ผืนป่ามืดครึ้มไปด้วยพลังแห่งความมืดที่แผ่ขยายออกมาจากลุงราม เขาเอ่ยบทสวดเป็นภาษาที่ไม่มีใครเข้าใจ ก่อนที่ร่างของธารใส เพลิงพิศ และวายุตาจะปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเอื้องทราย
“ธารใส เพลิงพิศ และวายุตา จะเป็นคู่ต่อสู้ให้เจ้าเอง หะหะ ฮ่าๆๆ ” ลุงรามพูดพร้อมรอยยิ้มเย็นชา
“ถ้าเป็นแค่หุ่นที่แกเสกมันขึ้นมา ชั้นก็ไม่หวั่นหรอกนะ!”
เอื้องทรายเผชิญหน้ากับธารใส
ธารใสยืนอยู่ตรงหน้าเอื้องทราย ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความว่างเปล่า เสียงของเธอเย็นชา
ทันใดนั้น พลังธาตุน้ำของเธอก็พุ่งเข้าใส่เอื้องทรายอย่างรวดเร็ว พลังกลายเป็นคลื่นน้ำสูงทะมึนซัดจนเอื้องทรายล้มลง
"โอ๊ย"
วายุตาหายจากหลังลุงราม โผล่ไปเข้าร่วมการโจมตี
ยังไม่ทันที่เอื้องทรายจะลุกขึ้น วายุตาก็ปรากฏตัวพร้อมสายลมอันเกรี้ยวกราด เธอใช้พลังควบคุมกระแสลมพุ่งเข้าหาเอื้องทรายอย่างไม่หยุดหย่อน
เอื้องทรายหลบหลีกอย่างยากลำบาก รากไม้ที่เธอเรียกขึ้นมาปกป้องตัวเองถูกสายลมของวายุตาฟาดจนแหลกละเอียด
"ไวอะไรอย่างนี้!” เอื้องทรายร้องเรียก แต่ดวงตาของวายุตาเย็นชาเช่นเดียวกับธารใส
ทันใดนั้น เพลิงพิศก็ก้าวออกมาจากเงามืด เธอยิ้มเยาะอย่างสะใจ
เพลิงพิศปล่อยพลังเพลิงที่ร้อนแรง พื้นดินรอบตัวเอื้องทรายเริ่มลุกไหม้ เธอต้องใช้พลังทั้งหมดเรียกรากไม้ขึ้นมาห่อหุ้มตัวเองเพื่อกันความร้อน
“โอ๊ย ร้อนน!” เอื้องทรายร้อนกร้าว
ขณะที่เธอตกอยู่ในวงล้อมด้วยธารใส วายุตา และเพลิงพิศ พลังของเธอเริ่มอ่อนล้า รากไม้ที่เธอเรียกขึ้นมาป้องกันเริ่มแห้งกรอบ
ลุงรามยืนมองเหตุการณ์ด้วยรอยยิ้มพึงพอใจ
“ข้าได้ติดตามบันทึกพลังของพวกเจ้ามาโดยตลอด มีหรือที่ข้าจะทำอะไรโดยไม่เตรียมตัว!”
