..........วิมานหมอก........ตอนที่ ๙........@@ โดย ลุงแผน

กระทู้คำถาม



....( วิมานหมอก )....

          ตอนเดิมครับ


[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

          ตอนที่  ๙


       เพชรเริ่มอ่อนแรงจากการวิ่งเลาะตีนเขาเพื่อไปหมู่บ้านข้างหน้า ระยะทางกลางวันก็ไกลอยู่แล้วในความคิดเขา จากที่เคยเดินเล่นกับพี่สาวเมื่อตอนมาเที่ยวบ้านลุง แต่ข้อดีคือเขาจำเส้นทางได้ท่ามกลางแสงอันน้อยนิด      

       ความลำบากคือการย่ำเท้าลงพื้น กิ่งไม้เล็ก ๆ และใบไม้แห้งเกลื่อนกลาด ส่งเสียงให้รู้ว่าอยู่ตรงไหน  เมื่อไปได้ไม่กี่ก้าว  เพชรจึงย่อตัวนั่งอยู่กับที่หายใจช้า ๆ อย่างระวัง ขณะเสียงสวบสาบตามมาข้างหลังไม่ไกล                   

      “เร็วจังวะไอ้เด็กนี่ เอ็งอ้อมไปข้าง ๆ สิหมู”        

       เสียงคนหนึ่งสั่ง ทำเพชรใจเต้นแรง พยายามหายใจอย่างลำบาก ฝืนความรู้สึกที่อ่อนแรง ขณะใจนึกหาทางรอดเพราะรอบตัวตอนนี้ไม่มืดสนิทเสียทีเดียว      

       “ยิงมันทิ้งก็จบไอ้ริน พี่ชิตได้ไอ้แก้วไปแล้ว จะยุ่งกับไอ้เด็กนี่ทำไม เสียเวลา”  

       จ่าหมูบ่นพึมพำ เริ่มเบื่อกับการอยู่ในป่าที่มีทั้งยุงและแมลง

       “มันต้องเอาไปด้วย เผื่อไอ้แก้วมันยอมติดคุก เราก็เหลือเจ้านี่อีกคน”          

       จ่ารินพูดจากประสบการณ์ คนยอมติดคุกจะไม่ยอมเสียเงินให้ตำรวจ คนกลัวคุกถึงจะเรียกร้องกับทางครอบครัวได้ตามสบาย จ่าหมูถอนใจพลางเพ่งไปตามพุ่มไม้ท่ามกลางแสงสลัว                 

       ชายหนุ่มได้ยินชัดและมั่นใจว่าสองคนนี้ไม่ปล่อยเขาแน่ และเสียงย่ำเท้าที่ใกล้เข้ามา ไม่เปิดโอกาสให้เขาคิดอะไรอีก เมื่อไม่มีทางหลบอยู่ได้ เพชรจึงตัดสินใจลุกขึ้นและวิ่งออกไปอย่างเร็วขณะเสียงเกรี้ยวกราดไล่หลังมา                                    

       “เฮ้ย อย่าหนี”                                                                     

       เพชรวิ่งสุดชีวิต กิ่งไม้ที่ฟาดตามแขนและใบหน้าไม่ทำให้เขารู้สึกอย่างไร กลั้นใจทะยานไปข้างหน้าและเร่งฝีเท้าขึ้นเมื่อเห็นถนนทอดยาวถัดแนวป่าออกไป       

       ในหัวเพชรปรากฏภาพหมู่บ้านซึ่งอยู่ไม่ไกล แต่เมื่อก้าวขึ้นบนถนนเขากลับหลงทิศที่จะไป เพชรยืนนิ่งนิดหนึ่ง ก่อนตัดสินใจวิ่งไปทางซ้ายมือขณะพระจันทร์หลบเข้าหลังเมฆกลุ่มใหญ่ ส่งให้รอบตัวมืดมัวกว่าเดิม

