.....( วิมานหมอก ).....
ตอนเดิมครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ตอนที่ ๑ https://ppantip.com/topic/42554523
ตอนที่ ๒ https://ppantip.com/topic/42556226
ตอนที่ ๓ https://ppantip.com/topic/42558182
ตอนที่ ๔ https://ppantip.com/topic/42560401
ตอนที่ ๕ https://ppantip.com/topic/42562583
ตอนที่ ๖ https://ppantip.com/topic/42564738
ตอนที่ ๗
รถโดยสารจอดรับปรางซึ่งเดินจากบ้านลุงแก้วพ้นเนินบ้านไร่มาเกือบกิโล เธอขึ้นไปนั่งลงริมหน้าต่างที่เดียวกับเมื่อวานพลางถอนใจ
ปรางนึกถึงเพชร เขาไม่เงยหน้าขึ้นเมื่อเธอเข้าไปบอกลาอีกครั้ง
เธอเข้าใจความรู้สึกของเพชรดี เพราะตอนนี้ เธอก็รู้สึกไม่ต่างกับเขาเท่าไร ก่อนออกจากห้อง เธอลูบหลังเพชรแล้วดึงผ้าห่มคลุมตัวให้ก่อนตัดสินใจเดินออกมา ลึก ๆ แล้ว เธอไม่อยากกลับบ้านเหมือนกัน แต่ปัญหาที่ยังค้างคา จะทำให้ที่นี่ไม่เงียบสงบอย่างตอนนี้แน่นอน
ปรางนึกย้อนไปถึงการเริ่มต้นของเขาและเธอแล้วเผลอยิ้มออกมา มันเหมือนฝัน ฝันซึ่งถ้ามีใครบอกก่อนหน้าว่าจะเป็นอย่างนี้ เธอคงไม่เชื่อ เพราะความเป็นไปได้ไม่มี การพบกันเป็นไปยากด้วยเวลาทำงานของเธอ อีกทั้งวัยและสถานะที่ต่างกัน ทำให้โอกาสพูดคุยกันยิ่งยากกว่าเดิม
นึกถึงตรงนี้ปรางต้องถอนใจอีกครั้ง วันข้างหน้าจะเป็นอย่างไรเธอไม่อาจรู้ได้ เพราะโลกนี้ไม่ได้มีแค่เพชรกับเธอ โดยส่วนตัวเขาอาจรับเธอได้ แต่ทาง
สังคมและครอบครัวของเพชร จะรู้สึกอย่างไรกับคำว่า
“ผู้หญิงหากิน”
หญิงสาวสลัดความฟุ้งซ่านออกไปเมื่อรถวิ่งช้า ๆ ผ่านสี่แยกกลางตลาด จึงรอให้เลยแยกอีกหน่อยเธอจึงเดินไปจ่ายเงินให้คนขับและบอกเขาจอดให้ลง
ตลาดยามสายคนไม่พลุกพล่านเหมือนตอนเช้าตรู่ แต่ไม่บางตาจนเกินไป ยังคงมีผู้คนซื้อหาของใช้ต่าง ๆ อยู่ประปราย แต่กระนั้น ปรางยังรู้สึกว่าเธออยู่อย่างเดียวดาย และเดินด้วยใจล่องลอยจนถึงบ้านอย่างไม่รู้ตัว
ภาพแรกที่เธอเห็นคือดาบชิตนอนยาวอยู่บนโซฟา ส่วนนางอ้อเมื่อเห็นปรางจึงเดินเข้ามากระซิบพร้อมกับดึงแขนหญิงสาวให้ตามไปข้างใน
“พี่ชิตมาตั้งแต่เมื่อคืน ไม่เจอปรางโวยวายใหญ่ เด็กหลบไปข้างนอกหมดแล้ว ปรางไปไหนมา”