แม้ร่างกายจะอ่อนล้า แต่เอื้องทรายยังไม่ยอมแพ้ เธอหลับตาและรวบรวมพลังครั้งสุดท้าย พร้อมกล่าวด้วยเสียงที่หนักแน่น
“เอื้องทราย สติ เธอต้องตั้งสติ” เธอหลับตาทั้ง ๆ ที่กำลังถูกพลังทั้ง 3 โจมตีอย่างดุเดือด
ทันใดนั้น พลังธาตุดินรอบตัวเอื้องทรายก็ปะทุขึ้นอย่างรุนแรง เธอใช้พลังนี้สร้างเกราะป้องกันตัวเองและพยายามปลดพันธนาการจิตของเพื่อนๆ
การต่อสู้ที่ไม่เพียงแค่ใช้พลัง แต่ยังต้องการจิตใจที่แข็งแกร่ง…
ลุงรามเห็นว่าเอื้องทรายกำลังจะตั้งตัวได้ เขารีบพันธนาการด้วยพลังมืดทันที พื้นดินรอบตัวเธอปริแตกจนกลายเป็นหลุมลึกที่ดักเธอไว้ พลังธาตุดินของเธอไร้ผลต่อกรงขังที่ลุงรามสร้างขึ้น มันเหมือนกรงที่ดูดพลังจากร่างของเธอไปเรื่อยๆ
“อะไรกัน!” เอื้องทรายตะโกนด้วยเสียงแหบพร่า เธอพยายามดิ้นรน แต่ยิ่งดิ้นพลังของเธอก็ยิ่งลดลง
“หมดเวลาเล่นสุนกกับแกแล้ว ข้าจะหยุดทุกการเคลื่อนไหวของเจ้า” ลุงรามกล่าวด้วยเสียงเยือกเย็น ก่อนเสกเชือกกดพลัง ไปม้วนร่างเอื้องทราย
เขาหันหลังเดินจากไป และทิ้งเอื้องทรายไว้ในความมืดมิด
อีกด้านหนึ่ง วายุตากำลังสู้กับต้นไม้ปีศาจที่คอยปล่อยเถาวัลย์พุ่งโจมตีเธออย่างต่อเนื่อง เธอใช้พลังลมสร้างเกราะป้องกัน แต่ดูเหมือนเถาวัลย์จะมีชีวิตและเรียนรู้วิธีเจาะเกราะของเธอ
“มาสิ! เข้ามาอีก!” วายุตาตะโกนท้าทาย แม้ว่าในใจจะเริ่มหวาดหวั่น
ทันใดนั้น เสียงฝีเท้าของลุงรามก็ดังก้องมาไกลๆ วายุตาหันไปมองและเห็นร่างของเขาเดินเข้ามา
ลุงรามยิ้มเย็น และพูดขึ้น “สวัสดีคุณหนูวายุตา?”
วายุตาถอยหลัง เธอรู้สึกได้ถึงพลังมืดที่แผ่ออกมาจากเขา แม้แต่ต้นไม้ปีศาจที่เธอสู้ด้วยก็หยุดการโจมตีและค้อมตัวลงเหมือนเคารพลุงราม
“นั่นแกจะทำอะไร!” วายุตาพยายามตอบด้วยเสียงสั่นๆ
ลุงรามหัวเราะเบาๆ “มาเป็นส่วนนึงกับลุงจะดีกว่านะครับ คุณหนู”
ลุงรามก้าวเข้ามาใกล้ มือของเขายกขึ้น และพลังมืดเริ่มปกคลุมรอบตัววายุตา ความรู้สึกกดดันราวกับถูกบีบรัดทำให้เธอแทบยืนไม่ไหว
“จงยอมจำนนเถอะ พลังของเจ้าจะได้กลายเป็นพลังของข้าอย่างสมบูรณ์”
วายุตาพยายามรวบรวมพลังลม แต่จิตใจที่หวาดหวั่นทำให้พลังของเธอไม่ตอบสนอง เธอกรีดร้องออกมา
“ไม่! ปล่อยชั้น!”
