ขอบคุณทุกคนที่อ่านเรื่องนี้มาตลอดนะคะ
ขอบคุณ อุรุเวลา, คุณ เด็กดื้อหัวกลม, น้องดาว Lady Star 919, คุณนัน turtle_cheesecake, จารย์จี GTW, คุณ ฮิปโปโปตัวโตพุงโลชะมัด, คุณ เพ็ญพิชญา , คุณ สมาชิกหมายเลข 1065771, คุณ jazzzero, คุณซูซี่ Susisiri, คุณ เป่าซาง, คุณ ป้าทุยบ้านทุ่ง, คุณ nasa nasa, คุณ CAN LIVE และนักอ่านเงาทุกคนด้วยค่ะ
ขอบคุณทุกคะแนนโหวตด้วยนะคะ
บทก่อนหน้าค่ะ
บทที่ 20
https://ppantip.com/topic/36052025
บทที่ 21
https://ppantip.com/topic/36057918
บทที่ 22
https://ppantip.com/topic/36064433
บทที่ 23
https://ppantip.com/topic/36071189
บทที่ 24
https://ppantip.com/topic/36080925
บทที่ 25
https://ppantip.com/topic/36084107
บทที่ 26
https://ppantip.com/topic/36091378
บทที่ 27
https://ppantip.com/topic/36097779
บทที่ 28
https://ppantip.com/topic/36103826
บทที่ 29
https://ppantip.com/topic/36114263
บทที่ 30
https://ppantip.com/topic/36120772
บทส่งท้าย
เมื่อรู้สึกตัว ปณิตาจำอะไรแทบไม่ได้เลย และหลายวันทีเดียวกว่าจะลุกจากเตียงได้ จากนั้นก็อีกเป็นเดือนกว่าที่ร่างกายจะกลับคืนสภาพเดิม ทั้งหมดเท่าที่จำได้มีเพียงว่าเสียหลักล้ม แล้วศีรษะไปกระแทกเข้ากับอะไรบางอย่าง เจ็บรุนแรงจนหมดสติไป จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าอะไรทำให้ล้มลงไปเช่นนั้น
พอลุกเดินได้บ้าง เขตก็ทำบุญบ้านครั้งใหญ่อีกครั้ง คราวนี้ตั้งศาลพระภูมิไปพร้อมกันด้วย ยิ่งกว่านั้น เขายังไปสร้างสถูปไว้ที่วัดเพื่อเป็นที่เก็บเถ้ากระดูกของน้องชายผู้มีชื่อว่าน่าน
‘น่านเป็นลูกของอุ๊เริ่น อุ๊เริ่นเป็นน้องสาวของคะยอ’ เขาบอกเธอว่าอย่างนั้น ‘พ่อของผมได้กับอุ๊เริ่นตอนขึ้นๆ ลงๆ ระหว่างกรุงเทพกับที่นี่ระยะที่ติดต่อซื้อที่ตรงนี้นี่แหละ’
ที่จริงเขตบอกอะไรเธอมากมาย หลายๆ เรื่องเป็นสิ่งซึ่งเธอสงสัยอยู่บ้างแล้ว อย่างเช่นเรื่องที่ว่านนท์เป็นลูกของณัฐฐาซึ่งเกิดกับน่าน ส่วนนิพ…
…เขาเล่าเรื่องนิพให้ฟังในวันที่พาเธอเดินเรื่อยๆ มาดูซากปรักหักพังของสถานที่ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นเรือนหอของน้องชาย
“นิพเป็นลูกของผม” เขาเกริ่นขึ้นมาก่อนอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย “ผมคิดว่าคุณควรต้องรู้ไว้ คุณจะได้ตัดสินใจได้ว่าจะรับความเลวร้ายที่ผมเคยทำไว้ในอดีตได้หรือเปล่า”
ปณิตาเหลียวมองร่างสูงซึ่งยืนอยู่ข้างๆ สองมือใหญ่ๆซุกอยู่ในกระเป๋ากางเกง นัยน์ตาสีน้ำตาลไหม้พิจารณาดูซากบ้านซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นผลงานที่เขาภาคภูมิใจ ในเมื่อเป็นคนออกแบบและคุมการก่อสร้างด้วยตัวเอง
