..........( เสือ สิงห์ กระทิง อินทรี )...........
ภาคต่อ
ตอนเดิมครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ตอนที่ ๑ https://ppantip.com/topic/39304331
ตอนที่ ๒ https://ppantip.com/topic/39331849
ตอนที่ ๓ https://ppantip.com/topic/39383081
ตอนที่ ๔ https://ppantip.com/topic/39417236
ตอนที่ ๕ https://ppantip.com/topic/39446319
ตอนที่ ๖ https://ppantip.com/topic/39465752
ตอนที่ ๗ https://ppantip.com/topic/39493614
ตอนที่ ๘ https://ppantip.com/topic/39520284
ตอนที่ ๙ https://ppantip.com/topic/39542803
ตอนที่ ๑๐ https://ppantip.com/topic/39572086
ตอนที่ ๑๑ https://ppantip.com/topic/40400433
ตอนที่ ๑๒ https://ppantip.com/topic/40419395
ตอนที่ ๑๓
........เบิ้มก้าวเข้าหาบ้านไม้ซุงด้วยความระวัง ปืนในมือกระชับมั่นพร้อมยกขึ้นตลอดเวลา สายตากวาดมองรอบข้างจนกระทั่งมายืนอยู่หน้าประตู เสียงปืนทางไร่ด้านหน้ายังดังระงม สลับกับเสียงปืนท้ายไร่ที่แว่วมาประปรายบ่งบอกถึงจำนวนคนบริเวณนั้นที่น้อยลงกว่าเดิม
เมื่อถึงหน้าประตูเขาใช้มือหนึ่งดึงบานไม้ออกอย่างเร็วพร้อมกับพลิกตัวเข้าพิงข้างฝาติดกรอบประตู ปืนในมือชูขึ้นเสมอไหล่ หูฟังเสียงข้างในที่อาจมีตอบกลับมา
เงียบสนิท ไม่มีเสียงปืนหรือความเคลื่อนไหวใด ๆ ข้างในนั้น เบิ้มจึงวาดปากกระบอกปืนนำเข้าประตูไปก่อนแล้วพลิกตัวเข้าข้างในอย่างเร็วพลางมองไปรอบห้องอันว่างเปล่าก่อนหยุดสายตาตรงประตูห้องนอนที่เปิดกว้างอยู่ เขาสืบเท้าเข้าไปช้า ๆ ปืนในมือเล็งตรงไปข้างหน้าขณะก้าวผ่านประตูเข้าไปและพบว่าไม่มีใครแม้แต่คนเดียว
เบิ้มมองไปยังโต๊ะเครื่องแป้งไม้สักที่ตั้งเด่นอยู่ เก้าอี้วางห่างออกมาคล้ายกับมีคนเคยนั่งอยู่แล้วลุกออกไป ส่วนผ้าปูตรงริมที่นอนมีรอยยับเป็นรอยนั่งเหมือนกัน เขามองไปทางห้องน้ำที่เปิดกว้างเมื่อเห็นชัดว่าไม่มีใครอยู่ในนั้นจึงขยับเท้าลึกเข้าไปในห้องตา มองรอบ ๆ และหยุดลงตรงข้างเตียงนอน บนพื้นระหว่างเตียงกับโต๊ะเครื่องแป้งนั้นมีปิ่นโตเถาหนึ่งตั้งอยู่ดูเหมือนยังไม่ได้ถูกเปิดก่อนหน้านี้แต่อย่างใด เบิ้มหรี่ตาลงเล็กน้อยยิ้มมุมปากออกมาขณะมองไปยังประตูด้านหลังที่แง้มอยู่ก่อนสาวเท้าตรงไป