แสงจันทร์ที่เลือนรางตกกระทบใบหน้าของเอื้องทราย เธอยืนนิ่ง ทรุดตัวลงกลางสนามรบแห่งป่าอาถรรพ์ พลังธาตุดินที่เธอเคยควบคุมได้อย่างแข็งแกร่ง บัดนี้แทบไม่เหลือแม้แต่เศษเสี้ยว
“เชือกลุงรามทำไมมันกดพลังเราขนาดนี้” เอื้องทรายพูดด้วยเสียงสั่นเทา น้ำตาเริ่มเอ่อล้น ดวงตาของเธอมองไปยังเส้นทางข้างหน้าในป่าอาถรรพ์ที่ล้อมรอบด้วยความว่างเปล่า
เสียงหัวเราะของลุงราม
ลุงรามยืนอยู่ห่างออกไป เขายิ้มอย่างเย้ยหยันและเดินเข้ามาหาเอื้องทรายพร้อมร่างวายุตาที่อ่อนเพลีย
“ดูสิ ว่าข้าพาใครมา” เสียงของเขาแผ่วเบา แต่แฝงด้วยความเย็นชา
“วา ”
เขาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ ยืนมองร่างวายุตาที่อ่อนแอด้วยแววตาเหยียดหยาม ก่อนผลักเข้าไปในหลุมพร้อมเอื้องทราย
“ถ้าจับพวกเจ้าได้ทีละคนๆ ข้าก็ไม่ต้องเสียแรงมากขนาดนั้นหรอก!”
เอื้องทรายก้มหน้า น้ำตาของเธอหยดลงบนพื้นดินที่แตกร้าว ความเจ็บปวดทั้งร่างกายและจิตใจทำให้เธอแทบยืนไม่ไหว
แม้จะอ่อนแอจนแทบขยับตัวไม่ได้ แต่ในใจของเอื้องทรายยังคงมีเปลวไฟเล็กๆ แห่งความหวัง
“ชั้นเชื่อว่าธารใสต้องช่วยเราได้แน่ๆ” เธอพึมพำเบาๆ ดวงตาเริ่มแสดงความมุ่งมั่นอีกครั้ง
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ธารใสต้องมาช่วยพวกเรา!” เธอตะโกนใส่ลุงรามก่อนมองร่างวายุตาที่สลบข้าง ๆ
การพ่ายแพ้ครั้งนี้จะกลายเป็นจุดสิ้นสุด หรือเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของความหวังครั้งใหม่?
โปรดติดตามตอนต่อไป…
Link
๏ ... ธิดาซาตาน 2 : สี่สาวไสยเวทย์ ... ๏ | ตอนที่ 4
https://ppantip.com/topic/43101713
๏ ... ธิดาซาตาน 2 : สี่สาวไสยเวทย์ ... ๏ | ตอนที่ 3
๏ ... ธิดาซาตาน 2 : สี่สาวไสยเวทย์ ... ๏ | ตอนที่ 2
๏ ... ธิดาซาตาน 2 : สี่สาวไสยเวทย์ ... ๏ | ตอนที่ 1
๏ ... ธิดาซาตาน 2 : สี่สาวไสยเวทย์ ... ๏ | ตอนที่ 5
“ธารใส เพลิงพิศ และวายุตา จะเป็นคู่ต่อสู้ให้เจ้าเอง หะหะ ฮ่าๆๆ ” ลุงรามพูดพร้อมรอยยิ้มเย็นชา
“ถ้าเป็นแค่หุ่นที่แกเสกมันขึ้นมา ชั้นก็ไม่หวั่นหรอกนะ!”