ระหว่างคุณเขตและเธอ ไม่มีการบอกรักเป็นเรื่องเป็นราวเหมือนคู่หนุ่มสาวทั่วไป หากก็เป็นที่เข้าใจระหว่างกันว่าต่างฝ่ายมีความรู้สึกต่อกันอย่างไร
‘ยังไงผมก็แก่แล้วนะต้า สี่สิบแล้ว จะให้คุกเข่าขอความรักแบบเด็กๆ ก็ยังไงๆ อยู่’ เขาบอกเธอว่าอย่างนั้น และเธอเองก็ไม่ใช่คนโรแมนติกสักเท่าไรนัก เพียงเท่านั้นก็เข้าใจแล้ว
‘แต่ก่อนที่คุณจะให้คำตอบอะไร ผมมีเรื่องอยากบอกคุณหลายเรื่อง’
และจะมีที่ไหนเหมาะจะใช้เป็นฉากสำหรับเล่าเรื่องราวแต่หนหลังได้ดีเท่าบ้านซึ่งสร้างเป็นเรือนหอของคุณคม มีอะไรหลายอย่างเกิดขึ้นและจบสิ้นลงที่นั่น…ทั้งเรื่องร้ายเรื่องดี
ในสภาพหักๆ พังๆ และมีร่องรอยไฟไหม้อยู่ทั่วไปหมด ในวันที่แสงแดดส่องจัดจ้า ที่นี่ไม่มีอะไรน่ากลัวหลงเหลืออยู่อีกแล้ว
“นั่งก่อนเถอะต้า คุณยังยืนนานๆ ไม่ได้”
เขาเดินนำไปใต้ต้นรังต้นเดียวที่คงสภาพดีอยู่ อีกต้นไหม้ไฟไปเสียซีกหนึ่ง
ปณิตาทรุดลงนั่งที่โคนต้นอย่างไม่มีพิธีรีตอง แหงนมองร่างสูงๆ ซึ่งสองมือยังคงซุกอยู่ในกระเป๋า เขายืนหันหลังให้ ตาจับจ้องอยู่กับสถานที่ซึ่งเขาเองเป็นทั้งผู้สร้างและผู้ทำลาย
“คมกับณัฐแต่งงานกันไม่นานก็รู้ว่าไปกันไม่ได้” เขาเล่าต่อ “ผมไม่รู้ว่าณัฐกับน่านมีอะไรกันตั้งแต่เมื่อไหร่ ตอนนั้นผมอยู่กรุงเทพตลอด คมเป็นคนส่งข่าวไปบอก ก็เพียงแค่สงสัยหรอกนะ ไม่มีใครรู้จริงๆ หรอก สงสัยกัน แต่ก็พากันปิดปากเงียบ ไม่มีใครกล้าพูดถึง นนท์คลอดได้ไม่นานทั้งพ่อทั้งแม่ของผมก็เสียพร้อมกัน ที่ฝั่งโน้น” ใบหน้าคมคายพยักพเยิดไปทางด้านซึ่งเป็นอีกฝั่งของธารน้ำ
“ลุงผาเป็นคนไปพบท่านทั้งคู่ ท่านหายกันไปทั้งวัน จนใกล้ค่ำก็ยังไม่กลับ หมอที่มาตรวจบอกว่าท่านหัวใจวาย แปลกนะ ท่านไม่เคยมีประวัติเป็นโรคหัวใจ แล้วอยู่ดีๆ ก็มาตายในลักษณะเดียวกัน ไม่มีใครติดใจอะไร มีก็แต่ลุงคะยอที่สงสัยน่าน ลุงคะยอบอกผมนะ แต่ผมก็ไม่ติดใจอะไรในตอนนั้น”
ในที่สุดเขาก็ทรุดตัวลงนั่งข้างๆ หลังพิงโคนต้นรัง เหยียดขายาวๆ ไปข้างหน้า
“ก็ไม่มีหลักฐานอะไรนี่ จะให้ผมไปปรักปรำใครได้ยังไง”
เขาเงียบไปครู่หนึ่ง เหลียวมามองคนซึ่งนั่งอยู่เคียงข้าง
“คนต่อมาที่ตายก็คือคม ผมไปเห็นเข้าพอดี ตอนที่คมกับน่านมีเรื่องมีราวกัน”
ตาคมกริบสบตาหญิงสาวแน่วนิ่ง ราวมองหาอะไรบางอย่าง
“ต่อมาน่านก็ตาย…เพราะผม” เขาสารภาพตรงไปตรงมา
ปณิตารู้แล้วว่าเขามองหาอะไรในดวงตาเธอ เขาหาความเชื่อมั่นและความไว้วางใจนั่นเอง
