ขอบคุณทุกคนที่อ่านเรื่องนี้นะคะ
ขอบคุณ คุณ jazzzero, น้องดาว Lady Star 919, คุณนัน turtle_cheesecake จารย์จี, GTW, คุณ เจ้าหญิงงัวเงีย, คุณ สมาชิกหมายเลข 1065771, คุณ เป่าชาง, คุณ nasa nasa, คุณ ป้าทุยบ้านทุ่ง
ขอบคุณทุกคะแนนโหวตด้วยค่ะ
บทก่อนๆ ค่ะ
บทที่ 10
https://ppantip.com/topic/35992032
บทที่ 11
https://ppantip.com/topic/35999142
บทที่ 12
https://ppantip.com/topic/36005614
บทที่ 13
https://ppantip.com/topic/36008955
บทที่ 14
https://ppantip.com/topic/36015042
บทที่ 15
https://ppantip.com/topic/36022170
บทที่ 16
https://ppantip.com/topic/36025947
บทที่ 17
https://ppantip.com/topic/36032009
บทที่ 18
https://ppantip.com/topic/36038614
บทที่ 19
https://ppantip.com/topic/36045647
บทที่ 20
https://ppantip.com/topic/36052025
บทที่ 21
https://ppantip.com/topic/36057918
บทที่ 22
https://ppantip.com/topic/36064433
บทที่ 23
https://ppantip.com/topic/36071189
บทที่ 24
พอเห็นชัดๆ ว่าเป็นใคร ปณิตาถอยกรูดไปข้างหลัง หากก็ยังจ้องเขม็งไปที่นัยน์ตาคมคู่ลึกล้ำจนยากจะหยั่งถึง เห็นจนชิดใกล้อย่างนี้จึงได้รู้ว่าดวงตาของเขานี่เองที่เหมือนคุณเขตมากที่สุด เพียงแต่สีตาเท่านั้นที่ต่างกัน ตาคุณเขตมองใกล้ๆ เป็นสีน้ำตาลไหม้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่สะท้อนแสงแดด ในขณะที่นัยน์ตาของชายหนุ่มคนตรงหน้าเป็นสีเทาเข้ม เป็นนัยน์ตาคู่ที่ทั้งคมและใสกระจ่างได้อย่างน่าพิศวง ยิ่งเมื่อประกอบเข้ากับคิ้วหนาพาดตรง ก็ยิ่งทำให้เข้มขึ้นอีกหลายเท่า เข้มและคมกว่าคุณเขตเสียอีก
ว่าไปแล้วรูปหน้าก็คล้ายกัน แต่เพราะคนนี้ยังอยู่ในวัยหนุ่มแน่น วงหน้าของเขาจึงมีเหลี่ยมมีคมชัดเจนกว่า คุณเขตนั้นคงด้วยเหตุที่อายุมากกว่า ความคมสันของรูปหน้าจึงไม่ชัดเจนเท่า
พอได้สติก็ละอายใจตัวเอง ทำไมจึงเป็นอย่างนี้ได้ทุกครั้ง เห็นผู้ชายคนนี้ทีไรเป็นต้องหลงรูปเสียจนน่าอาย ทำไมจึงตะลึงกับรูปโฉมงดงามเกือบจะผิดเพศนี้ได้ทุกครั้ง เหมือนเขามีมนต์สะกดเธอไว้อย่างไรก็อย่างนั้น เป็นมนต์สะกดประเภทที่ทำให้มองอะไรอื่นไม่เห็นไปชั่วขณะ
ขยับลุกยืนเสียเพื่อกลบเกลื่อนความขัดเขิน และเขาก็ลุกตาม มือใหญ่ๆ สะอาดสะอ้านปัดเศษหญ้าออกจากกางเกงที่สวม นั่นแหละจึงเป็นครั้งแรกที่ปณิตาสังเกตเห็นว่าเขาไม่ได้สวมชุดดำอย่างที่เคยเห็นมาทุกครั้ง แต่กลับเป็นเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนสั้น ชายเสื้อสอดใส่ไว้ในกางเกงยีนกลางเก่ากลางใหม่ ดูไปก็ไม่ต่างอะไรจากเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่แต่งตัวตามสมัย แม้จะเป็นสมัยก่อนหน้านี้สักห้าปีก็ตาม หากกางเกงทรงตรง ไม่ลีบติดขาและคับติ้วเสียจนทุกครั้งที่สวมต้องกระโดดไปด้วยจึงจะดึงกางเกงขึ้นมาสูงพอรูดซิบได้ หรือปลายขาก็ไม่บานระพื้นเสียจนเวลาเดินก็กวาดเอาขยะติดไปด้วย
