ตำนานพื้นบ้าน พระลอตามไก่ มาเป็นนวนิยาย 'อลเวงรักสองภพ' ตอนที่ 40

ตอนเดิม



ตอนที่ 40

นลินีหยุดชะงัก เมื่อพบว่าภายในห้องมีแม่เลขาฯ ตัวปัญหากับผู้หญิงแก่อีกคนหนึ่งนั่งสนทนาอยู่กับศุภฤกษ์ สังเกตเห็นว่าศรศิลป์นั่งติดกับช่อชบา และทำท่าเหมือนกำลังตกลงบางอย่างกันอยู่...หรือว่าพวกมันจะมาตกลงกันเรื่องแต่งงาน...คิดแบบพาล พลันความริษยาก็แล่นขึ้นเป็นริ้ว ๆ

ตวัดสายตามองใบหน้าแม่เลขาฯ หน้าเซ่อด้วยสายตามุ่งร้าย แสดงออกถึงความเกลียดชังเป็นที่สุด แล้วจึงหันไปพูดกับศุภฤกษ์

“นีมาหาคุณลุง จะเอาน้ำโสมมาให้อย่างที่บอกน่ะค่ะ...นั่นผู้ใหญ่แฟนศรเหรอคะ”

หล่อนมองไปทางยายบัวถา ทำท่าจะเข้ามานั่งร่วมวงสนทนาด้วย แต่ถูกศุภฤกษ์ห้ามเสียงดัง

“เดี๋ยว ๆ....พวกเรากำลังปรึกษาเรื่องส่วนตัวกันอยู่ ขอเวลาสักครู่ หนูมาก็ดีแล้ว ออกไปรอที่ระเบียงข้างนอกก่อน ฉันมีเรื่องอยากคุยด้วยอยู่พอดี”
ให้ออกไปรอนอกระเบียง...

หญิงสาวคนมาใหม่เบิกตากว้าง มองหน้าคนพูดอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง คำพูดแบบนี้ไม่น่าจะดังออกจากปากของคนที่หล่อนเรียกว่าคุณลุง สรรพนามใช้เรียกตัวเองก็เปลี่ยนไป ใช้คำว่า ’ฉัน’ แทนคำว่า ’ลุง’ ปกติเคยเข้านอกออกในบ้านหลังนี้ราวกับเป็นบ้านของตัวเอง เรื่องราวภายในบ้านคนเป็นเจ้าของเองก็มักเล่ามักบ่นให้ฟังเสมอ โดยไม่เคยกีดกันให้รู้สึกเป็นคนนอกมาก่อน...แล้วนี่มันคือเรื่องอะไรกัน

อึ้งไปพักหนึ่ง เมื่อตั้งสติได้ก็ส่งยิ้มหวาน ลองเลียบเคียงถามดู ไม่ยอมออกไปง่าย ๆ

“มีอะไรเป็นความลับหรือเปล่าคะ อ๋อ...คงมีเรื่องต้องตกลงกันกับคนของฝ่ายผู้หญิงล่ะสิ...น่าเห็นใจนะคะที่ท้องก่อนแต่ง เอ๊ะ! แต่คุณลุงเคยบอกนีว่าจะไม่ยอมรับผู้หญิงบ้านนอกคนนี้เป็นสะใภ้เด็ดขาด หัวเด็ดตีนขาดก็จะไม่รับเข้าบ้านไงคะ”

ว่าตามที่ตัวเองเข้าใจและเคยได้พูดยุยงศุภฤกษ์ให้จัดการกับว่าที่ลูกสะใภ้ผู้ซึ่งเขาไม่เคยต้องการ อดพูดดูถูกทำร้ายจิตใจของอีกฝ่ายไม่ได้ จากความแค้นใจที่ผู้หญิงคนนี้เข้ามาแทรกจนทำให้เสียแผนไปหมด

ช่อชบานึกฉุนแม่คนสวยขึ้นมา ตอบโต้หล่อนไปบ้างว่า

“คำก็บ้านนอก สองคำก็บ้านนอก...บ้านนอกแล้วไง ศรเขาไม่สนใจหรอกว่าฉันจะบ้านนอกบ้านนาขนาดไหน เขารักฉันไง ถึงได้มาขอฉันแต่งงานด้วย ไม่เหมือนบางคนที่เที่ยวมาตามตื๊อแฟนคนอื่นเขา”

ไม่พูดเปล่า สอดแขนข้างหนึ่งกอดแขนเขาไว้ แนบแก้มลงกับต้นแขนของเขาพลางชำเลืองตามอง นลินีมองภาพขัดหูขัดตานั้น ทำตาวาว หันมาถามเสียงเครียดกับคุณพ่อของศรศิลป์

“ว่าไงคะ ตกลงคุณลุงจะรับนังบ้านนอกคนนี้เป็นสะใภ้แล้วใช่ไหมคะ” ทำไมตนเองต้องมาพ่ายแพ้กับแค่ผู้หญิงหน้าตาบ้าน ๆ เคยเป็นแค่พริตตี้ ไม่ใช่มีดีกรีเป็นถึงนักเรียนนอกอย่างตน ความโกรธทำให้นลินีลืมรักษาภาพพจน์ โพล่งความในใจทั้งหมด เท่าที่แรงริษยาจะปะทุออกมา

“อย่ามาว่าแฟนลูกชายฉันแบบนั้น บ้านนอกอะไรกัน บ้านช่อชบาอยู่ที่แม่แจ่มนี่เอง...แต่ถึงเป็นคนบ้านนอกฉันก็ไม่เห็นเป็นไร ขอให้เป็นคนดีก็พอ ที่ฉันเคยบอกเธอไปแบบนั้น ก็เพราะเมื่อก่อนฉันมันโง่ไง หลงคิดว่าเธอกับพ่อเป็นคนดี เลยอยากให้มาดองกัน เอาล่ะ...ไหน ๆ เธอก็มาแล้ว พูดตรงนี้เลยก็ดีเหมือนกัน”

“พูดเรื่องอะไรคะคุณลุง...”

