....( วิมานหมอก )....
ตอนเดิมครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ตอนที่ ๑ https://ppantip.com/topic/42554523
ตอนที่ ๒ https://ppantip.com/topic/42556226
ตอนที่ ๓ https://ppantip.com/topic/42558182
ใกล้สิบโมงเช้า ร้านก๋วยเตี๋ยวโกตึ๋งมีลูกค้านั่งอยู่สามโต๊ะ และเริ่มทยอยมาเรื่อย ๆ ตาเม้งเพื่อนรุ่นพี่โกตึ๋ง มาตรงเวลาเหมือนทุกวัน เมื่อเข้าไปนั่งตรงโต๊ะเดิม หันหน้ามาทางหน้าร้านเรียบร้อยแล้วแกจึงเอ่ยถามออกมา
“เห็นว่าเมื่อคืนดาบชิตมาอีกเหรอตึ๋ง”
โกตึ๋งได้แต่พยักหน้าไม่พูดอะไรเพราะมีลูกค้าใหม่เข้ามาพอดี
“แล้วยังไงน่ะ เจอไอ้เพชรแล้วมันพูดว่าไง”
เมื่อลูกค้าสั่งก๋วยเตี๋ยวเสร็จและเดินไปนั่งยังโต๊ะซึ่งว่างอยู่ โกตึ๋งจึงตอบตาเม้งกลับไป
“ไม่เจอหรอก ไอ้เพชรมันไปบ้านพี่แก้วตั้งแต่ตอนเย็น กะให้เรื่องเงียบค่อยให้มันกลับมา”
ตาเม้งเลื่อนชามก๋วยเตี๋ยวมาตรงหน้าเมื่อลูกน้องโกตึ๋งวางให้ ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงกังวล
“ระวังด้วยล่ะ เห็นดาบชิตมันตามจีบเจ๊ปรางมานานแล้ว ไอ้เพชรเดินมาด้วยกันเมื่อวาน มันรู้มันจะอาฆาตเอา”
ข่าวลือในตลาดเดินทางเร็วเหมือนเคย แต่ครั้งนี้ไม่ต้องเสียเวลาสืบว่าใครเป็นต้นตอ เพราะตอนที่ชายหนุ่มเดินมากับปราง คนในตลาดเห็นกันแทบทุกคน
“คงไม่หรอกมั้ง ไอ้เพชรกับปรางมันคนละรุ่นกัน เมื่อวานบังเอิญไปมีเรื่องหน้าบ้านเขา เขาเลยเดินมาส่ง”
โกตึ๋งพูดพลางมือสาละวนอยู่กับการทำก๋วยเตี๋ยวให้ลูกค้าในขณะที่ปิงเดินออกมาจากหลังบ้านผ่านโต๊ะตาเม้งซึ่งหันมาพอดี
“อ้าวไอ้ปิง วันนี้ไม่ไปเรียนเหรอ”
ตาเม้งทักอย่างคุ้นเคย หญิงสาวยิ้มให้พลางตอบกลับเนือย ๆ
“ไม่ได้ไปหรอกลุงเม้ง เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับ ตื่นมาเลยมึนหัวนิดหน่อย”
ตาเม้งพยักหน้าทำเสียงอือในลำคอ ก่อนก้มลงกินก๋วยเตี๋ยวในชาม ส่วนหญิงสาวเดินออกไปหน้าร้านเพื่อช่วยพ่อเธอ ขณะที่ ดาบชิตกับตำรวจหนุ่มคนเดิม เดินมาหยุดหน้าร้านพอดี ทำบรรยากาศที่คึกคักอยู่เงียบสงบลง
“โกตึ๋ง”
เสียงดาบชิตเรียบ ๆ แต่แฝงไปด้วยความจริงจัง โกตึ๋งมองหน้าทั้งสองคนและจ้องหน้าตำรวจหนุ่มชัด ๆ จึงเดาว่าตำรวจหนุ่มที่มาด้วย น่าจะย้ายมาพร้อมสารวัตร เพราะไม่คุ้นหน้าเลย ดาวดวงเดียวบนบ่าแสดงว่าเพิ่งจบมาไม่นาน โกตึ๋งมองเห็นเพียงชื่อ
“ภูษิต” แต่ไม่เห็นนามสกุล
“จะเอาอะไรอีกดาบ”
โกตึ๋งถามด้วยสีหน้าไม่พอใจ เป็นเพราะดาบชิต ทำให้เมื่อคืนนี้เขากับลูกสาวต้องนอนระแวงทั้งคืน
“ว่าจะสอบปากคำเพิ่มเติมสักหน่อย ว่างไปโรงพักด้วยกันไหมโกตึ๋ง”
ลูกค้ามาใหม่ชะงักนิดหนึ่งเมื่อเห็นตำรวจยืนอยู่หน้าร้าน แต่เมื่อเห็นผู้หมวดหนุ่มทำหน้ายิ้มแย้มก็เบาใจ และเดินเข้าไปสั่งก๋วยเตี๋ยวขณะมองโกตึ๋งด้วยคำถามในสายตา
“ไม่มีอะไร เขามาถามทางน่ะ เข้าไปนั่งก่อน”
โกตึ๋งพูดเรียบ ๆ แล้วก้มหน้าลวกเส้นต่ออย่างไม่กังวล
“ว่าไงโก ไปได้ไหม”
