๏ ... ธิดาซาตาน 2 : สี่สาวไสยเวทย์ ... ๏ | ตอนที่ 1

๏ ...  ธิดาซาตาน 2 : สี่สาวไสยเวทย์  ... ๏ | ตอนที่ 1
บทประพันธ์ : V4OK
บทนำ :

หลังจากการต่อสู้ครั้งสุดท้ายในภาคแรกที่ธารใสและพลังแห่งธาตุทั้งสามสามารถเอาชนะเพลิงพิศได้ โลกกลับคืนสู่ความสงบสุขชั่วคราว แต่พลังแห่งธาตุของพวกเธอไม่ได้สงบนิ่งอย่างที่คิด

 
ธารใสยืนมองท้องฟ้าสีครามในยามเช้า ขณะที่ลมเย็นๆ พัดผ่านใบหน้า เขารู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในตัวเขา สิ่งที่เขาทำไว้ในก่อนนั้นอาจทำให้โลกนี้รอดพ้นจากภัยร้าย แต่ในลึกๆ เขารู้ดีว่ายังมีอันตรายซ่อนอยู่ในเงามืด เหมือนมีบางสิ่งที่ยังไม่ถูกเปิดเผย

วันหนึ่ง ธารใส วายุตา เอื้องทราย ได้รับสัญญาณแปลกประหลาดจากสร้อยคอธาตุที่พวกเธอสวมใส่ไว้ตลอดเวลา มันเปล่งแสงออกมาพร้อมกับเสียงก้องในหัวราวกับใครบางคนกำลังส่งข้อความขอความช่วยเหลือ
 “ช่วยด้วย…พลังแห่งธาตุกำลังถูกช่วงชิง…”
ธารใสจับสร้อยคอของตนด้วยความกังวล
“พวกเธอได้ยินเหมือนกันไหม?”

วายุตา พยักหน้าด้วยสีหน้าเคร่งเครียด 
“ใช่ นี่มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะตกอยู่ในอันตรายยังไง แปลกๆเลย”

เอื้องทรายวางมือบนพื้นดิน ก่อนหลับตาเพื่อใช้พลังของเธอสัมผัสถึงความผิดปกติ
“ฉันรู้สึกได้ถึงพลังมืด…มันกำลังแทรกซึมลึกลงไปในดิน”

วายุตากำหมัดแน่น ขณะที่ทิศทางลมเริ่มโชนขึ้นรอบๆ ตัวเธอ
“ถ้ามีใครคิดจะเล่นกับพวกเราอีกล่ะก็ ฉันจะไม่ไว้หน้าเหมือนครั้งที่แล้วแน่!”

เสียงหัวเราะเยือกเย็นดังขึ้นก้องไปทั่วห้อง ทั้งสามคนเหมือนถูกมนต์สะกด สลบกองอยู่กับพื้น ในขณะที่ไม่มีใครอยู่ ทั้งสามคนได้เห็น เพลิงพิศกลับมาอีกครั้ง ในภาพมายา เธออยู่ในชุดสีดำสนิท ใบหน้าของเธอแสดงความเย่อหยิ่ง
“คิดเหรอว่าพวกเธอจะกำจัดฉันได้ง่ายๆ? อย่าคิดนะว่าชั้นจะหยุดลงแค่นี้”
คำพูดนั้นทำให้ทั้งสามคนต่างตกใจ เพลิงพิศหายตัวไปพร้อมกับคำพูดปริศนา ปล่อยให้ธารใสและเพื่อนๆ ต้องเผชิญกับความสงสัยและคำถามที่ยังไม่มีคำตอบ




ที่ลึกในโลกใต้ดิน
ชายปริศนาคนหนึ่งยืนอยู่ท่ามกลางเปลวเพลิงสีดำ ดวงตาของเขาเปล่งประกายด้วยพลังที่น่าสะพรึงกลัว
“พวกเจ้าคิดว่าพลังแห่งธาตุจะอยู่ในมือของพวกเจ้าเพียงคนเดียวงั้นหรือ? คราวนี้ ข้าจะกลับมาช่วงชิงทุกสิ่งคืน”

