ตอนเดิม
ตอนที่ 41
ทว่า...ท่ามกลางสายตาของทุกคนที่ยืนตะลึงมอง กระสุนนัดนั้นไม่ได้พุ่งตรงมาที่ศรศิลป์กับช่อชบา หญิงสาวในอ้อมกอดเขาเห็นกับตาตัวเองว่าท่อนแขนของนลินีถูกปัดให้ยกสูงขึ้น โดยพลังงานบางอย่าง ปลายกระบอกปืนจึงชี้ไปทางบนเพดาน คมกระสุนพุ่งเจาะทะลุฝ้าเพดานเป็นรูโหว่
เปรี้ยง!!!
เสียงกระสุนระเบิดขึ้นอีกหนึ่งนัดจากความตกใจของมือปืนเอง ทิศทางพุ่งเฉียงขึ้นข้างบนเช่นเดียวกัน ทันใดนั้นราวกับมีมือที่มองไม่เห็นจับข้อมือของหล่อนบิดอย่างแรง นลินีเอี้ยวตัวตาม ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ปืนสั้นหลุดจากมือตกลงบนพื้น
พริบตานั้นเอง ร่างของหล่อนก็เหมือนถูกยกให้ลอยสูงขึ้น ก่อนถูกทุ่มฟาดลงกับพื้น
พลั่ก!!!
ว้าย! โอ้ย!
นลินีกรีดร้องดังลั่น นอนบิดตัวร้องโอดโอยอยู่ที่พื้น
ศุภฤกษ์ได้สติ เขาปราดเข้าไปเตะปืนพกสั้นให้กระเด็นห่างจากมือของนลินี ขณะที่ยายบัวถาตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ยกมือขึ้นกุมหน้าอก เบิ่งตามอง พลางร้องอุทานให้คุณพระช่วย!
ศรศิลป์ซึ่งหลับตาปี๋ คิดว่าตัวเองคงโดนยิงเข้าเต็มแผ่นหลังไปแล้ว แต่เมื่อรอดูก็ไม่รู้สึกว่าเจ็บ เขาจึงคลายอ้อมแขนออกจากการกอดช่อชบา หันมามองเหตุการณ์ข้างหลัง
“เลวมากนลินี ฉันจะเรียกตำรวจให้มาจัดการเธอ”
ศุภฤกษ์ชี้หน้านลินีที่บัดนี้ยังนอนกลิ้งอยู่ที่พื้น ตวาดด่าดังลั่น ซึ่งพอได้ยินคำว่าตำรวจ หญิงสาวบนพื้นก็ลืมความเจ็บปวด รีบลุกพรวดพราดขึ้นเก็บกระเป๋าถือของตัวเอง แล้วหันหลังวิ่งหนีลงจากบ้านไปทันที ศรศิลป์ขยับจะออกวิ่งตาม แต่ถูกศุภฤกษ์ร้องห้ามไว้
“ไม่ต้องตาม ปล่อยเขาไป เรื่องนี้ฉันจะให้ตำรวจจัดการ”
บอกลูกชายตัวเองแล้วพ่นลมหายใจพรูออกจากปาก สักพักทุกคนก็ได้ยินเสียงรถยนต์แล่นออกจากบ้านไป เป็นอันว่านลินีขับรถหนีไปแล้ว
“ฉันหลงเอ็นดูลูกเสือลูกจระเข้มาตั้งนาน ในที่สุดมันก็เลี้ยงไม่เชื่อง ถูกมันแว้งกัดเอาจนได้ โชคดีที่ปืนสะบัด ไม่งั้นเจ้าศรคงโดนลูกกระสุนไปแล้ว”
เขาเหลียวดูอาวุธร้ายแรงบนพื้น ล้วงผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋ากางเกงออกมาพันมือ แล้วเดินไปหยิบมันอย่างระมัดระวังมาวางบนโต๊ะกลางชุดรับแขก เพ่งมองมันอย่างประหลาดใจ
“ปืนยี่ห้อนี้ทำไมมันสะบัดแรงนัก ดีดเสียจนนลินีล้มคว่ำล้มหงายไปแบบนั้น”
พึมพำอย่างไม่เข้าใจในเหตุการณ์ ช่อชบาและศรศิลป์หันมาสบตากัน สิ่งอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นนี้ดูเหมือนคนทั้งคู่จะรู้ดีว่าเป็นเพราะอะไร...เรื่องนี้ต้องขอบคุณสีมอย
“หนูช่อกับยายยังไม่ควรกลับบ้านไปตอนนี้นะ ไม่แน่ว่านลินีอาจคิดทำอะไรบ้า ๆ ขึ้นมาอีก พักกันเสียที่นี่ไปพลางก่อน ศร...แกพาแฟนแกกับยายไปพักที่ห้องรับรองแขกก่อน ยายคงตกใจแย่แล้ว ไปพักกันเถอะ ฉันจะโทร.หาศักดาให้มาจัดการกับเรื่องนี้”
บอกลูกชายแล้วหยิบโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมากดหาทนายความประจำบริษัท ศรศิลป์รับคำผู้เป็นพ่อ เขาไม่อยู่รีรออีก เชิญยายบัวถาที่ยังมีสีหน้าตกใจกับช่อชบา ให้เดินตามเข้าไปข้างในบ้าน ช่อชบาประคองยายบัวถาซึ่งงก ๆ เงิ่น ๆ ลุกขึ้นยืน เดินตามศรศิลป์เข้าไปข้างในบ้านแต่โดยดี
(มีต่อ)
ตำนานพื้นบ้าน พระลอตามไก่ มาเป็นนวนิยาย 'อลเวงรักสองภพ' ตอนที่ 41
ทว่า...ท่ามกลางสายตาของทุกคนที่ยืนตะลึงมอง กระสุนนัดนั้นไม่ได้พุ่งตรงมาที่ศรศิลป์กับช่อชบา หญิงสาวในอ้อมกอดเขาเห็นกับตาตัวเองว่าท่อนแขนของนลินีถูกปัดให้ยกสูงขึ้น โดยพลังงานบางอย่าง ปลายกระบอกปืนจึงชี้ไปทางบนเพดาน คมกระสุนพุ่งเจาะทะลุฝ้าเพดานเป็นรูโหว่
เปรี้ยง!!!
