..........เสือ สิงห์ กระทิง อินทรี ........ตอนที่ ๙..........@@ โดย ลุงแผน

กระทู้สนทนา
                                                                

 .............( เสือ สิงห์ กระทิง อินทรี ).............
 
 
 
ตอนเดิมครับ
 
 
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
 
 

        ตอนที่  ๙
 

......... รถที่หมุนคว้างอยู่กลางถนน ก่อนกลิ้งไปด้านข้างหลายตลบ อยู่ตรงหน้าไม่ไกล ชัย  เดช และน็อต ซึ่งกำลังผ่านมาบนรถอีกคัน ทุกคนมองเห็นชัดเจน ทั้งตัวรถ และประกายไฟจากการเสียดสี ระหว่างโลหะกับพื้นถนน ส่องสว่างสูงจากพื้นขึ้นไปเป็นวา ก่อนที่รถคันนั้นจะหายลับลงข้างทางไป

        เศษชิ้นส่วนต่าง ๆ และเศษกระจก กระจายเกลื่อนบริเวณ  รอยไถล สร้างร่องสีขาวตัดกับสีดำของพื้นถนน เป็นเส้นลึกยาวสุดไหล่ทาง  ฝุ่นควันคลุ้ง ลอยอ้อยอิ่งคล้ายหมอกบาง ๆ กลิ่นยางไหม้ ผสมกลิ่นน้ำมันเบนซิน ตลบอบอวล

        ชัย หันมองหน้าทั้งสองคน และเมื่อเดช พยักหน้าช้า ๆ พร้อมกับหมุนกระจกข้างลงเพื่อเห็นรอบข้างได้ชัดเจน ชัย จึงทำแบบเดียวกัน แล้วเร่งเครื่องเร็วขึ้น หักพวงมาลัยย้อนศรเข้าเลนขวา จนถึงจุดที่รถตกลงไป 

        แสงไฟหน้ารถสาดไปยังถนนที่ทอดยาว เมื่อมองลงไปในคู จากแสงที่กระจายออกด้านข้างราง ๆ พวกเขาเห็นแค่ชิ้นส่วนเล็ก ๆ ลอยกระจายอยู่ในน้ำ พร้อมพรายฟองใหญ่น้อยผุดขึ้นมาไม่ขาดสาย จึงพากันละสายตา มองกลับมาบนถนน 

       ข้างหน้านั้น ทั้งสามเห็นรถกระบะ จอดอยู่ไกลประมาณห้าสิบเมตร รถคันนั้นไม่ได้เปิดไฟหน้า แต่แสงไฟจากรถของชัย ทำให้เห็นคนห้าคน เดินอย่างเร็วเข้ามาพร้อมปืนในมือ

        “ท่าจะไม่ใช่รถคว่ำธรรมดาแล้วเรา” เดชพูดขึ้น พลางล้วงปืนขึ้นมาดึงลูกเลื่อนดัง แกรก แล้วถือเตรียมพร้อมไว้ ส่วนน็อตก็ทำอย่างนั้นเช่นกัน ชัย ล้วงปืนขึ้นมา ง้าง นกปืนขึ้น แล้วใส่ไว้ซอกข้างประตู พลางมองกระจกหลังคิดว่าจะถอยรถเพื่อหลบจากเหตุการณ์วุ่นวาย ขณะเจ้าสองคนหน้า ยกปืนขึ้น เล็งมาทางพวกเขา ส่วนเท้ายังคงก้าวเดิน

        “ถอยดีกว่า เรื่องอะไรก็ไม่รู้ ปล่อยเขาเคลียร์กันเองละกัน” ชัยพูดพร้อมใส่เกียร์ถอยหลัง ส่วนเท้าแตะคันเร่งเตรียมออกตัว ยังไม่ทันเหยียบลงไป เดช ก็เปิดประตูออกกว้าง ก้าวขาลงไปยืนบนพื้น วางแขนบนกรอบประตูบนสุด มือซ้ายหงายรองด้ามปืนจากมือขวาที่กำไว้อย่างมั่นคง ปากกระบอกชี้ไปทางกลุ่มคนที่เดินเข้ามา พลางพูดเบา ๆ 

        “ไม่ทันแล้วเพื่อน”

        “ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง”

