เรื่องโดย ฉัตรชณา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ตอนก่อนหน้า
บทนำ : https://ppantip.com/topic/36780425
บทที่ 1 : https://ppantip.com/topic/36784782
บทที่ 2 : https://ppantip.com/topic/36808468
บทที่ 3 : https://ppantip.com/topic/37543715
บทที่ 4 : https://ppantip.com/topic/37545296
บทที่ 5 : https://ppantip.com/topic/37548724
ตอนต่อไป
บทที่ 6 (2/2) : https://ppantip.com/topic/37557798
บทที่ 6 : 1/2
แผนไล่ลูกแกะ
เช้าวันใหม่เริ่มต้นขึ้นพร้อมกับบรรยากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝน แม้พิรุณยังไม่โปรยปรายแต่สภาพการจราจรบนท้องถนนกลับติดขัดจนดูน่าอึดอัดแทนคนที่ต้องนั่งทนอยู่บนรถยนที่เรียงรายต่อกันจนยาวบนถนนไปจนตลอดทั้งสาย
ตามปกติช่วงหน้าฝนจะเป็นช่วงโลว์ซีซั่นของธุรกิจร้านดอกไม้ แต่ทฤษฎีนี้กลับใช้ไม่ได้กับร้านของลัลนาในปีนี้ เพราะแม้ว่าตอนนี้จะเข้าหน้าฝนมาแล้วมาถึงสองเดือนแต่ร้านของเธอกลับยังมีงานชุกไม่ต่างจากช่วงต้นปีที่ผ่านมา
ลัลนามามักจะมาถึงร้านของเธอแต่เช้า และใช้เวลาช่วงที่ยังไม่มีลูกค้าตรวจดูบัญชีของร้านรวมทั้งจัดการกับงานจิปาถะอื่นๆ เพื่อให้ตลอดวันที่เหลือเธอจะมีเวลารับลูกค้ารวมทั้งรับงานได้มากขึ้น เช้านี้หลังจากที่ตรวจบัญชี หญิงสาวพบว่า รายได้ช่วงของครึ่งปีแรกของร้านเธอ เมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันของเมื่อปีก่อนเพิ่มขึ้นมาเกือบเท่าตัว ลัลนาคิดอย่างดีใจและภาวนาให้กิจการเธอดีแบบนี้ไปเรื่อยๆ เพื่อที่ว่าต่อไปครอบครัวของเธอจะพ้นจากสภาพขัดสน และมีเงินจ่ายค่ารักษาพยาบาลพ่อและน้องเธอไปได้จนตลอดรอดฝั่ง
วันเวลาช่างไม่คอยใครเผลอแป๊บเดียวสิสิระมาเรียนจัดดอกไม้กับเธอจนครบสิบครั้งไปแล้วอย่างไม่รู้ตัว ลัลนาเคยคิดว่าชายหนุ่มอาจจะเลิกเรียน และห่างๆ ไปเองหลังจากที่เวลาผ่านไประยะหนึ่ง แต่มันก็ไม่เป็นเช่นนั้น เพราะเขายังคงมาเรียน รวมทั้งแวะมาที่ร้านของเธอเวลาในที่เขาว่างอย่างสม่ำเสมอ จนเธอเองยังนึกแปลกใจ และแม้ว่าลลนาจะยังคงรักษาระยะห่าง แต่หญิงสาวก็รู้ตัวเองดีว่าเธอเองรู้สึกคุ้นเคยและเป็นกันเองกับชายหนุ่มมากขึ้นกว่าแต่ก่อนอย่างเห็นได้ชัด
