หนึ่งใจในแผ่นดิน ตอนที่ 46

กระทู้สนทนา
ตอนที่ผ่านมาอยู่ คห สุดท้ายค่ะ




แจ้งให้ทราบค่ะ
เนื่องจากว่าผู้เขียนรีไรท์เรื่องราวโดยการตัดทอนความยาวแต่ละตอนให้กระชับ และมีการยกเนื้อหาไปขึ้นตอนถัดไป
ทำให้ลำดับตอนเลื่อนออกค่ะ  แค่เลขลำดับเลื่อนค่ะ แต่เนื้อหาต่อกัน




หนึ่งใจในแผ่นดิน
ตอนที่ 46



ชายหนุ่มฟื้นจากการหลับใหลขยับเปลือกตาแสนอ่อนล้ารับแสงไฟนีออนสว่างจ้า กลางขยับตัวนั่งอย่างเชื่องช้าเพื่อให้กระทบกับแผลน้อยที่สุดแล้วหันหน้า

ไปทางเสียงกรนบนโซฟาตัวเล็กที่ถูกจับจองคนละฝั่งระหว่างเพื่อนของเขากับผู้ใต้บังคับบัญชาของสารวัตร

    แรงสั่นสะเทือนของโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงยีนส์ของคนที่กำลังหลับสบายปลุกเขาให้ตื่น ชายหนุ่มดวงตาเรียวสะลึมสะลือมองคนบนเตียงก่อนล้วงโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากางเกงแล้วรับสายเรียกเข้าสายนั้น

    “ตฤณพูดครับ...” ตฤณเอ่ยทักทายปนเสียงหาว

    “อยู่ไหน” เสียงเข้มของปลายสายที่ตอบกลับมามีพลังอำนาจส่งผลให้ชายหนุ่มตื่นเต็มตาทันที

    “อรุณสวัสดิ์ครับคุณแม่” เขารีบทักทายเสียงสดใสราวกับเพิ่งอาบน้ำ แต่นึกด่าตัวเองในใจที่เผลอลืมมองชื่อสายเรียกเข้าก่อนที่จะรับ

    “อยู่ที่ไหน !”

    “อยู่...อยู่...อยู่คอนโดของกลางครับ เรากำลังติวหนังสือกันอยู่” เขาไม่รอช้ารีบโยนโทรศัพท์ให้คนที่ถูกอ้างถึงรับหน้าที่ต่อ

ชายหนุ่มบนเตียงผู้ป่วยขอตั้งสติสักนิดก่อนยกโทรศัพท์ขึ้นเพื่อยืนยันคำพูดของเพื่อนว่า...อยู่กับกลาง

    “สวัสดีครับ คุณน้าระตี” ผู้ถูกนำตัวมาอ้างอิงตั้งสติก่อนกรอกเสียงลงไป

    “สวัสดีจ้ะ... ตายจริงน้าไม่รู้ว่าเขาหายไปอยู่กับเธอ” เสียงใสของมารดาเพื่อนทักทายกลับมา กลางชำเลืองมองตฤณที่มีสีหน้าเครียดยิ่งกว่าเจอข้อ

สอบตัวอย่างกรณีคดีพิพาทระหว่างประเทศ

    “ครับ เขาอยู่กับผมตลอด”

    “อย่างนั้นหรือจ๊ะ น้าฝากเขาด้วยนะ กลางช่วยติวเขาหน่อย”

    “ครับ...เอ่อ...คุณน้าระตีครับ...”

    “ว่าไงจ๊ะ”

    “คือ...ผมอยากให้คุณน้าเผื่อใจไว้...บางทีผลที่ออกมามันก็ขึ้นอยู่กับเขาล้วนๆ ไม่มีใครคาดสิ่งที่จะเกิดขึ้นในห้องสอบได้...”

