..........เสือ สิงห์ กระทิง อินทรี ........ตอนที่ ๒..........@@ โดย ลุงแผน

กระทู้สนทนา
                                                                                ........( เสือ สิงห์ กระทิง อินทรี )........

       ตอนเดิมครับ

     
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

      
       ตอนที่  ๒

........ “มีอะไรกัน”  เสียงเรียบ ๆ แต่น้ำเสียงหนัก ๆ ดังอยู่ข้างหลังเจ้าน็อต คราวนี้ทำให้อารมณ์เจ้าหนุ่มเปลี่ยนไปอีกทาง อย่างรวดเร็ว เพราะไม่ใช่แค่เสียงเท่านั้นที่หนักแน่น แต่น้ำหนักเท้าที่ก้าวเข้ามาก็ฟังดูไม่เบา
        
       “ใครฝากอะไรมาไม่รู้ ลุงชิต  หนูเห็นเค้ามายืนมองน่าสงสัย เลยออกมาดู” เมื่อมีคนมาประกบด้านหลังอีกคน หญิงสาวก็ลดปืนในมือลงช้า ๆ แต่ตายังมองเจ้าหนุ่มไม่วาง     
        
       “เอ้อ เอ้อ เค้าฝากไว้ผมเมื่อคืน ให้เอามาให้ คุณ.....” น็อต อ้ำอึ้ง ค่อย ๆ ลดมือลงแล้วหันหลังกลับข้า ๆ 
        
       “อ้อ ให้ไอ้เจมส์น่ะสิ”  เมื่อเห็นคนที่หญิงสาวเรียกว่า ลุงชิต เต็มตา น็อต แอบถอนหายใจเบา ๆ ร่างของลุง สูงใหญ่อย่างที่คาดไว้ไม่ผิด พลางนึกในใจว่า ถ้ามาที่นี่เพื่อคิดร้าย สงสัยจะรอดออกไปยากน่าดู ลุงชิตที่ว่านี้ สูงประมาณ ๑๙๐ น่าจะได้ แต่รูปร่างไม่เทอะทะ สัดส่วนดูคล้ายนักกีฬา หรือนักมวย หน้า อก หนา ลำคอใหญ่ กล้ามเนื้อที่ไหล่ข้างลำคอดูแข็งแรง อายุสักห้าสิบต้น ๆ แต่ผิวขาว หน้าตา ท่าทางใจดี เค้าความหล่อเหลาในวัยหนุ่ม ยังมีอยู่ในตัวเกินแปดสิบเปอร์เซ็นต์
        
       “ไหนดูสิ เอ็งชื่อไรไอ้หนุ่ม” ลุงชิต ยื่นมือใหญ่หนา มาตรงหน้าของ น็อต รอยยิ้มของลุง ช่วยลดความตึงเครียดให้เบาบางลง
        
       “ผมชื่อน็อตครับ ลุง....”  น็อตแนะนำตัว พลางส่งซองในมือให้ แต่ยังลังเลที่จะเอ่ยชื่อ ลุงชิตออกมา 
        
       “เออ เรียกลุงชิตนั่นแหละ นี่ไอ้เจมส์ ลูกไอ้ชัย น้องของลุง” ลุงชิต รับซองพลาสติกไป เมื่อจับดูแล้วก็พยักหน้าช้า ๆ พูดขึ้นมา
        
       “ไม่ต้องเกร็งแล้ว น็อต อยู่บ้านนอกก็งี้แหละ ใครไปใครมาต้องระวังไว้ก่อน” ลุงชิต ถือซองไว้ มองเจ้าน็อต ด้วยแววตาเป็นประกาย คิดว่า ชัย ต้องมีเหตุผลอะไรสักอย่าง จึงกล้าให้เจ้าหนุ่มคนนี้มารู้จักบ้าน มองดูหน่วยก้านหมอนี่ท่าจะไม่เบาเหมือนกัน ที่นิ่งอยู่ น่าจะเป็นเพราะความเกรงใจมากกว่าความกลัว เพราะลุงชิตดูแววตาของน็อตแล้ว ไม่มีแววสะทกสะท้านอะไรสักนิดออกมาให้เห็น คงได้รู้กันในเร็ววันนี้ ว่า ชัย กำลังคิดอะไร
        
       “เข้ามาข้างในก่อน มาสิ กินข้าวมาหรือยัง” ลุงชิตชวนเจ้าน็อตเข้าในบ้าน เจ้าหนุ่มมองหน้าเรียบเฉยของ เจมส์ ที่ยังคงมองทำหน้านิ่งอยู่ แล้วอดยิ้มออกมาไม่ได้ ในขณะที่ตอบลุงชิตออกไป
        