ลัลนาเก็บสมุดบัญชี แล้วเริ่มจัดการกับการงานที่เหลือไปพร้อมๆ กับผู้ช่วยทั้งสองคนถึงร้านหลังจากเธอไม่นาน หญิงสาวไม่รู้เลยว่าในอีกไม่ช้า เรื่องบางเรื่องที่น่าน่าตกใจกำลังจะมาถึงตัวเธอ
และแล้ว จดหมายแจ้งบอกเลิกสัญญาเช่าก็ถูกส่งมาถึงมือลัลนาในเกือบจะทันทีที่ร้านเปิด ข้อความแถลงการณ์ในจดหมายทำให้ลัลนาทั้งอึ้ง ทั้งตกใจ ตามมาด้วยใจหาย หญิงสาวขมวดคิ้วนิ่งอย่างไม่เข้าใจ ทำไมจู่ๆ ตึกที่เธอเช่าจึงเปลี่ยนเจ้าของ แล้วทำไมมันถึงมากระทบกับเธอได้ ที่ผ่านมาเธอไม่เคยทำผิดสัญญา ค่าเช่าเธอก็จ่ายตรงทุกเดือน ผู้เช่าชั้นดีอย่างเธอ เจ้าของตึกคนใหม่น่าจะรักษาเอาไว้ไม่ใช่หรือ เมื่อเดือนก่อนตอนที่เธอไปแจ้งต่อสัญญาของปีถัดไป เจ้าของตึกคนเก่าก็ไม่เห็นพูดอะไรกับเธอเลยสักคำ แถมยังบอกว่าจะรีบส่งสัญญาฉบับใหม่มาให้เธอเซ็นเสียด้วยซ้ำ แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมจู่ๆ ตึกถึงเปลี่ยนมือ แถมยังมากระทบกับร้านของเธอโครมเบ้อเร่อ เธอถูกบอกเลิกสัญญาเช่าในขณะที่ระยะเวลาตามสัญญาฉบับเก่าเหลืออีกเพียงสามสิบวัน ลัลนาพยายามคิดทบทวนซ้ำไปซ้ำมา ก็ยังค้นหาต้นสายปลายเหตุของความผิดปกติไม่เจออยู่ดี
ลัลนารีบกดโทรศัพท์ไปหาเจ้าของตึกคนเก่าเพื่อสอบถาม ปรากฏว่าสายว่างแต่กลับไม่มีคนรับ หญิงสาวยังพยายามโทรอยู่อีกหลายรอบ แต่ผลยังเหมือนเดิม เธอจึงตัดสินใจกดโทรไปตามเบอร์ที่ระบุไว้ในจดหมายแทน และแล้วก็มีคนรับสายเธอจนได้ ทว่าพอเธอเริ่มสอบถามถึงเรื่องตึกที่เธอเช่าอยู่ คนรับสายกลับตอบว่ายังบอกอะไรเธอไม่ได้ ลัลนาทั้งสงสัยทั้งงุนงง สรุปว่าเรื่องประหลาดนี่มันคืออะไรกันแน่
หญิงสาวพยายามจะหาคำตอบกับเรื่องที่เกิดขึ้น เธอไปขอพบเจ้าของตึกคนเก่าถึงที่บ้านแต่ได้รับคำตอบว่าเจ้าตัวเดินทางไปต่างประเทศ และยังไม่ทราบกำหนดกลับ ลัลนารู้สึกมืดแปดด้าน จนในที่สุดเธอจึงตัดสินใจโทรไปที่เบอร์นั้นอีกครั้ง เพื่อขอพบกับเจ้าของตึกคนใหม่ แต่ทางฝ่ายโน้นตอบกลับมาว่าให้เธอรอ แล้วทางเขาจะติดต่อกลับมาอีกที ลัลนาจึงได้แต่นั่งรออย่างร้อนใจ เพราะทุกวันเวลาที่ผ่านไป มันหมายถึงกำหนดเส้นตายที่เธอต้องย้ายออกยิ่งใกล้เข้ามาทุกที