โกตึ๋งเงยหน้ามองพร้อมกับถามออกไปขณะมือยังไม่หยุดทำงาน
“ไปเรื่องอะไรดาบ ก็คุยกันจบแล้วไม่ใช่หรือ”
ดาบชิตมองหน้าโกตึ๋งด้วยสายตายียวนก่อนเอ่ยออกมาเบา ๆ
“ถ้าจบก็ไม่ต้องเสียเวลามาสิ แล้วถ้าไม่ผิดไอ้เพชรมันหนีทำไม”
ลูกค้าโต๊ะในสุดเรียกปิงไปเก็บเงิน เสร็จแล้วลุกออกไป หญิงสาวเก็บชามไปวางหลังร้านแล้วเดินออกมา ตามองสองตำรวจอย่างไม่ไว้ใจ
“มันไม่ได้หนี มันนึกอยากไปหาลุงมันก็ไป”
ดาบชิตหัวเราะในลำคอเบา ๆ ก่อนพูดน้ำเสียงกวน ๆ
“มันบังเอิญหรือเปล่า อยู่ตั้งนานมาไปเอาตอนนี้”
โ
กตึ๋งมองหน้าดาบชิต ไม่พูดอะไรขณะในใจเริ่มขุ่นเพราะรู้อยู่ว่าลูกชายต้องหลบไปครั้งนี้เป็นเพราะใคร
“ก็แล้วแต่จะคิด แต่ถ้ามันไม่ผิด วันนี้ก็ไม่มีใครไปกับดาบหรอก”
“ที่ผ่านมามันผิดหรือเปล่าไม่มีใครรู้ แต่เมื่อเจ้าหน้าที่เรียกไปสอบสวนแล้วไม่ไปถือว่าฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงานนะโก”
โกตึ๋งมองดาบชิตด้วยสายตาเย็นชา ทั้งลูกค้าเริ่มทยอยเข้ามาทำให้เขาพะว้าพะวง อารมณ์เริ่มขุ่นมัวมากขึ้น ขณะกำลังจะเอ่ยปากออกไปเสียงของปิงก็ดังขึ้นมา
“หนูไปเองพ่อ หนูใกล้ชิดรู้ใจน้องหนูที่สุดมีอะไรถามหนูได้ทุกอย่าง”
หญิงสาวนิ่งฟังอยู่นาน เมื่อเห็นท่าไม่ดีจึงเอ่ยออกมาอย่างนั้นเพราะถ้าเกิดพ่อของเธอทนไม่ไหวระเบิดอารมณ์ออกมา ต้องไม่เป็นผลดีกับร้านแน่นอน
ดาบชิตยิ้มอย่างยียวนพลางพยักหน้าให้หญิงสาวตามเขาออกไป พร้อมกับมองหน้าโกตึ๋งขณะเอ่ยออกมา
“ก็แค่นั้น ไปไม่นานหรอกโก บันทึกปากคำเสร็จจะรีบมาส่ง”
โกตึ๋งมองลูกสาวอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก จะรั้งไว้หรือตัวเองจะไปแทนก็ต้องทิ้งร้าน หญิงสาวเห็นท่าทางกังวลชัด จึงพูดให้ผู้เป็นพ่อเบาใจ
“ไม่เป็นไรหรอกพ่อ ไม่ต้องห่วง เราบริสุทธิ์ใจเสียอย่างเขาทำอะไรเราไม่ได้หรอก”
สีหน้าโกตึ๋งคล้ายไม่ได้ยินที่ลูกสาวพูดมา กระทั่งทั้งหมดเดินลับตาไป จึงได้ยินลูกค้าซึ่งยืนอยู่ตรงหน้าบอกรายการที่ต้องการ เขาจึงถอนใจส่ายหน้าแล้วก้มลงทำงานต่อไป
รถตำรวจจอดเลยจากหน้าร้านไปไม่ไกล เป็นรถแบบสี่ประตูสภาพไม่ใหม่นักแต่ไม่ถึงขั้นทรุดโทรม ดาบชิตเดินไปขึ้นด้านที่นั่งคนขับ ขณะนายตำรวจหนุ่มเปิดประตูด้านหลังให้หญิงสาวเข้าไปแล้วตัวเองอ้อมไปขึ้นอีกด้านหนึ่งเมื่อเรียบร้อยแล้วดาบชิตจึงพารถเคลื่อนช้าๆไปตามทาง
หญิงสาวมองกลับไปหน้าร้านเห็นบางคนมองตามรถตำรวจแล้วหันไปคุยกัน กระทั่งรถเลี้ยวตรงทางแยก เธอจึงเบนสายตามองข้างทาง
บนถนนมีรถสวนไปมาบางตากว่าตอนเช้าตรู่ ร้านขายอะไหล่ ขายปุ๋ย และของใช้จิปาถะ มีลูกค้าจากนอกเมืองมาซื้อของใช้จำเป็น บรรยากาศแม้มีผู้คนมากหน้าหลายตา แต่ไม่แออัดเหมือนเมืองใหญ่ เธอชินกับบรรยากาศเงียบสงบแบบนี้ จนไม่คิดไปเรียนต่อที่อื่น อีกทั้งพ่อกับน้องชายของเธออยู่ที่นี่ ส่วนพี่ชายของพ่อคือลุงแก้ว อยู่ห่างออกไประยะขับรถประมาณหนึ่งชั่วโมง ซึ่งไม่ไกลเกินไปสำหรับการไปเยี่ยมหา แต่ครั้งนี้นานพอควรที่เธอกับลุงไม่ได้เจอกัน