       ไม่ถึงอึดใจสองคนออกมาจากป่า หันซ้ายหันขวาก่อนพยักหน้าให้กันแล้วแยกไปคนละทาง จ่าหมูไปทางเดียวกับเพชร ส่วนจ่ารินไปอีกทาง ขณะชายหนุ่มตัดสินใจกลับเข้าป่าหลังจากวิ่งมาได้ไม่นาน เขายืนพิงต้นไม้หายใจช้า ๆ และกลั้นหายใจเมื่อจ่าหมูวิ่งผ่านไป             

       เพชรยืนคิดทางที่จะไป กระทั่งแสงจันทร์สาดมาราง ๆ จึงเห็นแนวเขาหลังบ้านลุงแก้วลอดแนวต้นไม้มา  เขาจึงตัดสินใจมุ่งไปทางนั้น นึกถึงรถกระบะของลุงและตั้งใจขับหนีไป ลุงเคยพูดเรื่องขับรถให้ฟังเวลาเพชรนั่งไปด้วย แต่เพชรไม่เคยได้ขับจริง ๆ สักครั้ง คราวนี้การหนีไปจากที่นี่เป็นความคิดเดียวที่อยู่ในใจ การขับรถได้หรือไม่ได้ จึงไม่ใช่ปัญหาอะไร                       

       เพชรเร่งเท้าเร็วขึ้นเพราะไม่มั่นใจว่าสองคนจะเดาความคิดของเขาออกหรือเปล่ากระทั่งเห็นลานหน้าบ้านและรถจอดอยู่จึงฝืนใจก้าวไปจนถึงตัวรถและดึงประตูเปิดออก ลุงจะวางพวงกุญแจไว้ใต้เบาะทุกครั้ง เผื่อเวลาฉุกเฉินจะได้ไม่มัวหากุญแจบนบ้าน เพชรก้มลงควานหา เมื่อสัมผัสได้จึงกำไว้และยืดตัวขึ้น ขณะมือกำยำประกบเข้าที่ปากและรั้งเขาทั้งตัวมากอดไว้แน่น

       เพชรใจหายแวบ พลางดิ้นเต็มแรง สองมือจับแขนชายที่กุมหน้าเขาและดึงออก แต่มันไร้ผล มือที่รัดร่างกับอีกมือที่ดึงหน้าเขาแนบร่างคนรั้ง แข็งแรงกว่าร่างบอบบางของเพชรจะสู้ได้ รวมทั้งเสียงเขาที่พยามยามตะโกนก็ออกมาเพียงแผ่ว ๆ น้ำตาเพชรซึมออกมาอย่างหมดหวังและอ่อนแรง หลังผ่านไปครู่หนึ่ง เพชรจึงปล่อยมือและทรุดตัวลงอย่างอ่อนแรง ขณะชายข้างหลังยกตัวเพชรไว้ไม่ให้ล้มลง และเสียงหนึ่งดังอยู่ข้าง ๆ

       “เพชร พี่เอง อย่าดังไป”

       น้ำตาชายหนุ่มไหลพรากทันที เขาสะอื้นพร้อมกับทิ้งตัวนั่งลง ชายข้างหลังปล่อยมือจากเพชรแล้วเอ่ยออกมาอย่างนุ่มนวล 

       “น้องปิงพาเพชรไปหลบก่อน ทางนี้ผมจัดการเอง”

       เพชรเงยหน้ามองภูษิต ก่อนมองพี่สาวอย่างลังเล ปิงเห็นดังนั้นจึงประคองน้องชายลุกขึ้นและพาเดินไปทางเรือนเล็กพร้อมเอ่ยกับน้องชาย

      “คุณภูษิตเชื่อใจได้ เขาคนละพวกกับลุงชิต พี่ไปตามเขามาช่วยเพชร”

       ชายหนุ่มพยักหน้าเนือย ๆ ขณะก้าวเท้าอย่างอ่อนแรง กระทั่งถึงบ้านเล็กจึงเข้าไปทรุดตัวนั่งบนที่นอนก่อนเอ่ยเบา ๆ ออกมา