    “น้าเข้าใจ แต่น้าอยากให้เขาพยายามด้วยตัวเขาเอง ผลจะออกมายังไง น้าก็จะยอมรับ”

    เสียงระตีถูกขยายผ่านระบบลำโพงให้คนเป็นลูกได้ยิน ตฤณนิ่งเงียบไร้คำตอบได้แต่ถอนหายใจแล้วหันหน้าไปทางอื่น

    “ถ้าเป็นอย่างนั้นผมก็สบายใจ ยังไงผมจะทำให้เต็มที่” กลางตอบกลับบนสนทนาแล้วกล่าวคำลาก่อนวางสาย เขาเงียบไปสักพักเพื่อมองเพื่อนชายที่

ยังไม่มีวาจา

    “ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากไปสอบแทนเอ็ง ข้าไปแน่ แต่แค่อยากให้รู้อะไรบางอย่างไว้แค่นั้น”

    “ก่อนที่จะมาสอนข้าเอ็งทำเรื่องบ้าๆ ที่ค้างคานี่ให้จบก่อนเถอะ”

    ประโยคของตฤณทำให้ชายหนุ่มยิ้มที่มุมปาก “ไม่ได้สอน แต่ก็อยากขอบใจที่ช่วยข้าเมื่อคืน ถ้าไม่ได้เอ็งข้าคงแย่”

    “แล้วเอ็งไปทำอะไรมาถึงกลายเป็นคนติดยา ไปพลาดท่าเอาตอนไหนวะ อย่าบอกนะว่าได้เมียเป็นโคโยตี้แล้วทำตัวเสเพล”

    “เอื้อยยังไม่ใช่เมียข้า เรื่องนี้ข้าต้องบอกสารวัตรเหมือนกัน ว่าแต่เอ็งเถอะ เอาอะไรยัดปากข้าวะ”

    ตฤณหันไปมองเจ้าหน้าที่ยังหลับเป็นตาย “อ้าว ก็ที่เอ็งอยากไง”

    “ที่ข้าอยาก?”

    “ไอ้นี่ ติดยาจนความจำเสื่อม”

    “หึ หึ หึ หึ พวกเอ็งไม่ต้องพูดตอนนี้ เพราะสิ่งที่เอ็งกำลังจะพูดนั้น ข้ามีหลักฐาน” เสียงหัวเราะตามด้วยคำพูดที่เต็มไปด้วยน้ำเสียงแห่งชัยชนะดังจาก

ปากของคนที่กำลังลืมตา

    แกล้งหลับ ? ตฤณย่นคิ้วเมื่อเห็นท่านเจ้าหน้าที่ยืนขึ้นแล้วล้วงซองพลาสติกจากกระเป๋าออกมาแสดง ชายหนุ่มทั้งสองดูวัตถุสีขาวครึ่งเม็ดที่ถูกเก็บไว้

ซองพลาสติก ตฤณตาโตแล้วสบถออกมาด้วยความประหลาดใจที่หลักฐานอยู่ในมือเขาได้อย่างไร งานนี้ซวยยกขบวนกันล่ะ

    “เอ็งเสพไปแค่ครึ่ง ส่วนอีกครึ่ง ข้าขอเก็บไว้เป็นหลักฐาน”

    
         ตฤณผุดลุกทันทีแต่ของกลางก็ถูกเก็บคืนใส่กระเป๋าอย่างรวดเร็ว “อย่าทำอย่างที่เอ็งคิดเลยไอ้หนุ่ม งานนี้แหละที่จะทำให้พ่อของเอ็งซวยใหญ่ ข้า

อยากรู้นักว่าเจ้าพ่อคาสิโนในมุมมืดจะออกเปิดเผยตัวเพื่อยอมรับความผิดข้อหามียาเสพติดในครอบครองของลูกชายหรือไม่”

    “เชิญครับ เก็บไว้เป็นหลักฐานได้เลย”

    “ไอ้กลาง !” ตฤณหันไปโวยใส่เพื่อนทันที แต่กลางยังทำสีหน้าเรียบเฉย

    “หลักฐานชัดเจนอย่างนั้น ผมก็คงปฏิเสธไม่ได้”  

    “ดี ในเมื่อผิดก็ต้องยอมรับผิด แบบนี้ข้าชอบ หลักฐานจะส่งตรงถึงสารวัตรทันทีโดยมือข้าคนนี้พร้อมกับตัวเองด้วย วันนี้เราจะออกเดินทางกลับกรมฯ

สารวัตรรอฟังข่าวช่วงที่เอ็งหายไปอยู่ เอ็งต้องเล่าทุกอย่างให้หมด”

    “ถ้าเรื่องนี้ทำให้พ่อข้าซวย ข้าไม่ไว้เอ็งแน่” ชายหนุ่มดวงตาเรียวจ้องเพื่อนอย่างกินเลือดกินเนื้อ