       “ขอบคุณครับ ลุง ผมต้องรีบกลับ ทิ้งแม่ไว้คนเดียว ผ่านมาวันหน้าผมจะแวะมาหาครับ” น็อต พูดอย่างที่คิดไว้จริง เขามานานแล้ว เริ่มเป็นห่วงแม่หน่อย ๆ ถ้าเดาไม่ผิด แม่จะยังไม่กินข้าว จนกว่าเขาจะกลับไปกินพร้อมกัน 
        
       “เอ้า ตามใจ ผ่านมาวันไหนก็เข้ามาละกัน แล้วนี่บ้านอยู่ไหนล่ะ” ลุงชิต ชวนคุยด้วยรอยยิ้มเต็มหน้าตลอดเวลา เจ้าน็อต บอกทางไปบ้าน และร้านหมูกระทะที่ทำงานอยู่ พลางเล่าถึงเรื่องที่อาสานำกุญแจมาส่ง ให้ลุงชิต และ หญิงสาวที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ฟัง เสร็จแล้วเอ่ยลาทั้งสองคน ขณะเดินออกมาที่รถ น็อต คิดในใจว่า ถ้าเดาไม่ผิด คนที่ตัวเองเจอเมื่อคืนที่ร้าน น่าจะชื่อ ชัย
        
       เสียงรถมอเตอร์ไซค์เจ้าน็อตไกลออกไปเรื่อย ๆ จนเงียบไปในที่สุด สองลุงหลานพากันเดินเรื่อย ๆ ตามทางเล็ก ๆ เจมส์ แบกลูกซองพาดไว้บนบ่าอย่างสบายใจ เดินอมยิ้มตามลุงชิตไปห่าง ๆ นึกถึงผู้ชายคนชื่อน็อตเมื่อกี้ แล้วอดขำตัวเองไม่ได้ ท่าทางเขาไม่ใช่คนร้ายเธอก็พอมองออก แต่จะให้ทำยังไงตอนแรกเห็นไกล ๆ ใครจะรู้ว่ามาดีมาร้าย 
        
       พอเห็นมีคนมาด้อม ๆ มอง ๆ อยู่ที่รั้ว เธอคว้า .๓๘ สเปเชียล ที่พ่อให้ไว้ป้องกันตัว มาถือในมือ  แต่เมื่อเดินผ่าน เรมิงตัน ๘๗๐ ของลุงชิต ที่แขวนอยู่ เธอก็เปลี่ยนใจ วางปืนพกไว้ คว้าลูกซองเฝ้าสวน พร้อมหยิบกระสุนลูกปราย มาสามนัด เดินอ้อมไปด้านข้างพลางยัดกระสุนใส่หลอดไปด้วย 
        
       เมื่อเธอเดินมาถึงประตูด้านหน้า สายตาก็พบกับชายหนุ่ม รูปร่างสูง ดูปราดเปรียว ผิวเนื้อดำแดง กำลังพยายามมองลอดเข้าไปในสวน เธอก้าวเข้าไปจนได้ระยะพอประมาณ จึงดึงกระโจมมือ ปั๊มกระสุนจากหลอดเข้าไปในรังเพลิง ท่าทางสะดุ้งเพราะตกใจของเขาตอนนั้น ทำให้ เจมส์ อมยิ้มขึ้นมาอีกครั้ง และพอคิด ถึงตอนที่เขาอ้าปากค้าง เมื่อได้ยินว่าเธอคือ เจมส์ เสียงหัวเราะก็ออกมาจากลำคอ จน ลุงชิตที่เดินอยู่ข้างหน้าหันมามองด้วยสายตาแปลกใจ
        
       ทั้งสองลุงหลานเดินผ่านแนวต้นไม้มาจนถึงตัวบ้านตรงหน้า รูปทรงเป็นบ้านไม้ใต้ถุนสูงทรงเก่า คงแบบเดิมในชนบทไว้ครบถ้วน เพราะตัวบ้านเป็นไม้สักทั้งหลัง อายุการใช้งานเลยยาวมานานหลายปี โดยไม่ต้องปรับปรุงแต่งเติมในส่วนไหน แม้แต่แห่งเดียว
        
       หญิงคนหนึ่ง นั่งอยู่บนเก้าอี้ หน้าโต๊ะไม้ตัวใหญ่ มองมาที่ทั้งสองด้วยแววตากังวล ท่าทางเหนื่อยล้า แต่ถึงกระนั้นเธอยังคงมีเค้าความงาม ทั้งหน้าตาผิวพรรณ ถึงแม้วัยจะย่างเข้าสี่สิบแล้วก็ตาม  
        
       “ใครมาล่ะ พี่ชิต” เธอถามเมื่อทั้งสองเข้ามาใต้ถุนเรียบร้อย เจมส์ เดินเลยไปด้านหลัง ตรงนั้น ฝรั่งขี้นกสองต้น ลูกกำลังสุกน่ากิน 
        
