..........เสือ สิงห์ กระทิง อินทรี ........ตอนที่ ๔..........@@ โดย ลุงแผน

กระทู้สนทนา




                                                                                 ..........( เสือ สิงห์ กระทิง อินทรี )..........

       ตอนเดิมครับ

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

       ตอนที่  ๔   

........ “เปรี้ยงง”   เสียงก้องสะท้อนทั้งราวป่า พร้อมกระสุนทั้งเก้าเม็ดเกาะกลุ่มไป ก่อนกระจายแผ่กว้างออก เมื่อใกล้ถึงคนทั้งหมดที่กำลังวิ่งเข้ามา 
ระยะกว่าสามสิบเมตร ไม่ใช่ระยะหวังผลร้อยเปอร์เซ็นต์ ของลูกเก้า แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้สามคนด้านหน้าที่วิ่งเข้ามาร้องลั่นและล้มกลิ้งลงไปกับพื้น ทั้งหมดหยุดชะงักนิดนึง ก่อนมีเสียงดังมาจากชายร่างหนาบึก
        
       “กระจายกันไปเว้ย เข้าไปด้านข้างมั่ง ในบ้านมีผู้ชายคนเดียว ไม่ต้องกลัว” เจ้าเบิ้มสั่งงานเสร็จ ตัวเองก็ก้าวยาว ๆ ไปตามแนวรั้วด้านหน้า แล้วเลี้ยวไปทางด้านขวาอย่างรวดเร็ว 
        
       “เปรี้ยง”  ลุงชิตยิงไปที่รถอีกนัด กระจกข้างแตกกระจาย เจ้าคนขับเปิดประตู กลิ้งลงไปนอนหมอบนิ่งอยู่กับพื้น ไม่ตอบโต้กลับมา
       
       น็อต มองหน้าเจมส์พยักหน้าให้กัน แล้วแยกไปคนละด้าน ซ้าย – ขวา เพราะมองเห็นมีคนวิ่งเข้ามาทั้งสองข้าง เขาเดินก้ม ๆ มาจนใกล้ถึงแนวรั้ว ทันเห็นสองคนกำลังแหย่ขาเข้ามาข้างหนึ่ง ก้มหัวลอดช่องทำท่ามุดเข้ามา น็อตนั่งลง ชันเข่าขึ้น เหยียดแขนตรงเล็งปืนไปทางนั้น ปล่อยลมหายใจออกช้า ๆ พลางดึงไกเข้าหาตัว
        
       “ปัง ปัง” กระสุนถูกปล่อยออกไปสองนัดติดกัน นัดนึงโดนขาขวาเจ้าคนที่มุดเข้ามาได้ครึ่งตัว อีกนัดฉีกรั้ว เฉียดหัวคนข้าง ๆ กระจุยเป็นฝอย
       
        เจ้านั่นร้องลั่นก่อนทิ้งตัวกลับออกไปด้านนอก พร้อมกับคนที่มาด้วยกัน มันหันมองชายหนุ่ม ก่อนประคองพวกลุกขึ้น
       
       เจ้าน็อตพุ่งเข้าหลังต้นไม้ กังวลถึงกระสุนที่อาจสวนมา มองหาหญิงสาวด้วยความเป็นห่วง กลัวจะโดนลูกหลง เมื่อเห็นเธออยู่ติดแนวรั้วอีกด้านไกล ๆ ก็ยิ้มออก แล้วหันกลับมาตรงหน้าตัวเอง เจ้าสองคนหายไปจากตรงนั้นแล้ว
        
       ลุงชิต ดันหลัง เอก ให้เดินเร็วขึ้น เข้ามาอยู่ในเขตสวนที่มีต้นไม้หนาตา ก่อนมองหาผู้บุกรุก ที่ตอนนี้ดูเหมือนจะอยู่รอบตัว และยังไม่แน่นอนเรื่องจำนวน แต่ไม่น่าจะเกินสิบ จากที่มองผ่าน ๆ ตอนลงจากรถวิ่งเข้ามา
        
