รื่องโดย ฉัตรชณา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ตอนก่อนหน้า
บทนำ : https://ppantip.com/topic/36780425
บทที่ 1 : https://ppantip.com/topic/36784782
บทที่ 2 : https://ppantip.com/topic/36808468
บทที่ 3 : https://ppantip.com/topic/37543715
บทที่ 4 : https://ppantip.com/topic/37545296
บทที่ 5 : https://ppantip.com/topic/37548724
บทที่ 6 (1/2) : https://ppantip.com/topic/37552736
บทที่ 6 (2/2) : https://ppantip.com/topic/37557798
บทที่ 7 : https://ppantip.com/topic/37565274
บทที่ 8 (1/3) : https://ppantip.com/topic/37575085
บทที่ 8 (2/3) : https://ppantip.com/topic/37588982
บทที่ 8 (3/3) : https://ppantip.com/topic/37603313
บทที่ 9 (1/3)
สัญญาณอัตนตราย
ทันทีที่รถหรูจอดเทียบสนิทลงบนบาทวิถีที่หน้าบ้าน ร่างบางก็รีบก้าวลงจากรถจากนั้นเดินจ้ำอ้าวชนิดไม่ยอมฟังแม้แต่เสียงที่กำลังตะโกนเรียกชื่อไล่ตามหลังเธออย่างร้อนรน
“ลัล หยุดก่อน” สิสิระตะโกนพลางรีบสาวเท้าเดินตาม แต่หญิงสาวไม่ยอมหยุด เสียงทุ้มจึงเปลี่ยนจากห้ามมาเป็นสั่ง
“หยุดเดี๋ยวนี้นะลัล”
สิสิระตะโกนออกคำสั่ง ทว่าลัลนายังคงเดินจ้ำ หญิงสาวไม่เพียงไม่ยอมหยุด แต่เธอยังก้าวเดินเร็วขึ้นกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ พอถึงหน้าบ้านลัลนาก็รีบหยิบกุญแจขึ้นมาไขเปิดประตู ขณะเตรียมจะเดินเข้าบ้าน ก็พอดีกับที่สิสิระเดินตามไล่หลังเธอมาทันพอดี ชายหนุ่มจึงคว้าแขนรั้งเธอไว้อย่างแรงอีกทั้งยังเร็วจนเกือบจะกลายเป็นกระชาก
“ผมบอกว่าให้หยุดไง คุณทำแบบนี้ทำไมกันลัล” เขาถามน้ำเสียงขึ้นจมูก แสดงออกอย่างชัดเจนถึงความหงุดหงิดและขัดใจที่หญิงสาวทั้งดื้อดึงไม่ยอมทำ หรือแม้แต่จะฟังคำสั่งของเขา
ลัลนาเชิดหน้าแล้วมองเมินไม่ยอมสบตาเขาแม้แต่นิด เหตุทั้งหมดเริ่มมาจากตอนที่สิสิระมารับเธอแต่เช้า แล้วพาเธอไปยังที่ๆ หนึ่ง ตอนที่รถจอดเธอเองก็นึกสงสัยอยู่ว่าเขาพาเธอไปที่สำนักงานเขตทำไม และแม้จะสังหรณ์ใจ แต่เธอยังแอบหวังว่าเขาคงไม่คิดจะทำอะไรรวบรัดตัดตอนกับเธอแบบนั้น ทว่าเธอก็ต้องผิดหวังเพราะเขาพาเธอไปจดทะเบียนสมรสจริงๆ ลัลนาไม่เข้าใจว่าทำไมสิสิระถึงต้องรีบร้อนขนาดนั้น เขาชอบ หรือรักเธอมากถึงขนาดที่ต้องรีบผูกมัดเธอไว้แบบนั้นเลยหรือ