       “เด็กมาส่งข่าวชัยน่ะ ลำดวน” ลุงชิตนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามเธอ วางซองพลาสติกไว้บนโต๊ะ มองหน้าลำดวน พลางเปิดยิ้มกว้างออกมา
        
       “ชัยมันเริ่มแล้ว” ลุงชิตมองซองตรงหน้า เอื้อมมือหยิบขึ้นมาเปิด แล้วดึงห่อกระดาษออก คลี่ดูข้างใน กุญแจสเตนเลสเล็ก ๆ ดอกหนึ่ง ลักษณะเป็นกุญแจลิ้นชัก หรือบานประตูตู้โชว์  ที่มีแม่กุญแจฝังอยู่ ลุงชิตวางลูกกุญแจไว้บนกระดาษ แล้วเลื่อนเข้าไปใกล้ ลำดวน เธอมองดูแล้วเอ่ยปากขึ้นเบา ๆ 
        
       “แล้วชัย จะกลับมาเมื่อไหร่พี่ชิต”  เธอ ใจคอไม่ดี เป็นห่วง ชัย ที่บุกเข้าถ้ำเสือตามลำพัง แต่เขายืนยันกับเธอ ว่าวางคนไว้หมดแล้ว เวลา จะทำให้เป็นไปตามความเหมาะสมของมันเอง ซึ่งต้องเป็นหลังจากที่เขาเข้าไปในบ้าน เดช แล้วทุกอย่างจะค่อย ๆ ปรากฏ ออกมา  แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เขา ต้องเข้าไปคนเดียว
        
       ลำดวนนึกถึงภาพของชัย เมื่อตอนที่บุกไปพาเธอออกมาจากบ้านของเดช ภาพนั้นยังติดอยู่ในใจอยู่ไม่หาย กลิ่นเลือดที่ไหลโทรมกายของชัย ทำเธอแทบจะเป็นลมหมดแรงเดิน แต่เมื่อมองเห็นสมุนของเดชเริ่มหนาตาขึ้น ลำดวนจึงรีบเดินตามชัยออกจากเขตบ้านอย่างเร็ว 
        
       เสียงปืนดังสนั่นรอบตัว จนเธอฟังไม่ออกว่าเป็นของชัยหรือของคนอื่น รู้อย่างเดียว เธอร้องไห้จนไม่มีเสียงออกมา ตาพร่ามัวด้วยน้ำตาเอ่อนอง คิดว่าคงเป็นวันสุดท้าย ที่จะได้อยู่ใกล้ชัย และคิดว่า คงเป็นไปไม่ได้ที่จะหนีออกมา
        
       จนกระทั่งพ้นเขตบ้านมาที่ถนน ชัยจูงมือลำดวนวิ่งไปยังรถกระบะที่จอดอยู่ไม่ไกล และดันเธอเข้าไปนั่งตรงเบาะด้านหน้า ทันทีที่ชัยเข้ามาและดึงประตูปิด เขาก็หมดสติลง
       
       คนข้างในวิ่งตามออกมาหลายคน แต่เสียงปืนแน่น ๆ ดังต่อเนื่อง จากคนที่ยืนอยู่บนกระบะรถ พาพวกที่กรูกันออกมา ร่วงลงไปทีละคน และเมื่อร่างที่กองเกะกะมีเป็นสิบ คนข้างในก็เริ่มคิดหนัก จนกระทั่งไม่มีใครตามออกมา 
        
       ชายร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่กระบะท้าย กระโดดลงแล้วเดินยาว ๆ มาที่รถ เปิดประตูด้านคนขับ สอดปืนยาวไว้หลังเบาะ ก้าวขึ้นมานั่ง บิดกุญแจสตาร์ทเครื่อง ปิดประตูและขับออกจากตรงนั้นอย่างเร็ว  ลำดวน มองหน้าคนขับด้วยความตื้นตัน จนเอ่ยอะไรออกมาไม่ได้ และนั่นเป็นครั้งแรกที่เธอได้พบกับ พี่ชิต พี่ชายที่แสนดี 
        
       ครั้งนี้ เป็นอีกครั้งหนึ่ง ที่ พี่ชิต ต้องเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เริ่มจาก พาสองแม่ลูกย้ายจากบ้านเดิม มาอยู่ที่นี่  เพื่อง่ายต่อการดูแล เพราะ ชัย ต้องอยู่ห่างทั้งสองคน จนกว่าทุกอย่างจะจบ และตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป อันตรายย่อมเกิดขึ้นได้ทุกเวลา แต่สิ่งที่ลำดวนเป็นห่วง ไม่ใช่ตัวเธอเอง เป็นตัวเขา ที่ออกโบยบินท่ามกลางสายลม และความมืดมิด ตามลำพัง
        
