..........เสือ สิงห์ กระทิง อินทรี ........ตอนที่ ๑๒........@@ โดย ลุงแผน

กระทู้สนทนา
                                                                               ..........( เสือ สิงห์ กระทิง อินทรี )........... 
 
 
 
 
         ภาคต่อ
 
 
        ตอนเดิมครับ
 
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
 
 
 
 
        ตอนที่  ๑๒
 
 
.......เสียงสะท้อนไปทั้งป่าเมื่อลำดวนปล่อยกระสุนออกไปยังพุ่มไม้ไกลร่วมยี่สิบเมตรจากตัวเธอตามด้วยเสียง “อึก” ก่อนมีเสียงสวบคล้ายคนล้มลงกลางพุ่มนั้น นกเอี้ยงฝูงใหญ่กรูขึ้นจากยอดไม้ไกล ๆ มองคล้ายกลุ่มควันพลางส่งเสียงจ้อกแจ้กเซ็งแซ่ตลอดทางที่บินไปจนลับเหลี่ยมเขาด้านหน้าพร้อมกับรอบตัวทั้งสามตกอยู่ในความเงียบอีกครั้งหนึ่ง
 
          “เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง”
 
          เสียงปืนจากพุ่มไม้ทางซ้ายมือแหวกความเงียบก้องมาพร้อมกับโคนไม้ข้างตัวเดชฉีกกระจุยเขาพลิกตัวออกไปทันทีที่เสียงเงียบลงพลางเหยียดแขนตรงแล้วดึงนิ้วชี้เข้าหาตัว
 
          “ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง”
 
          ปลอกกระสุนปลอกสุดท้ายปลิวตามนัดอื่นออกไปก่อนที่ลูกเลื่อนจะค้างอยู่อย่างนั้น ใบไม้ตรงพุ่มหนาห่างไปสามสิบเมตรไหวน้อย ๆ เมื่อลูกกระสุนเป็นกลุ่มแหวกเข้าไป เศษใบฉีกขาดพรูลงมากองกับพื้นดินแต่ไม่มีเสียงอะไรแว่วกลับมาเดชวางปืนลงแล้วดึงกระบอกที่เหน็บหลังมาถือไว้มองนิ่งอยู่อึดใจหนึ่งก่อนเหน็บลงคืนเมื่อตรงหน้าไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ และคว้ากระบอกที่วางอยู่ขึ้นมา ชัยมองตรงไปข้างหน้ามือซ้ายประคองด้ามปืนมั่นขยับตัวเบียดเข้าโคนไม้อีกนิดเพื่อกำบังตัวขณะชำเลืองมองทางลำดวน
 
          “สองคนนี้เข้ามาลึกเกิน คนอื่นยังมาไม่ทันเราถอยกลับไปที่ถนนก่อนดีกว่า”
 
          เธอพูดพลางยืดตัวขึ้นยืนช้า ๆ ชัยมองเลยไปในพุ่มไม้เดิมที่ลำดวนยิงเข้าไปเผยยิ้มออกมานิดหนึ่งก่อนวาดปืนไปนั้นช้า ๆ แล้วเหนี่ยวไก
 
          “ปัง ปัง”  
 
        มีเสียงสวบตามมาพร้อมร่างหนึ่งล้มคว่ำหน้าออกมาครึ่งตัวมือกำปืนแน่นสั่นระริกอยู่อึดใจก่อนคลายออกแล้วนิ่งไปชัยพูดออกมาเบา ๆ พลางมองหน้าลำดวนที่ยืนขึ้นเต็มตัว
 
          “สามสิ ไม่ใช่สอง”
 
          ลำดวนทำหน้าเฉย ๆ ก่อนมองเลยไปยังเดชที่ค่อย ๆ ยืดตัวขึ้นตามองไปที่พุ่มไม้เรียงรายอย่างระวังพร้อมกับเอ่ยขึ้นมา
 
          “บนถนนพวกมันไม่รอกันเต็มแล้วรึ อยู่สูงกว่าเราด้วยเอาไงดีชัย”
 
          เดชถามด้วยสีหน้าเรียบ ๆ  บนถนนนั้นฝ่ายตั้งรับน่าจะขนคนมาทางรถได้ครั้งละหลายคนและใช้เวลาเดินทางง่ายกว่าในป่า ชัยหันไปพยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วยก่อนหันกลับมาทางลำดวน
 