        เดช เหนี่ยวไกตามจำนวนคนที่เรียงรายเข้ามา และเห็นกับตาว่าล้มลงสามคน ชัย ใส่เกียร์ว่างดึงเบรกมือ เปิดประตูรถออกพร้อมทั้งคว้าปืนขึ้นมา เหยียดแขนเล็งยิงซ้ำเข้าไป

        “ปัง ปัง ปัง”

        พอพวกที่เหลือล้มลงกองอยู่ใกล้ ๆ กัน ชัย จึงลงจากรถ ก้าวลงไปตามไหล่ทาง เพื่อใช้เนินดินเป็นแนวกำบัง เดช เดิน ไปยังท้ายรถ พร้อมกับน็อต ที่ลงรถเดินตามมาหลบหลังกระบะท้าย ใกล้ ๆ กัน 

        “เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง”

        เสียงปืนมาจากทางรถคันที่จอดอยู่ข้างหน้า แสงไฟจากรถของ ชัย เผยให้เห็นคนวิ่งไปมาตรงนั้น ดูแล้วไม่น่าจะต่ำกว่าห้าคน ส่วนบนกระบะท้าย ที่มาของเสียงปืน มีคนหนึ่งยืนอยู่ พาดปืนยาวกับหลังคา ปล่อยกระสุนมาทางกลุ่มของชัย อย่างไม่ขาดตอน

        “เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง”

        ฝุ่นตรงหน้า ชัย ตรงไหล่ทาง ฟุ้งขึ้นมาพร้อมเศษหินกระจาย เขานั่งย่อตัวนิ่ง รอจังหวะสวนกลับไป 

        “ปัง ปัง ปัง” 

        เดช และน็อต ปล่อยกระสุนออกไปเกือบพร้อมกัน เมื่อชายบนหลังรถหันไปสนใจ ชัย ที่อยู่ด้านข้าง ระยะขนาดนี้ ปืนสั้นสองกระบอกหวังผลไม่ได้มากมายนัก จริงดังคาด เพราะหลังจากสิ้นเสียงปืนของ เดช และน็อต กระสุนปืนทางนั้นก็พุ่งมาเจาะตัวรถ และกระจกหน้า จนร้าวทั้งบาน

        “เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง” 

        ทั้งสองนั่งย่อลงตรงตำแหน่งล้อหลังคนละด้าน รอยกระสุนแฉลบบนพื้นข้างตัวเพิ่มขึ้น ทุกครั้งที่มีเสียงปืนดังมาหนึ่งชุด สลับกับเสียงปะทะตัวรถ ที่เข้าหูดังกราว น็อต หันมองลุงชัย ที่อยู่ต่ำลงไป และพอลุงชัยขยับยืดตัวขึ้นมาเพื่อจะยกปืนยิง เป้าหมายจากทางนั้นก็เปลี่ยนทิศทาง ไปยังลุงชัย

        “เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง”

        ฝุ่นฟุ้งกระจาย พร้อมหัวกระสุนปลิวข้ามหัวชัยไป ทำเจ้าตัวต้องย่อตัวถอยกลับอย่างเดิม มองมาทาง สองคนที่อยู่ท้ายรถ ก็มีสภาพไม่ต่างกันเท่าไร

        “เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง” 

        เดช ดึงหัวหลบเข้ามา ก่อนที่ลูกกระสุนกลุ่มหนึ่งจะผ่านหน้าอย่างฉิวเฉียด หลังยื่นออกไปเพื่อหาจังหวะยิง จากสายตาที่มองไปเพียงแวบเดียว เขาเห็นว่า ที่รถคันนั้น ไม่มีใครอื่น นอกจากเจ้าคนที่ส่ายปืนยาวเลือกเป้าอยู่คนเดียว เดช คิดช้า ๆ ว่าคนที่เหลืออยู่ไหนกันหมด พลันสายตาของเขามองไปยังฝั่งถนนตรงข้าม ที่ลาดต่ำ และลึกลงไปเช่นเดียวกับด้านที่เขาอยู่ จึงมั่นใจว่าในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า พวกเขาต้องโดนโจมตีจากอีกด้านแน่นอน และกระสุนที่ลอยลิ่วมาตลอดเวลา จะทำให้การตั้งรับเป็นไปอย่างยากเย็น 