       เจมส์ เดินเข้ามา แล้วนั่งลงข้าง ๆ แม่ มองกุญแจบนโต๊ะ แล้วถามลุงชิตขึ้นมา
        
       “พ่อ ไปทำอะไรที่ไหนน่ะลุง”  จบคำหญิงสาวเงยหน้ามองผู้เป็นลุงอย่างสงสัย พลางจับมือแม่ไว้อย่างเอาใจ ขณะรอคำตอบ
        
       ลุงชิต มองสองคนแม่ลูก พร้อมรอยยิ้มเต็มหน้า ก่อนบอกเล่าเรื่องราว ให้หญิงสาวฟัง
        
       “นานมาแล้ว มีคนเอาของมีค่าของพ่อเอ็งไป ตอนนี้ ชัย มันกำลังไปทวงคืน” ลุงชิต ยิ้มอย่างสบายใจ มองหญิงสาวที่ยังคงทำคิ้วขมวดอยู่ ก่อนที่ลุง จะมองไปยังลำดวน ที่มองอยู่ก่อนแล้วด้วยความกังวล
        
       “แล้วทำไมพ่อต้องไปตอนนี้ ไม่ไปตั้งนานแล้ว” เจมส์ ยังคงไม่เข้าใจเรื่องราวอยู่ดี          
        
       “พ่อเอ็ง เค้ารอเวลาที่เหมาะสม” ลุงชิตตอบเบา ๆ  มองลำดวน พยักหน้าให้ช้า ๆ เป็นเชิงปลอบใจ พลางหันมาที่ เจมส์ ถามขึ้นมาว่า
        
       “ปีนี้เอ็งอายุเท่าไรแล้ว” 
        
       หญิงสาว มองผู้เป็นลุง ทำหน้า งง งง ก่อนตอบออกมา
        
       “หนูสิบแปดเต็มแล้วลุง” ตอบเสร็จหันไปมองหน้าแม่ ที่เริ่มแช่มชื่นกว่าเมื่อครู่ แล้วหันกลับมาทางลุงชิต ตากลมโตจ้องมองลุงไม่วาง
        
       “ถึงเวลาแล้วละ แล้วเอ็งจะเข้าใจ ในไม่กี่วันข้างหน้า” ลุงชิตพูดจบ เอื้อมมือคว้ากุญแจปริศนา ห่อใส่ซองไว้อย่างเดิม แล้วส่งให้เจมส์ พลางพูดว่า
       
       “เก็บไว้ให้มิดชิด ตรงไหนก็ได้ ถึงเวลาที่ต้องการ ลุงจะบอกเอง” เจมส์ ยื่นมือไปรับมา เก็บความสงสัยไว้ในใจ ลุกจากเก้าอี้เดินไปที่บันไดแล้วก้าวขึ้นไปชั้นบน
      
       ลำดวน มองตามลูกสาวขึ้นไปจนกระทั่งได้ยินเสียงเดินอยู่ทางห้องนอน จึงหันมาทาง พี่ชิต ถามขึ้นเบา ๆ 
        
       “ชัย ฝากของให้เด็กนั่นตอนไหน พี่ชิต” เธอต้องการความมั่นใจ ว่าข่าวที่ได้รับ เป็นสัญญาณจาก ชัย จริง ๆ 
       
        “ประมาณสี่ทุ่ม” ลุงชิตมองไปข้างหน้าด้วยแววตาจริงจัง สัญญาณที่ส่งมา หมายความว่า ชัย พร้อมจะลงมือ และทุกคน ต้องเตรียมพร้อมรับมือกับสิ่งที่จะตามมา ลุงชิต คิดถึงน้องชายที่บุกเข้าไปบ้านของเดช ตามลำพัง แต่ ชัย คิดอะไรไว้แล้ว ต้องทำตามนั้นเสมอ ที่ผ่านมา มีครั้งเดียวเท่านั้น ที่ชัยล้มเลิกงานสุดท้าย เพื่อลำดวน
       
       จากวันนั้นเป็นต้นมา ชัย ไม่เคยทำอะไรเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายอีกเลย แต่ ครั้งนี้ เขาทั้งสองคน ต้องกลับมาร่วมทีมกันอีกคราว เพื่อทวงคืน สิ่งมีค่า ที่ เดช ครอบครองไว้ เป็นเวลานาน
      
       “หมายความว่า” ลำดวนเอ่ยออกมาด้วยเสียงแผ่ว ๆ  ก้มหน้ากลั้นน้ำตา ด้วยความรู้สึก ห่วงใย ผสมกับความรู้สึกบางอย่าง ที่คิดหาคำอธิบายในตอนนี้ ยังไม่เจอ
     
       “ใช่แล้ว ลำดวน ชัย มันเริ่มงานเมื่อคืน”...

       ( มีต่อครับ )
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่