หญิงสาวยิ้มให้นางอ้อ ในใจกังวลว่าเมื่อคืนเด็กขาดรายได้ไปเพียงแค่เธอไม่อยู่คืนเดียว แต่ยังทำใจเย็นเอ่ยออกไปอย่างนุ่มนวล
“ไปธุระนิดหน่อยพี่อ้อ แล้วนี่กินอะไรกันหรือยัง”
ปรางถามรวมถึงเด็กในบ้าน นางอ้อส่ายหน้าไปมา ปรางจึงเดินไปเปิดประตูห้อง วางกระเป๋าบนโต๊ะแล้วหันกลับออกมาล้วงเงินส่งให้นางอ้อจำนวนหนึ่งพร้อมกับเอ่ยออกไป
“พี่อ้อไปตามเด็กสิ อยู่ไหนกันบ้าง ให้ไปกินข้าวแล้วเข้ามานอน ทางนี้ปรางจัดการเอง”
นางอ้อพยักหน้าก่อนเดินกำเงินเดินออกไป เมื่อถึงโซฟาที่ดาบชิตนอนอยู่เธอหยุดนิดหนึ่งทำท่าครุ่นคิดด้วยสีหน้าเคร่งเครียดก่อนหมุนตัวกลับไปหาปราง หญิงสาวอมยิ้มมองหน้านางอ้อที่เดินอย่างลังเลเข้ามา กระทั่งเมื่อหยุดตรงหน้าปรางจึงเอ่ยออกมาอย่างยากเย็นด้วยเสียงในลำคอ
“พี่ชิตจ้างพี่ให้ดูว่าเด็กนั่นอยู่กับปรางหรืออยู่ที่ไหน พี่ไม่สบายใจเลยตั้งแต่รับเงินเขามา”
นางอ้อน้ำตาคลอมองปรางที่ยิ้มกว้างขณะยื่นมือมาจับมือและบีบเบา ๆ
“ไม่เป็นไรพี่อ้อ ไม่ต้องคิดมาก เขาไม่ทำอะไรพี่อ้อหรอก มีอะไรปรางรับหน้าแทนเอง”
หญิงสาวพูดอย่างเห็นใจ เพราะสีหน้าตอนนี้ของนางอ้อ มองดูลำบากใจจริง ๆ
“พี่ขอโทษปราง พี่ไม่น่าเอาเงินเขามาตั้งแต่แรก”
คำสุดท้ายหายไปในลำคอด้วยก้อนสะอื้นจุกลำคอ หญิงสาวบีบมือนางอ้อแน่นขึ้นพร้อมกับเขย่าเบา ๆ ก่อนดึงตัวเข้ามากอดไว้แล้วเอ่ยออกไปอย่างนุ่มนวล
“ไม่เป็นไรพี่อ้อ ปรางไม่โกรธหรอก ปรางเข้าใจพี่อ้อ ปรางรู้นิสัยพี่ชิตดี พี่อ้อรีบไปตามเด็กพาไปกินข้าวเถอะ หิวกันแย่แล้ว เงินมีหรือเปล่าก็ไม่รู้”
นางอ้อพยักหน้ายกมือปาดน้ำตาก่อนหมุนตัวเดินออกไป ขณะเดินผ่านดาบชิตเธอทำท่าหวาด ๆ จนเดินพ้นประตู
หญิงสาวถอนใจอีกครั้งก่อนกลับเข้าห้อง เอาเสื้อผ้าออกจากกระเป๋าวางไว้ก่อนหยุดนิดหนึ่งแล้วคว้ากุญแจเดินไปยังห้องติดกัน
กล่องข้าวและแก้วน้ำยังวางอยู่ที่เดิม ปรางนำถุงเปล่าใกล้ ๆ มาเก็บของที่จะทิ้งใส่ลงไป แล้ววางถุงไว้บนพื้นใต้โต๊ะ ตามองรอบห้อง มาหยุดตรงที่นอน จึงถอนใจออกมาเมื่อนึกถึงชายหนุ่มว่าตอนนี้จะเป็นอย่างไร ตื่นหรือยัง กินข้าวหรือยัง การได้ดูแลเขาเพียงระยะเวลาสั้น ๆ ที่เขาอยู่นี่ กลายเป็นความผูกพัน ซึ่งทำให้ตอนนี้ เหมือนเธอขาดอะไรไปอย่างหนึ่ง หญิงสาวเดินใจลอยไปนั่งลงตรงที่นอน จับผ้าห่มดึงมาวางบนตักพับพลางคิดไปเองว่า มีไออุ่นเหมือนเพชรเพิ่งลุกออกไป