หญิงสาวนึกถึงลุงแก้วซึ่งเดิมเป็นคนถิ่นนี้เหมือนกัน ก่อนหน้านี้ลุงของเธอเปิดร้านขายข้าวขาหมูอยู่ตรงห้องหัวมุมห่างจากพ่อเธอไม่ไกล ลุงแก้วมีนิสัยต่างกับพ่อ คือไม่ค่อยเก็บความรู้สึกไว้นาน และไม่ยอมคน เมื่อไหร่ที่รู้สึกว่าถูกรังแกหรือถูกกลั่นแกล้งโดยไม่เป็นธรรม เขาจะตอบโต้ทันที สาเหตุที่ทำให้ลุงแก้วต้องย้ายไปทำไร่อยู่อีกเมือง คือเล่นงานพวกอันธพาลจนอาการปางตาย
นั่นเป็นจุดเริ่มต้น ที่ทำให้พ่อเธอไม่ชอบตำรวจบางคนสักเท่าไร ทั้งที่ต้นเหตุทั้งหมดเกิดจากกลุ่มอันธพาลมาหาเรื่องลุงของเธอก่อน การตอบโต้ซึ่งเกิดจากการป้องกันตัวนั้นรุนแรงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งคนเห็นเหตุการณ์ต่างรู้ดี แต่ทางตำรวจจะให้ลุงแก้วเป็นฝ่ายผิดโดยตั้งข้อหาร้ายแรง คือพยายามฆ่า พ่อต้องนำเงินเก็บส่วนหนึ่งไปสมทบกับเงินของลุงจ่ายให้ตำรวจเรื่องจึงเงียบไป และลุงต้องย้ายไปอยู่ที่อื่นแลกกับการเปลี่ยนสำนวนคดี
นึกถึงตอนนี้หญิงสาวถอนใจออกมา ในที่สุดครอบครัวของเธอก็หนีไม่พ้นตำรวจ เหมือนในขณะนี้ที่เธอนั่งรถมากับพวกเขา และเมื่อเธอหันมองหมวดหนุ่มซึ่งนั่งข้าง ๆ อย่างไม่ตั้งใจจึงรู้ว่าเขาจ้องมองเธออยู่ก่อนแล้วด้วยแววตาอ่อนโยน ผิดกับตอนอยู่หน้าร้านเมื่อกี้เป็นคนละคน และในเวลาเดียวกันเธอรู้สึกว่ารถคันนี้ได้เลยโรงพักไกลออกมานอกเมือง เห็นบ้านเรือนตั้งอยู่ห่างกันและทุ่งนาสองข้างทางชัดเจนก่อนดาบชิตจะนำรถเข้าจอดหน้าศาลาริมทาง
“ลุงชิตนี่ไม่ใช่โรงพักแล้วนะ ลุงจะพาหนูไปไหน”
ดาบชิตเอี้ยวคอมองเธอทำหน้ายิ้ม ๆ ไม่พูดอะไรก่อนดึงเบรกมือแล้วเปิดประตูลงรถไป
หญิงสาวหันซ้ายหันขวา มองออกไปเห็นดาบชิตเดินไปนั่งในศาลาริมทางอย่างสบายใจจึงหันหน้ามาทางผู้หมวดหนุ่มแล้วพูดเสียงแข็งออกมา
“พาปิงไปส่งบ้านเลยนะคุณตำรวจ ถ้าไม่ไปโรงพักก็พาปิงกลับ”
“เรียกผมภูก็ได้ครับน้องปิง เราไม่มีธุระอะไรที่โรงพักครับ เรื่องเจ้าเพชรเป็นเรื่องของดาบชิตไม่เกี่ยวกับผม”
เขาพูดพลางยิ้มตาเป็นประกาย ไม่เหลือแววผู้ร้ายให้เห็นเหมือนก่อนหน้านี้เลย หญิงสาวนิ่งคิดอยู่นิดหนึ่งจึงเอ่ยถามออกไปด้วยความไม่ไว้ใจ
“แล้วคุณพาปิงมาที่นี่ทำไม”
เธอจ้องหน้าเขานิ่งริมฝีปากเหยียดตรง ตากลมโตเต็มไปด้วยความระแวง นายตำรวจหนุ่มยิ้มกว้างเห็นฟันขาวสะอาดขณะมองเธอตอบพร้อมกับเอ่ยออกมาด้วยตาเป็นประกาย
“พี่สาวผม เป็นแฟนพี่โด่ง ผมเพิ่งจบมาได้ปีเดียว พี่เขารอตำแหน่งรองผู้กำกับว่างที่กรุงเทพฯอยู่ เลยย้ายมาที่นี่ชั่วคราวแล้วพาผมมาด้วย เมื่อพี่เขาได้ตำแหน่งที่กรุงเทพฯ ผมจะได้ไปเลื่อนยศที่นั่นเหมือนกัน”
เขาพูดเรื่อย ๆ ขณะหญิงสาวฟังด้วยความแปลกใจ ว่าเรื่องนี้มันเกี่ยวกับเธอตรงไหน เขามองอาการของเธอออกจึงถอนใจออกมาแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้มเต็มหน้าเหมือนเดิม
“น้องปิงไม่ต้องสงสัยว่าผมพูดให้ฟังทำไม เรื่องนี้มันเกี่ยวกับน้องปิงโดยตรงคือว่า..”
