เรื่องโดย นิลวนา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ตอนที่ผ่านมา
บทนำ : https://ppantip.com/topic/36728941
บทที่ 1
1.1
สายลมอ่อนยามบ่ายพัดต้องใบไม้ไหวระเรื่อยผ่านดงดอกไม้พาเอากลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกมะลิที่กำลังผลิบานอยู่เต็มต้นให้ส่งกลิ่นหอมเย็นๆ ไปทั่วบริเวณ ณ มุมหนึ่งในสวนหลังบ้านไม่ไกลจากเรือนกล้วยไม้ ใต้ต้นไม้ใหญ่ซึ่งที่แผ่กิ่งก้านสาขาให้ร่มเงา ร่างบางของหญิงสาวนอนอยู่บนเสื่อผืนบางกับหมอนใบโตข้างกายมีตำรับตำราเกี่ยวกับพฤกษศาสตร์วางกองเป็นตั้งๆ เตรียมพร้อมสำหรับการอ่าน ทว่าเจ้าของหนังสือกลับนอนหลับตาพริ้ม ในมือมีหนังสือเล่มหนาหากแต่ว่าวางคาอยู่กับอกเสียอย่างนั้น
วงหน้าใสรูปหัวใจยามพริ้มตาหลับดูอ่อนหวานจิ้มลิ้มชวนมอง หากแต่สองคิ้วเรียวของเจ้าตัวกลับขมวดมุ่น ใบหน้าอ่อนเยาว์ปรากฎเค้ารางของความหม่นหมอง อาการกระวนกระวาย ส่ายหน้าไปมา บ่งบอกว่าเธอกำลังตกอยู่ในห้วงของความฝันบางอย่าง
ในความฝันนั้นกีรณายืนอยู่ท่ามกลางดงหมอกสีขาว เธอกำลังสาวเท้าก้าวตามร่างสูงของใครบางคนที่เดินนำอยู่ข้างหน้า ทว่าไม่ว่าเธอจะพยายามเร่งฝีเท้าติดตามสักเท่าไร ระยะห่างระหว่างเขาและเธอกลับยิ่งกว้างมากขึ้นทุกที หญิงสาวไล่ตามจนรู้สึกเหนื่อยจนหอบ
เธอพยายามร้องเรียกเขา…'ใบหม่อน จะไปไหน อย่าไป รอทิวลิปด้วย รอก่อน รอด้วย....’ กีรณาตะโกนร้องเรียกจนสุดเสียง แต่ดูเหมือนว่าคนตรงหน้าจะไม่ได้ยิน
ร่างสูงยังคงก้าวเดินต่อไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีวี่แววว่าจะหยุด กีรณาเปลี่ยนจากเดินเป็นวิ่ง หญิงสาววิ่งไล่ตามร่างของคนข้างหน้าอย่างสุดกำลังจนเธอเหนื่อยแทบขาดใจ แต่เขาคนนั้นกลับยิ่งห่างไกลออกไปทุกที
เรี่ยวแรงของเธอเริ่มถดถอย หมดแรงลงไปเรื่อยๆ ฝีเท้าที่วิ่งไล่ตามก็ค่อยๆ ชะลอลง จนในที่สุดก็มาหยุดยืนหายใจหอบถี่ๆ อยู่กับที่ มีเพียงสายตาเท่านั้นที่มองตรงไปยังแผ่นหลังเบื้องหน้าอย่างตัดพ้อ
กระทั่งผ่านไปเป็นครู่ จู่ๆ .... คนยังเบื้องหน้าก็หยุด ร่างสูงค่อยๆ หันกลับ แล้วมองตรงมาที่เธอ
เขาคนนั้น... กำลังยิ้ม รอยยิ้มนั้น.... กีรณาให้คุ้นเคยนัก
ร่างสูงก้าวเดินย้อนกลับมาช้าๆ ก่อนจะมาหยุดอยู่ตรงหน้า
กีรณาจ้องมองดวงหน้านั้นแล้วนิ่งอึ้ง ใบหน้าคมสันแม้จะคุ้นตา แต่เธอกลับรู้สึกแปลกๆ กับทุกสิ่งที่ได้เห็น เขาคนนี้ดูแตกต่างจากคนที่อยู่ในความทรงจำวัยเยาว์ของเธอ หญิงสาวตั้งคำถามอยู่ในใจ ใบหม่อนที่อยู่ตรงหน้าเธอคนนี้ ยังคงใช่พี่ชายแสนรักของเธอในอดีตหรือไม่
เพราะใบหม่อนในวันนี้คือบุรุษหนุ่มรูปงาม เจ้าของร่างสูงผู้มีใบหน้าคมคาย จมูกโด่งรับกับริมฝีปากแดงสวยได้รูป
