เร้นรัก กามเทพ บทนำ

กระทู้สนทนา
เรื่องโดย นิลวนา

บทนำ


“ทิวลิปจะเป็นเจ้าสาวของใบหม่อน” หนูน้อยในวัยเจ็ดขวบทำท่าแก่แดดร้องบอกถึงความใฝ่ฝันของตนกับหนุ่มน้อยวัยสิบสองขวบอีกครั้งอย่างมั่นอกมั่นใจ ดวงตากลมโตดำขลับ ฉายแววมุ่งมั่นราวกับจะประกาศว่า หัวใจดวงน้อยๆ ของเธอจะไม่มีวันสั่นคลอน

“พูดแบบนี้อีกแล้ว ไปขอพ่อแม่ตัวให้ได้ก่อนเถอะ แล้วค่อยมาบอกพี่ ยายตัวเล็กเอ๊ย...” ภาณินใช้มือตนขยี้ผมแม่ตัวน้อยของเขาอย่างเอ็นดูและเคยชิน

“บอกแล้ว แม่เกดบอกว่าตามใจทิวลิป” แม่หนูน้อยยิ้มกว้างขณะเชิดหน้าตอบอย่างภูมิใจและเป็นต่อ ทว่าไม่กี่วินาทีต่อมาดวงหน้ากลมแก้มใสพลันมุ่นมุ่ย เมื่อถูกหนุ่มน้อยถามต่อถึงบุรุษผู้เป็นบิดาของเธอ

“แล้วอาพีล่ะ ทิวลิปก็ถามอาพีมาแล้วด้วยเหรอ?”

แม่ตัวน้อยหน้าสลด ทำปากขมุบขมิบตอบเสียงอ่อย ราวกับว่าไม่ปรารถนาให้คนตรงหน้าได้ยินคำตอบ

“ก็.....ถามแล้ว แต่ว่าพ่อพีดุ บอกว่าไม่ให้ทิวลิปพูดเรื่องนี้อีก แม่เกดก็โดนดุ หาว่าตามใจทิวลิป”

“เห็นไหมล่ะ พี่บอกแล้วไงว่าเรายังเด็กอยู่ ต้องรอให้โตก่อน บอกแล้วก็ไม่เชื่อ”

ภาณินเพียงแค่พูดไปตามคำที่มารดาพร่ำสอนเมื่อครั้งที่เขาเก็บเอาคำพูดของกีรณาไปเล่าให้บิดามารดาของเขาฟัง ณ ช่วงเวลานั้น คงไม่มีใครคิดว่าสิ่งที่เด็กน้อยทั้งสองพูดเล่นกันตามประสา จะกลายเป็นเรื่องจริงขึ้นมาในวันหนึ่งข้างหน้า

“ไม่รู้ล่ะ โตขึ้นทิวลิปจะแต่งงานกับใบหม่อน พ่อพีใจร้าย ทิวลิปไม่รักพ่อพีแล้ว”

“ทิวลิปอย่าพูดอย่างนั้น เดี๋ยวพ่อพีมาได้ยินเข้าจะเสียใจ”

“พูดแบบนี้แปลว่า ใบหม่อนเข้าข้างพ่อพี จะไม่ยอมเป็นเจ้าบ่าวให้ทิวลิปใช่ไหมละ ฮือ... ใบหม่อนใจร้าย ทีเมื่อก่อนยังบอกว่าจะเป็นเจ้าบ่าวให้ทิวลิปเลย ฮือ.....” กีรณาร้องห่มร้องไห้ พาลพาโล ต่อว่า อาละวาดใส่เด็กหนุ่มตัวน้อยไปตามประสาเด็กที่เกิดมาก็มีแต่คนเอาใจ

“เปล่านะ พี่ไม่ได้พูดแบบนั้น โอ๋ๆ อย่าร้องนะคนดี เอาอย่างนี้ดีกว่า เรามาทำสัญญากัน พอเราสองคนโตขึ้น พี่จะมาอนุญาตอาพี ถ้าอาพีอนุญาต พี่ก็จะเป็นเจ้าบ่าวให้ทิวลิป ตกลงไหม” ใบหม่อนพยายามปลอบใจเด็กหญิงตัวน้อย พร้อมยื่นข้อเสนอที่ตัวเองเองก็ไม่ค่อยจะเข้าใจสักเท่าไหร่

