ขอบคุณทุกคนที่อ่านเรื่องนี้นะคะ
ขอบคุณ คุณ แอนนี่ annie <harmonica>, น้องดาว Lady Star 919, คุณ อุรุเวลา, คุณ นัน turtle_cheesecake, คุณ ป้าทุยบ้านทุ่ง, คุณ ออมอำพัน, คุณลิ ลายลิขิต, คุณ เพ็ญพิชญา, คุณ เป่าชาง, จารย์จี GTW, คุณ มานีโอลา
ขอบคุณทุกคะแนนโหวตด้วยค่ะ
บทก่อนหน้าค่ะ
บทนำ - บทที่ 1
http://ppantip.com/topic/35939682
บทที่ 2
http://ppantip.com/topic/35949094
บทที่ 3
http://ppantip.com/topic/35952735
บทที่ 4
http://ppantip.com/topic/35959348
บทที่ 5
http://ppantip.com/topic/35965068
บทที่ 6
https://ppantip.com/topic/35967281
บทที่ 7
https://ppantip.com/topic/35972274
บทที่ 8
https://ppantip.com/topic/35978915
บทที่ 9
https://ppantip.com/topic/35985669
บทที่ 10
https://ppantip.com/topic/35992032
บทที่ 11
https://ppantip.com/topic/35999142
บทที่ 12
https://ppantip.com/topic/36005614
บทนี้เรื่องราวบางอย่างในอดีตเริ่มเปิดเผยบ้างแล้วค่ะ บวกกับเพิ่มตัวละครสำคัญมาอีกตัวด้วยค่ะ
บทที่ 13
เสียงของหนักลากไปตามพื้นนั้นมาจากภายนอกอย่างแน่นอน ครูสาวแน่ใจเช่นนั้น หนาวเยือกตลอดสันหลังจนต้องดึงผ้าห่มขึ้นมาถึงหน้าอกแล้วกุมไว้แน่น ลองเงี่ยหูฟังอีกครั้ง ตอนนี้เงียบไปแล้ว เงียบสนิทเลยทีเดียว จึงคิดว่าหูคงแว่วไปเอง ดีหน่อยที่เปิดไฟเพดานทิ้งไว้จนสว่างโร่ ช่วยได้จริงๆ นั่นแหละ ถ้าตอนนี้ห้องมืดกว่านี้ สงสัยคงดีฝ่อไปเรียบร้อยแล้ว
ถ้าไม่รู้หรือไม่สงสัยว่าทุกอย่างที่พบเห็นในบ้านหลังนี้เป็นอะไรก็คงแล้วไป คงไม่กลัวถึงขนาดนี้ อย่างเมื่อเข้ามาอยู่ที่นี่ใหม่ๆ ตอนที่ยังไม่คิดอะไรเรื่องผีหรือจิตวิญญาณหรืออะไรก็แล้วแต่ที่เป็นไปในทางนั้นก็อยู่ได้อย่างสบายใจดีอยู่หรอก พอเจอเรื่องประหลาดๆ หลายครั้งเข้าก็เริ่มคิดบ้างแล้ว พอเริ่มคิดก็เริ่มกลัว ยิ่งระแวงสงสัยมากขึ้น ก็ยิ่งกลัวมากขึ้น
พยายามข่มตาให้หลับอีกครั้ง แต่แล้วก็มีอันสะดุ้งเฮือกทั้งตัวเมื่อเสียงนั้นกลับดังขึ้นอีก คราวนี้ชัดเจนทีเดียว ไม่เพียงแต่เสียงลากของหนัก ยังมีเสียงกุกกักเหมือนฝีเท้าคนสวมรองเท้าเดินบนบ้านประกอบด้วย
เอาละซี...กลับมาได้ไม่นานก็ลองดีกันเสียแล้วหรือ จะไม่ให้ได้หายใจหายคอกันบ้างเลยหรืออย่างไร เพิ่งกลับมาถึงแท้ๆ อย่างน้อยก็ขอให้ได้นอนให้เต็มตาคืนนี้สักคืนก่อนก็ยังดี
นาฬิกาปลุกที่โต๊ะข้างเตียงบอกเวลาตีสี่ อีกไม่นานก็สว่างแล้ว คิดไม่ตกว่าควรทำอย่างไรดี จะทำเป็นไม่สนใจ ปล่อยให้มันดังอยู่อย่างนั้นจะดีไหม ใครหรืออะไรจะมาเดินลากของอยู่ข้างนอกที่ทางเดินก็ช่างเถอะ ไม่สนใจเสียอย่าง เดี๋ยวก็คงเลิกไปเอง