สองสัปดาห์ผ่านไปโดยที่ยังไม่มีอะไรคืบหน้า ความกดดันของลัลนาไต่ระดับขึ้นถึงขีดสุด จนสุดท้ายหญิงสาวก็ต้องตัดสินใจเพราะเธอแทบจะไม่มีเวลาเหลืออีกแล้ว เวลาเพียงแค่สองสัปดาห์ ไหนจะต้องรีบหาหน้าร้านใหม่ ไหนจะต้องวางแผนย้ายออก แล้วยังงานที่เธอต้องทำในแต่ละวัน ค่าใช้จ่ายประจำเดือนก็ยังรอเธออยู่ หญิงสาวคิดจนปวดหัวก็ยังคิดไม่ออกว่าเธอจะทำทุกอย่างให้ทันตามกำหนดเวลาได้อย่างไร
เมื่อชีวิตต้องก้าวต่อ ในที่สุดลัลนาตัดสินใจมองหาหน้าร้านใหม่เป็นลำดับแรก หญิงสาวได้ข้อมูลของร้านที่ปล่อยให้เช่าในระแวกนั้นมาสองสามร้าน แต่เธอเองกลับไม่นึกถูกใจเลยสักร้าน ทว่าด้วยข้อจำกัดเรื่องเวลา ครั้งนี้เธอจึงจำเป็นต้องเลือกจากหนึ่งในนั้น จากนั้นจึงเริ่มวางแผนเรื่องการทำสัญญาและเตรียมการย้ายออก
แต่แล้วจู่ๆ เธอก็ได้รับสายที่โทรมานัดหมายให้เธอเข้าไปพบเพื่อเจรจาเรื่องการต่อสัญญาเช่า ลัลนาทั้งดีใจและประหลาดใจในคราวเดียว ในที่สุดเธอก็จะได้เจอตัวเจ้าของตึกคนใหม่เสียที การได้พูดคุยต่อรองกันต่อหน้าจะทำให้เธอมีโอกาสได้พูดโน้มน้าวอีกฝ่ายง่ายขึ้น ซึ่งถ้าเธอโชคดีเจรจาเรื่องต่อสัญญาเช่าได้สำเร็จ ก็หมายความว่าเธอจะไม่ต้องย้ายออก หญิงสาวคิดอย่างมีความหวัง
และเพราะเหตุนั้น ลัลนาจึงมาอยู่ที่นี่ในวันนี้
สถานที่นัดหมายเป็นเพนท์เฮาส์ที่อยู่ชั้นบนสุดของคอนโดมิเนียมสุดหรูกลางเมือง ลัลนาเดินเข้าไปในตึกแล้วเกิดอาการสังหรณ์ใจแบบแปลกๆ ทว่าเหตุการณ์ทุกอย่างมันจวนตัวขนาดนี้ เธอจะมัวมานั่งคิดนั่งสังหรณ์อยู่ไม่ได้ หญิงสาวจำต้องเดินหน้าโดยตัดความกลัวความกังวล นั้นทิ้งไปก่อน แล้วเดินเข้าไปติดต่อประชาสัมพันธ์เพื่อขอพบกับเจ้าห้องที่อยู่ชั้นบนสุดของตัวตึก
เพียงไม่นานหญิงวัยกลางคนในชุดแม่บ้านก็เดินมารับและนำเธอขึ้นไปที่ชั้นบน จากนั้นจึงเชื้อเชิญเธอให้เข้าไปนั่งรอที่ห้องรับแขกซึ่งมีขนาดกว้างมาก ตกแต่งแบบเรียบๆ ทว่าลงตัวด้วยด้วยเฟอร์นิเจอร์สีโทนดำและน้ำตาลเพียงน้อยชิ้น แต่ทุกชิ้นลัลนาดูออกว่าราคาของมันจะต้องแพงระยับ หญิงคนเดิมเดินเข้าไปด้านในแล้วกลับมาอีกครั้งพร้อมกับแก้วน้ำสีใสใบสวย ภายในบรรจุน้ำเย็นที่เย็นจนเป็นไอเกาะอยู่บนขอบรอบนอก ลัลนายิ้มให้เธอแล้วเอ่ยขอบคุณเบาๆ
