..........เสือ สิงห์ กระทิง อินทรี ........ตอนที่ ๖..........@@ โดย ลุงแผน

กระทู้สนทนา
                                                       



 ...........( เสือ สิงห์ กระทิง อินทรี )............
          ตอนเดิมครับ
 
       
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
 
 
               ตอนที่  ๖
 

               ..... “เปรี้ยง” 

               เจมส์ รู้สึกเหมือนเสียงอยู่ใกล้แค่เอื้อมนี่เอง แรงอัดอากาศผ่านตัวเธอไปอย่างเร็ว กลิ่นดินปืนฟุ้งอยู่รอบตัว มองไปทางบันได เห็นเท้าเจ้าเบิ้มก้าวมาทางโต๊ะที่เธอหมอบอยู่ด้านล่าง พร้อมสาดกระสุนเข้าไปในสวน 

               “ปัง ปัง ปัง”

               “เปรี้ยง เปรี้ยง” เสียงแน่น ๆ ตอบกลับมา ทำเจ้าเบิ้มหันกลับวิ่งเข้าในสวนอีกด้าน ขณะเดียวกับกระเป๋าผ้าย่อม ๆ ใบหนึ่งลื่นไถลมาตามพื้น และหยุดนิ่งเมื่อกระทบสีข้างเธอพอดี เจมส์ เอื้อมมือคลำดู แล้วยิ้มออกมาเมื่อสัมผัสผ้าหยาบ ๆ ที่คุ้นเคยเป็นอย่างดี เธอดึงมาข้างหน้าตัวเองรูดซิปกระเป๋าออก ดึงห่อผ้าข้างในมาคลี่บนพื้น

               .๓๘ สเปเชียล ที่พ่อให้ไว้นอนสงบนิ่งอยู่บนนั้น เธอคว้าขึ้นมาพร้อมนิ้วโป้งง้างนกโดยอัตโนมัติ ก่อนวางบนอุ้งมือขวา เล็งไปทางบันไดอย่างบรรจง

               เสียงคุ้นหูเรียกเบา ๆ ทำให้ เจมส์ ดันตัวไปตามพื้น ออกจากใต้โต๊ะลุกขึ้นยืน ก้าวเท้าออกจากใต้ถุนบ้าน เดินเข้าหลังต้นมะปรางอย่างรวดเร็ว ลุงชิตยืนอยู่ในเงาความสลัวถัดไปไม่ไกล มองมาทางเธอพร้อมทำสัญญาณให้อ้อมไปด้านหน้ากัน เธอพยักหน้าเข้าใจ เดินเร็ว ๆ  ไปข้างรั้ว แล้วยืนหันมองมาทางลุงชิต เห็นลุงกำลังยกปืนเล็งไปทางที่คาดว่าเจ้าเบิ้มอยู่ แล้วเหนี่ยวไกออกไป 

               “เปรี้ยง เปรี้ยง”

               โดยไม่รอดูผล ลุงชิตวิ่งตามเจมส์มา แล้วก้มลอดรั้วนำออกไป หญิงสาวทำตาม แล้วทั้งคู่ก็เลาะรั้วมุ่งไปด้านหน้าที่รถพวกเจ้าเบิ้มจอดอยู่ตรงนั้น

               “ปัง ปัง” 

               เจ้าเบิ้มวิ่งอยู่ด้านใน หลังออกมาจากข้างบ้านด้วยความรวดเร็ว ต่างกับขนาดตัวที่ใหญ่โต ยกปืนยิงออกมาทันทีที่เห็นทั้งสองคนวิ่งอยู่ด้านนอก ลุงชิตรีบดึง เจมส์นั่งลง มองเจ้าเบิ้มวิ่งไปขึ้นรถ แล้วจึงลุกวิ่งตามไป

               เมื่อถึงถนนหลัก เจมส์ เห็นเจ้าเบิ้มเปิดประตูก้าวขึ้นบนรถพร้อมคนขับออกรถไปขณะประตูยังไม่ปิดดี เสียงล้อบดถนนดังยาว ท้ายรถปัดไปมาสามสี่หนก่อนจะตรงไปข้างหน้า เจมส์ ยกปืนในมือขึ้นเหนี่ยวไกปล่อยกระสุนออกไป จนหมดเกลี้ยงไม่เหลือแม้แต่นัดเดียว

               “ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง”

               ควันดินปืนฟุ้งรอบตัวอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะจางลงพร้อมกับไฟท้ายรถคันนั้น ไกลออกไป จนลับตา เจมส์ มองตามด้วยความเจ็บใจ มือที่ถือปืนทิ้งข้างลำตัว เม้มปากพลางถอนใจ