กางเกงที่เขาสวมมีขาเป็นทรงตรง ไม่ใช่ทรงม๊อด ทรงเดฟ ตามแบบที่หนุ่มๆ ทุกวันนี้นิยมกัน จึงดูไม่ล้าสมัย
ในเวลานี้เขาดูเป็นผู้ชายธรรมดาๆ คนหนึ่งเท่านั้นเอง ไม่มีอะไรลึกลับ ไม่มีอะไรน่ากลัว แบบที่เห็นแล้วชวนให้สงสัยว่ามีลับลมคมในอะไรหรือเปล่าเหมือนครั้งก่อนๆ
มิใช่เพราะการแต่งตัวที่ชวนมองของเขาเท่านั้นหรอก มีอะไรอย่างอื่นประกอบด้วย แต่จะเป็นอะไรแน่ก็บอกยาก อาจเป็นรอยยิ้มน้อยๆ ที่มุมปากนั่นก็ได้ที่ให้ความรู้สึกว่าเขาเป็นมิตรขึ้นมาก
หากแต่วิธีการจ้องมองอย่างพินิจพิเคราะห์โดยไม่พูดอะไรสักคำนี่สิ ที่ยังทำให้อดหนาวๆ ร้อนๆ เสียไม่ได้
นั่นเป็นอีกอย่างที่ทำให้เธอคิดถึงคุณเขต นายจ้างของเธอเวลามองใครแต่ละทีสายตาของเขาเหมือนรังสีเอ๊กซ์เรย์ที่ส่องลึกเข้าให้เห็นถึงแก่นถึงกึ๋นของคนๆ นั้นเลยทีเดียว แรกๆ ที่ถูกมองอย่างนั้นก็ทำเอาขนลุกไปเหมือนกัน ในเมื่อให้ความรู้สึกว่ากำลังถูกจับผิด แต่พอนานๆ เข้าก็เริ่มชิน และยอมรับได้ว่าเป็นนิสัยปกติของเขาต่างหาก
ชักจะอึดอัดขึ้นมาบ้างแล้วเมื่อผู้ชายคนนี้ไม่มีทีท่าว่าจะพูดอะไรอีกเลย เอาแต่มองอย่างเดียว จึงแก้เก้อด้วยการตั้งคำถามเสียเอง
"คุณมานั่งอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่คะ"
เอ่ยออกไปแล้วก็อนาถตัวเองที่ช่างคิดคำถามได้ไม่สร้างสรรค์เอาเสียเลย เขาคนนี้เคยเผยอะไรหลายๆ อย่างให้เธอเห็น จะด้วยวิธีไหนก็ช่างเถอะ ไม่อยากวิเคราะห์ให้ปวดหัวในเวลานี้ เอาเป็นว่าเมื่อเขาทำอย่างนั้นได้ นี่ก็น่าจะเป็นโอกาสดีอีกครั้งที่จะถามเกี่ยวกับอะไรที่น่าสนใจกว่าเรื่องที่ว่าเขามานั่งอยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อไร
“ไม่นานหรอก ผมเพิ่งมาถึง เห็นคุณทำท่าเหมือนร้องไห้ ก็เลยมาดู”
โล่งอกที่ในที่สุดเขายอมตอบแต่โดยดี เสียงพูดของเขาน่าฟังทีเดียว ทั้งทุ้ม ทั้งลึก หากก็นุ่มนวลชวนให้ฝันไปได้ไกล แถมยังเป็นกันเองอีกต่างหาก คราวนี้ไม่ให้ความรู้สึกห่างเหินเหมือนที่ผ่านๆ มา น่าแปลกที่เวลานี้มีความรู้สึกเหมือนเขาเป็นเพื่อนคนหนึ่งมากกว่าอะไรหมด
“คุณเป็นใครคะ คุณเคยบอกว่าอยู่ที่นี่ ถ้าเคยอยู่ที่นี่ คุณคงเป็นญาติคุณเขต”
เขาสวนกลับทันควัน ก่อนที่เธอจะจบประโยคหลังสุดเสียด้วยซ้ำ สุ้มเสียงกระด้างขึ้นจนรู้สึกได้
“เป็นมากกว่าญาติ”
ประโยคนั้นห้วนจนเกือบเหมือนโกรธ แต่พอรู้ตัว คำพูดต่อมาก็กลับมาเรียบเรื่อยดังเดิม ราวความหมายของประโยคนั้นไม่สลักสำคัญแต่อย่างใด