“สัญญานะ” เด็กหญิงร้องขอสัญญาพร้อมกับยื่นนิ้วก้อยมาหา

“สัญญา” หนุ่มน้อยยื่นนิ้วก้อยตัวเข้าไปเกี่ยวนิ้วคนตัวเล็ก กีรณายิ้มออกมาจนตาหยี

“ตกลง ทิวลิปเชื่อใบหม่อน แต่ว่ากว่าจะโตนี่มันกี่วัน?” ดวงหน้ากลมๆ แก้มใสๆ เงยขึ้นถาม แววตาดุจดาววิบวับอย่างฉงน ทว่าคำถามคงจะยากไปสำหรับหนุ่มน้อยวัยสิบสอง ภาณินจึงได้แต่มองหน้าแม่ตัวน้อยอย่างไร้คำตอบ

“ใบหม่อนไม่ยอมพูด แปลว่าต้องนานมากแน่ๆ เลย” กีรณาคิดเองสรุปเองแล้วก้มหน้างุด ซ่อนรอยน้ำตาเริ่มคลอหน่วยขึ้นมาอีกหนึ่งคำรบ มือเรียวหนุ่มน้อยลูบศีรษะเล็กอย่างเบามือเป็นการปลอบ

“อย่าเพิ่งถามเลยนะ ทิวลิปหิวหรือยัง เดี๋ยวพี่ไปเอาขนมให้”

ร่างน้อยพยักหน้าหงึกๆ ทั้งยังก้มหน้า เอ่ยเบาๆ ด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “หิว แต่ทิวลิปไม่อยากให้ใบหม่อนไป”

“ไม่ดื้อนะเด็กดี พี่ไปแป๊บเดียว”

แม่หนูน้อยยังทำหน้ามุ่ย ขยับปากทำท่าจะพูดต่อ แต่แล้วก็เปลี่ยนใจยอมรออย่างว่าง่าย

“ก็ได้ ใบหม่อนรีบมานะ ทิวลิปจะคอย” ท่าทางแสนจะดื้อดึงเอาแต่ใจของเด็กหญิงตัวน้อยเปลี่ยนเป็นว่าง่ายได้อย่างไม่น่าเชื่อ ภาณินขยี้ผมเธอเบาๆ อย่างเอ็นดู แล้วพูดว่า

“แป๊บเดียว เดี๋ยวพี่มา” จากนั้นก็วิ่งเร็วปรื๋อเข้าไปในครัวแล้วกลับมาพร้อมกับตะกร้าขนม มืออีกข้าง หิ้วกระติกน้ำใบเขื่อง หลังภาณินจัดวางเสบียงอย่าเรียบร้อย สองเด็กน้อยก็ลงมือกันจัดการกับของว่างตรงหน้ากันอย่างเพลิดเพลิน ขนมที่ขนมาวางเรียงค่อยๆ พร่องลงไปทีละเล็กละน้อย มือน้อยๆ ยังคงวนเวียนหยิบขนมชิ้นโน้นชิ้นนี้ใส่ปากไปเรื่อยๆ แล้วจู่ๆ ใบหม่อนก็ถามขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

“เมื่อไหร่ทิวลิปจะยอมเรียกพี่ว่าพี่สักที?”

แม่ตัวน้อยเหลือบตามองคนถาม อย่างสงสัย แล้วตอบแบบเอาแต่ใจ “ไม่เรียก ใบหม่อนเป็นของทิวลิป ทิวลิปจะเรียกแบบนี้ ใครจะทำไม”

“แต่ทิวลิปเป็นเด็กนะ”

“เป็นเด็ก ก็จะเรียก ทิวลิปจะเป็นเจ้าสาวของใบหม่อน ไม่ได้อยากเป็นน้องสักหน่อย”

“แก่แดดแล้วเรา เฮ้อ! ยายเด็กดื้อเอ๊ย” ใบหม่อนแกล้งเอามือไปขยี้ผมเม่ตัวน้อยจนยุ่ง

“มือใบหม่อนเลอะอยู่นะ ยังจะมาจับหัวเขาอีก ดูสิ! ผมยุ่งหมดเลย”