“ตำรวจสรุปว่าเป็นอุบัติเหตุ เรื่องก็จบแค่นั้น แล้วต่อมาณัฐฐาก็ตาย นนท์เป็นคนพบศพแม่ของแก คะยอพยายามบอกผมว่าเป็นเพราะน่าน แต่ผมไม่เชื่อ ผมไม่เคยเชื่อเรื่องอะไรแบบนั้นมาก่อนเลย คุณก็รู้ คนที่ตายไปแล้วจะทำอะไรคนเป็นๆ ได้ยังไง”
เขาเงียบไปครู่หนึ่งเมื่อเหลียวกลับไปที่ซากบ้าน กังวานเสียงในคำพูดต่อมาเลื่อนลอยราวตัวเองก็พยายามทำความเข้าใจ
“ลุงคะยอพยายามบอกผมว่าผมคนเดียวเท่านั้นที่จะ…ควรใช้คำว่าอะไรดี…กำจัด…น่าจะได้นะ ลุงคะยอแกใช้คำนี้ แกว่าผมคนเดียวเท่านั้นที่จะกำจัดน่านได้ ผมเคยทำแบบนั้นมาแล้วสองครั้ง และผมเป็นคนเดียวที่น่านกลัว แกว่าวิญญาณของน่านยังคงอยู่ที่นี่ ยังวนเวียนอยู่ในบ้านหลังนี้” พยักพเยิดไปที่ซากบ้านตรงหน้า
“หลังจากที่คมตาย บ้านนี้ก็ปิดตาย ณัฐฐากับเด็กๆ ย้ายไปอยู่ที่บ้านหลังใหญ่ พอเผาศพน่านแล้วก็เอาเถ้ากระดูกมาฝังไว้ที่ด้านหลังของบ้านนี้ ตรงนั้นเป็นที่ฝังอุ๊เริ่นตามธรรมเนียมไทใหญ่ ลุงคะยอบอกให้รื้อบ้านหลังนี้เสีย แล้วเอาเถ้าของน่านไปเททิ้งในลำธาร ปล่อยให้กระแสน้ำพาไปจากที่นี่ ผมก็ไม่เชื่อที่แกบอกสักอย่างเดียว จนได้เห็นอะไรๆ กับตาตัวเองเมื่อคืนนั้นนั่นแหละ”
มือใหญ่ๆ วางทาบลงบนหลังมือเล็กๆ ที่เกาะกุมอยู่บนเข่าของตัวเอง
“คุณเป็นคนทำให้ผมเห็นนะต้า ผมเล่าที่ผมเห็นให้ลุงผาฟัง แกบอกว่าอย่างนั้น”
คุ้มสีทอง (บทส่งท้าย)
ขอบคุณ อุรุเวลา, คุณ เด็กดื้อหัวกลม, น้องดาว Lady Star 919, คุณนัน turtle_cheesecake, จารย์จี GTW, คุณ ฮิปโปโปตัวโตพุงโลชะมัด, คุณ เพ็ญพิชญา , คุณ สมาชิกหมายเลข 1065771, คุณ jazzzero, คุณซูซี่ Susisiri, คุณ เป่าซาง, คุณ ป้าทุยบ้านทุ่ง, คุณ nasa nasa, คุณ CAN LIVE และนักอ่านเงาทุกคนด้วยค่ะ
ขอบคุณทุกคะแนนโหวตด้วยนะคะ
บทก่อนหน้าค่ะ
บทที่ 20 https://ppantip.com/topic/36052025
บทที่ 21 https://ppantip.com/topic/36057918
บทที่ 22 https://ppantip.com/topic/36064433
บทที่ 23 https://ppantip.com/topic/36071189
บทที่ 24 https://ppantip.com/topic/36080925
บทที่ 25 https://ppantip.com/topic/36084107
บทที่ 26 https://ppantip.com/topic/36091378
บทที่ 27 https://ppantip.com/topic/36097779
บทที่ 28 https://ppantip.com/topic/36103826
บทที่ 29 https://ppantip.com/topic/36114263
บทที่ 30 https://ppantip.com/topic/36120772
เมื่อรู้สึกตัว ปณิตาจำอะไรแทบไม่ได้เลย และหลายวันทีเดียวกว่าจะลุกจากเตียงได้ จากนั้นก็อีกเป็นเดือนกว่าที่ร่างกายจะกลับคืนสภาพเดิม ทั้งหมดเท่าที่จำได้มีเพียงว่าเสียหลักล้ม แล้วศีรษะไปกระแทกเข้ากับอะไรบางอย่าง เจ็บรุนแรงจนหมดสติไป จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าอะไรทำให้ล้มลงไปเช่นนั้น