ร่างหนาใหญ่พิงหลังเข้ากับผนังข้างประตูสองมือประคองด้ามปืนชูปากกระบอกไว้เสมอไหล่ ก่อนยิ้มกว้างออกมาแล้วยื่นปลายเท้าซ้ายดันบานประตูเปิดกว้างออกไปอย่างแรง
“เปรี้ยง”
ขอบวงกบด้านบนฉีกทันทีที่มีเสียงปืนดังออกมาจากป่าด้านหลังไม่ไกล เบิ้มสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนบิดตัวพิงไหล่ซ้ายเข้ากับข้างกรอบประตูยกมือที่ถือปืนโผล่พ้นออกไปหน่อยก่อนเหนี่ยวไกสุ่ม ๆ ออกไป
“เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง”
“เปรี้ยง”
เสียงยิงสวนกลับมาทันทีพร้อมกับผนังข้างประตูด้านหน้าเป็นรูเล็ก ๆ เกิดจากกระสุนวิ่งผ่านประตูด้านหลังเข้ามา เบิ้มยืนอยู่ท่าเดิมพร้อมกับปล่อยกระสุนออกไปอีกชุดหนึ่งก่อนพลิกตัวออกนอกประตูแล้วพุ่งเข้าหลังต้นยางใหญ่ที่อยู่ถัดไปอย่างเร็ว
“เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง”
กลิ่นควันจากดินปืนคลุ้งรอบตัวก่อนลอยอ้อยอิ่งแล้วจางหายไป เบิ้มหันหลังพิงต้นยางพลางกดปุ่มด้านข้างปลดแมกเก่าปล่อยร่วงลงพื้นล้วงแมกใหม่จากกระเป๋ากางเกงออกมา ยัดใส่ใต้ด้ามดันเข้าจนได้ยินเสียงดังกริกก่อนใช้นิ้วโป้งปลดเซฟปล่อยลูกเลื่อนวิ่งขึ้นหน้าดันกระสุนนัดแรกเข้ารังเพลิงแล้วยิ้มออกมาพร้อมกับคิดช้า ๆ ในใจ
เสียงปืนยิงออกมาทีละนัดเป็นเสียงที่ดังไม่แน่นเท่าไร ถ้าเป็นกระสุนขนาด .๓๕๗ ยิงออกมาระยะใกล้ ๆ ในป่าทึบแบบนี้แรงอัดของอากาศโดยรอบจะทำให้รู้สึกแน่นอกในระยะเวลาสั้น ๆ ชั่วกระสุนวิ่งผ่านไป และในความรู้สึกจะเหมือนกับคลื่นเสียงกระจายออกไปกว้างพอควร ถ้าเป็น ๑๑ ม.ม. ทุกอย่างจะลดลงมา โดยเฉพาะแรงอัดอากาศจะน้อยกว่าเกือบเท่าตัว ถ้าเป็น .๒๒ เสียงจะหายไปอย่างรวดเร็วและรอบตัวจะไม่มีความรู้สึกอะไรเลย เสียงที่ได้ยินเมื่อกี้น่าจะมาจากปืนขนาด .๓๘ ถ้าเขาเดาไม่ผิด เพราะคลื่นเสียงกระจายออกไปน้อยกว่า ๑๑ ม.ม. และกระสุนผ่านหน้าเขาเข้าไปปะทะกับข้างฝาไม่รุนแรงเท่าไร
เบิ้มยิ้มกว้างออกมาเมื่อนึกถึงเจ้าของปืนที่ซุ่มอยู่ในป่าตอนนี้ กระสุนที่ปล่อยออกมาทีละนัดจากปืนขนาดกลาง ๆ ซึ่งน่าจะเป็นปืนลูกโม่ .๓๘ สเปเชียลสำหรับผู้หญิงพกไว้ป้องกันตัว และในไร่นี้คงมีคนเดียวที่ใช้ปืนกระบอกนี้ คิดดังนั้นเขาจึงส่งเสียงออกไปด้วยความมั่นใจ
“หยุดยิงเถอะงามตา ลุงมาดี”
“เปรี้ยง”