ยิ่งว่ายิ่งงอนก็ยิ่งถูกแกล้ง เสียงหัวเราะอย่างสนุกสนานจึงคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ ภาพของเด็กน้อยทั้งสองสลับกันวิ่งไล่ไปมากลายเป็นภาพทุกคนในครอบครัวต่างเห็นกันจนเจนตา นับแต่เมื่อเจ็ดปีก่อนกระทั่งถึงวันนี้ แม่หนูน้อยก็ยังตามติดใบหม่อนของเธอแจ โดยที่ไม่เคยมีใครฉุกคิดว่าสิ่งที่เห็นอยู่หาใช่แค่เรื่องเล่นๆ ของเด็กอย่างที่เข้าใจ

ทว่ามันคือความผูกพันที่ก่อตัวกลายเป็นความรักอันมั่นคงแอบแฝงอยู่ภายใต้เกราะอ่อนบางของความบริสุทธิ์ไร้เดียงสาของเด็ก ใครเลยจะคิดว่าระยะเวลาเพียงเจ็ดปี ความรักความผูกพันได้หยั่งรากลึกลงในหัวใจของเด็กหญิงตัวน้อยยากจะถอน ขณะเดียวกันก็กลายเป็นความเปราะบางที่ยากจะระวัง และเมื่อวันหนึ่งที่ภาณินเขาต้องจากเธอไปแสนไกล เด็กหญิงตัวน้อยถึงกับใจสลาย ล้มป่วยลงโดยไม่มีสาเหตุ ไม่มีใครเคยคิดว่าเด็กตัวเล็กๆ จะตรอมใจได้เหมือนๆ กับผู้ใหญ่ แต่ในที่สุดกีรณาก็รอดพ้นจากวิกฤตินั้นมาได้ราวกับปาฏิหาริย์  

เวลาเนิ่นนานผ่านไป จากเด็กหญิงตัวน้อยบัดนี้ กีรณาได้เติบใหญ่ และกลายเป็นหญิงสาว ดวงหน้าหวานละมุนละม้ายคล้ายผู้เป็นมารดา ทว่านัยน์ตาคมวาวมาดมั่น ถอดแบบจากผู้เป็นบิดาอย่างไม่มีผิดเพี้ยน หากแต่ภายใต้ใบหน้างดงามและดวงตาวิบวาวประดุจดาวกลับมีร่องรอยของความหมองหม่น อันเป็นผลจากความทรงจำในอดีตที่ฝังลึกอยู่ในใจของเด็กสาว

กีรณายังจำได้แม่นในวันที่ภาณินมาหาเธอเพื่อบอกลา เธอไม่ได้ลงมาพบกับเขา แต่กลับแอบยืนมองอย่างตัดพ้อจากทางหน้าต่าง ยามที่มารดาของภาณินจูงมือเขาเดินจากไปไร้ซึ่งการบอกลา ในใจกีรณาเฝ้าแต่เพียรถามกับตัวเองว่าเธอทำผิดอะไร ทำไมเขาถึงต้องจากเธอไป ไกลแสนไกลจนไม่อาจพบหน้าแบบนั้น

รอยยิ้มนุ่มนวล แววตาแสนอ่อนโยน ยังคงติดตรึงอยูในความทรงจำของกีรณาไมรู้ลืม คือความอบอุ่น ประทับใจที่หล่อเลี้ยงหัวใจของเธอให้คงอยู่มาเนิ่นนานถึงสิบห้าปี

แล้วเขาคนนั้นเล่า? เขาจะยังจำเด็กหญิงตัวน้อยในอดีตคนนนั้นได้หรือไม่ จะยังจำสัญญาระหว่างกันได้หรือเปล่า กีรณาไม่กล้าแม้แต่จะหวัง

ดูจากภายนอกหลายคนอาจคิดว่ากีรณาลืมเลือนเรื่องในวัยเด็กไปหมดแล้ว อีกทั้งภาณินเองก็อาจลืมเธอไปแล้วเช่นกัน ทว่าสิ่งที่ไม่มีใครเคยรู้ คือกีรณากลับซุกซ่อนแอบเก็บเขาไว้ในใจอย่างมิดชิด

วันหนึ่งข้างหน้า ไม่ว่าภาณินจะกลับมาหรือไม่ ไม่ว่าเขาจะลืมเธอไปแล้วหรืออย่างไร กีรณาเพียงรู้อยู่แก่ใจ ว่าใจเธอจะยังมีเขา และมีเขาเพียงคนเดียว เช่นนี้... ตลอดไป

---------------------------------------------
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่