เขาหยุดไปนิดหนึ่งเมื่อเห็นเธอมองและฟังอย่างตั้งใจจึงเอ่ยต่อไปด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“..ผมอยากมีเพื่อนสักคน”
หญิงสาวได้ยินจึงพยักหน้าช้า ๆ ขณะเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงธรรมดา
“ก็เยอะแยะไปนี่ ถ้าคุณภูจะคบใครเป็นเพื่อนสักคนไม่น่ายากอะไร อย่างน้อยคุณก็เป็นคนที่มีอนาคตคนหนึ่ง”
เธอเว้นไม่เอ่ยถึงรูปร่างเขาซึ่งมองดูภูมิฐานผิวพรรณสะอาดสะอ้าน ใบหน้ารูปไข่ได้สัดส่วน จมูกโด่งเป็นสันรับกับคิ้วดกดำ ริมฝีปากบางเวลายิ้มเห็นเขี้ยวเล็ก ๆ ตรงมุมปาก เธอคิดว่าถ้าเขาไว้ผมยาวและมองไกล ๆ จะคล้ายผู้หญิงสวย ๆ คนหนึ่งเลยทีเดียว
“มันไม่ง่ายอย่างนั้นสิครับ คนที่เข้ามาหาผม ส่วนใหญ่เป็นเพราะเขารู้ฐานะของผมและพี่เขย ผมจึงไม่แน่ใจว่าเขาคบผมด้วยผลประโยชน์หรือความจริงใจ”
เธอมองหน้าเขานิ่ง ภาพคนร้ายและคนดีในตัวเขาขัดแย้งอยู่ในใจ นายตำรวจซึ่งนั่งอยู่ตรงหน้าเธอขณะนี้ท่าทางจริงจังและจริงใจในการจะคบกับใครสักคน ต่างจากที่เพชรเล่าการกระทำของเขาให้ฟัง เธอจึงไม่ปักใจเชื่อทุกอย่างที่ได้ยินในตอนนี้ แต่การจะหักหาญน้ำใจออกไปเลย ก็ไม่ใช่สิ่งที่ควรทำ เพราะขณะนี้น้องของเธอยังไม่แน่นอนเรื่องของความปลอดภัย
“แล้วคุณจะรู้ได้ยังไงว่าปิงไม่เหมือนคนอื่น เราเพิ่งเจอกัน ชื่อของคุณปิงก็เพิ่งรู้จัก เราจะรู้นิสัยกันได้ยังไง”
เขาหัวเราะเบา ๆ เมื่อได้ยินพร้อมกับยิ้มออกมาเห็นเขี้ยวเล็ก ๆ แวววาว ก่อนเอ่ยออกมาด้วยตาเป็นประกาย
“ผมเชื่อว่าผมมองคนไม่ผิดหรอกปิง อีกอย่างถ้าผมจะเลือกคบใครสักคนผมต้องรู้อะไรเกี่ยวกับเขาให้มากที่สุด เมืองเล็ก ๆ อย่างนี้ผมรู้เรื่องปิงได้ไม่ยากเลย”
เขายังยิ้มกริ่มขณะมองหน้าเธอคล้ายกับรอคำตอบให้ตรงกับใจต้องการ หญิงสาวถอนใจเบา ๆ เธอยังไม่เคยคิดเรื่องคบใครด้วยหลายเหตุผล รวมทั้งเธอยังอยู่ในวัยเรียน
“คุณภูอย่าเพิ่งสรุปอะไรเร็วไปเลย เราลองดูกันไปอย่างนี้สักพักหนึ่ง ไม่แน่วันหนึ่งข้างหน้าคุณอาจเปลี่ยนใจ”
เขายิ้มกว้างออกมาเมื่อคำตอบของหญิงสาวไม่ใช่เป็นการตัดรอนเสียทีเดียว อย่างน้อยยังมีโอกาสได้พบหน้ากันอีก จึงพยักหน้าให้ดาบชิตซึ่งมองพวกเขาอยู่ แล้วหันมาพูดกับหญิงสาวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“ได้ครับผมจะไม่เร่งรัดอะไรน้องปิง ลองดูไปเรื่อย ๆ ก่อนแล้วจะรู้ว่าผมจริงจังแค่ไหน”
หญิงสาวยิ้มแทนคำตอบ ขณะดาบชิตเปิดประตูเข้ามา แล้วเคลื่อนรถกลับเข้าตัวเมือง......