เอื้องทรายเผชิญหน้ากับธารใส
ธารใสยืนอยู่ตรงหน้าเอื้องทราย ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความว่างเปล่า เสียงของเธอเย็นชา
ทันใดนั้น พลังธาตุน้ำของเธอก็พุ่งเข้าใส่เอื้องทรายอย่างรวดเร็ว พลังกลายเป็นคลื่นน้ำสูงทะมึนซัดจนเอื้องทรายล้มลง
"โอ๊ย"
วายุตาหายจากหลังลุงราม โผล่ไปเข้าร่วมการโจมตี
ยังไม่ทันที่เอื้องทรายจะลุกขึ้น วายุตาก็ปรากฏตัวพร้อมสายลมอันเกรี้ยวกราด เธอใช้พลังควบคุมกระแสลมพุ่งเข้าหาเอื้องทรายอย่างไม่หยุดหย่อน
เอื้องทรายหลบหลีกอย่างยากลำบาก รากไม้ที่เธอเรียกขึ้นมาปกป้องตัวเองถูกสายลมของวายุตาฟาดจนแหลกละเอียด
"ไวอะไรอย่างนี้!” เอื้องทรายร้องเรียก แต่ดวงตาของวายุตาเย็นชาเช่นเดียวกับธารใส
ทันใดนั้น เพลิงพิศก็ก้าวออกมาจากเงามืด เธอยิ้มเยาะอย่างสะใจ
เพลิงพิศปล่อยพลังเพลิงที่ร้อนแรง พื้นดินรอบตัวเอื้องทรายเริ่มลุกไหม้ เธอต้องใช้พลังทั้งหมดเรียกรากไม้ขึ้นมาห่อหุ้มตัวเองเพื่อกันความร้อน
“โอ๊ย ร้อนน!” เอื้องทรายร้อนกร้าว
ขณะที่เธอตกอยู่ในวงล้อมด้วยธารใส วายุตา และเพลิงพิศ พลังของเธอเริ่มอ่อนล้า รากไม้ที่เธอเรียกขึ้นมาป้องกันเริ่มแห้งกรอบ
ลุงรามยืนมองเหตุการณ์ด้วยรอยยิ้มพึงพอใจ
“ข้าได้ติดตามบันทึกพลังของพวกเจ้ามาโดยตลอด มีหรือที่ข้าจะทำอะไรโดยไม่เตรียมตัว!”
แม้ร่างกายจะอ่อนล้า แต่เอื้องทรายยังไม่ยอมแพ้ เธอหลับตาและรวบรวมพลังครั้งสุดท้าย พร้อมกล่าวด้วยเสียงที่หนักแน่น
“เอื้องทราย สติ เธอต้องตั้งสติ” เธอหลับตาทั้ง ๆ ที่กำลังถูกพลังทั้ง 3 โจมตีอย่างดุเดือด
ทันใดนั้น พลังธาตุดินรอบตัวเอื้องทรายก็ปะทุขึ้นอย่างรุนแรง เธอใช้พลังนี้สร้างเกราะป้องกันตัวเองและพยายามปลดพันธนาการจิตของเพื่อนๆ
การต่อสู้ที่ไม่เพียงแค่ใช้พลัง แต่ยังต้องการจิตใจที่แข็งแกร่ง…
ลุงรามเห็นว่าเอื้องทรายกำลังจะตั้งตัวได้ เขารีบพันธนาการด้วยพลังมืดทันที พื้นดินรอบตัวเธอปริแตกจนกลายเป็นหลุมลึกที่ดักเธอไว้ พลังธาตุดินของเธอไร้ผลต่อกรงขังที่ลุงรามสร้างขึ้น มันเหมือนกรงที่ดูดพลังจากร่างของเธอไปเรื่อยๆ
“อะไรกัน!” เอื้องทรายตะโกนด้วยเสียงแหบพร่า เธอพยายามดิ้นรน แต่ยิ่งดิ้นพลังของเธอก็ยิ่งลดลง
“หมดเวลาเล่นสุนกกับแกแล้ว ข้าจะหยุดทุกการเคลื่อนไหวของเจ้า” ลุงรามกล่าวด้วยเสียงเยือกเย็น ก่อนเสกเชือกกดพลัง ไปม้วนร่างเอื้องทราย
เขาหันหลังเดินจากไป และทิ้งเอื้องทรายไว้ในความมืดมิด
อีกด้านหนึ่ง วายุตากำลังสู้กับต้นไม้ปีศาจที่คอยปล่อยเถาวัลย์พุ่งโจมตีเธออย่างต่อเนื่อง เธอใช้พลังลมสร้างเกราะป้องกัน แต่ดูเหมือนเถาวัลย์จะมีชีวิตและเรียนรู้วิธีเจาะเกราะของเธอ
“มาสิ! เข้ามาอีก!” วายุตาตะโกนท้าทาย แม้ว่าในใจจะเริ่มหวาดหวั่น
ทันใดนั้น เสียงฝีเท้าของลุงรามก็ดังก้องมาไกลๆ วายุตาหันไปมองและเห็นร่างของเขาเดินเข้ามา
ลุงรามยิ้มเย็น และพูดขึ้น “สวัสดีคุณหนูวายุตา?”
