..........เสือ สิงห์ กระทิง อินทรี ........ตอนที่ ๑๕........@@ โดย ลุงแผน

กระทู้สนทนา




                                                                            ..........( เสือ สิงห์ กระทิง อินทรี )........... 
 
 
 
 
        ภาคต่อ
 
 
        ตอนเดิมครับ
 
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
 
 
 
 
       ตอนที่  ๑๕
 

........เจมส์ขึ้นมาถึงชั้นบน เดินไปทางห้องที่เอกนอนอยู่ เขายังคงหลับสนิทโดยมีแม่นุ่มนั่งมองอย่างเอ็นดูอยู่ข้าง ๆ เธอจึงเอ่ยถามแม่นุ่มออกไป
 
          “แม่นุ่มทานอะไรหน่อยมั้ยเดี๋ยวหนูดูมาให้”
 
          “ไม่รู้สิหนู แม่นุ่มไม่ค่อยหิว ไม่เอาดีกว่าขอน้ำสักแก้วก็พอ”
 
          แม่นุ่มตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนแรงแต่สีหน้าแช่มชื่นเพราะได้อยู่ใกล้ลูกเอกของเธอ หญิงสาวยืนคิดนิดหนึ่งขณะมือจับสายกระเป๋าตรงไหล่ไว้พลางพูดออกมา
 
          “งั้นหนูลงไปทำข้าวต้มเผื่อไว้ดีกว่า แม่นุ่มหิวตอนไหนจะได้ทาน ไม่หิวก็ไม่เป็นไร” 
 
          แม่นุ่มพยักหน้าและยิ้มแทนคำตอบ เจมส์จึงยิ้มให้แม่นุ่มพลางมองไปทางเอกซึ่งกำลังหลับสบายก่อนหันกลับเดินออกจากห้องนอนและพบกับน็อตซึ่งกำลังปูผ้าลงกับพื้นตรงใต้หน้าต่างติดข้างฝา เธอจึงหยุดแล้วยืนมองเขาที่นั่งหันหลังสาละวนอยู่กับการเตรียมที่นอนโดยไม่หันมา
 
          เจมส์ถอนใจเบา ๆ เมื่อนึกถึงชีวิตเขาที่เปลี่ยนไปหลังไม่มีพ่อ น็อตต้องดิ้นรนทำกินในขณะแม่เขาเองไม่ค่อยแข็งแรง ส่วนแม่แก้วก็ต้องคอยประคับประคองลูกชายคนเดียวไม่ให้เดินผิดทาง นับว่ายากพอดูในสังคมปัจจุบัน แต่แม่แก้วก็เลี้ยงเขาให้โตมาได้โดยห่างจากอบายมุขทั้งปวง ถึงตอนนี้แล้วน่านับถือน้ำใจทั้งสองคน ส่วนน็อตจะคิดอย่างไรกับเธอนั้นยากจะเดาใจ เพราะหลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนชีวิตในครอบครัวของน็อตไป บางอย่างเกิดขึ้นเพราะครอบครัวของเธอ เจมส์ถอนใจออกมาอีกครั้งหันหลังเดินลงบันไดเพื่อเข้าในครัว
 
          เจมส์หยุดนิ่งหลังจากก้าวลงมาไม่กี่ขั้น สายตาเธอมองไปยังงามตาซึ่งกำลังเดินออกจากตัวบ้านสู่แสงสลัวภายนอกตรงไปกลางลานซึ่งรถจอดอยู่ตรงนั้น เธอเดินไปเรื่อย ๆ โดยไม่หันมองรอบตัว  เจมส์จึงก้าวลงต่อจนถึงพื้นแล้วมองไปยังห้องแม่แก้วก่อนเดินตรงเข้าไปหน้าประตูส่งสียงเรียกเบา ๆ 
 
          “แม่แก้ว แม่แก้ว”
 
          “จ้า ว่าไงหนูเจมส์”  แม่แก้วขานรับอยู่ข้างในโดยยังไม่ได้เปิดประตู
 
          “เค้าจะไปไหนน่ะแม่แก้ว” หญิงสาวถามโดยไม่เอ่ยชื่องามตา
 
          “อ๋อ หนูงามตาไปเอาของที่รถจ๊ะเดี๋ยวก็มา” แม่แก้วตอบก่อนดันประตูเพื่อเปิดพร้อมกับแสงไฟลอดออกมา หญิงสาวดันประตูกลับเมื่อแง้มออกมานิดหนึ่ง พูดเบา ๆ กับแม่แก้ว
 
          “แม่แก้วปิดไฟก่อนหนูอยากดูอะไรบางอย่าง”
 
          แม่แก้วซึ่งเริ่มชินกับสถานการณ์ในปัจจุบันจึงเดินไปปิดสวิทช์ทันที เมื่อในห้องมืดสนิทเจมส์ดึงประตูเปิดออกมาแล้วก้าวไปปิดสวิทช์ไฟตรงข้างประตูห้องครัวรอบตัวจึงมืดลงและมองเห็นด้านนอกได้จากแสงจันทร์อันเลือนราง 
 