        ชัย เงยหน้ามองดูเดช ที่ส่งเสียงบอกมาว่าฝ่ายตรงข้าม กำลังเลาะริมคูอีกฝั่งเข้ามา และน่าจะใกล้ถึงแล้ว ให้ชัยเตรียมตัวป้องกัน ชัยพยักหน้ารับรู้ คิดในใจว่า ถ้าจะให้ เดช กับน็อต ลงมาอยู่กับเขาก็ไม่ยาก แต่คงได้เพียงชั่วคราว เพราะถ้าเจ้าคนคุมปืนยาว ลงตามเนินมาตั้งหลักยิงจากตรงนั้น สมทบด้วยพวกห้าคนอีกฝั่ง แนวยาวสุดตาของไหล่ทาง คงไม่มีที่กำบังอย่างแน่นอน

        ทั้งสามคน คงตั้งหลักอยู่ที่เดิมของตัวเอง ต่างถอนใจออกมายาว ๆ เดช และน็อต มองไปฝั่งตรงข้ามนิ่งรออยู่ พร้อมเหนี่ยวไกถ้ามีใครโผล่ขึ้นมาแม้เพียงเงา

          นาทีนั้น ความเงียบ ปกคลุมทั่วบริเวณ บรรยากาศรอบตัวดูวังเวง จนอึดอัดใจ ชัยค่อย ๆ ยืดตัวช้า ๆ มือประคองปืนมั่น มองไปทางรถคันที่มือปืนยืนหลังกระบะ สิ่งที่เห็นในสายตา คือร่างใหญ่หนา ก้าวยาว ๆ ขึ้นไปจากไหล่ทางลาดชัน เลยท้ายรถมือปืนไปหน่อย จากตรงที่ชัยยืนอยู่ เห็นชัดว่าร่างนั้นเปียกชุ่มทั้งตัว ชัยส่งเสียงเบา ๆ ให้เดช และน็อตมองดู ซึ่งพอทั้งคู่หันไป ก็อุทานออกมาแทบจะพร้อมกัน

        “เจ้าเบิ้ม”

        “อาเบิ้ม"

        เพียงแค่ ชัย หายใจเข้าและหายใจออกมาเท่านั้น ร่างหนาใหญ่ก็เดินถึงข้างรถ และยื่นแขนเข้าไปที่เจ้ามือปืน โดยเจ้านั่นไม่ทันรู้ตัว มือแข็งปานคีมเหล็กจับข้อมือกระชากจนปืนร่วงจากมือ และตัวลอยข้ามกระบะมาตกที่พื้นอย่างแรง เจ้าเบิ้มกำหมัดเงื้อขึ้นสุดแขน ทิ้งตัวใหญ่ยักษ์ลงอย่างเร็ว กำปั้นกลมใหญ่กระแทกหน้า พร้อมกับเข่าที่อัดลงเต็มหน้าอก เสียงกระดูกหักดัง กรอบ ร่างนั้นแน่นิ่งไปทันที

        เหมือนกับทั้งสามคน จะได้ยินเสียง กรอบ แว่วมา พร้อมร่างนั้นนอนเหยียดยาว เจ้าเบิ้มยืดตัวลุกขึ้น เอื้อมมือเข้าในกระบะอีกครั้ง คราวนี้มีปืนติดมือมาด้วย มองไกล ๆ เห็นแมกกาซีนยาวเกือบหนึ่งฟุต ทั้งหมดก็รู้ว่านั่นคือ ลูกซองออโต้นั่นเอง

        เจ้าเบิ้มดึงแมกเก่าออก โยนเข้าในรถอย่างไม่ใยดี เอื้อมคว้าแมกกาซีนใหม่กระสุนเต็มในกระบะ มาใส่เข้าไปแทน พร้อม เหน็บไว้ที่หลังอีกสองแมก ก่อนทำสัญญาณ ให้ทาง ชัย และทุกคน มองไปยังฝั่งตรงข้ามที่เจ้าพวกนั้นอยู่ แล้วตัวเจ้าเบิ้มเองก็ข้ามถนนเดินลงไหล่ทางหายไป ...

        ( มีต่อครับ )
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่