“ทำอะไรปราง”
เสียงห้วน ๆ หน้าประตูทำปรางสะดุ้งนิดหนึ่งก่อนยิ้มกว้างแล้วหันไปมอง
“เด็กน่ามากลับวันนี้ ปรางมาดูห้องน่ะพี่ชิต”
เธอพูดพลางลุกขึ้นเดินเข้าหาดาบชิตซึ่งทำท่าลังเล แต่เมื่อเธอเดินเข้าใกล้จนเกือบถึงตัว เขาจึงถอยจนพ้นหน้าห้องมองปรางไม่วางตา หญิงสาวยังคงยิ้มละไมคล้องผ้าห่มไว้กับแขนพลางสวมกุญแจลงกับสายยู
“ปรางเห็นพี่ชิตหลับเลยไม่อยากกวน เมื่อคืนพี่มาดึกเหรอ”
หญิงสาวเดินเรื่อย ๆ ไปหลังบ้านวางผ้าห่มในกะละมังแล้วตักน้ำในโอ่งใส่ทีละขันจนท่วมผ้าจึงวางขันแล้วหันมายิ้มให้ดาบชิตซึ่งยืนจ้องเธอจากทางเดิน
“ปรางไปไหนมา”
ดาบชิตถามเสียงห้วน ส่วนหญิงสาวยังคงยิ้มอย่างอ่อนโยนขณะเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“ปรางไปเยี่ยมน้องคนหนึ่ง ตอนดึกญาติเขาไม่มาเฝ้าปรางเลยอยู่เป็นเพื่อน”
เธอมองสีหน้าคลางแคลงของดาบชิต ขณะเขาพูดห้วน ๆ ออกมา
“ใคร พี่รู้จักหรือเปล่า”
ปรางยิ้มกว้างก่อนเปลี่ยนเป็นสีหน้าเรียบเฉยก่อนเริ่มรุกกลับไป
“พี่ชิตไม่รู้จักหรอก ว่าแต่ว่า เมื่อคืนพี่กวนใจแขกปรางหรือเปล่า”
ดาบชิตทำท่าอึกอัก นึกปะติดปะต่อเรื่องราวเมื่อคืน เพราะตัวเองก็ตึง ๆ มาจากร้านเหล้าพอควร หญิงสาวเห็นอย่างนั้นจึงรุกต่อไม่ให้ดาบตั้งหลักทัน
“พี่มาที่นี่ได้เสมอ แต่อย่าให้ปรางเสียหาย เพราะถ้าแขกรู้สึกไม่ปลอดภัยเขาก็ไม่มาเที่ยว เมื่อไม่มีคนมาเที่ยว เด็กในบ้านปรางก็ขาดรายได้ พอไม่มีเงินก็พากันย้ายบ้าน คนเดือดร้อนคือปราง”
ดาบชิตยืนนิ่ง หลบสายตาที่มองอย่างจริงจังของหญิงสาว ก่อนพูดอ้อมแอ้มออกไป
“พี่จำไม่ได้เมื่อคืนเมาไปหน่อย แต่คงไม่มีอะไรหรอก พี่มาหาปรางแล้วไม่เจอเลยหงุดหงิดนิดหน่อยแค่นั้น”
หญิงสาวไม่พูดอะไร จ้องหน้าดาบชิตนิ่งเหมือนจะคาดคั้นเอาความจริง กระทั่งเขาเริ่มอึดอัดและเอ่ยอออกมาเบา ๆ
“เออ ๆ พี่ขอโทษ แต่คงไม่มีอะไร พี่กลับก่อนละ แล้วผ่านจะแวะมา”
พูดจบดาบชิตทำหน้ายุ่ง ๆ เดินบ่นพึมพำไปจนพ้นประตู ขณะปรางนั่งลงบนโซฟาพลางถอนใจออกมายาว.....