เสียงสั้น ๆ ตอบกลับมาก่อนมีเสียงสวบสาบจากการแหวกพุ่มไม้ห่างออกไปเรื่อย ๆ เบิ้มสูดลมหายใจเข้าก่อนขยับปืนในมือให้มั่นคงขึ้นตบท้ายด้ามลงบนอุ้งมือซ้ายพร้อมกับนิ้วโป้งแตะที่นกด้วยความเคยชินก่อนพลิกตัวออกจากโคนไม้สะบัดแขนเหยียดปืนไปตรงหน้าท่ามกลางแนวไม้ใหญ่เรียงรายขณะเสียงสวบสาบที่ห่างออกไปได้เงียบลง
งามตาพาแม่นุ่มลุยเข้าป่าทึบจนทะลุถึงลำธารตื้น ๆ กว้างประมาณห้าเมตร ทั้งสองก้าวไปตามพื้นราบริมฝั่งจนถึงตัวลำธารและลุยน้ำแค่ครึ่งน่องข้ามไปจนพ้นลำธารแล้วเดินตามพื้นหินใหญ่น้อยริมฝั่งก่อนขึ้นเนินป่าโปร่งไปอีกครู่หนึ่งพอเข้าเขตป่าทึบช่วงกลางเนินเธอจึงพาแม่นุ่มหยุดลงตรงหลังต้นสนแล้วมองกลับไปยังทางที่ผ่านมา
เสียงนกน้อยเจื้อยแจ้วรอบบริเวณ ความชุ่มชื้นทำให้ทั้งสองรู้สึกเย็นแต่ยังไม่ถึงกับหนาวสั่นเพราะความเหนื่อยจากการเดินลุยป่ามาทำให้รับรู้ความเย็นได้จากการหายใจเข้าไป และงามตาสังเกตเห็นความอ่อนล้าของแม่นุ่มได้ชัดเจน เธอจึงจำใจหยุดพักเพื่อให้คลายเหนื่อยทั้งที่ยังกังวลถึงชายร่างยักษ์ที่ตามหลังมา
หญิงสาวพาแม่นุ่มนั่งเอนหลังพิงต้นสนบนก้อนหินแบนราบก้อนหนึ่ง ส่วนตัวเธอนั่งลงตรงข้ามหันหน้ามองลอดระหว่างแนวไม้ไปยังลำธารอย่างระวัง พื้นราบริมฝั่งที่เต็มไปด้วยหินใหญ่น้อยนั้นยาวไปสุดตาดังนั้นผู้ที่ออกจากชายป่าด้านโน้นมาต้องไม่พ้นสายตาอย่างแน่นอน แต่ถึงกระนั้นงามตาก็ไม่วางใจยังคงกวาดตาไปมาตลอดแนวชายป่าฝั่งตรงข้าม ส่วนหูคอยแยกแยะเสียงที่แตกต่างจากเสียงน้ำเซาะโขดหินและเสียงเซ็งแซ่ของสรรพสัตว์รอบตัวที่ส่วนใหญ่เป็นนกน้อยและแมลง
แม่นุ่มเริ่มผ่อนคลายลงมากหลังได้นั่งพักท่ามกลางความร่มรื่นรอบตัวสีหน้าที่แจ่มใสจึงมีรอยยิ้มบาง ๆ เมื่อมองงามตา
“แม่นุ่มคิดยังไงถึงชวนหนูหลบออกมา”
หญิงสาวเอ่ยถามหลังจากนั่งเงียบกันอยู่หลายนาที แม่นุ่มถอนใจเบา ๆ มองไปยังแนวป่าทึบด้านหน้าก่อนตอบกลับมา
“เจ้าเบิ้มที่แม่นุ่มเคยเห็น เจ้านี่ทำได้ทุกอย่างถ้าเป็นประโยชน์กับตัวเอง”
หญิงกลางคนนิ่งไปนิดหนึ่งคิดช้า ๆ ถึงหลาย ๆ เรื่องราวที่ผ่านมาก่อนพูดต่อไป
“ตอนที่บ้านเดชเค้าเริ่มมีเรื่องยุ่ง เดชเค้าเรียกเบิ้มมาช่วยแต่เบิ้มกลับไปคาดคั้นเรื่องทองกับชัยเอาเอง แล้วไป ๆ มา ๆ เมื่อวานที่มีเรื่องวุ่นวายแม่นุ่มแอบมองลอดม่านออกไป เห็นเค้าเข้าไปที่บ้านกับพวกชัยแล้วยืนอยู่ข้างเดช แม่นุ่มเลยไม่แน่ใจว่าเบิ้มกำลังคิดอะไร”