               ลุงชิต เดินเข้ามา โอบไหล่หลานรักแล้วตบเบา ๆ เป็นทีปลอบใจ แล้วเอ่ยขึ้นมา

               “ปล่อยเค้าไป เอ็งปลอดภัยก็ดีแล้ว” แล้วพยักหน้าชวน เจมส์เข้าในบ้าน เธอมองหน้าลุงชิต ยิ้มให้ เดินตามแต่โดยดี

               “ขอบคุณลุงมาก ๆ ถ้าไม่เจอลุง หนูคงแย่แน่เลย แล้วนี่พ่อไปไหน ลุงไม่ได้ไปกับพ่อเหรอ” เธอเพิ่งนึกออก หรือว่าพ่อยังอยู่ที่นั่นยังไม่กลับมา คิดถึงตรงนี้ เจมส์ เริ่มเป็นห่วงพ่อขึ้นมา

               “ลุงพาแม่เอ็งไปคอยอยู่ที่ไร่ข้างหลังนู่น เลยย้อนเข้ามาดูในบ้านเผื่อมีอะไร พ่อเอ็งเดี๋ยวก็กลับ” ลุงพูดเรื่อย ๆ ขณะเดินเข้าในตัวบ้าน วางปืนลงบนโต๊ะตัวใหญ่ แล้วหันมาถามเจมส์ ที่นั่งลงบนโต๊ะตัวเดียวกัน

               “จะอยู่นี่ หรือจะไปหาแม่เอ็ง”

               เจมส์ ดันตุ่มปลดโม่ไปข้างหน้าพร้อมผลักลูกโม่ออกทางซ้าย หงายลำกล้องขึ้นบน ดันก้านคัดปลอกจนสุด ปล่อยปลอกเปล่าร่วงลงพื้นจนหมด แล้วเธอก็หยอดลูกเข้าช่องโม่ทีละลูกจนครบ ก่อนปิดกลับ เงยหน้ามองลุง พูดขึ้นมา

               “ไปหาแม่ดีกว่าลุง แม่อยู่คนเดียว เดี๋ยวโทรบอกให้พ่อตามไป”

               ลุงชิตพยักหน้าเข้าใจ ยกปืนขึ้นมาถือ พร้อมหิ้วกระเป๋ากระสุนเดินนำไปที่รถ หญิงสาวยัดปืนใส่กระเป๋าสะพายแล้วหิ้วเดินตามลุงจนถึงรถเปิดประตูก้าวขึ้นไปนั่ง วางกระเป๋าไว้บนตัก ดึงประตูปิดแล้วเอ่ยขึ้นเบา ๆ 

               “กุญแจก็ไม่อยู่แล้ว พ่อจะว่ายังไงมั่งก็ไม่รู้” เธอกังวล ว่ารักษาของของพ่อไว้ไม่ได้ ลุงชิตหันมาตบไหล่เธอ แล้วพูดปลอบใจ

               “ไม่เป็นไรหรอกน่า เดี๋ยวชัยมันกลับมาค่อยคุยกัน ว่าจะทำไงต่อ พ่อเอ็งไม่ใช่คนไม่มีเหตุผล”

               ลุงชิตพูดพลาง บิดกุญแจสตาร์ทเครื่อง เปิดไฟหน้า แสงไฟไล่ความมืดเห็นสว่างเป็นลำพุ่งไปไกล แล้วลุงชิตก็ใส่เกียร์ เคลื่อนรถ มุ่งไปในไร่ ที่อยู่ไม่ไกลเท่าไร...
 

               ..เจ้าเบิ้ม คลำกุญแจในกระเป๋า คิดถึงความเป็นไปได้ช้า ๆ  ขณะรถวิ่งด้วยความเร็ว บนถนนตอนนี้ไม่มีรถสวนไปมาเพราะเวลาล่วงไปค่อนคืน ลูกน้องคนหนึ่ง โดนกระสุนเข้าที่ไหล่ด้านหลัง ร้องโวยวายจนเจ้าเบิ้มต้องตวาดออกไป เจ้านั่นจึงเงียบลง เปลี่ยนเป็นนั่งกัดฟันมือเอื้อมคลำแผลที่ไม่ลึกนัก แต่ก็ทำความเจ็บปวดให้เกิดขึ้นพอสมควร และเลือดก็ไหลซึมออกมาตลอดเวลา

               “เอาไงดีพี่” เจ้าคนขับถามขึ้นมาหลังจากเงียบกันไปครู่ใหญ่ ๆ เจ้าเบิ้มนิ่งอยู่ครู่หนึ่งจึงเอ่ยขึ้นมา