หญิงสาวไม่ยอมลงจากรถในทีแรก แต่เขาทั้งข่มทั้งขู่ว่าถ้าเธอไม่ยอมเดินเข้าไปดีๆ เขาก็จะอุ้มเธอเข้าไปแทน ลัลนารู้ว่าสิสิระไม่ได้พูดเล่น เธอไม่อยากอับอายผู้คนจึงต้องจำใจเดินตามเขาไปด้วยสีหน้าที่บูดบึ้งไม่มีดี ครั้นพอไปถึงด้านใน เขาก็จับเธอนั่ง แล้วจัดการบอกกับเจ้าหน้าที่ว่าเธอกับเขาเต็มใจจะมาจดทะเบียนสมรสกัน แถมยังเจ้ากี้เจ้าการเปิดกระเป๋าสตางค์หยิบบัตรบัตรประชาชนของเธอออกไปยื่นส่งให้กับเจ้าหน้าที่ไปดำเนินการอีกต่างหาก เธอทั้งปฏิเสธ ทั้งขอร้อง ขอเวลา สิสิระก็ไม่ยอมฟัง พอหนักเข้าเขาก็แทบจะจับเธอปั๊มนิ้วมือลงบนทะเบียนสมรสต่อหน้าเจ้าหน้าที่ไม่คิดสักนิดเลยว่าเธอจะอับอายและเสียขวัญขนาดไหน คิดแล้วลัลนาก็อยากจะร้องไห้ เธอกลายเป็นหญิงมีสามีไปอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว แถมยังไม่มีโอกาสแม้แต่จะปฏิเสธเลยสักคำ ลัลนาไม่เข้าใจว่าเรื่องบ้าบอแบบนี้ มันเกิดกับเธอได้อย่างไร
เธอจึงนั่งหน้าตูมบอกบุญไม่รับ ไม่พูดไม่ตอบ ไม่ขานรับใดๆ มาตั้งแต่อยู่ในห้องทะเบียนของสำนักงานเขตและตลอดทางที่อยู่บนรถกับเขา ครั้นพอถึงบ้านหญิงสาวก็รีบจ้ำอ้าวลงจากรถราวกับจะกำลังหนีเขาก็ไม่ปาน และนั่นก็ทำให้สิสิระแทบทนไม่ได้ ชายหนุ่มร่ำๆ จะอาละลาดใส่เธออยู่หลายหน แต่ยังสู้อดทนไว้เมื่อเห็นดวงตาคู่สวยที่มีน้ำใสๆ เอ่อคลอคลองอยู่ตลอดเวลา
“เราพูดคุยกันดีๆ ไม่ได้เหรอ น่านะ คนดี พูดกับผมซักคำ บอกผมหน่อยว่าคุณไม่พอใจอะไร”
สิสิระพยายามจะง้อ รู้ทั้งรู้ว่าหญิงสาวโกรธเขาเรื่องอะไร แต่คนเอาแต่ใจยังทำหน้าซื่อตีขลุมประหนึ่งไม่รู้เรื่อง ลัลนาจึงหันขวับกลับมามองเขา น้ำตาเริ่มคลอคลองอย่างน้อยใจ
“คุณทำกับฉันแบบนี้ได้ยังไงคะ ไหนคุณลองบอกฉันมาหน่อยซิ ว่าคุณกับฉันแบบนี้ทำไม” คงเพราะความเจ็บช้ำที่มันอันแน่นอยู่ในอกนั่นแหละที่ทำให้ลัลนายอมพูดออกมาในที่สุด
“ผมทำอะไรเหรอ” สิสิระทำเสียงอ่อน แต่ในตาพราวราวกับไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเขาทำอะไรผิด
“คุณมัดมือชกฉัน จับฉันจดทะเบียนสมรสกับคุณ” พูดแล้วลัลนาก็สุดจะทนไหว หญิงสาวก้มหน้ากับฝ่ามือร้องไห้สะอึกสะอื้นจนตัวโยน