พอลุกเดินได้บ้าง เขตก็ทำบุญบ้านครั้งใหญ่อีกครั้ง คราวนี้ตั้งศาลพระภูมิไปพร้อมกันด้วย ยิ่งกว่านั้น เขายังไปสร้างสถูปไว้ที่วัดเพื่อเป็นที่เก็บเถ้ากระดูกของน้องชายผู้มีชื่อว่าน่าน
‘น่านเป็นลูกของอุ๊เริ่น อุ๊เริ่นเป็นน้องสาวของคะยอ’ เขาบอกเธอว่าอย่างนั้น ‘พ่อของผมได้กับอุ๊เริ่นตอนขึ้นๆ ลงๆ ระหว่างกรุงเทพกับที่นี่ระยะที่ติดต่อซื้อที่ตรงนี้นี่แหละ’
ที่จริงเขตบอกอะไรเธอมากมาย หลายๆ เรื่องเป็นสิ่งซึ่งเธอสงสัยอยู่บ้างแล้ว อย่างเช่นเรื่องที่ว่านนท์เป็นลูกของณัฐฐาซึ่งเกิดกับน่าน ส่วนนิพ…
…เขาเล่าเรื่องนิพให้ฟังในวันที่พาเธอเดินเรื่อยๆ มาดูซากปรักหักพังของสถานที่ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นเรือนหอของน้องชาย
“นิพเป็นลูกของผม” เขาเกริ่นขึ้นมาก่อนอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย “ผมคิดว่าคุณควรต้องรู้ไว้ คุณจะได้ตัดสินใจได้ว่าจะรับความเลวร้ายที่ผมเคยทำไว้ในอดีตได้หรือเปล่า”
ปณิตาเหลียวมองร่างสูงซึ่งยืนอยู่ข้างๆ สองมือใหญ่ๆซุกอยู่ในกระเป๋ากางเกง นัยน์ตาสีน้ำตาลไหม้พิจารณาดูซากบ้านซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นผลงานที่เขาภาคภูมิใจ ในเมื่อเป็นคนออกแบบและคุมการก่อสร้างด้วยตัวเอง
ระหว่างคุณเขตและเธอ ไม่มีการบอกรักเป็นเรื่องเป็นราวเหมือนคู่หนุ่มสาวทั่วไป หากก็เป็นที่เข้าใจระหว่างกันว่าต่างฝ่ายมีความรู้สึกต่อกันอย่างไร
‘ยังไงผมก็แก่แล้วนะต้า สี่สิบแล้ว จะให้คุกเข่าขอความรักแบบเด็กๆ ก็ยังไงๆ อยู่’ เขาบอกเธอว่าอย่างนั้น และเธอเองก็ไม่ใช่คนโรแมนติกสักเท่าไรนัก เพียงเท่านั้นก็เข้าใจแล้ว
‘แต่ก่อนที่คุณจะให้คำตอบอะไร ผมมีเรื่องอยากบอกคุณหลายเรื่อง’
และจะมีที่ไหนเหมาะจะใช้เป็นฉากสำหรับเล่าเรื่องราวแต่หนหลังได้ดีเท่าบ้านซึ่งสร้างเป็นเรือนหอของคุณคม มีอะไรหลายอย่างเกิดขึ้นและจบสิ้นลงที่นั่น…ทั้งเรื่องร้ายเรื่องดี
ในสภาพหักๆ พังๆ และมีร่องรอยไฟไหม้อยู่ทั่วไปหมด ในวันที่แสงแดดส่องจัดจ้า ที่นี่ไม่มีอะไรน่ากลัวหลงเหลืออยู่อีกแล้ว
“นั่งก่อนเถอะต้า คุณยังยืนนานๆ ไม่ได้”
เขาเดินนำไปใต้ต้นรังต้นเดียวที่คงสภาพดีอยู่ อีกต้นไหม้ไฟไปเสียซีกหนึ่ง
ปณิตาทรุดลงนั่งที่โคนต้นอย่างไม่มีพิธีรีตอง แหงนมองร่างสูงๆ ซึ่งสองมือยังคงซุกอยู่ในกระเป๋า เขายืนหันหลังให้ ตาจับจ้องอยู่กับสถานที่ซึ่งเขาเองเป็นทั้งผู้สร้างและผู้ทำลาย