( มีต่อครับ )
..........วิมานหมอก........ตอนที่ ๔........@@ โดย ลุงแผน
“เห็นว่าเมื่อคืนดาบชิตมาอีกเหรอตึ๋ง”
โกตึ๋งได้แต่พยักหน้าไม่พูดอะไรเพราะมีลูกค้าใหม่เข้ามาพอดี
“แล้วยังไงน่ะ เจอไอ้เพชรแล้วมันพูดว่าไง”
เมื่อลูกค้าสั่งก๋วยเตี๋ยวเสร็จและเดินไปนั่งยังโต๊ะซึ่งว่างอยู่ โกตึ๋งจึงตอบตาเม้งกลับไป
“ไม่เจอหรอก ไอ้เพชรมันไปบ้านพี่แก้วตั้งแต่ตอนเย็น กะให้เรื่องเงียบค่อยให้มันกลับมา”
ตาเม้งเลื่อนชามก๋วยเตี๋ยวมาตรงหน้าเมื่อลูกน้องโกตึ๋งวางให้ ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงกังวล
“ระวังด้วยล่ะ เห็นดาบชิตมันตามจีบเจ๊ปรางมานานแล้ว ไอ้เพชรเดินมาด้วยกันเมื่อวาน มันรู้มันจะอาฆาตเอา”
ข่าวลือในตลาดเดินทางเร็วเหมือนเคย แต่ครั้งนี้ไม่ต้องเสียเวลาสืบว่าใครเป็นต้นตอ เพราะตอนที่ชายหนุ่มเดินมากับปราง คนในตลาดเห็นกันแทบทุกคน
“คงไม่หรอกมั้ง ไอ้เพชรกับปรางมันคนละรุ่นกัน เมื่อวานบังเอิญไปมีเรื่องหน้าบ้านเขา เขาเลยเดินมาส่ง”
โกตึ๋งพูดพลางมือสาละวนอยู่กับการทำก๋วยเตี๋ยวให้ลูกค้าในขณะที่ปิงเดินออกมาจากหลังบ้านผ่านโต๊ะตาเม้งซึ่งหันมาพอดี
“อ้าวไอ้ปิง วันนี้ไม่ไปเรียนเหรอ”
ตาเม้งทักอย่างคุ้นเคย หญิงสาวยิ้มให้พลางตอบกลับเนือย ๆ
“ไม่ได้ไปหรอกลุงเม้ง เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับ ตื่นมาเลยมึนหัวนิดหน่อย”
ตาเม้งพยักหน้าทำเสียงอือในลำคอ ก่อนก้มลงกินก๋วยเตี๋ยวในชาม ส่วนหญิงสาวเดินออกไปหน้าร้านเพื่อช่วยพ่อเธอ ขณะที่ ดาบชิตกับตำรวจหนุ่มคนเดิม เดินมาหยุดหน้าร้านพอดี ทำบรรยากาศที่คึกคักอยู่เงียบสงบลง
“โกตึ๋ง”
เสียงดาบชิตเรียบ ๆ แต่แฝงไปด้วยความจริงจัง โกตึ๋งมองหน้าทั้งสองคนและจ้องหน้าตำรวจหนุ่มชัด ๆ จึงเดาว่าตำรวจหนุ่มที่มาด้วย น่าจะย้ายมาพร้อมสารวัตร เพราะไม่คุ้นหน้าเลย ดาวดวงเดียวบนบ่าแสดงว่าเพิ่งจบมาไม่นาน โกตึ๋งมองเห็นเพียงชื่อ “ภูษิต” แต่ไม่เห็นนามสกุล
“จะเอาอะไรอีกดาบ”
โกตึ๋งถามด้วยสีหน้าไม่พอใจ เป็นเพราะดาบชิต ทำให้เมื่อคืนนี้เขากับลูกสาวต้องนอนระแวงทั้งคืน
“ว่าจะสอบปากคำเพิ่มเติมสักหน่อย ว่างไปโรงพักด้วยกันไหมโกตึ๋ง”
ลูกค้ามาใหม่ชะงักนิดหนึ่งเมื่อเห็นตำรวจยืนอยู่หน้าร้าน แต่เมื่อเห็นผู้หมวดหนุ่มทำหน้ายิ้มแย้มก็เบาใจ และเดินเข้าไปสั่งก๋วยเตี๋ยวขณะมองโกตึ๋งด้วยคำถามในสายตา
“ไม่มีอะไร เขามาถามทางน่ะ เข้าไปนั่งก่อน”
โกตึ๋งพูดเรียบ ๆ แล้วก้มหน้าลวกเส้นต่ออย่างไม่กังวล
“ว่าไงโก ไปได้ไหม”
โกตึ๋งเงยหน้ามองพร้อมกับถามออกไปขณะมือยังไม่หยุดทำงาน
“ไปเรื่องอะไรดาบ ก็คุยกันจบแล้วไม่ใช่หรือ”
ดาบชิตมองหน้าโกตึ๋งด้วยสายตายียวนก่อนเอ่ยออกมาเบา ๆ
“ถ้าจบก็ไม่ต้องเสียเวลามาสิ แล้วถ้าไม่ผิดไอ้เพชรมันหนีทำไม”