********************


    ดารามองใบน้าหญิงสาวที่หัวใจแตกสลายเมื่อเธอได้อ่านหนังสือพิมพ์ฉบับล่าสุด เอื้อยถูกซ้ำเติมความชอกช้ำด้วยลึกและสุมไฟแค้นให้มากขึ้นไปอีก

หลายเท่าตัวด้วยหัวข้อข่าวตัวโตบนหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์

    ‘สามแม่ลูกดับปริศนามุ่งปมฆ่าชิงทรัพย์’

    “ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น” ดาราวางหนังสือพิมพ์บนโต๊ะแล้วเดินมาทรุดนั่งข้างเอื้อย เธอโอบกอดหญิงสาวแน่นเพื่อเป็นการ

ปลอบใจ “เสี่ยทำเกินไปจริงๆ แต่นายคนนั้นก็ไม่น่าทำตามคำสั่งเขาง่ายๆแบบนั้น”

    “เราจะไม่ปล่อยเขาไว้แน่” ลูกน้องคุณนายเอ่ยเสริม

    หญิงสาวยังคงนิ่งเงียบในอ้อมกอดของผู้หญิงที่เธอนับถือเหมือนญาติและตอนนี้ผู้หญิงคนนี้ก็เป็นที่พึ่งคนสุดท้ายในชีวิต น้ำตาแห่งความรันทดไหล

ลงมาอีกครั้งเมื่อนึกถึงใบหน้าของแม่และน้องๆ

    เสียงสะอื้นของหญิงสาวทำให้ดาราจับศีรษะของเอื้อยให้เอนซบกับหน้าอก

    “เอื้อยไม่เหลือใครแล้ว...คุณนาย”

    “ฉันรู้...เอื้อย...ฉันก็เคยเป็นแบบเธอ” ดาราพูดพลางลูบผมของเธออย่างนุ่มนวลราวกับเธอเป็นเด็กผู้หญิงที่ร้องไห้จากการถูกรังแก แต่เด็กผู้หญิงคน

นี้ไม่รู้ว่าใครกันที่เธอควรจะโกรธแค้น

    “ใครทำอะไรไว้กับเรา มันก็ต้องได้รับคืนกลับเหมือนกันให้เท่ากับหรือมากกว่า” เสียงพูดของหญิงคนงามข้างหูทำให้เอื้อยกำมือแน่น “เอื้อยจะไม่

ยอมให้แม่กับน้องตายฟรี”

    “ลูกน้องของฉันจะช่วยเธอ” ดาราพูดพลางเกยคางมนของหญิงสาวขึ้นมอง “เราจะช่วยกันชำระหนี้แค้น”

    “คุณนาย...ขอบคุณคุณนายที่อยู่ข้างเอื้อยมาตลอด”

    ดาราหัวเราะครื้นแล้วเอามือลูบหัวหญิงสาวที่อ่อนวัยกว่า “ฉันอยู่ข้างเธอมาตลอด...เมื่อหนี้แค้นถูกชำระเสร็จสิ้น เธอจะได้พักอย่างที่เธอต้องการ”

    “แต่เธอจะต้องลงมือด้วยตัวเอง” ดาราพูดพลางเหลือบตามองลูกน้องที่เดินเข้ามาหยุดตรงหน้า “เขาจะคอยช่วยเธออยู่ในระยะห่าง หากว่าเธอเพลี่ยง

พล้ำ เขาจะได้ช่วยเหลือเธอทันที”

    “เอื้อยจะไม่พลาด เอื้อยต้องฆ่าเสี่ยให้ได้”

    “ฉันเชื่อว่าเธอทำได้...แต่ตอนนี้ฉันอยากให้เธอพักผ่อนให้เต็มที่ จำไว้ อยู่แต่ในห้องห้ามออกมาเด็ดขาด แม้เสี่ยจะอยู่ร่วมกับฉันที่คฤหาสน์แห่งนี้ แต่

ที่ที่ปลอดภัยที่สุดคือที่ที่อันตรายที่สุด เสี่ยไม่มีทางคาดคิดได้ว่าเธออยู่ที่นี่”

    ดาราล็อคประตูห้องที่ให้เอื้อยหลบซ่อนตัว เธอเดินไปตามโถงทางเดินของคฤหาสน์หลังใหญ่โดยมีชายผมทองเดินตามติดๆ สิ่งที่เธอเอื้อยกับเอื้อย

