ตำนานพื้นบ้าน พระลอตามไก่ มาเป็นนวนิยาย 'อลเวงรักสองภพ' ตอนที่ 35


ตอนเดิม




ตอนที่ 35

บ้านสวนร่มรื่นไปด้วยต้นลำไยหลายสิบต้น บนเนื้อที่ห้าไร่ แต่ไม่ใช่ปลูกเพียงต้นลำไยไปเสียทั้งหมด ขณะขับรถมาตามถนนดินลูกรัง ศรศิลป์สังเกตเห็นว่าพื้นที่ภายในสวนยังปลูกกล้วย ต้นมะพร้าวและต้นฝรั่ง แซมกับต้นลำไยอยู่ด้วยประปราย เส้นทางก่อนจะแยกเข้ามาในสวนไม่ค่อยเปลี่ยวเท่าไหร่ แต่ก็ไกลจากถนนเส้นหลักพอสมควร  

บ้านตึกชั้นเดียวหลังเล็กสร้างอยู่กลางสวนลำไย แวดล้อมไปด้วยแปลงผักสวนครัวที่ขึ้นแปลงไว้รอบตัวบ้าน มีรั้วไม้ไผ่สานล้อมรอบบริเวณบ้านอีกชั้นหนึ่ง ส่วนสวนลำไยมีเพียงหลักไม้ปักไว้ด้านหน้าสวน เพื่อแสดงอาณาเขตของสวนเท่านั้น

ยายบัวถามีท่าทางดีใจที่เห็นหลานสาวมีผู้ชายมาส่ง แถมหลานยายยังแต่งตัวเสียสวยเช้ง ด้วยชุดเสื้อผ้าที่ไม่เคยเห็นสวมใส่ เพราะนอกจากทอมบอยสาวอย่างเนตรนภิส ที่เห็นมารับส่งกันเป็นประจำแล้ว ช่อชบาไม่เคยพาเพื่อนต่างเพศคนไหนมาแนะนำให้ยายรู้จักถึงที่บ้านมาก่อน

ป่านนี้แล้วหลานสาวคนเดียวของแกก็ยังไม่มีแฟน พอลองถามดูเห็นบอกว่ายังไม่คิดถึงเรื่องนี้ จนอายุปาเข้าไปใกล้เลขสามเต็มที ยายวัยชราจึงเกรงว่าตัวเองจะอยู่ไม่ทันได้เห็นหน้าเหลน ไอ้ครั้นจะเร่งให้หลานสาวแต่งงานไว ๆ ก็ติดที่ไม่รู้จะให้ไปแต่งกับใคร

เมื่อเห็นศรศิลป์มากับช่อชบาแกจึงทั้งดีใจและประหลาดใจ เลียบเคียงถามหลานว่า

“เอ๊ะ! วันนี้พี่เนตรไปไหน ใครมาส่งแทนล่ะเนี่ย แล้วทำไมช่อถึงใส่ชุดสวยแบบนี้” 

ยายเขม้นมองชุดสวยสีงาช้างที่หลานสวมใส่อยู่ ประเมินดูด้วยสายตาชุดนี้น่าจะมีราคาหลายตังค์ ปกติช่อชบาไม่ค่อยมีเสื้อผ้าสวย ๆ ราคาแพงใส่สักเท่าไหร่ ชุดใส่ทำงานก็มักหาซื้อเอาในตลาดแถวบ้าน เลือกซื้อที่ราคาไม่แพงนัก

ศรศิลป์ยกมือไหว้สวัสดีหญิงสูงวัยผู้มีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส แม้แกจะมีรูปร่างเล็กบอบบางเหมือนกับคนเป็นหลาน แต่ท่าทางยังดูแข็งแรง กระฉับกระเฉงดี นึกเห็นใจยายของช่อชบาที่อายุมากแล้ว เรี่ยวแรงทำสวนลำไยของแกคงลดน้อยถอยลงตามอายุ 

เป็นชาวสวนผลไม้ไม่ใช่ของง่ายเลย เขาเองมีที่ดินให้เช่าทำสวนผลไม้อยู่ในหลายจังหวัด จึงรู้ดีว่าไม่ใช่ใครก็สามารถทำสวนลำไยได้ เพราะนอกจากจะต้องมีใจรักในอาชีพเกษตรกรรมแล้ว ยังต้องมีทุนรอนในการบำรุงรักษาสวน ไม่นับค่าใช้จ่ายยิบย่อยอย่างอื่นอีก ตั้งแต่ค่าจ้างคนเฝ้าสวนซึ่งต้องเป็นคนที่ไว้ใจได้ คอยดูแลรักษาสวนให้ ต้องจ้างแรงงานมารดน้ำใส่ปุ๋ย ตัดแต่งกิ่งใบ ตลอดจนเก็บผลผลิตขาย ซึ่งปัจจุบันแรงงานพวกนี้ค่อนข้างขาดแคลน หาได้ยาก ส่วนมากมักเป็นแรงงานต่างด้าว แต่สวนลำไยเนื้อที่เพียงห้าไร่ของยายบัวถา ไม่ได้กว้างขวางเท่าไหร่ สงสัยแกคงเป็นคนดูแลเองทั้งหมด เพราะในสวนไม่เห็นมีใครอื่นอีก

“พี่เนตรติดงานค่ะ คนนี้คือคุณศรศิลป์เจ้านายของช่อเอง...เรื่องชุดนี่...ช่างมันก่อนเถอะค่ะ ไว้ช่อจะเล่าให้ฟังวันหลัง เอ้อ...ขอบคุณที่มาส่งค่ะบอส ขับรถกลับดี ๆ นะคะ” 