ลูกค้าโต๊ะในสุดเรียกปิงไปเก็บเงิน เสร็จแล้วลุกออกไป หญิงสาวเก็บชามไปวางหลังร้านแล้วเดินออกมา ตามองสองตำรวจอย่างไม่ไว้ใจ
“มันไม่ได้หนี มันนึกอยากไปหาลุงมันก็ไป”
ดาบชิตหัวเราะในลำคอเบา ๆ ก่อนพูดน้ำเสียงกวน ๆ
“มันบังเอิญหรือเปล่า อยู่ตั้งนานมาไปเอาตอนนี้”
โกตึ๋งมองหน้าดาบชิต ไม่พูดอะไรขณะในใจเริ่มขุ่นเพราะรู้อยู่ว่าลูกชายต้องหลบไปครั้งนี้เป็นเพราะใคร
“ก็แล้วแต่จะคิด แต่ถ้ามันไม่ผิด วันนี้ก็ไม่มีใครไปกับดาบหรอก”
“ที่ผ่านมามันผิดหรือเปล่าไม่มีใครรู้ แต่เมื่อเจ้าหน้าที่เรียกไปสอบสวนแล้วไม่ไปถือว่าฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงานนะโก”
โกตึ๋งมองดาบชิตด้วยสายตาเย็นชา ทั้งลูกค้าเริ่มทยอยเข้ามาทำให้เขาพะว้าพะวง อารมณ์เริ่มขุ่นมัวมากขึ้น ขณะกำลังจะเอ่ยปากออกไปเสียงของปิงก็ดังขึ้นมา
“หนูไปเองพ่อ หนูใกล้ชิดรู้ใจน้องหนูที่สุดมีอะไรถามหนูได้ทุกอย่าง”
หญิงสาวนิ่งฟังอยู่นาน เมื่อเห็นท่าไม่ดีจึงเอ่ยออกมาอย่างนั้นเพราะถ้าเกิดพ่อของเธอทนไม่ไหวระเบิดอารมณ์ออกมา ต้องไม่เป็นผลดีกับร้านแน่นอน
ดาบชิตยิ้มอย่างยียวนพลางพยักหน้าให้หญิงสาวตามเขาออกไป พร้อมกับมองหน้าโกตึ๋งขณะเอ่ยออกมา
“ก็แค่นั้น ไปไม่นานหรอกโก บันทึกปากคำเสร็จจะรีบมาส่ง”
โกตึ๋งมองลูกสาวอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก จะรั้งไว้หรือตัวเองจะไปแทนก็ต้องทิ้งร้าน หญิงสาวเห็นท่าทางกังวลชัด จึงพูดให้ผู้เป็นพ่อเบาใจ
“ไม่เป็นไรหรอกพ่อ ไม่ต้องห่วง เราบริสุทธิ์ใจเสียอย่างเขาทำอะไรเราไม่ได้หรอก”
สีหน้าโกตึ๋งคล้ายไม่ได้ยินที่ลูกสาวพูดมา กระทั่งทั้งหมดเดินลับตาไป จึงได้ยินลูกค้าซึ่งยืนอยู่ตรงหน้าบอกรายการที่ต้องการ เขาจึงถอนใจส่ายหน้าแล้วก้มลงทำงานต่อไป
รถตำรวจจอดเลยจากหน้าร้านไปไม่ไกล เป็นรถแบบสี่ประตูสภาพไม่ใหม่นักแต่ไม่ถึงขั้นทรุดโทรม ดาบชิตเดินไปขึ้นด้านที่นั่งคนขับ ขณะนายตำรวจหนุ่มเปิดประตูด้านหลังให้หญิงสาวเข้าไปแล้วตัวเองอ้อมไปขึ้นอีกด้านหนึ่งเมื่อเรียบร้อยแล้วดาบชิตจึงพารถเคลื่อนช้าๆไปตามทาง
หญิงสาวมองกลับไปหน้าร้านเห็นบางคนมองตามรถตำรวจแล้วหันไปคุยกัน กระทั่งรถเลี้ยวตรงทางแยก เธอจึงเบนสายตามองข้างทาง
บนถนนมีรถสวนไปมาบางตากว่าตอนเช้าตรู่ ร้านขายอะไหล่ ขายปุ๋ย และของใช้จิปาถะ มีลูกค้าจากนอกเมืองมาซื้อของใช้จำเป็น บรรยากาศแม้มีผู้คนมากหน้าหลายตา แต่ไม่แออัดเหมือนเมืองใหญ่ เธอชินกับบรรยากาศเงียบสงบแบบนี้ จนไม่คิดไปเรียนต่อที่อื่น อีกทั้งพ่อกับน้องชายของเธออยู่ที่นี่ ส่วนพี่ชายของพ่อคือลุงแก้ว อยู่ห่างออกไประยะขับรถประมาณหนึ่งชั่วโมง ซึ่งไม่ไกลเกินไปสำหรับการไปเยี่ยมหา แต่ครั้งนี้นานพอควรที่เธอกับลุงไม่ได้เจอกัน