          “มีอะไรเหรอหนูเจมส์” แม่แก้วเดินออกจากห้องมายืนข้างหญิงสาวกระซิบถามแผ่ว ๆ ด้วยน้ำเสียงกังวล
 
          “ไม่รู้สิแม่แก้วหนูสังหรณ์ใจแปลก ๆ” เจมส์หยุดนิดหนึ่งมองสบตาแม่แก้วภายใต้แสงสลัวก่อนเอ่ยออกมา
 
          “แม่แก้วว่าเป็นไปได้เหรอที่จะไม่มีใครตามเธอมา” เธอพูดพลางดึงมือแม่แก้วพาเดินไปยืนชิดผนังห้องก่อนมองไปกลางลานดิน สายตาซึ่งเริ่มชินกับแสงเลือนรางทำให้มองเห็นความเคลื่อนไหวด้านนอกอย่างชัดเจน
 
          เมื่องามตาเดินถึงรถ เธอดึงประตูรถเปิดออกก้มตัวเข้าไปเอื้อมมือคว้ากระเป๋าสะพายจากหลังเบาะมาวางบนเบาะคนขับ ก่อนรูดซิปเปิดกระเป๋าแล้วหยิบ .๓๘ ออกมามองดูกระสุนในลูกโม่ เธอเห็นที่ยังไม่ได้ใช้เหลือเพียงนัดเดียวจึงใช้นิ้วโป้งดันปุ่มข้างไกแล้วหงายปากกระบอกขึ้นเทกระสุนทั้งหมดลงบนเบาะแล้ววางปืนลงล้วงมือเข้าในกระเป๋าอีกครั้งหยิบกล่องกระสุนมาแล้วเปิดฝากล่องวางลงบนเบาะ มือขวายกปืนชี้ปากกระบอกลงพื้นสะบัดเบา ๆ ให้ลูกโม่ออกมาจนสุดแล้วยัดกระสุนใส่ทีละนัดจนเต็มทั้งหกช่องก่อนสะบัดลูกโม่กลับเข้าที่เดิมใช้มือดันอีกครั้งจนดังกริกแล้วยัดใส่กระเป๋าไป
 
          หญิงสาวปิดกล่องกระสุนวางลงกระเป๋าข้าง ๆ ปืนก่อนรูดซิปปิดแล้วกวาดปลอกกระสุนเปล่าลงพื้น มือหนึ่งถือกระเป๋าสะพายพลางโยกตัวออกจากรถ ก่อนดันประตูปิดแล้วคล้องสายกระเป๋าไว้กับไหล่หมุนตัวกลับเพื่อเดินเข้าบ้านขณะเสียงหนึ่งดังขึ้นจากชายป่าตรงหน้าเธอ
 
          “คุณหนูงาม”
 
          เสียงคุ้นหูทำหญิงสาวมองไปอย่างแปลกใจ เมื่อสายตาเริ่มชินเธอจึงเห็นลูกน้องของพ่อยืนอยู่ตรงนั้นสี่คนและคนหนึ่งก้าวเข้ามาหาเธอ ปืนที่เหน็บอยู่ตรงพุงเขาบอกชัดว่าไม่ได้มานี่ในฐานะมิตรอย่างแน่นอน งามตาเห็นดังนั้นจึงเอ่ยออกไปอย่างขัดใจ
 
          “หยุดตรงนั้นแหละนายเข้ม แล้วมานี่ได้ยังไง”
 
          ชายกลางคนไม่หยุดในทันทีแต่เดินเข้ามาอีกสองสามก้าวจึงหยุดแล้วตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ 
 
          “พ่อคุณหนูให้ผมตามมาจากในไร่ ผมให้ลูกน้องไปรับแล้วเดี๋ยวคงมาถึง คุณหนูหลบไปก่อนดีกว่า คนข้างในพวกผมจัดการเอง”
 
          “ไม่ ชั้นไม่ไปไหนทั้งนั้น แล้วบอกพ่อให้กลับไปด้วย คนพวกนี้เค้าไม่ได้ผิดอะไร ชั้นจะคุยกับพ่อเองให้เลิกรังควานกัน”
 
          หญิงสาวพูดเสียงแข็งจ้องตาชายตรงหน้าอย่างไม่เกรงกลัวขณะเขาถอนใจแล้วส่ายหน้าไปมา
 
          “ผมทำไม่ได้หรอกคุณหนู พี่คมเค้าสั่งมาแล้วเรื่องนี้คุณหนูไม่เกี่ยว แต่ถ้าคุณหนูไม่ยอม......”
 