( มีต่อครับ )
..........วิมานหมอก........ตอนที่ ๗........@@ โดย ลุงแผน
เธอเข้าใจความรู้สึกของเพชรดี เพราะตอนนี้ เธอก็รู้สึกไม่ต่างกับเขาเท่าไร ก่อนออกจากห้อง เธอลูบหลังเพชรแล้วดึงผ้าห่มคลุมตัวให้ก่อนตัดสินใจเดินออกมา ลึก ๆ แล้ว เธอไม่อยากกลับบ้านเหมือนกัน แต่ปัญหาที่ยังค้างคา จะทำให้ที่นี่ไม่เงียบสงบอย่างตอนนี้แน่นอน
ปรางนึกย้อนไปถึงการเริ่มต้นของเขาและเธอแล้วเผลอยิ้มออกมา มันเหมือนฝัน ฝันซึ่งถ้ามีใครบอกก่อนหน้าว่าจะเป็นอย่างนี้ เธอคงไม่เชื่อ เพราะความเป็นไปได้ไม่มี การพบกันเป็นไปยากด้วยเวลาทำงานของเธอ อีกทั้งวัยและสถานะที่ต่างกัน ทำให้โอกาสพูดคุยกันยิ่งยากกว่าเดิม
นึกถึงตรงนี้ปรางต้องถอนใจอีกครั้ง วันข้างหน้าจะเป็นอย่างไรเธอไม่อาจรู้ได้ เพราะโลกนี้ไม่ได้มีแค่เพชรกับเธอ โดยส่วนตัวเขาอาจรับเธอได้ แต่ทาง
สังคมและครอบครัวของเพชร จะรู้สึกอย่างไรกับคำว่า “ผู้หญิงหากิน”
หญิงสาวสลัดความฟุ้งซ่านออกไปเมื่อรถวิ่งช้า ๆ ผ่านสี่แยกกลางตลาด จึงรอให้เลยแยกอีกหน่อยเธอจึงเดินไปจ่ายเงินให้คนขับและบอกเขาจอดให้ลง
ตลาดยามสายคนไม่พลุกพล่านเหมือนตอนเช้าตรู่ แต่ไม่บางตาจนเกินไป ยังคงมีผู้คนซื้อหาของใช้ต่าง ๆ อยู่ประปราย แต่กระนั้น ปรางยังรู้สึกว่าเธออยู่อย่างเดียวดาย และเดินด้วยใจล่องลอยจนถึงบ้านอย่างไม่รู้ตัว
ภาพแรกที่เธอเห็นคือดาบชิตนอนยาวอยู่บนโซฟา ส่วนนางอ้อเมื่อเห็นปรางจึงเดินเข้ามากระซิบพร้อมกับดึงแขนหญิงสาวให้ตามไปข้างใน
“พี่ชิตมาตั้งแต่เมื่อคืน ไม่เจอปรางโวยวายใหญ่ เด็กหลบไปข้างนอกหมดแล้ว ปรางไปไหนมา”
หญิงสาวยิ้มให้นางอ้อ ในใจกังวลว่าเมื่อคืนเด็กขาดรายได้ไปเพียงแค่เธอไม่อยู่คืนเดียว แต่ยังทำใจเย็นเอ่ยออกไปอย่างนุ่มนวล
“ไปธุระนิดหน่อยพี่อ้อ แล้วนี่กินอะไรกันหรือยัง”
ปรางถามรวมถึงเด็กในบ้าน นางอ้อส่ายหน้าไปมา ปรางจึงเดินไปเปิดประตูห้อง วางกระเป๋าบนโต๊ะแล้วหันกลับออกมาล้วงเงินส่งให้นางอ้อจำนวนหนึ่งพร้อมกับเอ่ยออกไป