หญิงสาวนึกถึงลุงแก้วซึ่งเดิมเป็นคนถิ่นนี้เหมือนกัน ก่อนหน้านี้ลุงของเธอเปิดร้านขายข้าวขาหมูอยู่ตรงห้องหัวมุมห่างจากพ่อเธอไม่ไกล ลุงแก้วมีนิสัยต่างกับพ่อ คือไม่ค่อยเก็บความรู้สึกไว้นาน และไม่ยอมคน เมื่อไหร่ที่รู้สึกว่าถูกรังแกหรือถูกกลั่นแกล้งโดยไม่เป็นธรรม เขาจะตอบโต้ทันที สาเหตุที่ทำให้ลุงแก้วต้องย้ายไปทำไร่อยู่อีกเมือง คือเล่นงานพวกอันธพาลจนอาการปางตาย
นั่นเป็นจุดเริ่มต้น ที่ทำให้พ่อเธอไม่ชอบตำรวจบางคนสักเท่าไร ทั้งที่ต้นเหตุทั้งหมดเกิดจากกลุ่มอันธพาลมาหาเรื่องลุงของเธอก่อน การตอบโต้ซึ่งเกิดจากการป้องกันตัวนั้นรุนแรงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งคนเห็นเหตุการณ์ต่างรู้ดี แต่ทางตำรวจจะให้ลุงแก้วเป็นฝ่ายผิดโดยตั้งข้อหาร้ายแรง คือพยายามฆ่า พ่อต้องนำเงินเก็บส่วนหนึ่งไปสมทบกับเงินของลุงจ่ายให้ตำรวจเรื่องจึงเงียบไป และลุงต้องย้ายไปอยู่ที่อื่นแลกกับการเปลี่ยนสำนวนคดี
นึกถึงตอนนี้หญิงสาวถอนใจออกมา ในที่สุดครอบครัวของเธอก็หนีไม่พ้นตำรวจ เหมือนในขณะนี้ที่เธอนั่งรถมากับพวกเขา และเมื่อเธอหันมองหมวดหนุ่มซึ่งนั่งข้าง ๆ อย่างไม่ตั้งใจจึงรู้ว่าเขาจ้องมองเธออยู่ก่อนแล้วด้วยแววตาอ่อนโยน ผิดกับตอนอยู่หน้าร้านเมื่อกี้เป็นคนละคน และในเวลาเดียวกันเธอรู้สึกว่ารถคันนี้ได้เลยโรงพักไกลออกมานอกเมือง เห็นบ้านเรือนตั้งอยู่ห่างกันและทุ่งนาสองข้างทางชัดเจนก่อนดาบชิตจะนำรถเข้าจอดหน้าศาลาริมทาง
“ลุงชิตนี่ไม่ใช่โรงพักแล้วนะ ลุงจะพาหนูไปไหน”
ดาบชิตเอี้ยวคอมองเธอทำหน้ายิ้ม ๆ ไม่พูดอะไรก่อนดึงเบรกมือแล้วเปิดประตูลงรถไป
หญิงสาวหันซ้ายหันขวา มองออกไปเห็นดาบชิตเดินไปนั่งในศาลาริมทางอย่างสบายใจจึงหันหน้ามาทางผู้หมวดหนุ่มแล้วพูดเสียงแข็งออกมา
“พาปิงไปส่งบ้านเลยนะคุณตำรวจ ถ้าไม่ไปโรงพักก็พาปิงกลับ”
“เรียกผมภูก็ได้ครับน้องปิง เราไม่มีธุระอะไรที่โรงพักครับ เรื่องเจ้าเพชรเป็นเรื่องของดาบชิตไม่เกี่ยวกับผม”
เขาพูดพลางยิ้มตาเป็นประกาย ไม่เหลือแววผู้ร้ายให้เห็นเหมือนก่อนหน้านี้เลย หญิงสาวนิ่งคิดอยู่นิดหนึ่งจึงเอ่ยถามออกไปด้วยความไม่ไว้ใจ
“แล้วคุณพาปิงมาที่นี่ทำไม”
เธอจ้องหน้าเขานิ่งริมฝีปากเหยียดตรง ตากลมโตเต็มไปด้วยความระแวง นายตำรวจหนุ่มยิ้มกว้างเห็นฟันขาวสะอาดขณะมองเธอตอบพร้อมกับเอ่ยออกมาด้วยตาเป็นประกาย
“พี่สาวผม เป็นแฟนพี่โด่ง ผมเพิ่งจบมาได้ปีเดียว พี่เขารอตำแหน่งรองผู้กำกับว่างที่กรุงเทพฯอยู่ เลยย้ายมาที่นี่ชั่วคราวแล้วพาผมมาด้วย เมื่อพี่เขาได้ตำแหน่งที่กรุงเทพฯ ผมจะได้ไปเลื่อนยศที่นั่นเหมือนกัน”
เขาพูดเรื่อย ๆ ขณะหญิงสาวฟังด้วยความแปลกใจ ว่าเรื่องนี้มันเกี่ยวกับเธอตรงไหน เขามองอาการของเธอออกจึงถอนใจออกมาแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้มเต็มหน้าเหมือนเดิม
“น้องปิงไม่ต้องสงสัยว่าผมพูดให้ฟังทำไม เรื่องนี้มันเกี่ยวกับน้องปิงโดยตรงคือว่า..”