          “เดินสวนเข้าในไร่เลยเป็นไงลำดวน เบี่ยงออกข้างอ้อมเขาลูกหน้าไกลหน่อยรกหน่อยช่างมันคิดว่าพวกพี่คมน่าจะตรงมาทางนี้ตามเสียงปืนแล้วละ”
 
          ชัยพูดพลางเหน็บปืนไว้ตรงเอวด้านหน้าแล้วก้มลงดึงปลายขากางเกงขึ้นชักมีดเดินป่าเล็กกะทัดรัดแต่หนาและคมกริบออกมาก่อนพยักหน้าให้ลำดวนและหันมองไปทางเดช
 
          เดชย่อตัววางปืนในมือลงกับพื้นแล้วยืนขึ้นยกมือดึงหัวเข็มขัดออกมาช้า ๆ  มีดเล็กแหลมความยาวเกือบเท่าฝ่ามือก็ปรากฏอยู่ในสายตา เขาปักมีดกับเข้าต้นไม้แล้วติดกระดุมเข็มขัดให้แน่นอย่างเดิมก่อนก้มลงหยิบปืนขึ้นมากดปุ่มด้านข้างปล่อยแมกเก่าร่วงลงดินล้วงแมกใหม่จากกระเป๋าใส่เข้าตรงท้ายด้ามดันจนดังกริกใช้นิ้วโป้งดันเซฟให้ลูกเลื่อนที่ค้างอยู่ดันขึ้นหน้าป้อนกระสุนเข้ารังเพลิงแล้วเหน็บลงที่เอวเอื้อมมือดึงมีดที่ปักอยู่มาถือไว้ก่อนก้าวออกมา
 
          ลำดวนมองชัยที่เดินช้า ๆ ตามจังหวะเท้าของเดชก่อนเธอจะก้าวออกขวามือช้า ๆ เช่นกัน ตามองไปข้างหน้าอย่างระวังมือซ้ายรองกระโจมปืนส่วนศอกขวาแนบพานท้ายแน่นกับลำตัวนิ้วอยู่ในโก่งไกเตรียมพร้อมตลอดเวลาขณะเสียงชะนีกู่อยู่ข้างหน้าไกล ๆ  
 
          เสียงปืนหลายกระบอกแว่วมาจากถนนด้านหลัง ทั้งสามเดินขึ้นหน้าโดยใช้ต้นไม้รายทางเป็นที่กำบังเมื่อผ่านต้นหนึ่งก็ก้าวเข้าด้านหน้าแล้วสืบเท้าขึ้นไปปล่อยต้นไม้อยู่ด้านหลังตัวเองก่อนเดินเข้าด้านหน้าของต้นต่อไป
 
          กระสุนที่ปลิวมาผ่านใบไม้เหนือหัวดังกราว กิ่งเล็ก ๆ หลุดร่วงลงมาเป็นฝอยขณะเสียงปืนยังยิงมาอย่างไม่หยุดยั้งและจากเสียงที่ได้ยิน คนทั้งหมดน่าจะเดินใกล้สุดเนินในอีกไม่กี่อึดใจคงถึงพื้นราบและไล่หลังใกล้พวกเขามากกว่าเดิม
 
          ลำดวนก้าวออกขวามือทุกครั้งที่ถึงต้นไม้ต้นต่อไปขณะเดชกับชัยก็ทำตามนั้นตอนนี้ทั้งหมดจึงออกจากทางเดิมที่มีต้นไม้ใหญ่เรียงห่าง ๆ เข้ามาอยู่ในป่าทึบกว่าเก่าที่มีพุ่มไม้ใหญ่น้อยกระจัดกระจายส่วนต้นสูงใหญ่ยังคงมีเป็นระยะรายทาง เสียงกระสุนตัดผ่านใบไม้ยังคงดังชัดเจน ทันใด เดชหยุดเดินยืนนิ่งพลิกตัวเข้าหลังต้นสนก่อนยกมือชี้ให้ชัยกับลำดวนมองลอดพุ่มไม้ไปทางซ้ายตรงแนวต้นสนเส้นทางเดิมที่พวกตนเลี่ยงมา ตรงนั้นชายสองคนหมอบนิ่งยู่โคนต้นไม้คนละต้นใกล้ ๆ กัน ปืนไรเฟิลในมือเล็งรอไปตรงหน้าซึ่งถ้าเดชกับพวกเดินตรงมาจะเข้าระยะยิงแน่นอน
 