       “พี่ปิงรู้ได้ยังไงว่าเขาไว้ใจได้ ตำรวจก็เหมือนกันทุกคนแหละ”

       หญิงสาวมองน้องชายอย่างเอ็นดู พลางยื่นมือไปแตะแขนเขาแล้วเอ่ยอย่างอ่อนโยน

       “แล้วพี่จะเล่าให้ฟังทีหลัง ตอนนี้เราดูพวกเขาให้แน่ใจ ยังไงเตรียมออกจากตรงนี้ถ้าเห็นท่าไม่ดี”

       เพชรพยักหน้าพลางมองตามพี่สาวไปตรงที่จอดรถ ซึ่งภูษิตยืนอยู่ตรงนั้น ครู่ต่อมาจ่าหมูจึงเดินกึ่งวิ่งมาถึงทางเข้าบ้าน เขาชะงักนิดหนึ่งเมื่อเห็นผู้หมวดหนุ่ม ก่อนสูดหายใจลึกและทำหน้ายิ้มแย้มขณะเดินเข้ามาช้า ๆ

       “มายังไงหมวด พี่ชิตให้มาช่วยหรือ”

       หมวดหนุ่มตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ รวมทั้งสีหน้าและแววตา 

       “เลิกยุ่งกับเด็กคนนี้ได้แล้วจ่า ถือว่าผมขอ”

       น้ำเสียงแสดงทีท่าเป็นฝ่ายตรงข้ามชัดเจน ทำใบหน้าของจ่าหมูคลายยิ้มลง ก่อนเอ่ยห้วน ๆ ออกมา

       “ผมนึกว่าหมวดเป็นพวกเดียวกันนะ”

       ภูษิตมองนิ่งก่อนตอบกลับอย่างเย็นชา

       “ผมเห็นด้วยกับการทำตามกระบวนการ แต่ตอนนี้จ่ากับพวกกำลังเล่นนอกเกม ในฐานะที่เราอยู่ในอาชีพเดียวกัน ผมขอร้องให้จ่าปล่อยเด็กคนนี้ไป”

       จ่าหมูถอยหลังช้า ๆ ขณะภูษิตยืดตัวตรงมือแตะด้ามปืนตรงเอวอย่างระวังตาจ้องจ่าหมูไม่กะพริบ ขณะบนถนน จ่ารินวิ่งกระหืดกระหอบลงทางลาดมา 

       “เฮ้ย สารวัตรโด่งเรียกกลับโรงพัก เอ็งไม่ได้ยินเหรอ”

       จ่าหมูเลื่อนมือจากด้ามปืนไปคว้าวิทยุตรงเอวขึ้นมายกดูแล้วเอ่ยออกไป ส่วนตายังมองหมวดหนุ่มไม่วาง

       “แบตฯหมดว่ะ แล้วเอ็งบอกไปว่าไง เราต้องฟังพี่ชิตนะ ไม่ใช่สารวัตร”

       ประโยคสุดท้ายจ่าหมูตั้งใจย้ำให้ภูษิตได้ยินเป็นนัยว่า พวกเขาไม่ได้เกรงใจใครนอกจากพวกตัวเอง

       “พี่ชิตอยู่ด้วย พี่ชิตเป็นคนทวนคำสั่งสารวัตรเอง”

       สีหน้าจ่าหมูเปลี่ยนไป ความแปลกใจกับความกังวลปนกันเห็นชัดแม้แสงอันน้อยนิด ภูษิตลดความระวังตัวลงเมื่อเห็นสถานการณ์ตรงหน้าคลี่คลายอย่างง่ายดาย ก่อนเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบอย่างเดิม

       “ผมได้รับคำสั่งตรงให้มาดูเรื่องดาบชิต เรื่องชอบรีดไถผู้ต้องหา ตอนนี้หลักฐานมีครบแล้ว เป็นหน้าที่ของพี่โด่งจะตัดสินใจ จ่าต้องเลือกข้างได้แล้ว”