       “เอ็งหลบอยู่นี่นะเจ้าหนุ่ม อย่าไปไหนล่ะ” ลุงชิตพูดกับ เอก ก่อนก้าวยาว ๆ ไปทางเสียงปืน ชายหนุ่ม พยักหน้ารับรู้ ทั้งที่สงสัยอยู่ในใจว่า เรื่องแบบนี้ เกิดขึ้นได้ยังไง เพราะมองดูแล้ว สถานที่นี้ต่างคนต่างอยู่กันแบบสงบ เขาคิดขณะกวาดสายตาไปรอบ ๆ และเห็นหญิงสาว นั่งหลบอยู่ในเขตรั้วด้านขวาข้างหน้าเขาไม่ไกล ส่วนด้านนอกนั้นชายหน้าเหี้ยมร่างใหญ่สองคน กำลังเดินตรงเข้าไปเรื่อย ๆ ขณะกวาดสายตามองด้านใน เห็นดังนั้น เอก หันไปจะร้องเรียกลุงชิต แต่ลุงก็ไปไกลจนมองไม่เห็นตัว จึงเปลี่ยนใจ ลุกขึ้นวิ่งเลาะแนวรั้ว ตั้งใจให้ไปถึงตรงที่หญิงสาวอยู่ ก่อนเจ้าสองคน
         
       เจมส์ ถือปืนในมือมั่น ซ่อนตัวหลังพุ่มไม้ไม่ห่างจากรั้ว เฝ้ามองตลอดทั้งแนวยังมองไม่เห็นใคร ได้ยินเสียงวิ่งเร็ว ๆ ตรงมาทางนี้ เธอจึงนั่งนิ่ง ผ่อนลมหายใจออกเบา ๆ  ตาจ้องไปยังต้นเสียงที่ดังมา
         
       สองคนที่กำลังเดินมา หนึ่งในนั้นคือเจ้าเบิ้ม สายตาอันว่องไวของมัน เห็นหญิงสาวตั้งแต่ตอนแยกกับเจ้าหนุ่ม แล้ววิ่งมาหลบอยู่หลังพุ่มไม้ข้างรั้ว มันไม่คิดจะยิงในตอนนี้ เพราะมั่นใจว่า นำตัวเธอไปเป็น ๆ จะมีประโยชน์กว่า คิดดังนั้นจึงค่อย ๆ ย่องเงียบ เพื่อเข้าไปด้านใน พร้อมส่งสัญญาณให้ลูกน้องเลาะด้านข้างไปเรื่อย ๆ ขณะตัวเอง มุดรั้วเข้าไปข้างใน
        
        เสียงวิ่งใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ เจมส์ ยืนขึ้นช้า ๆ กำปืนด้วยมือขวา ส่วนมือซ้ายรองด้ามปืนไว้ ตามองผ่านพุ่มไม้ออกไป รอผู้บุกรุกเข้ามาให้ได้ระยะยิง ทันใด มีมือหนาใหญ่ ยื่นมาจากด้านหลัง กำทั้งมือ และปืนของเธอไว้ แน่นจนทั้งแขนของหญิงสาวขยับไม่ได้ เธอไม่ทันได้อ้าปากร้อง มืออีกข้างก็ยื่นมาปิดปากไว้แทบหายใจไม่ออก ขณะที่ เอก มาถึงพอดี
        
        “หยุดนะ อ้าว อาเบิ้ม” หญิงสาวมอง เอก ด้วยตาดุดัน เมื่อเห็นว่าสองคนรู้จักกัน  และส่งเสียงอู้อี้ออกมาจากลำคอ 
        
       “คุณเอก” เจ้าเบิ้มก็แปลกใจไม่แพ้กัน เพราะนึกไม่ถึงว่า เจ้าหนุ่ม มอซอ หัวเกรียน ที่ยืนคุยอยู่กับชายร่างใหญ่ตรงหน้าประตู เห็นแต่ไกลจากในรถ ที่แท้ ก็คือลูกของ พี่เดช มันทำหน้า งง งง ขณะที่มองไปด้านหลังเอก เจ้าหน้าเหี้ยมอีกคนย่องเงียบมาข้างหลังชายหนุ่มพร้อมเงื้อมือขึ้น แล้วฟาดลงมาที่ท้ายทอยอย่างแรง
        