ความรู้สึกในใจของกีรณาแตกออกเป็นสองทาง ทางหนึ่งคือความคุ้นเคย ส่วนอีกทางคือความรู้สึกแปลกหน้า ครั้นเมื่อประสานสายตากับเขา หัวใจของเธอพลันเต้นแรง รู้สึกอุ่นวาบที่กลางอก มิหนำซ้ำในท้องยังเหมือนมีผีเสื้อนับร้อยมาบินวน
ที่แท้...ความห่างไกลก็ไม่อาจบั่นทอนความรู้สึกของเธอมีต่อเขาให้ลดน้อยถอยลงได้เลย
ทั้งที่...เธอและเขาต่างห่างหายจากชีวิตของกันและกันไปนานนับสิบปี
ครั้งหนึ่งกีรณาเคยคิดว่าเธอไม่มีคำพูดใดจะเอ่ยกับเขาอีกแล้ว ทว่าเมื่อเขามายืนอยู่ตรงหน้า ถ้อยคำมากมายกลับไหลวนอยู่ในหัว แต่จนแล้วจนรอด เธอก็พูดไม่ออก
สายตาคู่คมจ้องสบลงมาในดวงตาคู่งามนิ่งนาน กีรณาไม่ได้ตาฝาด หญิงสาวมั่นใจว่าเธอเห็นรอยรื้นในดวงตาคู่นั้น
ชายหนุ่มยกมือเรียวขึ้นเชยคางมนให้แหงนเงย แล้วจึงโน้มศีรษะลงประทับริมฝีปากกับเปลือกตาของเธออย่างบรรจง กีรณาได้ยินเสียงกระซิบแผ่วเบา
‘พี่ขอโทษ’
รอยสัมผัสแผ่วเบาค่อยๆ จางหาย กีรณาเปิดเปลือกตาขึ้นแล้วพบกับความว่างเปล่า ไม่มีร่างสูงที่ตรงหน้า ไม่ว่าเธอจะเหลียวมองไปทางใด รอบๆ กายกลับไม่มีแม้แต่เงาของเขาคนนั้น
ใจหาย! เธอรู้สึกว่างเปล่า หยดน้ำใสพลันรินอาบสองแก้มนวล
‘ใบหม่อน…’
กีรณาพึมพำเรียกชื่อของคนซึ่งห่างหายจากชีวิตของเธอไปแสนนานครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนที่ทั้งร่างจะรู้สึกคล้ายกับดิ่งลงจากที่สูง
ร่างบางลุกพรวดแล้วมองสำรวจไปรอบๆ หัวใจของเธอเต้นแรงจนน่าตกใจ
“ฝันไปหรอกหรือนี่?” เธอพึมพำเบาๆ แล้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ กีรณายกมือบางขึ้นลูบใบหน้าของตนแล้วพบกับรอยน้ำตาที่ยังคงเปียกแก้ม หญิงสาวเลื่อนมือไปแตะลงบนเปลือกตาของตัวเองแล้วตั้งคำถาม “จูบ...เมื่อกี้... ทำไม... ถึงเหมือนจริงนัก?” ดวงตาคู่สวยรื้นน้ำตาขึ้นมาอีกคำรบ หญิงสาวเก็บกลืนน้ำตาแล้วบอกกับตัวเองว่าเธอต้องลืมมันให้หมด เธอต้องขจัดความรู้สึกที่พาให้ใจหม่นหมองนั้นออกไปให้ได้โดยไว
ใช่แล้ว... เธอต้องเข้มแข็ง จะมัวฝันถึงคนที่ลืมเธอไปแล้วอยู่ทำไม เธอต้องทำตัวทำใจให้ร่าเริงเข้าไว้ อย่าให้ใครมาว่าได้ ว่าเธอนั้นโง่งมงายอยู่กับอดีต และความหลังที่ไม่มีวันเป็นไปได้
หญิงสาวบอกกับตัวเองในใจ แล้วเหลือบมองท้องฟ้า
“แย่แล้ว เย็นขนาดนี้แล้วหรือนี่ ยังอ่านหนังสือไปไม่ถึงไหนเลย พรุ่งนี้สอบ ตายแน่ ตายๆๆ ไม่น่าเผลอหลับไปเลย”
กีรณาบ่นแล้วกุลีกุจอคว้าตำราขึ้นมากางอ่านอย่างขะมักเขม้น สลัดทิ้งทุกอย่างทั้งความฝันและความรู้สึกอุ่นวาบที่ยังคงฝังอยู่บนเปลือกตา ทว่าในใจยังอดคิดไม่ได้
‘ความฝันครั้งนี้ ช่างเหมือนจริงเสียนี่กระไร’
------------------------------------------