งามตาฟังคำบอกเล่าขณะสายตามองไปยังพื้นราบริมธารตลอดแนว ในใจคิดตามว่าถ้าคนชื่อเบิ้มตามมาช่วยพวกของชัยทำไมไม่ตรงเข้าบ้านของเธอ กลับให้ลูกน้องลุยเข้าไป แต่ตัวเองเข้าไปหาแม่นุ่มในบ้านไม้ซุง
ตอนที่งามตาออกจากแม่นุ่มเมื่อเสียงปืนชุดแรกดังขึ้น เธอมองไปทางไร่ด้านหน้าเห็นร่างหนาใหญ่คุ้นตากำลังแหวกพุ่มไม้มุ่งหน้าเข้ามา เธอจึงวกกลับเข้าทางหลังบ้านและร้องเรียกแม่นุ่มให้เปิดประตูก่อนบอกสิ่งที่เห็นให้ฟังเพราะความคิดแรกของเธอคือคนชื่อเบิ้มเข้ามาเพื่อช่วยแม่นุ่มกลับไป คำพูดของแม่นุ่มทำงามตาแปลกใจเมื่อเธอถามถึงป่าทึบด้านหลังและชวนหญิงสาวออกมาทันที นั่นคือเหตุผลที่ทำให้ทั้งสองคนต้องมาอยู่ตรงนี้ด้วยกัน
หญิงสาวกำลังจะหันกลับมาทางแม่นุ่มเพื่อถามความเห็นว่าจะทำยังไงต่อไป แต่แล้วต้องตัวเย็นเฉียบเมื่อเห็นร่างหนาใหญ่ยืนอยู่ชายป่าฝั่งตรงข้าม เธอจึงยกปืนในมือขึ้นทันที ร่างหนานั้นหันมองซ้ายมองขวาก่อนถอยกลับเข้าในดงไม้ หญิงสาวรีบลดปืนลงแล้วลุกขึ้นยืนมองแม่นุ่นก่อนถามขึ้นว่า
“เค้ามาแล้วแม่นุ่มเอาไงดี”
แม่นุ่มได้ยินหญิงสาวพูดดังนั้นจึงนิ่งคิดอยู่นิดหนึ่งก่อนตอบกลับมา
“เราไปไร่พี่ชิตกัน หนูพอจะหารถได้มั้ย”
งามตามองหน้าแม่นุ่มก่อนพูดออกมา
“ถ้าอ้อมเข้าด้านหลังบ้านพักคนงานได้ก็พอมีทาง ว่าแต่แม่นุ่มรู้จักเหรอไร่ที่ว่าน่ะ”
แม่นุ่มมองสบตาหญิงสาว พยักหน้าช้า ๆ ตอบกลับมาเบา ๆ
“รู้จักสิ แม่นุ่มรู้จักที่นั่นดี”......
( มีต่อครับ )
..........เสือ สิงห์ กระทิง อินทรี ........ตอนที่ ๑๓........@@ โดย ลุงแผน
ภาคต่อ
ตอนเดิมครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ตอนที่ ๑๓
........เบิ้มก้าวเข้าหาบ้านไม้ซุงด้วยความระวัง ปืนในมือกระชับมั่นพร้อมยกขึ้นตลอดเวลา สายตากวาดมองรอบข้างจนกระทั่งมายืนอยู่หน้าประตู เสียงปืนทางไร่ด้านหน้ายังดังระงม สลับกับเสียงปืนท้ายไร่ที่แว่วมาประปรายบ่งบอกถึงจำนวนคนบริเวณนั้นที่น้อยลงกว่าเดิม
เมื่อถึงหน้าประตูเขาใช้มือหนึ่งดึงบานไม้ออกอย่างเร็วพร้อมกับพลิกตัวเข้าพิงข้างฝาติดกรอบประตู ปืนในมือชูขึ้นเสมอไหล่ หูฟังเสียงข้างในที่อาจมีตอบกลับมา