“คมกับณัฐแต่งงานกันไม่นานก็รู้ว่าไปกันไม่ได้” เขาเล่าต่อ “ผมไม่รู้ว่าณัฐกับน่านมีอะไรกันตั้งแต่เมื่อไหร่ ตอนนั้นผมอยู่กรุงเทพตลอด คมเป็นคนส่งข่าวไปบอก ก็เพียงแค่สงสัยหรอกนะ ไม่มีใครรู้จริงๆ หรอก สงสัยกัน แต่ก็พากันปิดปากเงียบ ไม่มีใครกล้าพูดถึง นนท์คลอดได้ไม่นานทั้งพ่อทั้งแม่ของผมก็เสียพร้อมกัน ที่ฝั่งโน้น” ใบหน้าคมคายพยักพเยิดไปทางด้านซึ่งเป็นอีกฝั่งของธารน้ำ
“ลุงผาเป็นคนไปพบท่านทั้งคู่ ท่านหายกันไปทั้งวัน จนใกล้ค่ำก็ยังไม่กลับ หมอที่มาตรวจบอกว่าท่านหัวใจวาย แปลกนะ ท่านไม่เคยมีประวัติเป็นโรคหัวใจ แล้วอยู่ดีๆ ก็มาตายในลักษณะเดียวกัน ไม่มีใครติดใจอะไร มีก็แต่ลุงคะยอที่สงสัยน่าน ลุงคะยอบอกผมนะ แต่ผมก็ไม่ติดใจอะไรในตอนนั้น”
ในที่สุดเขาก็ทรุดตัวลงนั่งข้างๆ หลังพิงโคนต้นรัง เหยียดขายาวๆ ไปข้างหน้า
“ก็ไม่มีหลักฐานอะไรนี่ จะให้ผมไปปรักปรำใครได้ยังไง”
เขาเงียบไปครู่หนึ่ง เหลียวมามองคนซึ่งนั่งอยู่เคียงข้าง
“คนต่อมาที่ตายก็คือคม ผมไปเห็นเข้าพอดี ตอนที่คมกับน่านมีเรื่องมีราวกัน”
ตาคมกริบสบตาหญิงสาวแน่วนิ่ง ราวมองหาอะไรบางอย่าง
“ต่อมาน่านก็ตาย…เพราะผม” เขาสารภาพตรงไปตรงมา
ปณิตารู้แล้วว่าเขามองหาอะไรในดวงตาเธอ เขาหาความเชื่อมั่นและความไว้วางใจนั่นเอง
“ตำรวจสรุปว่าเป็นอุบัติเหตุ เรื่องก็จบแค่นั้น แล้วต่อมาณัฐฐาก็ตาย นนท์เป็นคนพบศพแม่ของแก คะยอพยายามบอกผมว่าเป็นเพราะน่าน แต่ผมไม่เชื่อ ผมไม่เคยเชื่อเรื่องอะไรแบบนั้นมาก่อนเลย คุณก็รู้ คนที่ตายไปแล้วจะทำอะไรคนเป็นๆ ได้ยังไง”
เขาเงียบไปครู่หนึ่งเมื่อเหลียวกลับไปที่ซากบ้าน กังวานเสียงในคำพูดต่อมาเลื่อนลอยราวตัวเองก็พยายามทำความเข้าใจ
“ลุงคะยอพยายามบอกผมว่าผมคนเดียวเท่านั้นที่จะ…ควรใช้คำว่าอะไรดี…กำจัด…น่าจะได้นะ ลุงคะยอแกใช้คำนี้ แกว่าผมคนเดียวเท่านั้นที่จะกำจัดน่านได้ ผมเคยทำแบบนั้นมาแล้วสองครั้ง และผมเป็นคนเดียวที่น่านกลัว แกว่าวิญญาณของน่านยังคงอยู่ที่นี่ ยังวนเวียนอยู่ในบ้านหลังนี้” พยักพเยิดไปที่ซากบ้านตรงหน้า
“หลังจากที่คมตาย บ้านนี้ก็ปิดตาย ณัฐฐากับเด็กๆ ย้ายไปอยู่ที่บ้านหลังใหญ่ พอเผาศพน่านแล้วก็เอาเถ้ากระดูกมาฝังไว้ที่ด้านหลังของบ้านนี้ ตรงนั้นเป็นที่ฝังอุ๊เริ่นตามธรรมเนียมไทใหญ่ ลุงคะยอบอกให้รื้อบ้านหลังนี้เสีย แล้วเอาเถ้าของน่านไปเททิ้งในลำธาร ปล่อยให้กระแสน้ำพาไปจากที่นี่ ผมก็ไม่เชื่อที่แกบอกสักอย่างเดียว จนได้เห็นอะไรๆ กับตาตัวเองเมื่อคืนนั้นนั่นแหละ”
มือใหญ่ๆ วางทาบลงบนหลังมือเล็กๆ ที่เกาะกุมอยู่บนเข่าของตัวเอง
“คุณเป็นคนทำให้ผมเห็นนะต้า ผมเล่าที่ผมเห็นให้ลุงผาฟัง แกบอกว่าอย่างนั้น”