“เขตเป็นพี่ชายผม”
คุ้มสีทอง (บทที่ 24)
ขอบคุณ คุณ jazzzero, น้องดาว Lady Star 919, คุณนัน turtle_cheesecake จารย์จี, GTW, คุณ เจ้าหญิงงัวเงีย, คุณ สมาชิกหมายเลข 1065771, คุณ เป่าชาง, คุณ nasa nasa, คุณ ป้าทุยบ้านทุ่ง
ขอบคุณทุกคะแนนโหวตด้วยค่ะ
บทก่อนๆ ค่ะ
บทที่ 10 https://ppantip.com/topic/35992032
บทที่ 11 https://ppantip.com/topic/35999142
บทที่ 12 https://ppantip.com/topic/36005614
บทที่ 13 https://ppantip.com/topic/36008955
บทที่ 14 https://ppantip.com/topic/36015042
บทที่ 15 https://ppantip.com/topic/36022170
บทที่ 16 https://ppantip.com/topic/36025947
บทที่ 17 https://ppantip.com/topic/36032009
บทที่ 18 https://ppantip.com/topic/36038614
บทที่ 19 https://ppantip.com/topic/36045647
บทที่ 20 https://ppantip.com/topic/36052025
บทที่ 21 https://ppantip.com/topic/36057918
บทที่ 22 https://ppantip.com/topic/36064433
บทที่ 23 https://ppantip.com/topic/36071189
พอเห็นชัดๆ ว่าเป็นใคร ปณิตาถอยกรูดไปข้างหลัง หากก็ยังจ้องเขม็งไปที่นัยน์ตาคมคู่ลึกล้ำจนยากจะหยั่งถึง เห็นจนชิดใกล้อย่างนี้จึงได้รู้ว่าดวงตาของเขานี่เองที่เหมือนคุณเขตมากที่สุด เพียงแต่สีตาเท่านั้นที่ต่างกัน ตาคุณเขตมองใกล้ๆ เป็นสีน้ำตาลไหม้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่สะท้อนแสงแดด ในขณะที่นัยน์ตาของชายหนุ่มคนตรงหน้าเป็นสีเทาเข้ม เป็นนัยน์ตาคู่ที่ทั้งคมและใสกระจ่างได้อย่างน่าพิศวง ยิ่งเมื่อประกอบเข้ากับคิ้วหนาพาดตรง ก็ยิ่งทำให้เข้มขึ้นอีกหลายเท่า เข้มและคมกว่าคุณเขตเสียอีก
ว่าไปแล้วรูปหน้าก็คล้ายกัน แต่เพราะคนนี้ยังอยู่ในวัยหนุ่มแน่น วงหน้าของเขาจึงมีเหลี่ยมมีคมชัดเจนกว่า คุณเขตนั้นคงด้วยเหตุที่อายุมากกว่า ความคมสันของรูปหน้าจึงไม่ชัดเจนเท่า
พอได้สติก็ละอายใจตัวเอง ทำไมจึงเป็นอย่างนี้ได้ทุกครั้ง เห็นผู้ชายคนนี้ทีไรเป็นต้องหลงรูปเสียจนน่าอาย ทำไมจึงตะลึงกับรูปโฉมงดงามเกือบจะผิดเพศนี้ได้ทุกครั้ง เหมือนเขามีมนต์สะกดเธอไว้อย่างไรก็อย่างนั้น เป็นมนต์สะกดประเภทที่ทำให้มองอะไรอื่นไม่เห็นไปชั่วขณะ
ขยับลุกยืนเสียเพื่อกลบเกลื่อนความขัดเขิน และเขาก็ลุกตาม มือใหญ่ๆ สะอาดสะอ้านปัดเศษหญ้าออกจากกางเกงที่สวม นั่นแหละจึงเป็นครั้งแรกที่ปณิตาสังเกตเห็นว่าเขาไม่ได้สวมชุดดำอย่างที่เคยเห็นมาทุกครั้ง แต่กลับเป็นเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนสั้น ชายเสื้อสอดใส่ไว้ในกางเกงยีนกลางเก่ากลางใหม่ ดูไปก็ไม่ต่างอะไรจากเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่แต่งตัวตามสมัย แม้จะเป็นสมัยก่อนหน้านี้สักห้าปีก็ตาม หากกางเกงทรงตรง ไม่ลีบติดขาและคับติ้วเสียจนทุกครั้งที่สวมต้องกระโดดไปด้วยจึงจะดึงกางเกงขึ้นมาสูงพอรูดซิบได้ หรือปลายขาก็ไม่บานระพื้นเสียจนเวลาเดินก็กวาดเอาขยะติดไปด้วย