ไม่รู้ว่าเธอคิดมากไปหรือเปล่า วูบหนึ่งหญิงสาวรู้สึกว่าสายตาของแม่บ้านยามที่มองเธอมันดูแปลกๆ อย่างไร พิกล แต่ก็เพียงแวบเดียวเท่านั้น และจากนั้นเจ้าตัวก็เดินหายกลับเข้าไปด้านในโดยไม่ออกมาอีกเลย
ลัลนานั่งรออย่างสงบ ทว่าจนเลยเวลานัดไปกว่าครึ่งค่อนชั่วโมงแล้ว ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะมีใครออกมาพบเธอ จนลัลนาเริ่มจะกังวล และคิดอย่างร้อนใจว่าเจ้าของตึกอาจจะเปลี่ยนใจไม่ยอมเจรจากับเธอแล้วก็เป็นได้ หญิงสาวจึงยกแก้วน้ำขึ้นดื่มหวังให้ความเย็นของน้ำช่วยดับความกังวล และลดระดับความร้อนในใจของเธอลงบ้าง
ทว่าหลังจากนั้นเธอกลับเริ่มมีอาการแปลกๆ สติของลัลนาพร่าเลือน พร้อมกับความร้อนภายในกายที่ค่อยๆ พวยพุ่ง ผิวขาวผุดผ่องเริ่มเผือดแดง และไล่ลามไปจนทั่วทั้งร่าง ลัลนาสำรวจตัวเองอย่างตกใจ หญิงสาวพยายามจะลุกขึ้นแต่กลับไม่อาจประคองตัวเองไว้ได้ ร่างกายทุกส่วนเหมือนจะอยู่นอกเหนือการควบคุมของเธอไปเสียแล้ว โลกรอบๆ ตัวเธอเริ่มหมุน พร้อมกับภาพสิ่งของที่โงนเงนจนมองแทบไม่เป็นรูปร่าง
ปฏิกิริยาบนร่างกายของลัลนาเริ่มจะเด่นชัดมากขึ้นทุกที หญิงสาวเหลือบมองไปยังแก้วน้ำอย่างยากเย็น สังหรณ์บางอย่างกำลังร้องบอกว่า มีบางสิ่งที่ผิดปกติอยู่ในน้ำนั่น ของบางอย่างที่ทำให้ร่างกายของเธอแผกไปจากปกติอย่างเช่นในเวลานี้ ทว่ากว่าเธอจะรู้ ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะสายไปเสียแล้ว เธอถูกใครบางคนวางยาเข้าเสียแล้ว
คิดได้เพียงนั้น สติของลัลนาก็ตกอยู่ในห้วงติดๆ ดับๆ ภาพทุกภาพที่ผ่านเข้ามาในหัวล้วนพร่าเบลอจนเธอจับสาระอะไรไม่ได้ ไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน อยู่กับใคร จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่ามาทำอะไรที่นี่ ความรู้สึกเพียงอย่างเดียวที่รับรู้ คือรอยสัมผัสแผ่วเบาชวนเคลิบเคลิ้มที่ไล่แตะไต่อยู่ตามเนื้อตัวของเธอโดยปราศจากการปัดป้อง ทุกอย่างเกิดขึ้นและดำเนินไปอย่างเชื่องช้า เนิ่นนานจนลัลนาไม่อาจประมาณเวลา
จู่ๆ ลัลนาก็รู้สึกเหมือนตัวเธอกำลังลอย สูงขึ้น ๆ ร่างทั้งร่างเบาหวิวแทบไม่ต่างกับนุ่น หรือว่าเธอกำลังฝัน นี่เธอเผลอหลับไปหรืออย่างไร ลัลนาคิดอย่างงุนงง ทั้งพยายามบอกกับตัวเองว่าให้ตื่น แต่มันกลับไม่มีประโยชน์ เพราะร่างทั้งร่างของเธอยังคงรู้สึกเหมือนเดิม และทุกอย่างก็ยังดำเนินไปอย่างเชื่องช้า...เหมือนเดิม