เสียงกระสุนระเบิดขึ้นอีกหนึ่งนัดจากความตกใจของมือปืนเอง ทิศทางพุ่งเฉียงขึ้นข้างบนเช่นเดียวกัน ทันใดนั้นราวกับมีมือที่มองไม่เห็นจับข้อมือของหล่อนบิดอย่างแรง นลินีเอี้ยวตัวตาม ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ปืนสั้นหลุดจากมือตกลงบนพื้น
พริบตานั้นเอง ร่างของหล่อนก็เหมือนถูกยกให้ลอยสูงขึ้น ก่อนถูกทุ่มฟาดลงกับพื้น
พลั่ก!!!
ว้าย! โอ้ย!
นลินีกรีดร้องดังลั่น นอนบิดตัวร้องโอดโอยอยู่ที่พื้น
ศุภฤกษ์ได้สติ เขาปราดเข้าไปเตะปืนพกสั้นให้กระเด็นห่างจากมือของนลินี ขณะที่ยายบัวถาตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ยกมือขึ้นกุมหน้าอก เบิ่งตามอง พลางร้องอุทานให้คุณพระช่วย!
ศรศิลป์ซึ่งหลับตาปี๋ คิดว่าตัวเองคงโดนยิงเข้าเต็มแผ่นหลังไปแล้ว แต่เมื่อรอดูก็ไม่รู้สึกว่าเจ็บ เขาจึงคลายอ้อมแขนออกจากการกอดช่อชบา หันมามองเหตุการณ์ข้างหลัง
“เลวมากนลินี ฉันจะเรียกตำรวจให้มาจัดการเธอ”
ศุภฤกษ์ชี้หน้านลินีที่บัดนี้ยังนอนกลิ้งอยู่ที่พื้น ตวาดด่าดังลั่น ซึ่งพอได้ยินคำว่าตำรวจ หญิงสาวบนพื้นก็ลืมความเจ็บปวด รีบลุกพรวดพราดขึ้นเก็บกระเป๋าถือของตัวเอง แล้วหันหลังวิ่งหนีลงจากบ้านไปทันที ศรศิลป์ขยับจะออกวิ่งตาม แต่ถูกศุภฤกษ์ร้องห้ามไว้
“ไม่ต้องตาม ปล่อยเขาไป เรื่องนี้ฉันจะให้ตำรวจจัดการ”
บอกลูกชายตัวเองแล้วพ่นลมหายใจพรูออกจากปาก สักพักทุกคนก็ได้ยินเสียงรถยนต์แล่นออกจากบ้านไป เป็นอันว่านลินีขับรถหนีไปแล้ว
“ฉันหลงเอ็นดูลูกเสือลูกจระเข้มาตั้งนาน ในที่สุดมันก็เลี้ยงไม่เชื่อง ถูกมันแว้งกัดเอาจนได้ โชคดีที่ปืนสะบัด ไม่งั้นเจ้าศรคงโดนลูกกระสุนไปแล้ว”
เขาเหลียวดูอาวุธร้ายแรงบนพื้น ล้วงผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋ากางเกงออกมาพันมือ แล้วเดินไปหยิบมันอย่างระมัดระวังมาวางบนโต๊ะกลางชุดรับแขก เพ่งมองมันอย่างประหลาดใจ
“ปืนยี่ห้อนี้ทำไมมันสะบัดแรงนัก ดีดเสียจนนลินีล้มคว่ำล้มหงายไปแบบนั้น”
พึมพำอย่างไม่เข้าใจในเหตุการณ์ ช่อชบาและศรศิลป์หันมาสบตากัน สิ่งอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นนี้ดูเหมือนคนทั้งคู่จะรู้ดีว่าเป็นเพราะอะไร...เรื่องนี้ต้องขอบคุณสีมอย
“หนูช่อกับยายยังไม่ควรกลับบ้านไปตอนนี้นะ ไม่แน่ว่านลินีอาจคิดทำอะไรบ้า ๆ ขึ้นมาอีก พักกันเสียที่นี่ไปพลางก่อน ศร...แกพาแฟนแกกับยายไปพักที่ห้องรับรองแขกก่อน ยายคงตกใจแย่แล้ว ไปพักกันเถอะ ฉันจะโทร.หาศักดาให้มาจัดการกับเรื่องนี้”
บอกลูกชายแล้วหยิบโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมากดหาทนายความประจำบริษัท ศรศิลป์รับคำผู้เป็นพ่อ เขาไม่อยู่รีรออีก เชิญยายบัวถาที่ยังมีสีหน้าตกใจกับช่อชบา ให้เดินตามเข้าไปข้างในบ้าน ช่อชบาประคองยายบัวถาซึ่งงก ๆ เงิ่น ๆ ลุกขึ้นยืน เดินตามศรศิลป์เข้าไปข้างในบ้านแต่โดยดี
(มีต่อ)