เขาหันไปหาเพลิงพิศที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้า
“เจ้าทำได้ดี แต่คราวนี้จงนำพวกมันทั้ง 3 กลับมาหาข้า เราจะดูสิว่าธิดาซาตานเหล่านั้นจะแข็งแกร่งแค่ไหน ”

เพลิงพิศโค้งศีรษะด้วยรอยยิ้มเหี้ยมเกรียม
“ตามคำสั่งท่าน”



ในขณะที่ธารใสและเพื่อนๆ เมื่อตื่นขึ้นมาและต่างก็เล่าในสิ่งที่ตัวเองฝัน จึงรู้ว่านี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เพลิงพิศยังไม่ได้หายไปจากพวกเธอ การกลับมาครั้งนี้ มันต้องมีความหายนะ เกิดขึ้นอีกครั้งแน่ ๆ และพวกเธอต้องเผชิญหน้ากับความจริงที่ว่า พลังแห่งธาตุของพวกเธออาจมีเจ้าของมากกว่าที่พวกเธอคิด และในขณะที่พลังมืดเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง พวกเธอต้องเตรียมตัวรับมือกับศัตรูใหม่ที่แข็งแกร่งและลึกลับกว่าที่เคย

ปลายทางแห่งโชคชะตาครั้งนี้กำลังรอพวกเธออยู่ และมีทางรอดทางเดียวที่จะไขปริศนานี้ได้ คือตามหาตำราอสูรอีกครั้ง



แสงไฟจากเทียนไขในห้องหนังสือเก่าๆ ส่องสว่างให้เห็นตัวหนังสือโบราณที่จารึกไว้บนผืนผ้าใบ หน้าต่างเปิดออกให้ลมเย็นพัดผ่าน แต่ภายในห้องกลับมีความรู้สึกแปลกประหลาดราวกับมีบางสิ่งที่ไม่ปกติ

ธารใสและเอื้องทรายเดินเข้ามาในห้องด้วยความกังวลใจ ความรู้สึกของการถูกจับตามองทำให้ทั้งคู่ระมัดระวังตัวมากขึ้น พวกเธอรับรู้ถึงพลังที่น่ากลัวที่แฝงอยู่ภายในนี้ มันคือพลังที่เคยคุ้นเคย แต่ตอนนี้มันกลับมามีชีวิตอีกครั้ง

“ธารใส เราต้องหาทางทำลายพลังของเพลิงพิศให้ได้ ก่อนที่มันจะกลายเป็นภัยต่อพวกเรานะ” เอื้องทรายกระซิบเสียงต่ำ

ธารใสพยักหน้า “ระวังตัวให้ดี พลังที่เราต้องเผชิญในครั้งนี้ไม่ใช่แค่พลังของธาตุ แต่มันเป็นสิ่งที่มืดมิดกว่าทุกครั้งที่เราเคยเจอ

ทันใดนั้นเอง เสียงฝีเท้าดังก้องมาจากทางด้านหลัง พวกเธอหันไปพบกับชายสูงวัยที่สวมชุดนักบวชสีดำ รอยยิ้มของเขาไม่ใช่รอยยิ้มแห่งมิตรภาพ แต่กลับเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น

“ลุงราม…” ธารใสพูดขึ้นด้วยความตกใจ

“นึกถึงลุงด้วยเหรอ?” ลุงรามตอบ พร้อมกับเสียงหัวเราะที่แหบแห้ง “สวัสดีคุณหนู !! ยังอยู่สบายดีสินะ”

ธารใสกำหมัดแน่น เพราะลุงรามเคยทำร้ายพ่อและแม่ตัวเองมาก่อน

ลุงรามยิ้มขึ้ง “พวกคุณหนู ๆ คงงงสินะ ว่าลุงกลับมาได้ยังไง !??”