      สองจ่าทำสีหน้าครุ่นคิดพลางมองหน้ากันอยู่อึดใจ ก่อนจ่าหมูจะเอ่ยออกมา

       “ผมขอคุยกับพี่ชิตก่อน ยังไงผมก็ไม่ทิ้งลูกพี่แน่นอน”

      จ่านอกแถวยังคงไว้เชิง ภูษิตเผลอยิ้มให้กับคำพูดนั้น เมื่อรู้ความคิดในใจของทั้งสองคน ว่า การไม่ใส่ร้ายลูกพี่ลับหลังเป็นการวางตัวไว้เผื่อเลือกข้างเพราะการยอมจำนน ถ้าเป็นต่อหน้าผู้บังคับบัญชาและจนด้วยหลักฐาน จ่าชิตย่อมพูดไม่ได้ว่าลูกน้องหักหลังตัวเอง 

       ภูษิตจึงพยักหน้าให้ทั้งสองนำรถนายแก้วไป จ่ารินเดินเข้ามาก้มคว้าพวงกุญแจซึ่งตกอยู่บนพื้น แล้วขึ้นรถสตาร์ตเครื่อง ขณะจ่าหมูเดินไปขึ้นอีกข้างก่อนรถเคลื่อนตัวตามทาง

       หมวดหนุ่มหายใจออกช้า ๆ อย่างผ่อนคลาย และยิ้มกว้างเมื่อสองพี่น้องเดินเข้ามา 

       “ปิงกลัวแทบแย่ เมื่อกี้เห็นพวกคุณทำท่าเหมือนจะยิงกัน”

       ชายหนุ่มมองใบหน้าตื่นตระหนกของเธอพลางยิ้มอย่างอ่อนโยน ก่อนเอ่ยออกไปขณะเพชรเดินเนือย ๆ ขึ้นรถนั่งก้มหน้าไม่มองใคร

       “ทำไม กลัวผมถูกยิงเหรอ”

       ปิงเม้มปากยกมือขึ้นฟาดไปตรงแขนเขาอย่างลืมตัว

       “บ้า”

       จบคำหญิงสาวเดินใจเต้นรัวไปที่รถขึ้นนั่งข้างเพชร ส่วนชายหนุ่มหัวเราะในลำคอด้วยใบหน้ายิ้มละไม พร้อมกับเดินตามมาขึ้นรถสตาร์ตเครื่องขับขึ้นถนน ปิงยกมือลูบหัวน้องชายและโน้มเขามาแนบไหล่ เอ่ยเบา ๆ ในลำคอ

       “ไม่เป็นไรแล้วเพชร เราปลอดภัยแล้ว”

       ชายหนุ่มพยักหน้าน้ำตาไหลเป็นทาง ในใจเขาตอนนี้มีเพียงใบหน้าของคนคนเดียว พี่ปราง

       ภูษิตส่งสองพี่น้องลงหน้าบ้านโดยมีโกตึ๋งรออยู่อย่างกระวนกระวาย เมื่อเห็นปิงกับเพชรจึงเดินเข้ามาโอบทั้งคู่ไว้ด้วยใบหน้าสดชื่น พร้อมกับเอ่ยขอบใจชายหนุ่มก่อนพากันเข้าบ้านไป

       หมวดหนุ่มนั่งอมยิ้มอยู่ครู่หนึ่ง มองประตูบ้านหญิงสาวแล้วยิ้มด้วยตาเป็นประกาย ก่อนเคลื่อนรถออกช้า ๆ ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มตลอดเวลา

       เมื่อสองจ่าไปถึงโรงพัก จึงตรงไปยังห้องทำงานของสารวัตร ซึ่งสารวัตรโด่งรออยู่ พร้อมกับดาบชิต โดยมีนายแก้วนั่งจ้องด้วยใบหน้าขึงขังอยู่ตรงม้ายาวหน้าประตู ในห้องนั้นสารวัตรพูดเบา ๆ กับทั้งสามคนอยู่ครู่หนึ่ง สองจ่าจึงเดินออกมา จ่ารินส่งกุญแจให้นายแก้วพร้อมเอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