แต่นี่ดูเหมือนเสียงนั้นใกล้เข้ามาเรื่อยๆ อย่างเชื่องช้า อย่างคุกคาม จนในที่สุดก็มาหยุดอยู่หน้าประตูห้องพอดิบพอดี
ปณิตากลั้นหายใจ รอว่าใครหรืออะไรก็ตามที่อยู่หน้าห้องจะทำอย่างไรต่อ ลดสายตาลงดูตรงช่องใต้ประตูก็เห็นเงาดำๆ วูบไปวูบมาอยู่ที่นั่น แสงแม้เพียงสลัวจากโคมไฟในห้องนอนของนนท์ตัดกับความดำมืดนั้น ช่วยให้เห็นได้อย่างชัดเจน
ทะลึ่งพรวดจากที่นอนเมื่อเห็นลูกบิดประตูหมุนไปมา ตอนนี้หัวใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มเรียบร้อยแล้วเมื่อคิดขึ้นได้ว่าคืนนี้ลืมล็อกประตู ที่จริงปกติเวลานอนเธอไม่ค่อยได้ล็อกประตูห้องอยู่แล้ว เหตุก็เพราะชั้นบนนี้มีกันเพียงสามคนเท่านั้นคือ นนท์ นิพ และตัวเธอเอง น้อยบางทีก็มานอนเป็นเพื่อนนิพ บางทีก็นอนในห้องชั้นล่างกับป้าคำแปง เธอจึงเหมือนจะเป็นคนดูแลเด็กๆ ในเวลากลางคืนไปโดยปริยาย
ลูกบิดประตูหมุนไปมาอยู่สองสามครั้ง แต่ก็ไม่มีใครเปิดเข้ามา จึงข่มใจข่มความกลัวตลบผ้าห่มออกอย่างเบามือที่สุด ราวกลัวว่าถ้าทำเสียงดังอีกนิดก็จะมีใครได้ยิน
เบี่ยงสองขาลงจากเตียงอย่างเชื่องช้าดูท่าที ตั้งใจจะไปล็อกประตูเสีย ตลอดเวลาสายตาไม่ละจากลูกบิดนั้นแม้เพียงแวบเดียว
ราวกับรู้ว่าเจ้าของห้องลุกขึ้นแล้ว ลูกบิดประตูหมุนกลับไปกลับมาอีกครั้งอย่างท้าทายหลังจากที่หยุดไปครู่หนึ่ง คราวนี้รุนแรงกว่าครั้งแรก แต่ก็ยังไม่เปิดเข้ามาอยู่เหมือนเดิม
ปณิตาหลับหูหลับตาถลาพรวดไปที่นั่น คว้าลูกบิดแล้วกดล็อกเสีย ก่อนหมุนตัวโผกลับมากระโดดขึ้นเตียง ดึงผ้าห่มขึ้นคลุมโปงเสียมิดชิด
อยู่ในท่านั้นนานจนชักจะร้อน จึงค่อยๆ เลิกผ้าห่มแล้วเงี่ยหูฟัง ทุกอย่างเงียบกริบ พอมองไปที่ช่องใต้ประตูก็ไม่เห็นเงานั้นแล้ว
ถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก แต่ลมหายใจนั้นสะดุดหยุดอยู่เพียงครึ่งทางเมื่อคิดเป็นห่วงสองเด็กน้อยในความดูแล คิดขึ้นได้ว่าน่าจะเปิดประตูออกไปดูว่าใคร หรืออะไรก็ตามที่มาลากของลากเท้าเดินอยู่เมื่อครู่ไปพ้นจากหน้าห้องหรือยัง หรือเข้าไปในห้องนอนของเด็กคนใดคนหนึ่งแล้ว
ครูสาวตัดสินใจลุกลงจากเตียงอีกครั้ง แล้วย่องกริบไปแนบหูกับบานประตู ทุกอย่างเงียบสงบ ทรุดตัวลงนั่งพังพาบกับพื้นห้องแล้วเอียงศีรษะก้มลงมองลอดช่องว่างใต้ประตูออกไปก็ไม่เห็นอะไร
ขยับลุกแล้วปลดล็อก หมุนลูกบิดเชื่องช้า เสียงดังคลิกซึ่งในยามปกติคงแทบไม่ได้ยิน หากแต่ในเวลาเช่นนี้ให้ความรู้สึกเหมือนดังสนั่นหวั่นไหวจนทำให้สะดุ้งได้เลยทีเดียว