---------------------------------------------------
(ยังมีต่อ)
ม่านหัวใจ อุ่นไอรัก บทที่ 6 (1/2) : แผนไล่ต้อนลูกแกะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แผนไล่ลูกแกะ
เช้าวันใหม่เริ่มต้นขึ้นพร้อมกับบรรยากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝน แม้พิรุณยังไม่โปรยปรายแต่สภาพการจราจรบนท้องถนนกลับติดขัดจนดูน่าอึดอัดแทนคนที่ต้องนั่งทนอยู่บนรถยนที่เรียงรายต่อกันจนยาวบนถนนไปจนตลอดทั้งสาย
ตามปกติช่วงหน้าฝนจะเป็นช่วงโลว์ซีซั่นของธุรกิจร้านดอกไม้ แต่ทฤษฎีนี้กลับใช้ไม่ได้กับร้านของลัลนาในปีนี้ เพราะแม้ว่าตอนนี้จะเข้าหน้าฝนมาแล้วมาถึงสองเดือนแต่ร้านของเธอกลับยังมีงานชุกไม่ต่างจากช่วงต้นปีที่ผ่านมา
ลัลนามามักจะมาถึงร้านของเธอแต่เช้า และใช้เวลาช่วงที่ยังไม่มีลูกค้าตรวจดูบัญชีของร้านรวมทั้งจัดการกับงานจิปาถะอื่นๆ เพื่อให้ตลอดวันที่เหลือเธอจะมีเวลารับลูกค้ารวมทั้งรับงานได้มากขึ้น เช้านี้หลังจากที่ตรวจบัญชี หญิงสาวพบว่า รายได้ช่วงของครึ่งปีแรกของร้านเธอ เมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันของเมื่อปีก่อนเพิ่มขึ้นมาเกือบเท่าตัว ลัลนาคิดอย่างดีใจและภาวนาให้กิจการเธอดีแบบนี้ไปเรื่อยๆ เพื่อที่ว่าต่อไปครอบครัวของเธอจะพ้นจากสภาพขัดสน และมีเงินจ่ายค่ารักษาพยาบาลพ่อและน้องเธอไปได้จนตลอดรอดฝั่ง
วันเวลาช่างไม่คอยใครเผลอแป๊บเดียวสิสิระมาเรียนจัดดอกไม้กับเธอจนครบสิบครั้งไปแล้วอย่างไม่รู้ตัว ลัลนาเคยคิดว่าชายหนุ่มอาจจะเลิกเรียน และห่างๆ ไปเองหลังจากที่เวลาผ่านไประยะหนึ่ง แต่มันก็ไม่เป็นเช่นนั้น เพราะเขายังคงมาเรียน รวมทั้งแวะมาที่ร้านของเธอเวลาในที่เขาว่างอย่างสม่ำเสมอ จนเธอเองยังนึกแปลกใจ และแม้ว่าลลนาจะยังคงรักษาระยะห่าง แต่หญิงสาวก็รู้ตัวเองดีว่าเธอเองรู้สึกคุ้นเคยและเป็นกันเองกับชายหนุ่มมากขึ้นกว่าแต่ก่อนอย่างเห็นได้ชัด
ลัลนาเก็บสมุดบัญชี แล้วเริ่มจัดการกับการงานที่เหลือไปพร้อมๆ กับผู้ช่วยทั้งสองคนถึงร้านหลังจากเธอไม่นาน หญิงสาวไม่รู้เลยว่าในอีกไม่ช้า เรื่องบางเรื่องที่น่าน่าตกใจกำลังจะมาถึงตัวเธอ