(ยังมีต่อ)
เร้นรัก กามเทพ บทที่ 1
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
1.1
สายลมอ่อนยามบ่ายพัดต้องใบไม้ไหวระเรื่อยผ่านดงดอกไม้พาเอากลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกมะลิที่กำลังผลิบานอยู่เต็มต้นให้ส่งกลิ่นหอมเย็นๆ ไปทั่วบริเวณ ณ มุมหนึ่งในสวนหลังบ้านไม่ไกลจากเรือนกล้วยไม้ ใต้ต้นไม้ใหญ่ซึ่งที่แผ่กิ่งก้านสาขาให้ร่มเงา ร่างบางของหญิงสาวนอนอยู่บนเสื่อผืนบางกับหมอนใบโตข้างกายมีตำรับตำราเกี่ยวกับพฤกษศาสตร์วางกองเป็นตั้งๆ เตรียมพร้อมสำหรับการอ่าน ทว่าเจ้าของหนังสือกลับนอนหลับตาพริ้ม ในมือมีหนังสือเล่มหนาหากแต่ว่าวางคาอยู่กับอกเสียอย่างนั้น
วงหน้าใสรูปหัวใจยามพริ้มตาหลับดูอ่อนหวานจิ้มลิ้มชวนมอง หากแต่สองคิ้วเรียวของเจ้าตัวกลับขมวดมุ่น ใบหน้าอ่อนเยาว์ปรากฎเค้ารางของความหม่นหมอง อาการกระวนกระวาย ส่ายหน้าไปมา บ่งบอกว่าเธอกำลังตกอยู่ในห้วงของความฝันบางอย่าง
ในความฝันนั้นกีรณายืนอยู่ท่ามกลางดงหมอกสีขาว เธอกำลังสาวเท้าก้าวตามร่างสูงของใครบางคนที่เดินนำอยู่ข้างหน้า ทว่าไม่ว่าเธอจะพยายามเร่งฝีเท้าติดตามสักเท่าไร ระยะห่างระหว่างเขาและเธอกลับยิ่งกว้างมากขึ้นทุกที หญิงสาวไล่ตามจนรู้สึกเหนื่อยจนหอบ
เธอพยายามร้องเรียกเขา…'ใบหม่อน จะไปไหน อย่าไป รอทิวลิปด้วย รอก่อน รอด้วย....’ กีรณาตะโกนร้องเรียกจนสุดเสียง แต่ดูเหมือนว่าคนตรงหน้าจะไม่ได้ยิน
ร่างสูงยังคงก้าวเดินต่อไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีวี่แววว่าจะหยุด กีรณาเปลี่ยนจากเดินเป็นวิ่ง หญิงสาววิ่งไล่ตามร่างของคนข้างหน้าอย่างสุดกำลังจนเธอเหนื่อยแทบขาดใจ แต่เขาคนนั้นกลับยิ่งห่างไกลออกไปทุกที
เรี่ยวแรงของเธอเริ่มถดถอย หมดแรงลงไปเรื่อยๆ ฝีเท้าที่วิ่งไล่ตามก็ค่อยๆ ชะลอลง จนในที่สุดก็มาหยุดยืนหายใจหอบถี่ๆ อยู่กับที่ มีเพียงสายตาเท่านั้นที่มองตรงไปยังแผ่นหลังเบื้องหน้าอย่างตัดพ้อ
กระทั่งผ่านไปเป็นครู่ จู่ๆ .... คนยังเบื้องหน้าก็หยุด ร่างสูงค่อยๆ หันกลับ แล้วมองตรงมาที่เธอ
เขาคนนั้น... กำลังยิ้ม รอยยิ้มนั้น.... กีรณาให้คุ้นเคยนัก
ร่างสูงก้าวเดินย้อนกลับมาช้าๆ ก่อนจะมาหยุดอยู่ตรงหน้า
กีรณาจ้องมองดวงหน้านั้นแล้วนิ่งอึ้ง ใบหน้าคมสันแม้จะคุ้นตา แต่เธอกลับรู้สึกแปลกๆ กับทุกสิ่งที่ได้เห็น เขาคนนี้ดูแตกต่างจากคนที่อยู่ในความทรงจำวัยเยาว์ของเธอ หญิงสาวตั้งคำถามอยู่ในใจ ใบหม่อนที่อยู่ตรงหน้าเธอคนนี้ ยังคงใช่พี่ชายแสนรักของเธอในอดีตหรือไม่
เพราะใบหม่อนในวันนี้คือบุรุษหนุ่มรูปงาม เจ้าของร่างสูงผู้มีใบหน้าคมคาย จมูกโด่งรับกับริมฝีปากแดงสวยได้รูป