เงียบสนิท ไม่มีเสียงปืนหรือความเคลื่อนไหวใด ๆ ข้างในนั้น เบิ้มจึงวาดปากกระบอกปืนนำเข้าประตูไปก่อนแล้วพลิกตัวเข้าข้างในอย่างเร็วพลางมองไปรอบห้องอันว่างเปล่าก่อนหยุดสายตาตรงประตูห้องนอนที่เปิดกว้างอยู่ เขาสืบเท้าเข้าไปช้า ๆ ปืนในมือเล็งตรงไปข้างหน้าขณะก้าวผ่านประตูเข้าไปและพบว่าไม่มีใครแม้แต่คนเดียว
เบิ้มมองไปยังโต๊ะเครื่องแป้งไม้สักที่ตั้งเด่นอยู่ เก้าอี้วางห่างออกมาคล้ายกับมีคนเคยนั่งอยู่แล้วลุกออกไป ส่วนผ้าปูตรงริมที่นอนมีรอยยับเป็นรอยนั่งเหมือนกัน เขามองไปทางห้องน้ำที่เปิดกว้างเมื่อเห็นชัดว่าไม่มีใครอยู่ในนั้นจึงขยับเท้าลึกเข้าไปในห้องตา มองรอบ ๆ และหยุดลงตรงข้างเตียงนอน บนพื้นระหว่างเตียงกับโต๊ะเครื่องแป้งนั้นมีปิ่นโตเถาหนึ่งตั้งอยู่ดูเหมือนยังไม่ได้ถูกเปิดก่อนหน้านี้แต่อย่างใด เบิ้มหรี่ตาลงเล็กน้อยยิ้มมุมปากออกมาขณะมองไปยังประตูด้านหลังที่แง้มอยู่ก่อนสาวเท้าตรงไป
ร่างหนาใหญ่พิงหลังเข้ากับผนังข้างประตูสองมือประคองด้ามปืนชูปากกระบอกไว้เสมอไหล่ ก่อนยิ้มกว้างออกมาแล้วยื่นปลายเท้าซ้ายดันบานประตูเปิดกว้างออกไปอย่างแรง
“เปรี้ยง”
ขอบวงกบด้านบนฉีกทันทีที่มีเสียงปืนดังออกมาจากป่าด้านหลังไม่ไกล เบิ้มสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนบิดตัวพิงไหล่ซ้ายเข้ากับข้างกรอบประตูยกมือที่ถือปืนโผล่พ้นออกไปหน่อยก่อนเหนี่ยวไกสุ่ม ๆ ออกไป
“เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง”
“เปรี้ยง”
เสียงยิงสวนกลับมาทันทีพร้อมกับผนังข้างประตูด้านหน้าเป็นรูเล็ก ๆ เกิดจากกระสุนวิ่งผ่านประตูด้านหลังเข้ามา เบิ้มยืนอยู่ท่าเดิมพร้อมกับปล่อยกระสุนออกไปอีกชุดหนึ่งก่อนพลิกตัวออกนอกประตูแล้วพุ่งเข้าหลังต้นยางใหญ่ที่อยู่ถัดไปอย่างเร็ว
“เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง”
กลิ่นควันจากดินปืนคลุ้งรอบตัวก่อนลอยอ้อยอิ่งแล้วจางหายไป เบิ้มหันหลังพิงต้นยางพลางกดปุ่มด้านข้างปลดแมกเก่าปล่อยร่วงลงพื้นล้วงแมกใหม่จากกระเป๋ากางเกงออกมา ยัดใส่ใต้ด้ามดันเข้าจนได้ยินเสียงดังกริกก่อนใช้นิ้วโป้งปลดเซฟปล่อยลูกเลื่อนวิ่งขึ้นหน้าดันกระสุนนัดแรกเข้ารังเพลิงแล้วยิ้มออกมาพร้อมกับคิดช้า ๆ ในใจ