ยังไม่คิดจะอธิบายเรื่องการแต่งกายที่ดูหรูหราราคาแพงของตนเองให้ยายฟัง เพราะไม่รู้จะเริ่มต้นเล่าอย่างไรดีให้ยายเข้าใจได้ง่าย เลยบอกขอบคุณเจ้านายเหมือนไล่ให้เขากลับทางอ้อม

“อ้าว...เจ้านายเขาใจดีอุตส่าห์มาส่งถึงที่บ้าน เชิญเขาขึ้นมาบนบ้านกินน้ำกินท่ากันก่อนสิ จะรีบร้อนกลับทำไม เสียมารยาทจริงเชียวหลานคนนี้...เชิญค่ะคุณ” 

พอรู้ว่าผู้ชายท่าทางดีคนนี้เป็นเจ้านายของหลานสาวเอง ไม่ใช่อย่างที่ตนเองคิด ยายบัวถาก็มีสีหน้าผิดหวังนิดหน่อย บ่นหลานเสียงดัง แล้วเป็นฝ่ายเชื้อเชิญให้เจ้านายของหลานเข้ามาในบ้านเสียเอง 

ช่อชบามองหน้าเขา นึกว่าเขาจะปฏิเสธเสียอีก แต่ชายหนุ่มกลับทำตรงกันข้าม นอกจากไม่ปฏิเสธแล้วยังทำท่าจะถอดรองเท้าเพื่อขึ้นไปบนบ้าน

“เย็นมากแล้วนะคะ บอส คุณควรรีบกลับ เดี๋ยวจะมืดเสียก่อน” 

เธอรีบพูดดักคอเขาไว้ ชายหนุ่มหันมายิ้มให้ ทำสีหน้าเหมือนรู้ทัน บอกชัดถ้อยชัดคำว่า

“คืนนี้ผมขอนอนค้างที่นี่นะครับ เพราะพรุ่งนี้ผมต้องรับคุณกับคุณยายไปพบกับคุณพ่อของผมด้วยกัน คุณพ่ออยากพบคุณยายบัวถา”

“เอ๊ะ! แต่พรุ่งนี้มันวันหยุดของฉันนะคะ” หญิงสาวสะดุ้ง รีบร้องอุทธรณ์ขึ้นทันที เรื่องอะไรต้องมาค้างที่นี่ด้วย แล้วพรุ่งนี้ก็คือวันหยุดสุดสัปดาห์ของเธอด้วย

“เสียใจครับ คุณรับเงินค่าจ้างทำงานพิเศษล่วงหน้าจากผมไปแล้ว ด้วยชุดนั้น...เพราะฉะนั้นคุณต้องทำงานให้ผมทุกวัน ไม่เว้นวันหยุด ตามสัญญาที่คุณได้เซ็นไว้” 

ศรศิลป์เตือนความจำเธอด้วยท่าทางของผู้มีชัย ช่อชบาสะอึก นึกไม่ถึงเขาจะใช้วิธีของเธอมาย้อนศรตัวเธอเอง นึกหาคำพูดมาแย้งเขาไม่ทัน ยายบัวถามองหน้าหลานสาวสลับกับหน้าเจ้านายของหลานไปมา นึกแปลกใจที่ได้ยินหลานพูดว่าไปเซ็นสัญญิงสัญญาทำงานพิเศษอะไรกับเจ้านาย ช่อชบาเห็นท่าไม่ดี ยังไม่อยากอธิบายงานที่ทำให้ยายฟังในตอนนี้ รีบพูดตัดบทเขาว่า

“บอสจะค้างที่นี่ก็ได้ค่ะ ถ้างั้นฉันคงต้องมีข้อแลกเปลี่ยนบางอย่าง เพราะในสัญญาของคุณไม่ได้ระบุไว้ว่าฉันต้อง...เอ้อ...ฉันจะต้องพายายไปหาคุณพ่อของคุณด้วย”

ช่อชบาพูดตะกุกตะกักเพราะพูดได้ไม่สะดวกปากนัก เกือบเผลอต่อว่าออกไปแล้วถึงเรื่องที่เขากุขึ้นมาโดยพลการว่าเธอท้อง โดยไม่ได้ตกลงกันก่อน

“ผมตกลงทุกข้อเสนอ แล้วแต่คุณจะยื่นมา ผมยินดีรับไว้พิจารณาทุกข้อ”

ชายหนุ่มรับคำอย่างว่าง่ายด้วยดวงตาเป็นประกาย โดยไม่ได้สนใจเลยว่าข้อเรียกร้องต่อรองเพิ่มของช่อชบาจะเป็นอะไรอีก ยายบัวถาผู้ซึ่งไม่เคยระแคะระคายอะไรมาก่อน จึงเอ่ยเชื้อเชิญขึ้นซ้ำ

“ยายว่า ขึ้นไปพูดจากันข้างบนบ้านเถอะ เรื่องค่าจ้างค่าออนอะไรนั่นน่ะ จะค้างที่นี่จริงเหรอจ๊ะ พ่อคุณ...งั้นเดี๋ยวให้ช่อย้ายมานอนกับยายก็แล้วกัน คุณก็นอนห้องช่อมัน...ชวนเจ้านายเอ็งขึ้นมาบนบ้านเถอะช่อเอ้ย แล้วไปเก็บผักตำลึงหลังบ้านมาให้ยายทำอาหารเย็นให้กินกัน”

(มีต่อ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่