          เขาหยุดคำพูดไว้ก่อนขยับเท้าเข้ามาช้า ๆ หญิงสาวเห็นดังนั้นจึงยกกระเป๋าขึ้นรูดซิปเปิดหวังดึงปืนออกมา แต่ยังช้ากว่าสมุนของพ่อที่ก้าวมาจับแขนเธอไว้พร้อมกับอีกสามคนข้างหลังกรูกันออกจากชายป่า
 
          “ปล่อยนะ มาจับชั้นไว้ทำไม ปล่อย”
 
          งามตาส่งเสียงอย่างฉุนเฉียวพลางสะบัดแขนไปมาเพื่อให้หลุดจากการเกาะกุม ขณะสามคนที่ออกมาเดินรี่เข้าหาเธออย่างเร็ว
 
          “เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง”
 
          เสียงปืนจากชายป่าด้านหลังดังแทรกเสียงหญิงสาวก้องเหมือนอยู่ใกล้หู เจ้าสองคนทางซ้ายทรุดลงอย่างไม่ทันตั้งตัวอีกคนหันกลับโดยสัญชาตญาณแต่ก้าวไปได้เพียงก้าวเดียวเสียงสนั่นก็ไล่หลังไป
 
          “เปรี้ยง”
 
          เจ้านั่นถลาไปข้างหน้าอย่างไม่มีหลักก่อนหน้าคว่ำลงดินนอนนิ่งไป งามตาถือโอกาสชุลมุนสะบัดแขนหลุดจากการกุมของนายเข้มที่ยืนตะลึงแล้ววิ่งตรงไปทางบ้านทันที
 
          นายเข้มดึงปืนออกจากเอวตั้งแต่เสียงปืนชุดแรกดังขึ้นแต่ยังหาจังหวะสวนกลับไม่ได้เพราะเหตุการณ์เกิดอย่างรวดเร็ว อีกทั้งลูกเจ้านายอยู่ข้าง ๆ จึงทำให้การตัดสินใจช้าลง
 
          เมื่องามตาสะบัดหลุดแล้ววิ่งออกไปเขาจึงพุ่งตัวเข้าหารถฝั่งตรงข้ามกับเสียงปืนนั่งย่อลงตรงข้างประตูนิ่งฟังเสียงที่จะเกิดต่อไป 
 
          “ไงไอ้เพื่อน พาลูกน้องมาตายไกลจังนะ”
 
          เสียงห้าว ๆ ออกมาจากชายป่าทำนายเข้มกัดฟันแน่นพร้อมกับตะโกนกลับไปอย่างเดือดดาล
 
          “เอ็ง ไอ้หมาลอบกัด แน่จริงตัว ๆ สิวะไอ้เบิ้ม”
 
          “ฮ่า ฮ่า ฮ่า  อย่าเลยเข้มเอ๋ย เอ็งสี่คนยังไม่ไหวจะตัว ๆ ไงฮึ”
 
          เบิ้มพูดเย้ยออกมา ทำให้เข้ม ซึ่งครั้งอดีตเคยอยู่ใต้ชายคาเดียวกับเบิ้ม กัดฟันแน่นก่อนพลิกตัวยกแขนพาดขอบกระบะพร้อมกับสาดกระสุนสุ่มออกไป
 
          “เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง”
 
          กลุ่มควันลอยอ้อยอิ่งรอบตัว กลิ่นดินปืนคลุ้งอยู่อึดใจก่อนจางหายไปพร้อมกับควัน เสียงหัวเราะในลำคอของเบิ้มแว่วมาพอได้ยิน เข้มเปลี่ยนกระสุนอย่างเร็วก่อนค่อย ๆ ยันตัวยืนขึ้นช้า ๆ ขณะเสียงเบิ้มเอ่ยมาพอได้ยิน
 
 
          “ลาก่อนเข้ม ที่เหลือข้าสานต่อเองก็แล้วกัน”
 
          เบิ้มหัวเราะในลำคออีกครั้งก่อนเงียบไป เข้มตั้งใจฟังเสียงแปลกปลอมอย่างคาใจในคำพูดของเพื่อนเก่าก่อนยืนขึ้นพลิกตัวเอาอกแนบประตูรถ พร้อมกำด้ามปืนแน่นวางมือบนหลังคาเล็งไปยังชายป่าที่เบิ้มเคยยืนอยู่ ซึ่งตอนนี้มีแต่ความเงียบจนวังเวง เขาหมุนตัวกลับมา มองยังชายป่าอีกด้านซึ่งเขาเพิ่งออกมาจากทางนั้น จึงพบกับลูกน้องของเบิ้มสามคนกำลังชูปืนในมือเล็งตรงมา
 
          “โหสิพี่เข้ม”
 
          “เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง”
 
          กระสุนทุกนัดพุ่งเข้ากลางอกเข้มเต็ม ๆ เขาล้มคว่ำลงกับพื้นทันที นอนแน่นิ่งตาเหลือกโพลงปืนยังอยู่ในมือนิ้วมือยังแตะไกปืนโดยไม่มีโอกาสลั่นกระสุนออกมาสักนัดเดียว.....
 
 
          ( มีต่อครับ )
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่