“ผมพยายามจะให้เกียรติคุณต่างหาก อีกอย่าง ผมก็รอต่อไปไม่ไหวแล้วด้วย” สิสิระพยายามอธิบายพลางบปลอบ ทว่าเวลานี้ดูเหมือนลัลนาจะไม่ยอมฟังอะไรเขาทั้งนั้น
ดวงหน้าสวยเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาพลันเงยขึ้นจ้องมองใบหน้าคม ลัลนาโกรธสิสิระเสียจนหน้าดำหน้าแดงไปหมดแล้ว คนอะไรนอกจากจะหน้าด้านหน้าทนแล้วยังเอาแต่ใจเป็นที่หนึ่ง เขาตัดสินใจทุกอย่างด้วยตัวเองโดยไม่ถามเธอสักคำว่าเธออยากแต่ง อยากจดทะเบียนกับเขาไหม มันน่าแค้นใจนักที่กว่าเธอจะรู้ตัว ก็แก้ไขอะไรไม่ได้เสียแล้ว
“หึ ดีนะคะ คุณรอไม่ไหว แต่กลับมาบังคับขู่เข็ญเอากับฉันแบบนี้เนี่ยนะ คุณเห็นฉันเป็นกระโถนรึไง ฉันเป็นอะไรสำหรับคุณไม่ทราบ หา! คุณสิสิระ!” ลัลนาแค่นเสียงถาม สะอึกสะอื้น จนสิสิระตั้งรับแทบไม่ทัน
“ไม่เอาน่ะ ลัล ยังไงๆ เราก็จดทะเบียน เป็นสามีภรรยากันแล้ว คุณเองก็ชอบผม เหมือนๆ กับที่ผมชอบคุณ แล้วจะทำให้เรื่องมันยุ่งยากไปทำไม” ชายหนุ่มยังคงยืนยันอย่างเข้าข้างตัวเอง และมันก็ขัดหูลัลนาจนหญิงสาวอดไม่ได้ที่จะประชดพลางเอ่ยค้อน
“แค่นั้นก็พอแล้วเหรอคะ สำหรับการตัดสินใจจะอยู่กับใครซักคนไปทั้งชีวิต”
“นี่มันสมัยไหนแล้วคุณ คนอื่นๆ เขาอยู่ด้วยกันก่อนจดทะเบียนด้วยซ้ำ”
ชายหนุ่มยังพยายามจะตะแบงเข้าข้างตัวเองโดยการยกเอาคนอื่นมาอ้าง แถมยังพูดราวกับว่าการการตัดสินใจจดทะเบียนสมรสก่อนที่จะมีอะไรๆ กันกับเธอ มันคือบุญคุณใหญ่หลวงที่เขามีต่อเธอกระนั้น
“แต่นั่นมันไม่ใช่ลัล” ลัลนาขึ้นเสียงสูงทว่าสั่นเครือ สายตาที่ทอดมองมายังเขามีแววเจ็บช้ำจนสิสิระที่จ้องตอบเธอยังรู้สึกใจหาย เขาก็แค่อยากจะรวบรัดให้เธอมาเป็นของเขาเร็วๆ เท่านั้น เขาไม่คิดว่าเธอจะต่อต้านเขารุนแรงขนาดนี้ และยิ่งไม่คิดว่าจะเธอเจ็บช้ำน้ำใจกับสิ่งที่เขาเลือกทำปานนี้เหมือนกัน
ตอนแรกสิสิระคิดและตั้งใจจะครอบครองลัลนาแต่ตัวเท่านั้น เพราะเขารู้ว่าเธอเป็นลูกใคร เขาแค่ตั้งใจจะขุดหลุมล่อหลอกร้อยเธอไว้ใช้ ทว่าใครเลยจะคาดคิดว่าเมื่อเวลาผ่านไป เขาจะเกิดหลงรักเธอเข้าจริงๆ แล้วเวลานี้เขาเองก็อยากจะทั้งผูกมัดและผูกพันเธอไว้กับเขาทั้งชีวิต สิสิระบอกกับตัวเองว่าเขาไม่มีวันยอมปล่อยเธอไปแน่ๆ และเขาจะก็ทำให้เธอติดอยู่กับเขา ไม่ต่างจากที่เขาติดอยู่กับเธอเช่นกัน
“แต่ผมก็ให้ทะเบียนสมรสคุณนะลัลนา”