เสียงปืนยิงออกมาทีละนัดเป็นเสียงที่ดังไม่แน่นเท่าไร ถ้าเป็นกระสุนขนาด .๓๕๗ ยิงออกมาระยะใกล้ ๆ ในป่าทึบแบบนี้แรงอัดของอากาศโดยรอบจะทำให้รู้สึกแน่นอกในระยะเวลาสั้น ๆ ชั่วกระสุนวิ่งผ่านไป และในความรู้สึกจะเหมือนกับคลื่นเสียงกระจายออกไปกว้างพอควร ถ้าเป็น ๑๑ ม.ม. ทุกอย่างจะลดลงมา โดยเฉพาะแรงอัดอากาศจะน้อยกว่าเกือบเท่าตัว ถ้าเป็น .๒๒ เสียงจะหายไปอย่างรวดเร็วและรอบตัวจะไม่มีความรู้สึกอะไรเลย เสียงที่ได้ยินเมื่อกี้น่าจะมาจากปืนขนาด .๓๘ ถ้าเขาเดาไม่ผิด เพราะคลื่นเสียงกระจายออกไปน้อยกว่า ๑๑ ม.ม. และกระสุนผ่านหน้าเขาเข้าไปปะทะกับข้างฝาไม่รุนแรงเท่าไร
เบิ้มยิ้มกว้างออกมาเมื่อนึกถึงเจ้าของปืนที่ซุ่มอยู่ในป่าตอนนี้ กระสุนที่ปล่อยออกมาทีละนัดจากปืนขนาดกลาง ๆ ซึ่งน่าจะเป็นปืนลูกโม่ .๓๘ สเปเชียลสำหรับผู้หญิงพกไว้ป้องกันตัว และในไร่นี้คงมีคนเดียวที่ใช้ปืนกระบอกนี้ คิดดังนั้นเขาจึงส่งเสียงออกไปด้วยความมั่นใจ
“หยุดยิงเถอะงามตา ลุงมาดี”
“เปรี้ยง”
เสียงสั้น ๆ ตอบกลับมาก่อนมีเสียงสวบสาบจากการแหวกพุ่มไม้ห่างออกไปเรื่อย ๆ เบิ้มสูดลมหายใจเข้าก่อนขยับปืนในมือให้มั่นคงขึ้นตบท้ายด้ามลงบนอุ้งมือซ้ายพร้อมกับนิ้วโป้งแตะที่นกด้วยความเคยชินก่อนพลิกตัวออกจากโคนไม้สะบัดแขนเหยียดปืนไปตรงหน้าท่ามกลางแนวไม้ใหญ่เรียงรายขณะเสียงสวบสาบที่ห่างออกไปได้เงียบลง
งามตาพาแม่นุ่มลุยเข้าป่าทึบจนทะลุถึงลำธารตื้น ๆ กว้างประมาณห้าเมตร ทั้งสองก้าวไปตามพื้นราบริมฝั่งจนถึงตัวลำธารและลุยน้ำแค่ครึ่งน่องข้ามไปจนพ้นลำธารแล้วเดินตามพื้นหินใหญ่น้อยริมฝั่งก่อนขึ้นเนินป่าโปร่งไปอีกครู่หนึ่งพอเข้าเขตป่าทึบช่วงกลางเนินเธอจึงพาแม่นุ่มหยุดลงตรงหลังต้นสนแล้วมองกลับไปยังทางที่ผ่านมา
เสียงนกน้อยเจื้อยแจ้วรอบบริเวณ ความชุ่มชื้นทำให้ทั้งสองรู้สึกเย็นแต่ยังไม่ถึงกับหนาวสั่นเพราะความเหนื่อยจากการเดินลุยป่ามาทำให้รับรู้ความเย็นได้จากการหายใจเข้าไป และงามตาสังเกตเห็นความอ่อนล้าของแม่นุ่มได้ชัดเจน เธอจึงจำใจหยุดพักเพื่อให้คลายเหนื่อยทั้งที่ยังกังวลถึงชายร่างยักษ์ที่ตามหลังมา
หญิงสาวพาแม่นุ่มนั่งเอนหลังพิงต้นสนบนก้อนหินแบนราบก้อนหนึ่ง ส่วนตัวเธอนั่งลงตรงข้ามหันหน้ามองลอดระหว่างแนวไม้ไปยังลำธารอย่างระวัง พื้นราบริมฝั่งที่เต็มไปด้วยหินใหญ่น้อยนั้นยาวไปสุดตาดังนั้นผู้ที่ออกจากชายป่าด้านโน้นมาต้องไม่พ้นสายตาอย่างแน่นอน แต่ถึงกระนั้นงามตาก็ไม่วางใจยังคงกวาดตาไปมาตลอดแนวชายป่าฝั่งตรงข้าม ส่วนหูคอยแยกแยะเสียงที่แตกต่างจากเสียงน้ำเซาะโขดหินและเสียงเซ็งแซ่ของสรรพสัตว์รอบตัวที่ส่วนใหญ่เป็นนกน้อยและแมลง