กางเกงที่เขาสวมมีขาเป็นทรงตรง ไม่ใช่ทรงม๊อด ทรงเดฟ ตามแบบที่หนุ่มๆ ทุกวันนี้นิยมกัน จึงดูไม่ล้าสมัย
ในเวลานี้เขาดูเป็นผู้ชายธรรมดาๆ คนหนึ่งเท่านั้นเอง ไม่มีอะไรลึกลับ ไม่มีอะไรน่ากลัว แบบที่เห็นแล้วชวนให้สงสัยว่ามีลับลมคมในอะไรหรือเปล่าเหมือนครั้งก่อนๆ
มิใช่เพราะการแต่งตัวที่ชวนมองของเขาเท่านั้นหรอก มีอะไรอย่างอื่นประกอบด้วย แต่จะเป็นอะไรแน่ก็บอกยาก อาจเป็นรอยยิ้มน้อยๆ ที่มุมปากนั่นก็ได้ที่ให้ความรู้สึกว่าเขาเป็นมิตรขึ้นมาก
หากแต่วิธีการจ้องมองอย่างพินิจพิเคราะห์โดยไม่พูดอะไรสักคำนี่สิ ที่ยังทำให้อดหนาวๆ ร้อนๆ เสียไม่ได้
นั่นเป็นอีกอย่างที่ทำให้เธอคิดถึงคุณเขต นายจ้างของเธอเวลามองใครแต่ละทีสายตาของเขาเหมือนรังสีเอ๊กซ์เรย์ที่ส่องลึกเข้าให้เห็นถึงแก่นถึงกึ๋นของคนๆ นั้นเลยทีเดียว แรกๆ ที่ถูกมองอย่างนั้นก็ทำเอาขนลุกไปเหมือนกัน ในเมื่อให้ความรู้สึกว่ากำลังถูกจับผิด แต่พอนานๆ เข้าก็เริ่มชิน และยอมรับได้ว่าเป็นนิสัยปกติของเขาต่างหาก
ชักจะอึดอัดขึ้นมาบ้างแล้วเมื่อผู้ชายคนนี้ไม่มีทีท่าว่าจะพูดอะไรอีกเลย เอาแต่มองอย่างเดียว จึงแก้เก้อด้วยการตั้งคำถามเสียเอง
"คุณมานั่งอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่คะ"
เอ่ยออกไปแล้วก็อนาถตัวเองที่ช่างคิดคำถามได้ไม่สร้างสรรค์เอาเสียเลย เขาคนนี้เคยเผยอะไรหลายๆ อย่างให้เธอเห็น จะด้วยวิธีไหนก็ช่างเถอะ ไม่อยากวิเคราะห์ให้ปวดหัวในเวลานี้ เอาเป็นว่าเมื่อเขาทำอย่างนั้นได้ นี่ก็น่าจะเป็นโอกาสดีอีกครั้งที่จะถามเกี่ยวกับอะไรที่น่าสนใจกว่าเรื่องที่ว่าเขามานั่งอยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อไร
“ไม่นานหรอก ผมเพิ่งมาถึง เห็นคุณทำท่าเหมือนร้องไห้ ก็เลยมาดู”
โล่งอกที่ในที่สุดเขายอมตอบแต่โดยดี เสียงพูดของเขาน่าฟังทีเดียว ทั้งทุ้ม ทั้งลึก หากก็นุ่มนวลชวนให้ฝันไปได้ไกล แถมยังเป็นกันเองอีกต่างหาก คราวนี้ไม่ให้ความรู้สึกห่างเหินเหมือนที่ผ่านๆ มา น่าแปลกที่เวลานี้มีความรู้สึกเหมือนเขาเป็นเพื่อนคนหนึ่งมากกว่าอะไรหมด
“คุณเป็นใครคะ คุณเคยบอกว่าอยู่ที่นี่ ถ้าเคยอยู่ที่นี่ คุณคงเป็นญาติคุณเขต”
เขาสวนกลับทันควัน ก่อนที่เธอจะจบประโยคหลังสุดเสียด้วยซ้ำ สุ้มเสียงกระด้างขึ้นจนรู้สึกได้
“เป็นมากกว่าญาติ”
ประโยคนั้นห้วนจนเกือบเหมือนโกรธ แต่พอรู้ตัว คำพูดต่อมาก็กลับมาเรียบเรื่อยดังเดิม ราวความหมายของประโยคนั้นไม่สลักสำคัญแต่อย่างใด
“เขตเป็นพี่ชายผม”