“ฉันไม่เคยต้องการทะเบียนสมรสจากคุณเลย คุณสิสิระ”
“ก็ถ้าไม่ต้องการทะเบียนสมรส งั้นคุณต้องการอะไร ไหนคุณลองบอกผมมาซิ
“แน่ใจเหรอคะว่าถ้าฉันขอแล้วคุณจะให้”
“ลองพูดมาก่อนสิ ถ้าให้ได้ ผมต้องให้คุณอยู่แล้ว”
ลัลนาอยากจะหัวเราะทั้งน้ำตาเธอรู้อยู่แล้วว่าถึงขอไปเขาก็ไม่ให้ แต่ไหนๆ เขาก็เอ่ยปากมาแล้ว เธอก็แค่พูดบอกกับเขาไปตามที่ใจต้องการ อย่างน้อยเขาก็จะได้รู้ว่าเธอไม่ปรารถนาวิวาห์ผูกมัดของเขาแม้แต่น้อย
“หย่าค่ะ ฉันต้องการหย่า และฉันก็ไม่สนใจด้วยว่าใครจะมองฉันยังไง ฉันแค่ต้องการอิสรภาพ ฉันอยากเป็นอิสระจากพันธนาการบ้าบอนี่ของคุณ”
“ชักจะไปกันใหญ่แล้วนะลัล ใครที่ไหนเขาชวนกันหย่าทั้งที่เพิ่งจะจดทะเบียนกันไม่ข้ามวัน ใจคอคุณจะชวนผมทะเลาะตั้งแต่วันแรกที่เราแต่งงานกันเลยหรือไง”
“แต่งงาน! แบบนี้เนี่ยนะคะ ที่คุณเรียกว่าแต่งงาน” ลัลนามองชายหนุ่มอย่างสุดทึ่ง เธอไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรถึงได้พาชีวิตของตัวเองมาผูกมัดไว้กับเธอด้วยกระดาษแผ่นเดียวอย่างตอนนี้ ทว่าสำหรับเธอ การแต่งงานจะต้องมาจากความรัก และมันก็หมายถึงชีวิตทั้งชีวิตของเธอเช่นกัน ดังนั้นถ้าเธอจะแต่งงานกับใครสักคน เธอต้องแน่ใจเสียก่อนว่าเธอรักเขา และเขาก็ต้องรักเธอมากพอที่จากฝากชีวิตของกันและกันไว้ได้
“แล้วคุณคิดว่าการแต่งงานมันคือแบบไหนเหรอ ต้องมีพิธีใหญ่โต เชิญแขกเหรื่อมามากมาย พิธีการจอมปลอมแบบนั้นน่ะเหรอ ที่คุณคิดว่าคือการแต่งงาน”
“สุดแล้วแต่คุณจะคิดจะเข้าใจเถอะค่ะ ตราบใดที่เรายังคุยกันคนละภาษาแบบนี้ ฉันว่าเราคงจะคุยกันไม่รู้เรื่อง คุณกลับไปซะเถอะค่ะ ลัลจะเข้าบ้านแล้ว”
“ไม่กลับ และผมก็ไม่ยอมให้คุณอยู่ที่นี่แล้วด้วย ที่ผมพาคุณกลับมาก็เพื่อให้คุณมาเก็บข้าวของย้ายไปอยู่กับผม” สิสิระประกาศกร้าว ขณะที่ลัลนาจ้องมองเขาตาเขม็ง
“อะไรนะคะ? นี่... นอกจากคุณจะบังคับให้ฉันจดทะเบียนแล้ว คุณยังจะบังคับให้ฉันย้ายไปอยู่กับคุณอีกเหรอ มันจะไม่มากไปหน่อยหรือคะ คุณสิสิระ”
“แล้วมันไม่ดีตรงไหน ห้องผมออกจะใหญ่โต กว้างขวางอยู่สบายกว่าบ้านคุณตั้งเยอะ ผัวอยู่ไหน เมียก็ต้องอยู่นั้น แบบนั้นสิมันถึงจะถูก เราแต่งงานกันแล้วนะลัล จะแยกกันอยู่ได้ยังไง”