“พี่อ้อไปตามเด็กสิ อยู่ไหนกันบ้าง ให้ไปกินข้าวแล้วเข้ามานอน ทางนี้ปรางจัดการเอง”
นางอ้อพยักหน้าก่อนเดินกำเงินเดินออกไป เมื่อถึงโซฟาที่ดาบชิตนอนอยู่เธอหยุดนิดหนึ่งทำท่าครุ่นคิดด้วยสีหน้าเคร่งเครียดก่อนหมุนตัวกลับไปหาปราง หญิงสาวอมยิ้มมองหน้านางอ้อที่เดินอย่างลังเลเข้ามา กระทั่งเมื่อหยุดตรงหน้าปรางจึงเอ่ยออกมาอย่างยากเย็นด้วยเสียงในลำคอ
“พี่ชิตจ้างพี่ให้ดูว่าเด็กนั่นอยู่กับปรางหรืออยู่ที่ไหน พี่ไม่สบายใจเลยตั้งแต่รับเงินเขามา”
นางอ้อน้ำตาคลอมองปรางที่ยิ้มกว้างขณะยื่นมือมาจับมือและบีบเบา ๆ
“ไม่เป็นไรพี่อ้อ ไม่ต้องคิดมาก เขาไม่ทำอะไรพี่อ้อหรอก มีอะไรปรางรับหน้าแทนเอง”
หญิงสาวพูดอย่างเห็นใจ เพราะสีหน้าตอนนี้ของนางอ้อ มองดูลำบากใจจริง ๆ
“พี่ขอโทษปราง พี่ไม่น่าเอาเงินเขามาตั้งแต่แรก”
คำสุดท้ายหายไปในลำคอด้วยก้อนสะอื้นจุกลำคอ หญิงสาวบีบมือนางอ้อแน่นขึ้นพร้อมกับเขย่าเบา ๆ ก่อนดึงตัวเข้ามากอดไว้แล้วเอ่ยออกไปอย่างนุ่มนวล
“ไม่เป็นไรพี่อ้อ ปรางไม่โกรธหรอก ปรางเข้าใจพี่อ้อ ปรางรู้นิสัยพี่ชิตดี พี่อ้อรีบไปตามเด็กพาไปกินข้าวเถอะ หิวกันแย่แล้ว เงินมีหรือเปล่าก็ไม่รู้”
นางอ้อพยักหน้ายกมือปาดน้ำตาก่อนหมุนตัวเดินออกไป ขณะเดินผ่านดาบชิตเธอทำท่าหวาด ๆ จนเดินพ้นประตู
หญิงสาวถอนใจอีกครั้งก่อนกลับเข้าห้อง เอาเสื้อผ้าออกจากกระเป๋าวางไว้ก่อนหยุดนิดหนึ่งแล้วคว้ากุญแจเดินไปยังห้องติดกัน
กล่องข้าวและแก้วน้ำยังวางอยู่ที่เดิม ปรางนำถุงเปล่าใกล้ ๆ มาเก็บของที่จะทิ้งใส่ลงไป แล้ววางถุงไว้บนพื้นใต้โต๊ะ ตามองรอบห้อง มาหยุดตรงที่นอน จึงถอนใจออกมาเมื่อนึกถึงชายหนุ่มว่าตอนนี้จะเป็นอย่างไร ตื่นหรือยัง กินข้าวหรือยัง การได้ดูแลเขาเพียงระยะเวลาสั้น ๆ ที่เขาอยู่นี่ กลายเป็นความผูกพัน ซึ่งทำให้ตอนนี้ เหมือนเธอขาดอะไรไปอย่างหนึ่ง หญิงสาวเดินใจลอยไปนั่งลงตรงที่นอน จับผ้าห่มดึงมาวางบนตักพับพลางคิดไปเองว่า มีไออุ่นเหมือนเพชรเพิ่งลุกออกไป
“ทำอะไรปราง”