ไปนั้นใกล้จะเป็นจริงเข้าไปทุกที ความแค้นถูกชำระใกล้หมดสิ้น เหลือเพียงแค่สามชีวิตที่เหลือ เพลงพิณ แม่ของมัน และเอื้อยก็เป็นอันจบบัญชี แต่เธอ

กลับประหลาดใจว่ามันไม่ง่ายอย่างที่คิดเลย

“แล้วไอ้ตฤณนั่นล่ะครับ คุณนายจะทำยังไงกับมัน มันมีเพื่อนคอยช่วยเหลืออยู่ ผมจำได้ว่าไอ้คนที่ที่วิ่งออกมาช่วยมันก่อนที่เอื้อยจะซ้ำมันอีกนัดเป็นคนที่

เคยมาทำงานที่มูนไลท์”

    “สำหรับนายคนนี้ เราจัดการทีหลังได้ แต่ฉันสงสัยว่าไอ้กระดาษแผ่นนั้นมันอยู่กับยายเด็กธิดานั่นจริงหรือเปล่า” เธอเอ่ยพลางนั่งลงบนเก้าอี้หนัง

    “ผมพลาดเองที่ปล่อยมันหนีหายไป ทั้งที่มันเดินเข้ามาหาเองแล้วแท้ๆ”

    “ทุกคนมีพลาดทั้งนั้น แม้แต่นายเก่าของเธอก็ยังเคยพลาด”

    ชายผมย้อมสีนิ่งงันเมื่อเธอเอ่ยทิ้งเจ้านายคนเก่าที่เขายังคงมีใจภักดีเสมอมาแม้นายพนาจะสิ้นชีพไปแล้วก็ตาม ดวงตราที่ประทับบนตัวในวันที่ยอมรับ

เจ้าป่าเป็นนายเหนือหัวนั้นเป็นสิ่งรำลึกถึงเจ้าป่าที่เคยยิ่งใหญ่

    “แล้วเรื่องแม่ของไอ้เพลงพิณว่ายังไง เธอยังหาตัวไม่เจอหรือไง”

    “เรายังตามตัวไม่พบเลยครับ ทั้งๆที่สืบจากโรงพยาบาลใกล้เคียงแล้วก็ไม่มี” เขาตอบเธอทันที

    “ลูกเมียไอ้กำธรมันโชคดีเหลือเชื่อ ที่นายทรงชัยยังไม่แจ้งอะไรมาแสดงว่าไอ้เพลงพิณยังรอดอยู่อย่างนั้นล่ะสิ” ดาราทำสีหน้าเครียด

    “คืนนั้น ก่อนที่ผมจะออกจากทองผาภูมิ ผมก็เห็นว่าลูกน้องของนายทรงชัยกำลังทำงานตามคำสั่ง แต่ไอ้เด็กนั่นมันจับเอาใครก็ไม่รู้เป็นตัวประกันไว้

    “เชื้อไม่ทิ้งแถวสินะ เป็นโจรลักพาตัวเหมือนพ่อมันไม่มีผิด” ดาราแสยะยิ้มทันทีที่ได้ยิน “แต่มันหนังเหนียวกว่าพ่อของมันแยะ”

    “แล้วเราจะทำยังไงกับมันดี นายทรงชัยก็ด้วย มันทำงานพลาดแบบนี้ คงถึงเวลาที่ต้องทวงค่าจ้างคืนแล้วกระมัง” ชายผมย้อมสีเอ่ยถามนายหญิงของ

ตัวเอง

    “นั่นสินะ คงถึงเวลาแล้วต้องทวงคืน” เธอพูดพลางส่งสายตาโดยไม่มีจุดหมาย  

    “เรื่องสะสางกับนายทรงชัย ฉันจะเป็นคนลงมือเอง ส่วนเธอเฝ้าเอื้อยไว้อย่าให้คลาดสายตา ฉันมั่นใจว่านายตฤณนั่นจะหาทางมาเจอเอื้อยแน่ๆ” เธอ

เปลี่ยนจากดวงตาเหม่อเป็นจ้องหน้าลูกน้องคนนี้พร้อมกำชับด้วยเสียงหนักแน่น

    “คืนนี้ฉันจะไปราชบุรี ไปสะสางเรื่องที่ค้างให้เสร็จ”
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่