“นั่นมันเรื่องของคุณ ความคิดของคุณค่ะ คุณอยากอยู่ที่ไหนก็เชิญ ฉันไม่ใช่เมียคุณ เราไม่ได้มีอะไรกัน และฉันก็จะอยู่ที่นี่ ที่บ้านของฉัน” ลัลนากระแทกเสียงใส่เขาแล้วหันไปผลักประตูเข้าบ้าน
ทันที่ประตูเปิด สิสิระก็ฉวยอุ้มร่างบางขึ้นพาดไหล่จากนั้นเดินหายเข้าไปด้านในแล้วปิดประตูเงียบ
--------------------------------------
(จบซีน)
ม่านหัวใจ อุ่นไอรัก บทที่ 9 (1/3)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สัญญาณอัตนตราย
ทันทีที่รถหรูจอดเทียบสนิทลงบนบาทวิถีที่หน้าบ้าน ร่างบางก็รีบก้าวลงจากรถจากนั้นเดินจ้ำอ้าวชนิดไม่ยอมฟังแม้แต่เสียงที่กำลังตะโกนเรียกชื่อไล่ตามหลังเธออย่างร้อนรน
“ลัล หยุดก่อน” สิสิระตะโกนพลางรีบสาวเท้าเดินตาม แต่หญิงสาวไม่ยอมหยุด เสียงทุ้มจึงเปลี่ยนจากห้ามมาเป็นสั่ง
“หยุดเดี๋ยวนี้นะลัล”
สิสิระตะโกนออกคำสั่ง ทว่าลัลนายังคงเดินจ้ำ หญิงสาวไม่เพียงไม่ยอมหยุด แต่เธอยังก้าวเดินเร็วขึ้นกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ พอถึงหน้าบ้านลัลนาก็รีบหยิบกุญแจขึ้นมาไขเปิดประตู ขณะเตรียมจะเดินเข้าบ้าน ก็พอดีกับที่สิสิระเดินตามไล่หลังเธอมาทันพอดี ชายหนุ่มจึงคว้าแขนรั้งเธอไว้อย่างแรงอีกทั้งยังเร็วจนเกือบจะกลายเป็นกระชาก
“ผมบอกว่าให้หยุดไง คุณทำแบบนี้ทำไมกันลัล” เขาถามน้ำเสียงขึ้นจมูก แสดงออกอย่างชัดเจนถึงความหงุดหงิดและขัดใจที่หญิงสาวทั้งดื้อดึงไม่ยอมทำ หรือแม้แต่จะฟังคำสั่งของเขา
ลัลนาเชิดหน้าแล้วมองเมินไม่ยอมสบตาเขาแม้แต่นิด เหตุทั้งหมดเริ่มมาจากตอนที่สิสิระมารับเธอแต่เช้า แล้วพาเธอไปยังที่ๆ หนึ่ง ตอนที่รถจอดเธอเองก็นึกสงสัยอยู่ว่าเขาพาเธอไปที่สำนักงานเขตทำไม และแม้จะสังหรณ์ใจ แต่เธอยังแอบหวังว่าเขาคงไม่คิดจะทำอะไรรวบรัดตัดตอนกับเธอแบบนั้น ทว่าเธอก็ต้องผิดหวังเพราะเขาพาเธอไปจดทะเบียนสมรสจริงๆ ลัลนาไม่เข้าใจว่าทำไมสิสิระถึงต้องรีบร้อนขนาดนั้น เขาชอบ หรือรักเธอมากถึงขนาดที่ต้องรีบผูกมัดเธอไว้แบบนั้นเลยหรือ