               “ตาลุงอยู่นี่ กับนังหนูนั่น เสือชัย มีแค่เจ้าหนุ่มหน้าอ่อนสองคน เราไปดักหน้าดีกว่า” จบคำเจ้าคนขับก็เร่งเครื่องขึ้นไปทันทีตามลูกพี่บอก ทุกคนในรถต่างตรวจดูอาวุธของตัวเอง เพื่อความพร้อม เจ้าคนเจ็บหน้าตาดีขึ้นมาหลังจากได้ยินลูกพี่สั่งลุย ตั้งใจไปขยี้เสือชัยให้หายแค้น ที่โดนยิงไล่หลัง จนกระสุนมาฝังอยู่ตรงไหล่

               “คนอื่น ฆ่าให้เรียบ เว้นเสือชัยคนเดียว ข้าต้องเอาไว้ไขปริศนาบางอย่าง”

               เจ้าเบิ้ม นึกถึงกุญแจที่ได้มา และนึกหาวิธีที่จะให้ ชัย บอกความลับกับตัวเอง ซึ่งคงไม่ง่ายเท่าไร แต่ก็น่าลอง เพราะมันคุ้มค่า กับการรอคอย 

               หลังจากพวกเจ้าเบิ้ม มุ่งหน้าไปบนเส้นทางที่มั่นใจว่าจะเจอ ชัย ได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง สายตาทุกคู่ก็มองเห็น ไฟหน้ารถตัดกับความมืดสวนมาไกล ๆ เจ้าเบิ้มจึงสั่งคนขับหลบเข้าข้างทาง และบอกให้คนบนรถลงไป แล้วแยกอยู่กันคนละฝั่ง เมื่อสามคนข้ามไปอีกฝั่งแล้ว อีกสามคนที่เหลือจึงลงไปยืนต่ำกว่าไหล่ทางลงไป ใช้เท้ายันบนทางลาดด้านข้าง มือถือปืนเตรียมพร้อม ตาจ้องมองรถคันดังกล่าว ซึ่ง กำลังใกล้เข้ามา 

               เจ้าเบิ้ม เดินรุดหน้าขึ้นไปอีกไกล ตั้งใจยิงกระหน่ำเข้าไปเป็นคนแรก และเป็นการโอบเข้าทั้งด้านหน้า ด้านหลังไปในตัว เมื่อไกลจากลูกน้องมาพอควร เขาจึงลงไปตามเนินข้างไหล่ทางนิดหนึ่ง ย่อตัวนั่งลงถือปืนมั่นไว้ในมือ ขณะแสงไฟหน้ารถที่มองเห็น ใกล้เข้ามา

               ชัย ขับรถด้วยความเร็วพอประมาณ หลังจากรู้ว่า เจมส์ ปลอดภัยดีอยู่กับลุงชิต และกำลังจะไปหาลำดวนที่หลบในไร่ลึกเข้าไป เมื่อหมดห่วงเรื่องทุกคนทางบ้าน ชัยก็สบายใจ มองตรงไปข้างหน้าด้วยความระวัง มั่นใจว่า เจ้าเบิ้ม ต้องตามหาตัวเขา เรื่องกุญแจที่ได้ไปอย่างแน่นอน นึกถึงตอนนี้ ชัย ก็เผยยิ้มออกมา ปลากินเหยื่อ อย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด

               น็อต นั่งข้างหน้ามากับลุงชัย คอยดูฝั่งซ้าย พอได้ยินเรื่อง เจมส์ ก็ดีใจออกนอกหน้า ชะโงกไปบอก เอก ที่นั่งอยู่กระบะท้าย ทำเจ้าหนุ่มตื่นเต้นไปอีกคน มีกำลังใจมองสองฝั่งอย่างตั้งใจ ตาเป็นประกายวาว มือกระชับปืนมั่น จ้องไปยังข้างทางด้วยความระวัง ผสมความชุ่มชื่นใจ ที่จะได้เจอหน้า เจมส์ ในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้เอง

               เจ้าเบิ้ม แน่ใจจากเสียงรถที่ใกล้เข้ามา ว่าเป็น ชัย แน่นอน และรอจนกระทั่งตัวรถตรงกับไหล่ทางที่ตัวเองนั่งหลบอยู่ จึงเดินขึ้นมาจากตรงนั้น ขณะรถผ่านหน้าไป และก้าวออกไปกลางถนนที่มืดสนิท ยกปืน ๙ มม ในมือ เหนี่ยวไก ปล่อยกระสุนตามหลังรถจนหมดแมกกาซีน

               “ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง”