       “เฮ้ย อย่า”  
        
       “พลั่ก” 
         
       ไม่ทันสิ้นเสียง มือเจ้าหน้าเหี้ยมฟาดลงถึงเป้าหมายพอดี เจ้านั่น ได้แค่ยั้งมือนิดหน่อยด้วยความตกใจที่โดนห้าม ถึงกระนั้น น้ำหนักที่เหลือ ยังคงพอให้ร่างชายหนุ่ม ทรุดลงไปกองกับพื้นทันที
        
       “เวรละ ผิดแผน” เจ้าเบิ้ม พูดออกมาพลางมองหน้าเจ้าของฝ่ามือ ซึ่งยังคงยืนนิ่ง เพราะไม่รู้ว่าเรื่องอะไร มันก้มมองร่างที่นอนหมดสติอยู่ พอเห็นถนัด หน้าก็เปลี่ยนไปทันที
        
       “คุณเอก นี่หว่า ใครจะไปจำได้ แต่งตัว ตัดผมอย่างนี้ แล้วจะเอายังไงดี พี่เบิ้ม” มันเริ่มไม่สบายใจ ที่คุยกันไว้ จะยังไม่ยุ่งกับใคร นอกจาก ลูกสาวของ ลำดวน แค่คนเดียว เพราะต้องการเดินเกมไปทีละก้าวเท่านั้น
        
       “ก็ต้องพาไปด้วยสิถึงนู่นเดี๋ยวค่อยว่ากัน” เจ้าเบิ้มพูดพลาง กึ่งจูงกึ่งลากหญิงสาวให้เดินตามออกมา เจ้าหน้าเหี้ยม เข้าไปยกร่างของ เอก พาดบ่า แล้วก้าวเหยียบข้ามรั้ว ตามลูกพี่ไป 

         ลุงชิตเดินมานั่งข้าง เจ้าน็อต ที่ยังจ้องด้านนอกไม่วางตา พลางถามขึ้นมาเมื่อมองไม่เห็นหญิงสาว 
        
       “เจ้าเจมส์ล่ะ” 
         
       น็อต ชี้มือไปอีกฝั่งของสวน ก่อนบอกว่า แยกกันไปดูคนละด้าน ยังไม่ทันได้เอ่ยปากพูดอะไรอีก เสียงรถยนต์คันที่จอดอยู่บนถนน ก็เร่งเครื่องออกไปอย่างเร็ว
       
       ลุงชิตลุกขึ้นทันที ก้าวอย่างเร่งรีบไปทางเจ้าน็อตบอก เจ้าหนุ่ม ลุกตามด้วยความหวั่นใจ เสียงรถที่เร่งออกไปบอกอะไรบางอย่าง ที่ไม่น่าจะเป็นเรื่องดี อึดใจเดียวก็ถึงริมรั้วที่หญิงสาวอยู่ตอนแรก พุ่มไม้บริเวณนั้นมีรอยแหวกเป็นช่อง ไม่มีร่างของใครแม้แต่คนเดียว ลุงชิต มองที่พื้น เมื่อเห็น .๓๘ สเปเชียล ตกอยู่ตรงนั้น  จึงถอนใจออกมาเบา ๆ 
        
       “เจ้านั่นแน่เลยลุง มันพาพวกนั้นมา” น็อต พูดถึง เอก ด้วยความแค้น ทั้งเรื่องโดนบุกเข้ามา และ เจมส์ หายตัวไป
        
       ลุงชิตยืนนิ่ง มองโดยรอบ พลางใคร่ครวญถึงความน่าจะเป็นในเหตุการณ์ครั้งนี้ ก่อนเอ่ยชวน เจ้าน็อต เข้าไปในบ้าน
        
       “ไปในบ้านก่อน เอาไงเดี๋ยวค่อยว่ากัน” 
        