หญิงสาวไม่ยอมลงจากรถในทีแรก แต่เขาทั้งข่มทั้งขู่ว่าถ้าเธอไม่ยอมเดินเข้าไปดีๆ เขาก็จะอุ้มเธอเข้าไปแทน ลัลนารู้ว่าสิสิระไม่ได้พูดเล่น เธอไม่อยากอับอายผู้คนจึงต้องจำใจเดินตามเขาไปด้วยสีหน้าที่บูดบึ้งไม่มีดี ครั้นพอไปถึงด้านใน เขาก็จับเธอนั่ง แล้วจัดการบอกกับเจ้าหน้าที่ว่าเธอกับเขาเต็มใจจะมาจดทะเบียนสมรสกัน แถมยังเจ้ากี้เจ้าการเปิดกระเป๋าสตางค์หยิบบัตรบัตรประชาชนของเธอออกไปยื่นส่งให้กับเจ้าหน้าที่ไปดำเนินการอีกต่างหาก เธอทั้งปฏิเสธ ทั้งขอร้อง ขอเวลา สิสิระก็ไม่ยอมฟัง พอหนักเข้าเขาก็แทบจะจับเธอปั๊มนิ้วมือลงบนทะเบียนสมรสต่อหน้าเจ้าหน้าที่ไม่คิดสักนิดเลยว่าเธอจะอับอายและเสียขวัญขนาดไหน คิดแล้วลัลนาก็อยากจะร้องไห้ เธอกลายเป็นหญิงมีสามีไปอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว แถมยังไม่มีโอกาสแม้แต่จะปฏิเสธเลยสักคำ ลัลนาไม่เข้าใจว่าเรื่องบ้าบอแบบนี้ มันเกิดกับเธอได้อย่างไร
เธอจึงนั่งหน้าตูมบอกบุญไม่รับ ไม่พูดไม่ตอบ ไม่ขานรับใดๆ มาตั้งแต่อยู่ในห้องทะเบียนของสำนักงานเขตและตลอดทางที่อยู่บนรถกับเขา ครั้นพอถึงบ้านหญิงสาวก็รีบจ้ำอ้าวลงจากรถราวกับจะกำลังหนีเขาก็ไม่ปาน และนั่นก็ทำให้สิสิระแทบทนไม่ได้ ชายหนุ่มร่ำๆ จะอาละลาดใส่เธออยู่หลายหน แต่ยังสู้อดทนไว้เมื่อเห็นดวงตาคู่สวยที่มีน้ำใสๆ เอ่อคลอคลองอยู่ตลอดเวลา
“เราพูดคุยกันดีๆ ไม่ได้เหรอ น่านะ คนดี พูดกับผมซักคำ บอกผมหน่อยว่าคุณไม่พอใจอะไร”
สิสิระพยายามจะง้อ รู้ทั้งรู้ว่าหญิงสาวโกรธเขาเรื่องอะไร แต่คนเอาแต่ใจยังทำหน้าซื่อตีขลุมประหนึ่งไม่รู้เรื่อง ลัลนาจึงหันขวับกลับมามองเขา น้ำตาเริ่มคลอคลองอย่างน้อยใจ
“คุณทำกับฉันแบบนี้ได้ยังไงคะ ไหนคุณลองบอกฉันมาหน่อยซิ ว่าคุณกับฉันแบบนี้ทำไม” คงเพราะความเจ็บช้ำที่มันอันแน่นอยู่ในอกนั่นแหละที่ทำให้ลัลนายอมพูดออกมาในที่สุด
“ผมทำอะไรเหรอ” สิสิระทำเสียงอ่อน แต่ในตาพราวราวกับไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเขาทำอะไรผิด
“คุณมัดมือชกฉัน จับฉันจดทะเบียนสมรสกับคุณ” พูดแล้วลัลนาก็สุดจะทนไหว หญิงสาวก้มหน้ากับฝ่ามือร้องไห้สะอึกสะอื้นจนตัวโยน
“ผมพยายามจะให้เกียรติคุณต่างหาก อีกอย่าง ผมก็รอต่อไปไม่ไหวแล้วด้วย” สิสิระพยายามอธิบายพลางบปลอบ ทว่าเวลานี้ดูเหมือนลัลนาจะไม่ยอมฟังอะไรเขาทั้งนั้น
ดวงหน้าสวยเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาพลันเงยขึ้นจ้องมองใบหน้าคม ลัลนาโกรธสิสิระเสียจนหน้าดำหน้าแดงไปหมดแล้ว คนอะไรนอกจากจะหน้าด้านหน้าทนแล้วยังเอาแต่ใจเป็นที่หนึ่ง เขาตัดสินใจทุกอย่างด้วยตัวเองโดยไม่ถามเธอสักคำว่าเธออยากแต่ง อยากจดทะเบียนกับเขาไหม มันน่าแค้นใจนักที่กว่าเธอจะรู้ตัว ก็แก้ไขอะไรไม่ได้เสียแล้ว