และแล้ว จดหมายแจ้งบอกเลิกสัญญาเช่าก็ถูกส่งมาถึงมือลัลนาในเกือบจะทันทีที่ร้านเปิด ข้อความแถลงการณ์ในจดหมายทำให้ลัลนาทั้งอึ้ง ทั้งตกใจ ตามมาด้วยใจหาย หญิงสาวขมวดคิ้วนิ่งอย่างไม่เข้าใจ ทำไมจู่ๆ ตึกที่เธอเช่าจึงเปลี่ยนเจ้าของ แล้วทำไมมันถึงมากระทบกับเธอได้ ที่ผ่านมาเธอไม่เคยทำผิดสัญญา ค่าเช่าเธอก็จ่ายตรงทุกเดือน ผู้เช่าชั้นดีอย่างเธอ เจ้าของตึกคนใหม่น่าจะรักษาเอาไว้ไม่ใช่หรือ เมื่อเดือนก่อนตอนที่เธอไปแจ้งต่อสัญญาของปีถัดไป เจ้าของตึกคนเก่าก็ไม่เห็นพูดอะไรกับเธอเลยสักคำ แถมยังบอกว่าจะรีบส่งสัญญาฉบับใหม่มาให้เธอเซ็นเสียด้วยซ้ำ แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมจู่ๆ ตึกถึงเปลี่ยนมือ แถมยังมากระทบกับร้านของเธอโครมเบ้อเร่อ เธอถูกบอกเลิกสัญญาเช่าในขณะที่ระยะเวลาตามสัญญาฉบับเก่าเหลืออีกเพียงสามสิบวัน ลัลนาพยายามคิดทบทวนซ้ำไปซ้ำมา ก็ยังค้นหาต้นสายปลายเหตุของความผิดปกติไม่เจออยู่ดี
ลัลนารีบกดโทรศัพท์ไปหาเจ้าของตึกคนเก่าเพื่อสอบถาม ปรากฏว่าสายว่างแต่กลับไม่มีคนรับ หญิงสาวยังพยายามโทรอยู่อีกหลายรอบ แต่ผลยังเหมือนเดิม เธอจึงตัดสินใจกดโทรไปตามเบอร์ที่ระบุไว้ในจดหมายแทน และแล้วก็มีคนรับสายเธอจนได้ ทว่าพอเธอเริ่มสอบถามถึงเรื่องตึกที่เธอเช่าอยู่ คนรับสายกลับตอบว่ายังบอกอะไรเธอไม่ได้ ลัลนาทั้งสงสัยทั้งงุนงง สรุปว่าเรื่องประหลาดนี่มันคืออะไรกันแน่
หญิงสาวพยายามจะหาคำตอบกับเรื่องที่เกิดขึ้น เธอไปขอพบเจ้าของตึกคนเก่าถึงที่บ้านแต่ได้รับคำตอบว่าเจ้าตัวเดินทางไปต่างประเทศ และยังไม่ทราบกำหนดกลับ ลัลนารู้สึกมืดแปดด้าน จนในที่สุดเธอจึงตัดสินใจโทรไปที่เบอร์นั้นอีกครั้ง เพื่อขอพบกับเจ้าของตึกคนใหม่ แต่ทางฝ่ายโน้นตอบกลับมาว่าให้เธอรอ แล้วทางเขาจะติดต่อกลับมาอีกที ลัลนาจึงได้แต่นั่งรออย่างร้อนใจ เพราะทุกวันเวลาที่ผ่านไป มันหมายถึงกำหนดเส้นตายที่เธอต้องย้ายออกยิ่งใกล้เข้ามาทุกที
สองสัปดาห์ผ่านไปโดยที่ยังไม่มีอะไรคืบหน้า ความกดดันของลัลนาไต่ระดับขึ้นถึงขีดสุด จนสุดท้ายหญิงสาวก็ต้องตัดสินใจเพราะเธอแทบจะไม่มีเวลาเหลืออีกแล้ว เวลาเพียงแค่สองสัปดาห์ ไหนจะต้องรีบหาหน้าร้านใหม่ ไหนจะต้องวางแผนย้ายออก แล้วยังงานที่เธอต้องทำในแต่ละวัน ค่าใช้จ่ายประจำเดือนก็ยังรอเธออยู่ หญิงสาวคิดจนปวดหัวก็ยังคิดไม่ออกว่าเธอจะทำทุกอย่างให้ทันตามกำหนดเวลาได้อย่างไร