ประตูห้องเปิดเข้าข้างใน จึงเบี่ยงตัวแอบชิดฝา แล้วค่อยๆ แง้มออกอย่างเชื่องช้าให้เป็นช่องแคบๆ พอมองผ่านออกไปภายนอกได้ อดขันอยู่ในใจไม่ได้ว่าสภาพของตัวตอนนี้คงน่าสมเพชเต็มที คงดูเหมือนนักสืบหรือไม่ก็คนร้ายแอบย่องเข้าบ้านคนอื่น
ทางเดินระหว่างห้องภายนอกว่างเปล่า ครูสาวถอนใจยาวอย่างโล่งอก ตัดสินใจว่าอย่างไรเสียก็ต้องออกไปดูเพราะอาจเป็นคนร้ายก็ได้ ทั้งๆที่ มองไม่เห็นทางว่าจะมีใครเปิดประตูบ้านขึ้นมาบนนี้ได้อย่างไร
พอเปิดประตูกว้างขึ้นอีกเพียงนิดเดียวก็มีอันต้องผงะ สายลมหอบใหญ่ซึ่งไม่รู้ว่ามาจากที่ใดพัดวูบผ่านหน้า พาเอากลิ่นอะไรบางอย่างฉุนกึกตามมาด้วย สัญชาตญาณบอกหญิงสาวว่านี่ไม่ปกติเสียแล้ว ไม่ใช่คนร้ายแน่ๆ จะเป็นอะไรก็ช่างเถอะ รู้แต่เพียงว่าสิ่งนี้ประสงค์ร้าย
ไวเท่าความคิด เธอเหวี่ยงประตูปิดปังใหญ่ พร้อมกับได้ยินเสียงกรีดร้องแผ่วเบา…ยาวเหยียด มันเหมือนดังมาจากที่ไหนสักแห่งซึ่งไกลมาก ตามด้วยเสียงโครมจากภายนอก
ปณิตาพุ่งตัวกลับไปที่เตียง มีความรู้สึกว่าที่นั่นปลอดภัยที่สุด ดึงเอาผ้าห่มขึ้นมาคลุมจนถึงหน้าอกแล้วปิดตาแน่น สวดมนต์กระท่อนกระแท่นเท่าที่พอจำได้กลับไปกลับมาหลายเที่ยว นานทีเดียวกว่าประสาทเครียดๆ นั้นจะคลายลงเมื่อไม่มีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นอีก
คุ้มสีทอง (บทที่ 13)
ขอบคุณ คุณ แอนนี่ annie <harmonica>, น้องดาว Lady Star 919, คุณ อุรุเวลา, คุณ นัน turtle_cheesecake, คุณ ป้าทุยบ้านทุ่ง, คุณ ออมอำพัน, คุณลิ ลายลิขิต, คุณ เพ็ญพิชญา, คุณ เป่าชาง, จารย์จี GTW, คุณ มานีโอลา
ขอบคุณทุกคะแนนโหวตด้วยค่ะ
บทก่อนหน้าค่ะ
บทนำ - บทที่ 1 http://ppantip.com/topic/35939682
บทที่ 2 http://ppantip.com/topic/35949094
บทที่ 3 http://ppantip.com/topic/35952735
บทที่ 4 http://ppantip.com/topic/35959348
บทที่ 5 http://ppantip.com/topic/35965068
บทที่ 6 https://ppantip.com/topic/35967281
บทที่ 7 https://ppantip.com/topic/35972274
บทที่ 8 https://ppantip.com/topic/35978915
บทที่ 9 https://ppantip.com/topic/35985669
บทที่ 10 https://ppantip.com/topic/35992032
บทที่ 11 https://ppantip.com/topic/35999142
บทที่ 12 https://ppantip.com/topic/36005614
บทนี้เรื่องราวบางอย่างในอดีตเริ่มเปิดเผยบ้างแล้วค่ะ บวกกับเพิ่มตัวละครสำคัญมาอีกตัวด้วยค่ะ
เสียงของหนักลากไปตามพื้นนั้นมาจากภายนอกอย่างแน่นอน ครูสาวแน่ใจเช่นนั้น หนาวเยือกตลอดสันหลังจนต้องดึงผ้าห่มขึ้นมาถึงหน้าอกแล้วกุมไว้แน่น ลองเงี่ยหูฟังอีกครั้ง ตอนนี้เงียบไปแล้ว เงียบสนิทเลยทีเดียว จึงคิดว่าหูคงแว่วไปเอง ดีหน่อยที่เปิดไฟเพดานทิ้งไว้จนสว่างโร่ ช่วยได้จริงๆ นั่นแหละ ถ้าตอนนี้ห้องมืดกว่านี้ สงสัยคงดีฝ่อไปเรียบร้อยแล้ว