“หึ ดีนะคะ คุณรอไม่ไหว แต่กลับมาบังคับขู่เข็ญเอากับฉันแบบนี้เนี่ยนะ คุณเห็นฉันเป็นกระโถนรึไง ฉันเป็นอะไรสำหรับคุณไม่ทราบ หา! คุณสิสิระ!” ลัลนาแค่นเสียงถาม สะอึกสะอื้น จนสิสิระตั้งรับแทบไม่ทัน
“ไม่เอาน่ะ ลัล ยังไงๆ เราก็จดทะเบียน เป็นสามีภรรยากันแล้ว คุณเองก็ชอบผม เหมือนๆ กับที่ผมชอบคุณ แล้วจะทำให้เรื่องมันยุ่งยากไปทำไม” ชายหนุ่มยังคงยืนยันอย่างเข้าข้างตัวเอง และมันก็ขัดหูลัลนาจนหญิงสาวอดไม่ได้ที่จะประชดพลางเอ่ยค้อน
“แค่นั้นก็พอแล้วเหรอคะ สำหรับการตัดสินใจจะอยู่กับใครซักคนไปทั้งชีวิต”
“นี่มันสมัยไหนแล้วคุณ คนอื่นๆ เขาอยู่ด้วยกันก่อนจดทะเบียนด้วยซ้ำ”
ชายหนุ่มยังพยายามจะตะแบงเข้าข้างตัวเองโดยการยกเอาคนอื่นมาอ้าง แถมยังพูดราวกับว่าการการตัดสินใจจดทะเบียนสมรสก่อนที่จะมีอะไรๆ กันกับเธอ มันคือบุญคุณใหญ่หลวงที่เขามีต่อเธอกระนั้น
“แต่นั่นมันไม่ใช่ลัล” ลัลนาขึ้นเสียงสูงทว่าสั่นเครือ สายตาที่ทอดมองมายังเขามีแววเจ็บช้ำจนสิสิระที่จ้องตอบเธอยังรู้สึกใจหาย เขาก็แค่อยากจะรวบรัดให้เธอมาเป็นของเขาเร็วๆ เท่านั้น เขาไม่คิดว่าเธอจะต่อต้านเขารุนแรงขนาดนี้ และยิ่งไม่คิดว่าจะเธอเจ็บช้ำน้ำใจกับสิ่งที่เขาเลือกทำปานนี้เหมือนกัน
ตอนแรกสิสิระคิดและตั้งใจจะครอบครองลัลนาแต่ตัวเท่านั้น เพราะเขารู้ว่าเธอเป็นลูกใคร เขาแค่ตั้งใจจะขุดหลุมล่อหลอกร้อยเธอไว้ใช้ ทว่าใครเลยจะคาดคิดว่าเมื่อเวลาผ่านไป เขาจะเกิดหลงรักเธอเข้าจริงๆ แล้วเวลานี้เขาเองก็อยากจะทั้งผูกมัดและผูกพันเธอไว้กับเขาทั้งชีวิต สิสิระบอกกับตัวเองว่าเขาไม่มีวันยอมปล่อยเธอไปแน่ๆ และเขาจะก็ทำให้เธอติดอยู่กับเขา ไม่ต่างจากที่เขาติดอยู่กับเธอเช่นกัน
“แต่ผมก็ให้ทะเบียนสมรสคุณนะลัลนา”
“ฉันไม่เคยต้องการทะเบียนสมรสจากคุณเลย คุณสิสิระ”
“ก็ถ้าไม่ต้องการทะเบียนสมรส งั้นคุณต้องการอะไร ไหนคุณลองบอกผมมาซิ
“แน่ใจเหรอคะว่าถ้าฉันขอแล้วคุณจะให้”
“ลองพูดมาก่อนสิ ถ้าให้ได้ ผมต้องให้คุณอยู่แล้ว”