เมื่อชีวิตต้องก้าวต่อ ในที่สุดลัลนาตัดสินใจมองหาหน้าร้านใหม่เป็นลำดับแรก หญิงสาวได้ข้อมูลของร้านที่ปล่อยให้เช่าในระแวกนั้นมาสองสามร้าน แต่เธอเองกลับไม่นึกถูกใจเลยสักร้าน ทว่าด้วยข้อจำกัดเรื่องเวลา ครั้งนี้เธอจึงจำเป็นต้องเลือกจากหนึ่งในนั้น จากนั้นจึงเริ่มวางแผนเรื่องการทำสัญญาและเตรียมการย้ายออก
แต่แล้วจู่ๆ เธอก็ได้รับสายที่โทรมานัดหมายให้เธอเข้าไปพบเพื่อเจรจาเรื่องการต่อสัญญาเช่า ลัลนาทั้งดีใจและประหลาดใจในคราวเดียว ในที่สุดเธอก็จะได้เจอตัวเจ้าของตึกคนใหม่เสียที การได้พูดคุยต่อรองกันต่อหน้าจะทำให้เธอมีโอกาสได้พูดโน้มน้าวอีกฝ่ายง่ายขึ้น ซึ่งถ้าเธอโชคดีเจรจาเรื่องต่อสัญญาเช่าได้สำเร็จ ก็หมายความว่าเธอจะไม่ต้องย้ายออก หญิงสาวคิดอย่างมีความหวัง
และเพราะเหตุนั้น ลัลนาจึงมาอยู่ที่นี่ในวันนี้
สถานที่นัดหมายเป็นเพนท์เฮาส์ที่อยู่ชั้นบนสุดของคอนโดมิเนียมสุดหรูกลางเมือง ลัลนาเดินเข้าไปในตึกแล้วเกิดอาการสังหรณ์ใจแบบแปลกๆ ทว่าเหตุการณ์ทุกอย่างมันจวนตัวขนาดนี้ เธอจะมัวมานั่งคิดนั่งสังหรณ์อยู่ไม่ได้ หญิงสาวจำต้องเดินหน้าโดยตัดความกลัวความกังวล นั้นทิ้งไปก่อน แล้วเดินเข้าไปติดต่อประชาสัมพันธ์เพื่อขอพบกับเจ้าห้องที่อยู่ชั้นบนสุดของตัวตึก
เพียงไม่นานหญิงวัยกลางคนในชุดแม่บ้านก็เดินมารับและนำเธอขึ้นไปที่ชั้นบน จากนั้นจึงเชื้อเชิญเธอให้เข้าไปนั่งรอที่ห้องรับแขกซึ่งมีขนาดกว้างมาก ตกแต่งแบบเรียบๆ ทว่าลงตัวด้วยด้วยเฟอร์นิเจอร์สีโทนดำและน้ำตาลเพียงน้อยชิ้น แต่ทุกชิ้นลัลนาดูออกว่าราคาของมันจะต้องแพงระยับ หญิงคนเดิมเดินเข้าไปด้านในแล้วกลับมาอีกครั้งพร้อมกับแก้วน้ำสีใสใบสวย ภายในบรรจุน้ำเย็นที่เย็นจนเป็นไอเกาะอยู่บนขอบรอบนอก ลัลนายิ้มให้เธอแล้วเอ่ยขอบคุณเบาๆ
ไม่รู้ว่าเธอคิดมากไปหรือเปล่า วูบหนึ่งหญิงสาวรู้สึกว่าสายตาของแม่บ้านยามที่มองเธอมันดูแปลกๆ อย่างไร พิกล แต่ก็เพียงแวบเดียวเท่านั้น และจากนั้นเจ้าตัวก็เดินหายกลับเข้าไปด้านในโดยไม่ออกมาอีกเลย