ในทันใดนั้น ลุงรามยกมือขึ้นและพึมพำคาถาในภาษาที่ไม่คุ้นเคย เสียงลึกลับเริ่มดังขึ้นในอากาศ พลังมืดที่ดูดซึมจากโลกใต้ดินทะลักออกมา และทันใดนั้น แม่ของหญิงก็ปรากฏตัวขึ้นกลางห้องในสภาพที่ไร้เรี่ยวแรง ดวงตาของพวกเธอไร้แววความเป็นตัวเอง

“หญิงแม่” ธารใสร้องด้วยความตกใจ

“ตอนนี้เธอเป็นทาสของฉันแล้ว” ลุงรามกล่าวเสียงเย็น

“ตอนนี้พวกเธอไม่มีทางเลือกอีกแล้ว พลังของมันจะอยู่ภายใต้คำสั่งของข้า จงจับพวกมันทั้งสองคนมาซะ”

แม่ของหญิงยืนตรงหันหน้าไปทางลุงราม ก่อนที่จะกล่าวคำสั่งที่ไร้จิตวิญญาณออกมา “รับคำสั่งจากอาจารย์”

ธารใสและเอื้องทรายต่างตกใจที่เห็นแม่ของหญิง กลายเป็นทาสของลุงราม แต่ก็ไม่ยอมแพ้ ทั้งคู่พร้อมที่จะสู้เพื่อพวกเธอ

“ไม่! พวกเราไม่ยอมให้แกครอบงำหญิงแม่หรอก! หญิงแม่ไม่ควรตกมาเป็นทาสคนชั่วๆเลย” ธารใสตะโกน พร้อมกับเรียกพลังธาตุน้ำที่เต็มไปด้วยความโกรธ หญิงแม่ยิ้มต่ำก่อนแยกร่างล้อมวงธารใสกับเอื้องทรายเป็นวงกลม

เอื้องทรายยกมือขึ้น ปล่อยเปลวทรายที่รุนแรงออกมาพร้อมกับการโจมตีที่รวดเร็ว เธอพยายามโจมตีลุงรามให้ได้

ลุงรามยิ้มเยาะเย้ย ก่อนที่จะยกมือขึ้นและปล่อยพลังเวทมนตร์เข้ามาปะทะกับเปลวทราย หัวเราะในเสียงที่แหบแห้ง

“พลังของพวกเธอยังห่างไกลจากที่ฉันต้องการ มาร่วมงานกับข้าจะดีกว่า ฉันจะทำให้พลังของพวกเธอกลายเป็นส่วนหนึ่งของข้า”

ธารใสและเอื้องทรายพยายามพุ่งตัวเข้าโจมตีอีกครั้ง แต่พลังเวทของลุงรามกลับแข็งแกร่งเกินคาด ไม่ว่าจะเป็นพลังน้ำของธารใสหรือพลังดินของเอื้องทราย ก็ไม่สามารถทำให้เขาได้รับบาดเจ็บได้เลย

“ไปให้พ้น!” เอื้องทรายร้องด้วยความโกรธ ก่อนที่จะเกิดเปลวทรายที่รุนแรงพุ่งออกไปทิ้งไว้เป็นวงกว้าง

แต่ลุงรามยิ้มอย่างมีชัย พลางยกมือขึ้น ปล่อยพลังดำมืดที่เป็นอำนาจสูงสุดแห่งไสยศาสตร์มาเปลี่ยนเส้นทางของทรายทั้งหมดจนกลับมาโจมตีเอื้องเอง

ธารใสร้องด้วยความตกใจ “ระวัง!”

เปลวทรายที่รุนแรงถูกสะท้อนกลับมาที่เอื้องทราย แต่โชคดีที่เธอสามารถหลบได้ทัน ก่อนจะหันกลับมาหาหญิงแม่ ทำให้ร่างหญิงแม่แตกสลาย

“เราต้องหาทางทำลายพลังของเขาให้ได้!” เอื้องทรายพูด

ธารใสพยักหน้า “ใช่ ถ้าเรายังปล่อยให้เขาเล่นกับพวกเราแบบนี้ เราจะไม่มีทางเอาชนะได้!”

ขณะที่ทั้งคู่ต้องเผชิญหน้ากับพลังเวทที่เหนือกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา พวกเขาจะสามารถกลับมาช่วยเพื่อนๆ ได้หรือไม่?

การต่อสู้ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ระหว่างลุงรามและฝ่ายธารใส ส่งคลื่นสั่นสะเทือนไปทั่วทุกมุมห้อง หรือนี่จะเป็นอันตรายครั้งใหม่ที่จะวิบัติขึ้น !!

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่