ลัลนาอยากจะหัวเราะทั้งน้ำตาเธอรู้อยู่แล้วว่าถึงขอไปเขาก็ไม่ให้ แต่ไหนๆ เขาก็เอ่ยปากมาแล้ว เธอก็แค่พูดบอกกับเขาไปตามที่ใจต้องการ อย่างน้อยเขาก็จะได้รู้ว่าเธอไม่ปรารถนาวิวาห์ผูกมัดของเขาแม้แต่น้อย
“หย่าค่ะ ฉันต้องการหย่า และฉันก็ไม่สนใจด้วยว่าใครจะมองฉันยังไง ฉันแค่ต้องการอิสรภาพ ฉันอยากเป็นอิสระจากพันธนาการบ้าบอนี่ของคุณ”
“ชักจะไปกันใหญ่แล้วนะลัล ใครที่ไหนเขาชวนกันหย่าทั้งที่เพิ่งจะจดทะเบียนกันไม่ข้ามวัน ใจคอคุณจะชวนผมทะเลาะตั้งแต่วันแรกที่เราแต่งงานกันเลยหรือไง”
“แต่งงาน! แบบนี้เนี่ยนะคะ ที่คุณเรียกว่าแต่งงาน” ลัลนามองชายหนุ่มอย่างสุดทึ่ง เธอไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรถึงได้พาชีวิตของตัวเองมาผูกมัดไว้กับเธอด้วยกระดาษแผ่นเดียวอย่างตอนนี้ ทว่าสำหรับเธอ การแต่งงานจะต้องมาจากความรัก และมันก็หมายถึงชีวิตทั้งชีวิตของเธอเช่นกัน ดังนั้นถ้าเธอจะแต่งงานกับใครสักคน เธอต้องแน่ใจเสียก่อนว่าเธอรักเขา และเขาก็ต้องรักเธอมากพอที่จากฝากชีวิตของกันและกันไว้ได้
“แล้วคุณคิดว่าการแต่งงานมันคือแบบไหนเหรอ ต้องมีพิธีใหญ่โต เชิญแขกเหรื่อมามากมาย พิธีการจอมปลอมแบบนั้นน่ะเหรอ ที่คุณคิดว่าคือการแต่งงาน”
“สุดแล้วแต่คุณจะคิดจะเข้าใจเถอะค่ะ ตราบใดที่เรายังคุยกันคนละภาษาแบบนี้ ฉันว่าเราคงจะคุยกันไม่รู้เรื่อง คุณกลับไปซะเถอะค่ะ ลัลจะเข้าบ้านแล้ว”
“ไม่กลับ และผมก็ไม่ยอมให้คุณอยู่ที่นี่แล้วด้วย ที่ผมพาคุณกลับมาก็เพื่อให้คุณมาเก็บข้าวของย้ายไปอยู่กับผม” สิสิระประกาศกร้าว ขณะที่ลัลนาจ้องมองเขาตาเขม็ง
“อะไรนะคะ? นี่... นอกจากคุณจะบังคับให้ฉันจดทะเบียนแล้ว คุณยังจะบังคับให้ฉันย้ายไปอยู่กับคุณอีกเหรอ มันจะไม่มากไปหน่อยหรือคะ คุณสิสิระ”
“แล้วมันไม่ดีตรงไหน ห้องผมออกจะใหญ่โต กว้างขวางอยู่สบายกว่าบ้านคุณตั้งเยอะ ผัวอยู่ไหน เมียก็ต้องอยู่นั้น แบบนั้นสิมันถึงจะถูก เราแต่งงานกันแล้วนะลัล จะแยกกันอยู่ได้ยังไง”
“นั่นมันเรื่องของคุณ ความคิดของคุณค่ะ คุณอยากอยู่ที่ไหนก็เชิญ ฉันไม่ใช่เมียคุณ เราไม่ได้มีอะไรกัน และฉันก็จะอยู่ที่นี่ ที่บ้านของฉัน” ลัลนากระแทกเสียงใส่เขาแล้วหันไปผลักประตูเข้าบ้าน
ทันที่ประตูเปิด สิสิระก็ฉวยอุ้มร่างบางขึ้นพาดไหล่จากนั้นเดินหายเข้าไปด้านในแล้วปิดประตูเงียบ
--------------------------------------
(จบซีน)