เสียงห้วน ๆ หน้าประตูทำปรางสะดุ้งนิดหนึ่งก่อนยิ้มกว้างแล้วหันไปมอง
“เด็กน่ามากลับวันนี้ ปรางมาดูห้องน่ะพี่ชิต”
เธอพูดพลางลุกขึ้นเดินเข้าหาดาบชิตซึ่งทำท่าลังเล แต่เมื่อเธอเดินเข้าใกล้จนเกือบถึงตัว เขาจึงถอยจนพ้นหน้าห้องมองปรางไม่วางตา หญิงสาวยังคงยิ้มละไมคล้องผ้าห่มไว้กับแขนพลางสวมกุญแจลงกับสายยู
“ปรางเห็นพี่ชิตหลับเลยไม่อยากกวน เมื่อคืนพี่มาดึกเหรอ”
หญิงสาวเดินเรื่อย ๆ ไปหลังบ้านวางผ้าห่มในกะละมังแล้วตักน้ำในโอ่งใส่ทีละขันจนท่วมผ้าจึงวางขันแล้วหันมายิ้มให้ดาบชิตซึ่งยืนจ้องเธอจากทางเดิน
“ปรางไปไหนมา”
ดาบชิตถามเสียงห้วน ส่วนหญิงสาวยังคงยิ้มอย่างอ่อนโยนขณะเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“ปรางไปเยี่ยมน้องคนหนึ่ง ตอนดึกญาติเขาไม่มาเฝ้าปรางเลยอยู่เป็นเพื่อน”
เธอมองสีหน้าคลางแคลงของดาบชิต ขณะเขาพูดห้วน ๆ ออกมา
“ใคร พี่รู้จักหรือเปล่า”
ปรางยิ้มกว้างก่อนเปลี่ยนเป็นสีหน้าเรียบเฉยก่อนเริ่มรุกกลับไป
“พี่ชิตไม่รู้จักหรอก ว่าแต่ว่า เมื่อคืนพี่กวนใจแขกปรางหรือเปล่า”
ดาบชิตทำท่าอึกอัก นึกปะติดปะต่อเรื่องราวเมื่อคืน เพราะตัวเองก็ตึง ๆ มาจากร้านเหล้าพอควร หญิงสาวเห็นอย่างนั้นจึงรุกต่อไม่ให้ดาบตั้งหลักทัน
“พี่มาที่นี่ได้เสมอ แต่อย่าให้ปรางเสียหาย เพราะถ้าแขกรู้สึกไม่ปลอดภัยเขาก็ไม่มาเที่ยว เมื่อไม่มีคนมาเที่ยว เด็กในบ้านปรางก็ขาดรายได้ พอไม่มีเงินก็พากันย้ายบ้าน คนเดือดร้อนคือปราง”
ดาบชิตยืนนิ่ง หลบสายตาที่มองอย่างจริงจังของหญิงสาว ก่อนพูดอ้อมแอ้มออกไป
“พี่จำไม่ได้เมื่อคืนเมาไปหน่อย แต่คงไม่มีอะไรหรอก พี่มาหาปรางแล้วไม่เจอเลยหงุดหงิดนิดหน่อยแค่นั้น”
หญิงสาวไม่พูดอะไร จ้องหน้าดาบชิตนิ่งเหมือนจะคาดคั้นเอาความจริง กระทั่งเขาเริ่มอึดอัดและเอ่ยอออกมาเบา ๆ
“เออ ๆ พี่ขอโทษ แต่คงไม่มีอะไร พี่กลับก่อนละ แล้วผ่านจะแวะมา”
พูดจบดาบชิตทำหน้ายุ่ง ๆ เดินบ่นพึมพำไปจนพ้นประตู ขณะปรางนั่งลงบนโซฟาพลางถอนใจออกมายาว.....
( มีต่อครับ )