       ชายหนุ่มเดินตามด้วยจิตใจวุ่นวาย แต่ต้องทำตามไว้ก่อน เพราะลำพังตัวเองก็ไม่รู้จะเริ่มตรงไหน คิดวนไปมาจนถึงตัวบ้าน เดินเข้าไปนั่งบนเก้าอี้ตัวหนึ่ง ส่วนลุงชิตก้าวขึ้นบันไดไปข้างบน
        
       เสียงสะอื้นดังลอดลงมา ทำเจ้าน็อตนั่งตัวแข็ง คิดถึงแม่ ป่านนี้น่าจะนั่งรอเขากลับไป น็อต ตัดสินใจปล่อยเรื่องแม่ไปก่อน ดูแล้วลุงชิต ตัวคนเดียวคงทำอะไรไม่ได้เท่าไร เขาอยู่อีกคน อย่างน้อย คอยระวังหลังก็ยังดี
        
       น็อต นั่งพลิก .๓๘ ซุปเปอร์ ในมือไปมา นานแล้ว ที่เขาไม่ได้จับมัน ตอนอายุ สิบแปด เขาเคยรู้จักเพื่อนอยู่สองคน ที่สอนให้ยิงปืน และพากันไปซ้อมในป่าบ่อย ๆ ตอนหลัง แม่ของเขารู้ว่าไปคบกับพวกนักเลง จึงสั่งห้ามทั้งเรื่องเพื่อน และเรื่องปืน เขาจึงออกมาจากกลุ่ม ด้วยความรักแม่ที่มีอยู่แค่คนเดียว
       
       ลุงชิต เดินลงบันไดมา หิ้วกระเป๋าผ้ามาด้วยใบหนึ่ง แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้าม วางกระเป๋าบนโต๊ะมองมาด้วยหน้าตาที่ไม่แสดงอาการอะไร และเมื่อเห็นเจ้าน็อต กระวนกระวาย นั่งไม่เป็นสุข จึงพูดออกมาเพื่อให้กำลังใจ
        
       “ไม่เป็นไรหรอก ไอ้หนู คืนนี้เราจะไปรับมันกลับ” ลุงชิต พูดเรื่อย ๆ แบบใจเย็น
        
       “ลุงรู้เหรอครับ ว่าพวกนี้เป็นใคร แล้วพาเจมส์ไปไหน” น็อต อยากรู้เรื่องราว เพราะเขาเพิ่งเข้ามาครั้งแรก ก็เกิดเรื่องขึ้นมาซะแล้ว
        
       ลุงชิตพยักหน้าช้า ๆ จ้องหน้า เจ้าน็อต ที่ดูเหมือนในใจจะเร่งเวลาให้ผ่านไปเร็ว ๆ
        
       “จะทันเหรอลุง ทำไมไม่ไปตอนนี้เลย ผมกลัวเจมส์เป็นอะไรไป” เขาเป็นห่วงหญิงสาวจริง ๆ จากข้างใน ลุงชิตพูดตอบมาด้วยรอยยิ้มเต็มหน้า
        
       “มันไม่ได้มาทำอะไรใครหรอก มันต้องการอย่างอื่นมากกว่า” 
        
       “ลุงรู้ได้ยังไงครับ” เจ้าน็อต ยังคงไม่สบายใจ
         
       ลุงชิต มองยิ้ม ๆ รูดซิปเปิดกระเป๋า ในนั้นมีกล่องกระสุนปืนอยู่หลายกล่อง ลุงเลือกขนาด .๓๘ และอื่น ๆ อีกสองสามอย่าง มาวางเรียงกัน น็อต มองตามอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเหลือบตาขึ้นมองหน้าลุง ซึ่งมองมา พร้อมกับพูดเบา ๆ ให้เจ้าน็อตเข้าใจ
       
       “เอ็งไม่สังเกตเหรอ ไอ้หนุ่ม มันมากันตั้งหลายคน แต่ไม่ยิงเข้ามาสักนัดเดียว”........

       ( มีต่อครับ )
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่