สาวสวยชะงักกับคำพูดแบบนั้นของศุภฤกษ์ ด้วยไม่คาดคิดว่าจะได้ยิน ถามกลับเสียงแปร่งเพราะเริ่มสงสัยในความหมายของคำพูด ก็เมื่อไม่กี่วันมานี้เอง ท่าทีของคุณลุงยังแสดงออกถึงความรังเกียจเดียดฉันท์ผู้หญิงคนนี้อยู่เลย

“พูดเรื่องในวิดีโอนี้ไง ไหน...ช่วยอธิบายให้ฉันฟังสิ เธอกับพ่อกำลังคิดทำอะไรกับฉันอยู่”

ศุภฤกษ์ตอบเสียงหนัก กดเปิดวิดีโอในโทรศัพท์ที่ถืออยู่ยกชูให้ดู นลินีนึกเอะใจ ก้าวเข้ามาใกล้ เขม้นมองภาพหน้าจอ พอเห็นภาพในวิดีโอชัดก็ถึงกับหน้าถอดสี ยืนตะลึงไปครู่หนึ่ง พอตั้งสติได้ก็เริ่มโวยวายเสียงดัง

“วิดีโอบ้าอะไรคะเนี่ย ใครมันทำแบบนี้...เอ้อ คุณลุงคะ ไม่จริง...ไม่จริงนะคะ นีถูกใส่ร้าย ต้องมีคนใส่ร้ายนีแน่ ๆ คิดดูสิคะ นีนอนอยู่ในห้อง ใครมันจะเข้ามาอัดวิดีโอถึงข้างในนั้นได้ ใครเชื่อก็บ้าแล้ว” 

โพล่งออกมาอย่างลืมคิดไปว่าบอกแบบนั้นมันก็เหมือนกับยอมรับอยู่กราย ๆ ว่าคนในวิดีโอคือตัวเองโดยปริยาย

“ไม่บ้าหรอกคุณนลินี วิดีโอนี้ถ่ายเมื่อคืนนี้เอง ยังมีอีกคลิปหนึ่งที่คุณคุยกับพ่อของคุณ ผมเก็บไว้เป็นหลักฐานหมดแล้ว จะเอาเรื่องคุณกับพ่อคุณให้ถึงติดคุกเลย คอยดู”

ศรศิลป์ขอโทรศัพท์มาจากบิดา เลื่อนไปที่คลิปแรกของนลินีแล้วยื่นให้หล่อนดูอีก

ใบหน้าที่ถูกตบแต่งจนดูสดสวยเผือดสีลงตามลำดับ จนแทบไม่มีสีเลือดอยู่ ละล่ำละลักปฏิเสธ เหงื่อแตกซึมตามใบหน้าและฝ่ามือจนเปียกชื้นไปหมด 

“มีคนทำคลิปขึ้นมาค่ะ คุณได้มันมาจากไหน ก็ใครคนนั้นแหละเป็นคนทำขึ้นมา มันเป็นคลิปตัดต่อนะคะ ใคร ๆ ก็ดูออก” 

ช่อชบามองหน้าซีดเป็นไก่ต้มของผู้หญิงตรงหน้าอย่างนึกเวทนา อนาถใจที่เห็นหล่อนพยายามแถให้ตัวเองพ้นผิด ถึงหล่อนจะใช้ความพยายามสักเพียงใด แต่หลักฐานมันชัดขนาดนี้ไม่มีทางที่หล่อนจะหลบเลี่ยงไปได้ นลินีมาถึงทางตันเสียแล้ว

“ฉันเป็นคนตั้งกล้องแอบถ่ายคุณเอง ห้องบนชั้นเจ็ดฉันตั้งกล้องอัจฉริยะไว้ทุกห้อง แม้แต่ในห้องน้ำ พอเห็นคุณคุยโทรศัพท์ก็แค่กดสั่งงานผ่านทางคอมพิวเตอร์ กล้องมันจะทำงานเองอย่างอัตโนมัติ ซูมเข้าไปบันทึกไว้ได้ทั้งภาพทั้งเสียงคุณ พวกคุณมันย่ามใจ ปากพล่อย คงนึกไม่ถึงสินะว่าจะมีใครมารู้เรื่องเลว ๆ ของตัวเอง บาปกรรมมันมีจริงนะคุณ”

เธอเหลือบมองศรศิลป์นิดหนึ่ง แล้วเชิดหน้าบอกนลินี...ไม่ได้โกหกอะไรหล่อนหรอก ตัวเองมีกล้องอัจฉริยะจริง ๆ...ชื่อสีมอย

(มีต่อ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่