ความรู้สึกในใจของกีรณาแตกออกเป็นสองทาง ทางหนึ่งคือความคุ้นเคย ส่วนอีกทางคือความรู้สึกแปลกหน้า ครั้นเมื่อประสานสายตากับเขา หัวใจของเธอพลันเต้นแรง รู้สึกอุ่นวาบที่กลางอก มิหนำซ้ำในท้องยังเหมือนมีผีเสื้อนับร้อยมาบินวน
ที่แท้...ความห่างไกลก็ไม่อาจบั่นทอนความรู้สึกของเธอมีต่อเขาให้ลดน้อยถอยลงได้เลย
ทั้งที่...เธอและเขาต่างห่างหายจากชีวิตของกันและกันไปนานนับสิบปี
ครั้งหนึ่งกีรณาเคยคิดว่าเธอไม่มีคำพูดใดจะเอ่ยกับเขาอีกแล้ว ทว่าเมื่อเขามายืนอยู่ตรงหน้า ถ้อยคำมากมายกลับไหลวนอยู่ในหัว แต่จนแล้วจนรอด เธอก็พูดไม่ออก
สายตาคู่คมจ้องสบลงมาในดวงตาคู่งามนิ่งนาน กีรณาไม่ได้ตาฝาด หญิงสาวมั่นใจว่าเธอเห็นรอยรื้นในดวงตาคู่นั้น
ชายหนุ่มยกมือเรียวขึ้นเชยคางมนให้แหงนเงย แล้วจึงโน้มศีรษะลงประทับริมฝีปากกับเปลือกตาของเธออย่างบรรจง กีรณาได้ยินเสียงกระซิบแผ่วเบา
‘พี่ขอโทษ’
รอยสัมผัสแผ่วเบาค่อยๆ จางหาย กีรณาเปิดเปลือกตาขึ้นแล้วพบกับความว่างเปล่า ไม่มีร่างสูงที่ตรงหน้า ไม่ว่าเธอจะเหลียวมองไปทางใด รอบๆ กายกลับไม่มีแม้แต่เงาของเขาคนนั้น
ใจหาย! เธอรู้สึกว่างเปล่า หยดน้ำใสพลันรินอาบสองแก้มนวล
‘ใบหม่อน…’
กีรณาพึมพำเรียกชื่อของคนซึ่งห่างหายจากชีวิตของเธอไปแสนนานครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนที่ทั้งร่างจะรู้สึกคล้ายกับดิ่งลงจากที่สูง
ร่างบางลุกพรวดแล้วมองสำรวจไปรอบๆ หัวใจของเธอเต้นแรงจนน่าตกใจ
“ฝันไปหรอกหรือนี่?” เธอพึมพำเบาๆ แล้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ กีรณายกมือบางขึ้นลูบใบหน้าของตนแล้วพบกับรอยน้ำตาที่ยังคงเปียกแก้ม หญิงสาวเลื่อนมือไปแตะลงบนเปลือกตาของตัวเองแล้วตั้งคำถาม “จูบ...เมื่อกี้... ทำไม... ถึงเหมือนจริงนัก?” ดวงตาคู่สวยรื้นน้ำตาขึ้นมาอีกคำรบ หญิงสาวเก็บกลืนน้ำตาแล้วบอกกับตัวเองว่าเธอต้องลืมมันให้หมด เธอต้องขจัดความรู้สึกที่พาให้ใจหม่นหมองนั้นออกไปให้ได้โดยไว
ใช่แล้ว... เธอต้องเข้มแข็ง จะมัวฝันถึงคนที่ลืมเธอไปแล้วอยู่ทำไม เธอต้องทำตัวทำใจให้ร่าเริงเข้าไว้ อย่าให้ใครมาว่าได้ ว่าเธอนั้นโง่งมงายอยู่กับอดีต และความหลังที่ไม่มีวันเป็นไปได้
หญิงสาวบอกกับตัวเองในใจ แล้วเหลือบมองท้องฟ้า
“แย่แล้ว เย็นขนาดนี้แล้วหรือนี่ ยังอ่านหนังสือไปไม่ถึงไหนเลย พรุ่งนี้สอบ ตายแน่ ตายๆๆ ไม่น่าเผลอหลับไปเลย”
กีรณาบ่นแล้วกุลีกุจอคว้าตำราขึ้นมากางอ่านอย่างขะมักเขม้น สลัดทิ้งทุกอย่างทั้งความฝันและความรู้สึกอุ่นวาบที่ยังคงฝังอยู่บนเปลือกตา ทว่าในใจยังอดคิดไม่ได้
‘ความฝันครั้งนี้ ช่างเหมือนจริงเสียนี่กระไร’
------------------------------------------
(ยังมีต่อ)