ลัลนานั่งรออย่างสงบ ทว่าจนเลยเวลานัดไปกว่าครึ่งค่อนชั่วโมงแล้ว ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะมีใครออกมาพบเธอ จนลัลนาเริ่มจะกังวล และคิดอย่างร้อนใจว่าเจ้าของตึกอาจจะเปลี่ยนใจไม่ยอมเจรจากับเธอแล้วก็เป็นได้ หญิงสาวจึงยกแก้วน้ำขึ้นดื่มหวังให้ความเย็นของน้ำช่วยดับความกังวล และลดระดับความร้อนในใจของเธอลงบ้าง
ทว่าหลังจากนั้นเธอกลับเริ่มมีอาการแปลกๆ สติของลัลนาพร่าเลือน พร้อมกับความร้อนภายในกายที่ค่อยๆ พวยพุ่ง ผิวขาวผุดผ่องเริ่มเผือดแดง และไล่ลามไปจนทั่วทั้งร่าง ลัลนาสำรวจตัวเองอย่างตกใจ หญิงสาวพยายามจะลุกขึ้นแต่กลับไม่อาจประคองตัวเองไว้ได้ ร่างกายทุกส่วนเหมือนจะอยู่นอกเหนือการควบคุมของเธอไปเสียแล้ว โลกรอบๆ ตัวเธอเริ่มหมุน พร้อมกับภาพสิ่งของที่โงนเงนจนมองแทบไม่เป็นรูปร่าง
ปฏิกิริยาบนร่างกายของลัลนาเริ่มจะเด่นชัดมากขึ้นทุกที หญิงสาวเหลือบมองไปยังแก้วน้ำอย่างยากเย็น สังหรณ์บางอย่างกำลังร้องบอกว่า มีบางสิ่งที่ผิดปกติอยู่ในน้ำนั่น ของบางอย่างที่ทำให้ร่างกายของเธอแผกไปจากปกติอย่างเช่นในเวลานี้ ทว่ากว่าเธอจะรู้ ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะสายไปเสียแล้ว เธอถูกใครบางคนวางยาเข้าเสียแล้ว
คิดได้เพียงนั้น สติของลัลนาก็ตกอยู่ในห้วงติดๆ ดับๆ ภาพทุกภาพที่ผ่านเข้ามาในหัวล้วนพร่าเบลอจนเธอจับสาระอะไรไม่ได้ ไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน อยู่กับใคร จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่ามาทำอะไรที่นี่ ความรู้สึกเพียงอย่างเดียวที่รับรู้ คือรอยสัมผัสแผ่วเบาชวนเคลิบเคลิ้มที่ไล่แตะไต่อยู่ตามเนื้อตัวของเธอโดยปราศจากการปัดป้อง ทุกอย่างเกิดขึ้นและดำเนินไปอย่างเชื่องช้า เนิ่นนานจนลัลนาไม่อาจประมาณเวลา
จู่ๆ ลัลนาก็รู้สึกเหมือนตัวเธอกำลังลอย สูงขึ้น ๆ ร่างทั้งร่างเบาหวิวแทบไม่ต่างกับนุ่น หรือว่าเธอกำลังฝัน นี่เธอเผลอหลับไปหรืออย่างไร ลัลนาคิดอย่างงุนงง ทั้งพยายามบอกกับตัวเองว่าให้ตื่น แต่มันกลับไม่มีประโยชน์ เพราะร่างทั้งร่างของเธอยังคงรู้สึกเหมือนเดิม และทุกอย่างก็ยังดำเนินไปอย่างเชื่องช้า...เหมือนเดิม
---------------------------------------------------
(ยังมีต่อ)