แม่นุ่มเริ่มผ่อนคลายลงมากหลังได้นั่งพักท่ามกลางความร่มรื่นรอบตัวสีหน้าที่แจ่มใสจึงมีรอยยิ้มบาง ๆ เมื่อมองงามตา
“แม่นุ่มคิดยังไงถึงชวนหนูหลบออกมา”
หญิงสาวเอ่ยถามหลังจากนั่งเงียบกันอยู่หลายนาที แม่นุ่มถอนใจเบา ๆ มองไปยังแนวป่าทึบด้านหน้าก่อนตอบกลับมา
“เจ้าเบิ้มที่แม่นุ่มเคยเห็น เจ้านี่ทำได้ทุกอย่างถ้าเป็นประโยชน์กับตัวเอง”
หญิงกลางคนนิ่งไปนิดหนึ่งคิดช้า ๆ ถึงหลาย ๆ เรื่องราวที่ผ่านมาก่อนพูดต่อไป
“ตอนที่บ้านเดชเค้าเริ่มมีเรื่องยุ่ง เดชเค้าเรียกเบิ้มมาช่วยแต่เบิ้มกลับไปคาดคั้นเรื่องทองกับชัยเอาเอง แล้วไป ๆ มา ๆ เมื่อวานที่มีเรื่องวุ่นวายแม่นุ่มแอบมองลอดม่านออกไป เห็นเค้าเข้าไปที่บ้านกับพวกชัยแล้วยืนอยู่ข้างเดช แม่นุ่มเลยไม่แน่ใจว่าเบิ้มกำลังคิดอะไร”
งามตาฟังคำบอกเล่าขณะสายตามองไปยังพื้นราบริมธารตลอดแนว ในใจคิดตามว่าถ้าคนชื่อเบิ้มตามมาช่วยพวกของชัยทำไมไม่ตรงเข้าบ้านของเธอ กลับให้ลูกน้องลุยเข้าไป แต่ตัวเองเข้าไปหาแม่นุ่มในบ้านไม้ซุง
ตอนที่งามตาออกจากแม่นุ่มเมื่อเสียงปืนชุดแรกดังขึ้น เธอมองไปทางไร่ด้านหน้าเห็นร่างหนาใหญ่คุ้นตากำลังแหวกพุ่มไม้มุ่งหน้าเข้ามา เธอจึงวกกลับเข้าทางหลังบ้านและร้องเรียกแม่นุ่มให้เปิดประตูก่อนบอกสิ่งที่เห็นให้ฟังเพราะความคิดแรกของเธอคือคนชื่อเบิ้มเข้ามาเพื่อช่วยแม่นุ่มกลับไป คำพูดของแม่นุ่มทำงามตาแปลกใจเมื่อเธอถามถึงป่าทึบด้านหลังและชวนหญิงสาวออกมาทันที นั่นคือเหตุผลที่ทำให้ทั้งสองคนต้องมาอยู่ตรงนี้ด้วยกัน
หญิงสาวกำลังจะหันกลับมาทางแม่นุ่มเพื่อถามความเห็นว่าจะทำยังไงต่อไป แต่แล้วต้องตัวเย็นเฉียบเมื่อเห็นร่างหนาใหญ่ยืนอยู่ชายป่าฝั่งตรงข้าม เธอจึงยกปืนในมือขึ้นทันที ร่างหนานั้นหันมองซ้ายมองขวาก่อนถอยกลับเข้าในดงไม้ หญิงสาวรีบลดปืนลงแล้วลุกขึ้นยืนมองแม่นุ่นก่อนถามขึ้นว่า
“เค้ามาแล้วแม่นุ่มเอาไงดี”
แม่นุ่มได้ยินหญิงสาวพูดดังนั้นจึงนิ่งคิดอยู่นิดหนึ่งก่อนตอบกลับมา
“เราไปไร่พี่ชิตกัน หนูพอจะหารถได้มั้ย”
งามตามองหน้าแม่นุ่มก่อนพูดออกมา
“ถ้าอ้อมเข้าด้านหลังบ้านพักคนงานได้ก็พอมีทาง ว่าแต่แม่นุ่มรู้จักเหรอไร่ที่ว่าน่ะ”
แม่นุ่มมองสบตาหญิงสาว พยักหน้าช้า ๆ ตอบกลับมาเบา ๆ
“รู้จักสิ แม่นุ่มรู้จักที่นั่นดี”......
( มีต่อครับ )