วายุตาถอยหลัง เธอรู้สึกได้ถึงพลังมืดที่แผ่ออกมาจากเขา แม้แต่ต้นไม้ปีศาจที่เธอสู้ด้วยก็หยุดการโจมตีและค้อมตัวลงเหมือนเคารพลุงราม
“นั่นแกจะทำอะไร!” วายุตาพยายามตอบด้วยเสียงสั่นๆ
ลุงรามหัวเราะเบาๆ “มาเป็นส่วนนึงกับลุงจะดีกว่านะครับ คุณหนู”
ลุงรามก้าวเข้ามาใกล้ มือของเขายกขึ้น และพลังมืดเริ่มปกคลุมรอบตัววายุตา ความรู้สึกกดดันราวกับถูกบีบรัดทำให้เธอแทบยืนไม่ไหว
“จงยอมจำนนเถอะ พลังของเจ้าจะได้กลายเป็นพลังของข้าอย่างสมบูรณ์”
วายุตาพยายามรวบรวมพลังลม แต่จิตใจที่หวาดหวั่นทำให้พลังของเธอไม่ตอบสนอง เธอกรีดร้องออกมา
“ไม่! ปล่อยชั้น!”
แสงจันทร์ที่เลือนรางตกกระทบใบหน้าของเอื้องทราย เธอยืนนิ่ง ทรุดตัวลงกลางสนามรบแห่งป่าอาถรรพ์ พลังธาตุดินที่เธอเคยควบคุมได้อย่างแข็งแกร่ง บัดนี้แทบไม่เหลือแม้แต่เศษเสี้ยว
“เชือกลุงรามทำไมมันกดพลังเราขนาดนี้” เอื้องทรายพูดด้วยเสียงสั่นเทา น้ำตาเริ่มเอ่อล้น ดวงตาของเธอมองไปยังเส้นทางข้างหน้าในป่าอาถรรพ์ที่ล้อมรอบด้วยความว่างเปล่า
เสียงหัวเราะของลุงราม
ลุงรามยืนอยู่ห่างออกไป เขายิ้มอย่างเย้ยหยันและเดินเข้ามาหาเอื้องทรายพร้อมร่างวายุตาที่อ่อนเพลีย
“ดูสิ ว่าข้าพาใครมา” เสียงของเขาแผ่วเบา แต่แฝงด้วยความเย็นชา
“วา ”
เขาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ ยืนมองร่างวายุตาที่อ่อนแอด้วยแววตาเหยียดหยาม ก่อนผลักเข้าไปในหลุมพร้อมเอื้องทราย
“ถ้าจับพวกเจ้าได้ทีละคนๆ ข้าก็ไม่ต้องเสียแรงมากขนาดนั้นหรอก!”
เอื้องทรายก้มหน้า น้ำตาของเธอหยดลงบนพื้นดินที่แตกร้าว ความเจ็บปวดทั้งร่างกายและจิตใจทำให้เธอแทบยืนไม่ไหว
แม้จะอ่อนแอจนแทบขยับตัวไม่ได้ แต่ในใจของเอื้องทรายยังคงมีเปลวไฟเล็กๆ แห่งความหวัง
“ชั้นเชื่อว่าธารใสต้องช่วยเราได้แน่ๆ” เธอพึมพำเบาๆ ดวงตาเริ่มแสดงความมุ่งมั่นอีกครั้ง
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ธารใสต้องมาช่วยพวกเรา!” เธอตะโกนใส่ลุงรามก่อนมองร่างวายุตาที่สลบข้าง ๆ
การพ่ายแพ้ครั้งนี้จะกลายเป็นจุดสิ้นสุด หรือเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของความหวังครั้งใหม่?
โปรดติดตามตอนต่อไป…