               ปลอกกระสุนเปล่ากระเด็นเกลื่อนพื้น ลูกเลื่อนค้างอยู่อย่างนั้น เจ้าเบิ้ม ใช้นิ้วโป้งกดปุ่มด้านข้างให้แมกกาซีนเปล่าร่วงลงดิน ก่อนล้วงแมกใหม่กระสุนเต็มขึ้นมายัดใส่ตรงช่องด้านล่างสุดของด้าม ตบเบา ๆ เสียงเข้าล็อกดัง กริก ตวัดนิ้วปลดเซฟที่ขัดลูกเลื่อนไว้ ปล่อยลูกเลื่อนวิ่งขึ้นหน้า ดันกระสุนนัดแรกเข้าไปอยู่ในรังเพลิง แล้วก้าวอย่างมั่นคง ไปยังรถของชัย ที่ส่ายไปมา

               ชัย เห็น เจ้าเบิ้มขึ้นมาจากฝั่งขวาแวบ ๆ จึงเหยียดแขนขวาที่ถือปืนออกไปทางหน้าต่าง แต่รถเลยจุดนั้นมาอย่างเร็ว จึงตะโกนบอก เอก ที่อยู่ข้างหลังให้ระวัง แล้วเหยียบคันเร่งลงไปพร้อมหักพวงมาลัยทำรถส่ายไปมาไม่ให้เป็นเป้านิ่ง ส่วนมือที่ถือปืนเปลี่ยนทิศทางเป็นระวังไปด้านหน้าแทน ขณะเสียงปืนดังอยู่ข้างหลังแว่ว ๆ ชัย เหลือบตามองกระจกส่องหลัง เห็นประกายไฟ และร่างใหญ่โต ของเจ้าเบิ้มอย่างชัดเจน

               น็อต เห็นเจ้าสามคนทางด้านซ้ายตรงหน้าชัดเจน ด้วยไฟรถที่ส่องจ้าไป ถึงแม้ไม่ใช่เป้านิ่ง แต่ก็ไม่ต่างกันเท่าไร ในเมื่อรถแล่นเข้าหาในขณะที่ยังไม่ผ่านเลยไป และไฟที่สาดเข้าเต็มตาเจ้าสามคนนั้น ทำให้การตัดสินใจของทุกคนช้าไปเสี้ยววินาที น็อต ยืดตัวออกนอกหน้าต่างแล้วบรรจงเหนี่ยวไก .๓๘ ซุปเปอร์ออกไปด้วยความมั่นใจ

               “ปัง ปัง ปัง” 

               ได้ผลตามความคาดหมาย สองคนหงายหลังกลิ้งลงไปที่คูน้ำข้างทาง อีกคนทรุดนั่งร้องโอยลั่น มองไม่ทันว่าโดนไปตรงไหน ส่วนทางด้านขวามือก็ไม่ต่างกันเท่าไรเมื่อ ชัย เหนี่ยวไกออกไปขณะที่เจ้าสามคนมัวแต่ลังเลเพราะแสบตาจากแสงไฟ

               “ปัง ปัง ปัง”

               เมื่อรถแล่นผ่านจุดนั้น ชัย หันหน้ามอง ขณะปืนในมือยังคงเล็งออกไป เมื่อไม่เห็นใครยืนอยู่ ได้ยินแต่เสียงหล่นน้ำดัง ตูม จึงดึงมือกลับเข้ามา

               ชัย เหยียบคันเร่งลงไปอีก มองรอบ ๆ ตัว จนแน่ใจว่าไม่มีรถอีกคัน และไม่มีใครตามมาแน่นอน จึงค่อย ๆ ลดความเร็วลง หันมองเจ้าน็อตที่จ้องอยู่ก่อน และปลอดภัยดี จึงส่งยิ้มให้ แล้วเงยหน้าดูกระจกส่องหลัง เมื่อมองเห็นแต่ความมืดมิด จึงหันหน้าออกไปทางหน้าต่างส่งเสียงร้องเรียก เอก ออกไป

               “เอก เอก เป็นไงมั่ง”

               เงียบสนิท ไม่มีเสียงตอบกลับมา ชัย หันมองน็อต แล้วเบนรถชิดขอบทางก่อนชะลอความเร็วลงจนหยุดสนิท และเปิดประตูลงไปแทบจะพร้อมกันทั้งสองคน

               บนกระบะท้ายรถนั้น  แม้จะอยู่ท่ามกลางแสงสลัว ก็ยังเห็นร่างที่เหยียดยาวแน่นิ่ง ของชายหนุ่มได้ชัดเจน กลิ่นคาวคลุ้งไปทั่วจากเลือดที่ไหลนองเป็นเงาวาวอยู่บนพื้น น็อตกระโดดขึ้นไปอย่างเร็ว พลางตะโกนออกมาสุดเสียง

               “เอก...”...

         ( มีต่อครับ )
 
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่