ถ้าไม่รู้หรือไม่สงสัยว่าทุกอย่างที่พบเห็นในบ้านหลังนี้เป็นอะไรก็คงแล้วไป คงไม่กลัวถึงขนาดนี้ อย่างเมื่อเข้ามาอยู่ที่นี่ใหม่ๆ ตอนที่ยังไม่คิดอะไรเรื่องผีหรือจิตวิญญาณหรืออะไรก็แล้วแต่ที่เป็นไปในทางนั้นก็อยู่ได้อย่างสบายใจดีอยู่หรอก พอเจอเรื่องประหลาดๆ หลายครั้งเข้าก็เริ่มคิดบ้างแล้ว พอเริ่มคิดก็เริ่มกลัว ยิ่งระแวงสงสัยมากขึ้น ก็ยิ่งกลัวมากขึ้น
พยายามข่มตาให้หลับอีกครั้ง แต่แล้วก็มีอันสะดุ้งเฮือกทั้งตัวเมื่อเสียงนั้นกลับดังขึ้นอีก คราวนี้ชัดเจนทีเดียว ไม่เพียงแต่เสียงลากของหนัก ยังมีเสียงกุกกักเหมือนฝีเท้าคนสวมรองเท้าเดินบนบ้านประกอบด้วย
เอาละซี...กลับมาได้ไม่นานก็ลองดีกันเสียแล้วหรือ จะไม่ให้ได้หายใจหายคอกันบ้างเลยหรืออย่างไร เพิ่งกลับมาถึงแท้ๆ อย่างน้อยก็ขอให้ได้นอนให้เต็มตาคืนนี้สักคืนก่อนก็ยังดี
นาฬิกาปลุกที่โต๊ะข้างเตียงบอกเวลาตีสี่ อีกไม่นานก็สว่างแล้ว คิดไม่ตกว่าควรทำอย่างไรดี จะทำเป็นไม่สนใจ ปล่อยให้มันดังอยู่อย่างนั้นจะดีไหม ใครหรืออะไรจะมาเดินลากของอยู่ข้างนอกที่ทางเดินก็ช่างเถอะ ไม่สนใจเสียอย่าง เดี๋ยวก็คงเลิกไปเอง
แต่นี่ดูเหมือนเสียงนั้นใกล้เข้ามาเรื่อยๆ อย่างเชื่องช้า อย่างคุกคาม จนในที่สุดก็มาหยุดอยู่หน้าประตูห้องพอดิบพอดี
ปณิตากลั้นหายใจ รอว่าใครหรืออะไรก็ตามที่อยู่หน้าห้องจะทำอย่างไรต่อ ลดสายตาลงดูตรงช่องใต้ประตูก็เห็นเงาดำๆ วูบไปวูบมาอยู่ที่นั่น แสงแม้เพียงสลัวจากโคมไฟในห้องนอนของนนท์ตัดกับความดำมืดนั้น ช่วยให้เห็นได้อย่างชัดเจน
ทะลึ่งพรวดจากที่นอนเมื่อเห็นลูกบิดประตูหมุนไปมา ตอนนี้หัวใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มเรียบร้อยแล้วเมื่อคิดขึ้นได้ว่าคืนนี้ลืมล็อกประตู ที่จริงปกติเวลานอนเธอไม่ค่อยได้ล็อกประตูห้องอยู่แล้ว เหตุก็เพราะชั้นบนนี้มีกันเพียงสามคนเท่านั้นคือ นนท์ นิพ และตัวเธอเอง น้อยบางทีก็มานอนเป็นเพื่อนนิพ บางทีก็นอนในห้องชั้นล่างกับป้าคำแปง เธอจึงเหมือนจะเป็นคนดูแลเด็กๆ ในเวลากลางคืนไปโดยปริยาย
ลูกบิดประตูหมุนไปมาอยู่สองสามครั้ง แต่ก็ไม่มีใครเปิดเข้ามา จึงข่มใจข่มความกลัวตลบผ้าห่มออกอย่างเบามือที่สุด ราวกลัวว่าถ้าทำเสียงดังอีกนิดก็จะมีใครได้ยิน
เบี่ยงสองขาลงจากเตียงอย่างเชื่องช้าดูท่าที ตั้งใจจะไปล็อกประตูเสีย ตลอดเวลาสายตาไม่ละจากลูกบิดนั้นแม้เพียงแวบเดียว