          ชัยย่อตัวลงขยับมีดสั้นในมือให้กระชับหางตามองดูเดชที่ทำเช่นเดียวกันก่อนขยับเท้าเข้าไปช้า  ๆ ขณะกระสุนจากเนินด้านถนนยังคงปลิวมาไม่ขาดตอน
 
          เสียงลูกกระสุนพุ่งผ่านใบไม้และตัดกิ่งเล็ก ๆ หล่นลงมาไม่ทำให้สมุนอาคมสองคนขยับกายแต่อย่างใดตายังคงเพ่งมองพวกของชัยที่กำลังถูกบีบเข้ามาหาตัวเอง แต่เสียงสวบ ๆ ของการก้าวเท้าถี่ ๆ ที่ออกมาจากป่าข้างทางทำเจ้าคนหนึ่งหันมองและก่อนที่มันจะอ้าปากพูดอะไรบางอย่าง เสียงสนั่นก็ดังแทรกขึ้นมาทันที 
 
          “เปรี้ยง เปรี้ยง”
 
          ทั้งสองฟุบหน้าลงพร้อมกันไม่มีเสียงออกมาสักแอะเดียวชัยมองลำดวนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขาเห็นควันจากปากกระบอกปืนในมือเธอลอยจาง ๆ ก่อนเธอจะค่อย ๆ ลดมือลง เขาส่ายหน้าไปมาก่อนก้มลงเหน็บมีดเดินป่าไว้ที่เดิมขณะเดชเก็บมีดหัวเข็มขัดเสียบกลับเข้าซองแล้วก้าวเข้าไปที่เจ้าคนแรก ย่อตัวลงลงคว้าไรเฟิลตรงหน้าเจ้านั่นลากมาวางข้างเท้าก่อนดึงกระเป๋าผ้าที่วางข้าง ๆ มาเปิดออกดูในนั้นมีกระสุนอยู่สี่กล่องจึงคล้องเข้ากับบ่าตัวเอง
 
          “ต้องรีบหน่อยแล้วลำดวน เสียงแบบนี้เดี๋ยวพวกในไร่ก็แห่มา” 
 
          ชัยพูดเบา ๆ ก่อนก้าวไปยังร่างที่นอนนิ่งอยู่อีกคนย่อตัวลงคว้าไรเฟิลแบบเดียวกันขึ้นมาถือไว้พร้อมหิ้วกระเป๋ากระสุนมาคล้องบ่าขณะเดชคว้าปืนข้างตัวลุกขึ้นยืนมือขวาจับคอปืนพลิกช่องป้อนกระสุนหงายขึ้นใช้นิ้วโป้งซ้ายรั้งคานเหวี่ยงออกมาครึ่งหนึ่งเมื่อเห็นกระสุนรออยู่ในนั้นจึงดันคานเหวี่ยงกลับอย่างเดิมแล้วพาดปืนขึ้นบ่าก่อนเตรียมก้าวเดิน
 
          ลำดวนยักไหล่นิดหนึ่งมองหน้าชัยนิ่งขณะเขาลุกยืน ชัยมองเธอกลับถอนใจออกมาเบา ๆ ก่อนยิ้มให้เธอ
 
          “ชั้นแค่อยากให้เรื่องนี้มันจบไว ๆ น่ะชัย อีกอย่างชั้นเคยทำงานคนเดียว”
 
          ลำดวนพูดออกมาจากใจ ตลอดเวลาก่อนวางมือครั้งก่อนเธอคือแม่เสือสาวที่เข้าแห่งไหนก็ไปเพียงลำพัง เดชยืนนิ่งไม่พูดอะไรมองทั้งสองคนแล้วขยับออกไปยืนข้างต้นสนตรงหน้ากวาดสายตามองรอบ ๆ ขณะเสียงชะนีกู่แว่ว ๆ พร้อมเสียงปืนดังประปรายจากการยิงสุ่มเข้าพุ่มไม้ของสมุนอาคมที่ไล่หลังใกล้เข้ามา
 