       “ขอโทษด้วยแก้ว เป็นเรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อย”

       นายแก้วคว้าพวงกุญแจมาอย่างไม่พอใจพร้อมกับลุกขึ้น ขณะทั้งสองเดินลงบันไดไป จ่าหมูยกมือโบกมือไปมาช้า ๆ เหนือศีรษะ เป็นทีว่าแล้วก็แล้วกันไป นายแก้วจึงกระแทกตัวลงบนม้ายาวอย่างเดิม อึดใจต่อมาสารวัตรจึงเดินออกมาพร้อมดาบชิต ซึ่งดาบพูดเหมือนกับจ่ารินพร้อมทั้งเดินไปที่รถตรวจการณ์ และยืนรอสารวัตรอยู่ตรงนั้น

       สารวัตรโด่งเดินเข้ามาหานายแก้วและชวนเดินไปทางบันไดขณะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

       “ผมต้องขอโทษแทนลูกน้องด้วยนายแก้ว พวกนี้ทำอะไรวู่วามไม่ปรึกษากันก่อน แต่นายแก้วมีสิทธิร้องเรียนได้นะ ตอนสาย ๆ มาให้ร้อยเวรลงบันทึกประจำวันไว้ ผมจะตามเรื่องนี้ และให้ความเป็นธรรมกับนายแก้วอย่างถึงที่สุด”

       รถของภูษิตเข้ามาพอดี เมื่อสารวัตรและนายแก้วลงบันไดขั้นสุดท้าย สารวัตรมองน้องเขยขณะเอ่ยถามออกไป 

       “ไปไหนมาภู สิบเวรบอกมีคนหายเหรอ”

        ภูษิตมองลุงแก้วแล้วหันไปตอบกับพี่เขยด้วยสีหน้าแจ่มใส

       “น้องปิงมาบอกว่า เพชรอยู่บ้านลุง แต่ลุงแก้วอยู่กับพี่ชิต ผมเลยพากันไปรับเพชรกลับมา”

       นายแก้วหน้าตื่นขณะเอ่ยถามออกไป

       “แล้วสองคนนั่นอยู่ไหนหมวด”

       ชายหนุ่มหันไปตอบยิ้ม ๆ กับนายแก้ว

       “ผมส่งลงบ้านแล้วครับ ปลอดภัยทั้งคู่”

       นายแก้วเอ่ยขอบใจพึมพำแล้วเดินไปที่รถขับออกไปทันที ขณะหมวดหนุ่มมองตามจนลับสายตา

       “เอาไงต่อครับพี่โด่ง”

       ภูษิตถามพร้อมกับปรายตาไปยังดาบชิตที่เพิ่งขึ้นนั่งตรงคนขับเตรียมพร้อมรอ

       “เราน่าจะกลับภายในวันสองวันนี้ เดี๋ยวพี่จะพาดาบชิตไปคุยที่บ้านปราง คืนนี้นอนนี่ใช่ไหม”

      ภูษิตยิ้มรับ เพราะตัวเองต้องออกเวรตอนเช้า สารวัตรโด่งพยักหน้าพร้อมกับเดินไปขึ้นรถ ซึ่งดาบชิตเคลื่อนรถออกทันทีที่สารวัตรดึงประตูปิดเข้ามา 
หมวดหนุ่มยิ้มกริ่มเดินขึ้นบันได พยักหน้าทักทายสิบเวรที่นั่งมองมาแล้วตรงไปห้องพัก เอนตัวลงบนเตียงเล็กนึกถึงหน้าหญิงสาวพร้อมหลับตาลงด้วยรอยยิ้มเต็มหน้าดังเดิม.....
  

        ( มีต่อครับ )
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่