ราวกับรู้ว่าเจ้าของห้องลุกขึ้นแล้ว ลูกบิดประตูหมุนกลับไปกลับมาอีกครั้งอย่างท้าทายหลังจากที่หยุดไปครู่หนึ่ง คราวนี้รุนแรงกว่าครั้งแรก แต่ก็ยังไม่เปิดเข้ามาอยู่เหมือนเดิม
ปณิตาหลับหูหลับตาถลาพรวดไปที่นั่น คว้าลูกบิดแล้วกดล็อกเสีย ก่อนหมุนตัวโผกลับมากระโดดขึ้นเตียง ดึงผ้าห่มขึ้นคลุมโปงเสียมิดชิด
อยู่ในท่านั้นนานจนชักจะร้อน จึงค่อยๆ เลิกผ้าห่มแล้วเงี่ยหูฟัง ทุกอย่างเงียบกริบ พอมองไปที่ช่องใต้ประตูก็ไม่เห็นเงานั้นแล้ว
ถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก แต่ลมหายใจนั้นสะดุดหยุดอยู่เพียงครึ่งทางเมื่อคิดเป็นห่วงสองเด็กน้อยในความดูแล คิดขึ้นได้ว่าน่าจะเปิดประตูออกไปดูว่าใคร หรืออะไรก็ตามที่มาลากของลากเท้าเดินอยู่เมื่อครู่ไปพ้นจากหน้าห้องหรือยัง หรือเข้าไปในห้องนอนของเด็กคนใดคนหนึ่งแล้ว
ครูสาวตัดสินใจลุกลงจากเตียงอีกครั้ง แล้วย่องกริบไปแนบหูกับบานประตู ทุกอย่างเงียบสงบ ทรุดตัวลงนั่งพังพาบกับพื้นห้องแล้วเอียงศีรษะก้มลงมองลอดช่องว่างใต้ประตูออกไปก็ไม่เห็นอะไร
ขยับลุกแล้วปลดล็อก หมุนลูกบิดเชื่องช้า เสียงดังคลิกซึ่งในยามปกติคงแทบไม่ได้ยิน หากแต่ในเวลาเช่นนี้ให้ความรู้สึกเหมือนดังสนั่นหวั่นไหวจนทำให้สะดุ้งได้เลยทีเดียว
ประตูห้องเปิดเข้าข้างใน จึงเบี่ยงตัวแอบชิดฝา แล้วค่อยๆ แง้มออกอย่างเชื่องช้าให้เป็นช่องแคบๆ พอมองผ่านออกไปภายนอกได้ อดขันอยู่ในใจไม่ได้ว่าสภาพของตัวตอนนี้คงน่าสมเพชเต็มที คงดูเหมือนนักสืบหรือไม่ก็คนร้ายแอบย่องเข้าบ้านคนอื่น
ทางเดินระหว่างห้องภายนอกว่างเปล่า ครูสาวถอนใจยาวอย่างโล่งอก ตัดสินใจว่าอย่างไรเสียก็ต้องออกไปดูเพราะอาจเป็นคนร้ายก็ได้ ทั้งๆที่ มองไม่เห็นทางว่าจะมีใครเปิดประตูบ้านขึ้นมาบนนี้ได้อย่างไร
พอเปิดประตูกว้างขึ้นอีกเพียงนิดเดียวก็มีอันต้องผงะ สายลมหอบใหญ่ซึ่งไม่รู้ว่ามาจากที่ใดพัดวูบผ่านหน้า พาเอากลิ่นอะไรบางอย่างฉุนกึกตามมาด้วย สัญชาตญาณบอกหญิงสาวว่านี่ไม่ปกติเสียแล้ว ไม่ใช่คนร้ายแน่ๆ จะเป็นอะไรก็ช่างเถอะ รู้แต่เพียงว่าสิ่งนี้ประสงค์ร้าย
ไวเท่าความคิด เธอเหวี่ยงประตูปิดปังใหญ่ พร้อมกับได้ยินเสียงกรีดร้องแผ่วเบา…ยาวเหยียด มันเหมือนดังมาจากที่ไหนสักแห่งซึ่งไกลมาก ตามด้วยเสียงโครมจากภายนอก
ปณิตาพุ่งตัวกลับไปที่เตียง มีความรู้สึกว่าที่นั่นปลอดภัยที่สุด ดึงเอาผ้าห่มขึ้นมาคลุมจนถึงหน้าอกแล้วปิดตาแน่น สวดมนต์กระท่อนกระแท่นเท่าที่พอจำได้กลับไปกลับมาหลายเที่ยว นานทีเดียวกว่าประสาทเครียดๆ นั้นจะคลายลงเมื่อไม่มีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นอีก