เขาหยุดไปนิดหนึ่งเมื่อเห็นเธอมองและฟังอย่างตั้งใจจึงเอ่ยต่อไปด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“..ผมอยากมีเพื่อนสักคน”
หญิงสาวได้ยินจึงพยักหน้าช้า ๆ ขณะเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงธรรมดา
“ก็เยอะแยะไปนี่ ถ้าคุณภูจะคบใครเป็นเพื่อนสักคนไม่น่ายากอะไร อย่างน้อยคุณก็เป็นคนที่มีอนาคตคนหนึ่ง”
เธอเว้นไม่เอ่ยถึงรูปร่างเขาซึ่งมองดูภูมิฐานผิวพรรณสะอาดสะอ้าน ใบหน้ารูปไข่ได้สัดส่วน จมูกโด่งเป็นสันรับกับคิ้วดกดำ ริมฝีปากบางเวลายิ้มเห็นเขี้ยวเล็ก ๆ ตรงมุมปาก เธอคิดว่าถ้าเขาไว้ผมยาวและมองไกล ๆ จะคล้ายผู้หญิงสวย ๆ คนหนึ่งเลยทีเดียว
“มันไม่ง่ายอย่างนั้นสิครับ คนที่เข้ามาหาผม ส่วนใหญ่เป็นเพราะเขารู้ฐานะของผมและพี่เขย ผมจึงไม่แน่ใจว่าเขาคบผมด้วยผลประโยชน์หรือความจริงใจ”
เธอมองหน้าเขานิ่ง ภาพคนร้ายและคนดีในตัวเขาขัดแย้งอยู่ในใจ นายตำรวจซึ่งนั่งอยู่ตรงหน้าเธอขณะนี้ท่าทางจริงจังและจริงใจในการจะคบกับใครสักคน ต่างจากที่เพชรเล่าการกระทำของเขาให้ฟัง เธอจึงไม่ปักใจเชื่อทุกอย่างที่ได้ยินในตอนนี้ แต่การจะหักหาญน้ำใจออกไปเลย ก็ไม่ใช่สิ่งที่ควรทำ เพราะขณะนี้น้องของเธอยังไม่แน่นอนเรื่องของความปลอดภัย
“แล้วคุณจะรู้ได้ยังไงว่าปิงไม่เหมือนคนอื่น เราเพิ่งเจอกัน ชื่อของคุณปิงก็เพิ่งรู้จัก เราจะรู้นิสัยกันได้ยังไง”
เขาหัวเราะเบา ๆ เมื่อได้ยินพร้อมกับยิ้มออกมาเห็นเขี้ยวเล็ก ๆ แวววาว ก่อนเอ่ยออกมาด้วยตาเป็นประกาย
“ผมเชื่อว่าผมมองคนไม่ผิดหรอกปิง อีกอย่างถ้าผมจะเลือกคบใครสักคนผมต้องรู้อะไรเกี่ยวกับเขาให้มากที่สุด เมืองเล็ก ๆ อย่างนี้ผมรู้เรื่องปิงได้ไม่ยากเลย”
เขายังยิ้มกริ่มขณะมองหน้าเธอคล้ายกับรอคำตอบให้ตรงกับใจต้องการ หญิงสาวถอนใจเบา ๆ เธอยังไม่เคยคิดเรื่องคบใครด้วยหลายเหตุผล รวมทั้งเธอยังอยู่ในวัยเรียน
“คุณภูอย่าเพิ่งสรุปอะไรเร็วไปเลย เราลองดูกันไปอย่างนี้สักพักหนึ่ง ไม่แน่วันหนึ่งข้างหน้าคุณอาจเปลี่ยนใจ”
เขายิ้มกว้างออกมาเมื่อคำตอบของหญิงสาวไม่ใช่เป็นการตัดรอนเสียทีเดียว อย่างน้อยยังมีโอกาสได้พบหน้ากันอีก จึงพยักหน้าให้ดาบชิตซึ่งมองพวกเขาอยู่ แล้วหันมาพูดกับหญิงสาวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“ได้ครับผมจะไม่เร่งรัดอะไรน้องปิง ลองดูไปเรื่อย ๆ ก่อนแล้วจะรู้ว่าผมจริงจังแค่ไหน”
หญิงสาวยิ้มแทนคำตอบ ขณะดาบชิตเปิดประตูเข้ามา แล้วเคลื่อนรถกลับเข้าตัวเมือง......
( มีต่อครับ )