงรอยไหวระริกจากอกสล้างที่สั่นสะเทือนตามแรงเต้นของหัวใจจากร่างบางรวมทั้งตัวเขาเอง เขาต้องการจะพิชิตเธอก็จริง แต่ก็ไม่ได้คิดว่าจะต้องเป็นตอนนี้ ในเมื่อเธอบอกว่าเธอยังไม่พร้อม เขาก็จะไม่ฝืน เพียงแค่นี้เขาก็รู้แล้วว่าโอกาสที่เขาจะได้เธอมาครองมันมีมากว่าที่คิดไว้ในตอนแรก เขาก็แค่อดทนรออีกหน่อย จนกว่าเธอจะแน่ใจ วางใจในตัวเขา เมื่อถึงวันนั้นเขาเชื่อว่าเขาสามารถทำให้เธอยินยอมพร้อมไปกับเขาได้อย่างไม่ยากเย็น

ลัลนาค่อยๆ ขยับร่าง ตั้งใจจะดันเขาออกห่าง สิสิระกลับกอดเธอไว้แน่นพร้อมกับเอ่ยห้าม

“อย่าเพิ่งขยับ”

“คะ” เธอถามเสียงของเธอขึ้นจมูก ไม่เข้าใจว่าเขาห้ามเธอทำไม ร่างหนาที่ยังคงทาบทับอยู่เหนือร่างเธอจึงเฉลย

“ขอผมอยู่นิ่งๆ แบบนี้ซักพัก รับรองว่าจะไม่ไปต่อ” บอกพร้อมกับกดส่วนล่างของตัวเองไว้กับเนินเนื้อนุ่มนิ่มของเธอ จากนั้นนิ่งไปพักใหญ่ ลัลนาสัมผัสถึงความเครียดขึ้งอย่างบุรุษเพศที่ค่อยๆ คลายตัวลงของเขา หญิงสาวนอนนิ่งตัวแข็งทื่อ จนกระทั่งร่างสูงค่อยๆ ผ่อนลมหายใจ และเคลื่อนกายออกห่างจากเธออย่างช้าๆ เธอจึงผ่อนหายใจตามเขาอย่างโล่งใจ

“คุณแต่งตัวซะ ผมขอไปเข้าห้องน้ำก่อน เดี๋ยวเราค่อยคุยกัน” บอกกึ่งสั่งแล้วเขาก็เดินผละจากไป

ลัลนาหยัดกายขึ้นมองตามร่างสูงที่เดินหายเข้าไปด้านในอย่างมึนงง เธอรอดจากมือเขามาได้อย่างหงุดหงิด ก็เพราะเขายอมปล่อย หญิงสาวทั้งตำหนิ ทั้งอยากจะขอบคุณเขาในคราวเดียว เพราะทั้งหมดที่เกิดขึ้นล้วนเริ่มมาจากเขาทั้งนั้น ทว่าที่แย่ไปกว่านั้นคือ เธอเพิ่งจะสังเกตเห็นว่าทั่วทั้งร่างของสิสิระไม่มีเสื้อผ้าชิ้นไหนหายไปจากตัวเขาสักชิ้น หญิงสาวก้มลงมองสำรวจตัวเอง เนื้อตัวเธอเปล่าเปลือย ไม่เหลือเสื้อผ้าเลยสักชิ้น ดวงหน้างามพลันแดงซ่านด้วยความละอายที่ทบถมทวีคูณ

(ยังมีต่อ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่