          ชัยหันยิ้มให้ลำดวนก่อนถอนใจออกมา คิดในใจว่าสถานการณ์ตอนนี้พวกตนตกเป็นรองอย่างเห็นได้ชัด โชคยังดีที่สมุนอาคมพวกที่มาจากทางไร่มาไม่พร้อมกันน่าจะเป็นเพราะการเดินทางยากกว่าทางรถ พวกที่ไปทางถนนจึงไปถึงเร็วกว่าพวกเดินลุยป่าเข้ามาแต่ถึงกระนั้นคนแค่สามคนคงยันไว้ได้ไม่นานโดยเฉพาะสภาพจิตใจของเดชตอนนี้เห็นได้ชัดว่าเขาช้าลงไปมากถ้าชัยคิดไม่ผิดเขาคิดว่าเดชกำลังมีความรู้สึกเคว้งคว้างเพราะดูไปก็คล้ายกับไม่เหลือใครข้างตัว ชัยก้าวช้า ๆ เข้าหาลำดวนยกมือขึ้นจับแขนเธอไว้พูดขึ้นเบา ๆ 
 
          “ชัยรู้ ชัยก็แค่ห่วงเท่านั้นไอ้จบมันจบแน่แต่เราต้องใจเย็น ๆ วู่วามไปก็แค่นั้นคนเรามีน้อยกว่าทำอะไรต้องคิดช้า ๆ”
 
          ลำดวนก้มหน้าถอนใจก่อนเอ่ยออกมา 
 
          “นี่ถ้าไม่ใช่เรื่องอาคมชั้นไม่มาเด็ดขาด เสร็จงานแล้วชัยเอาปืนไปทิ้งไกล ๆ เลยนะครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายจริง ๆ ชั้นจะอยู่บ้านกับลูก”
 
          เธอพูดจบเงยหน้ามองชัย เขาพยักหน้าช้า ๆ ยิ้มออกมา ก่อนหันไปทางเดชที่มองอย่างระวังรอบ ๆ ตัว
 
          “เอาไงดีชัยข้างหน้าคงรอกันเพียบแล้วตอนนี้ ส่วนข้างหลังก็ใกล้เข้ามา”
 
          เดชถามขึ้นขณะเสียงปืนใกล้กว่าเดิม แรงกระสุนที่ปะทะกิ่งไม้และลำต้นเริ่มแรงกว่าตอนแรกที่ลอยมาไกล ๆ
 
          ขัยนิ่งนิดหนึ่งคิดหาทางฝ่าออกไปด้านข้างเพราะถ้าตอนนี้เจ้าเบิ้มยังมาไม่ถึง โอกาสที่เขาสามคนจะชนะเป็นไปไม่ได้เลย ขณะเดชกับลำดวนรอคำตอบอยู่นั้นเสียงปืนแน่น ๆ คุ้นหูตามมาด้วยเสียงกู่ยาว ๆ ดังไกลจากแนวหลังของสมุนอาคมที่ดาหน้าลงเนินมา 
 
          “เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง” 
 
          “วู้ๆๆๆๆ วู้ๆๆๆๆๆ”
 
        ลำดวนหมุนตัวกลับไปทางทิศนั้นทันทีพร้อมกับยกปืนในมือขึ้นเตรียมพร้อมก่อนเดินออกซ้ายเข้าพุ่มรกด้วยก้าวยาว ๆ เดชกำคอปืนไรเฟิลในมือเตรียมยกขึ้นขมวดคิ้วนิดหนึ่งมองหน้าชัยที่มองยิ้ม ๆ กลับมา
 
          “เสียงลุงชิต เราแยกกันไป ตีกลับเก็บให้เรียบอย่าให้เหลือ”
 
          ชัยพูดจบประคองไรเฟิลด้วยสองมือแล้ววิ่งตามลำดวนไปป่ารกหายไป เดชเห็นดังนั้นจึงหันกลับก้าวเข้าป่าด้านขวาของตัวเองแล้วลัดลึกเข้าไปอย่างเร็วขณะเสียงปืนดังต่อเนื่องแว่วมา
 
         “เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง”......
 
          
           ( มีต่อครับ )
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่