ตำนานพื้นบ้าน พระลอตามไก่ มาเป็นนวนิยาย 'อลเวงรักสองภพ' ตอนที่ 37

ตอนเดิม



ตอนที่ 37

ศรศิลป์อาบน้ำในห้องน้ำเล็ก ๆ หลังบ้าน ความคับแคบของห้องน้ำและความเรียบง่ายของสุขภัณฑ์ ตามแบบฉบับบ้านในชนบท ไม่ได้เป็นอุปสรรคสำหรับชายหนุ่ม ดูเหมือนเขาจะคุ้นเคยดีกับห้องน้ำแบบนี้ พออาบเสร็จเขาก็กลับมาใส่เสื้อผ้าชุดเดิม เพราะนอกจากอุปกรณ์อาบน้ำใหม่เอี่ยมที่ช่อชบาซื้อหามาตุนไว้ โดยไม่ได้นึกว่าจะมีแขกเข้ามาใช้แต่อย่างใด ยกเว้นเสื้อผ้าผู้ชายที่บ้านหลังนี้ไม่มีให้เปลี่ยน 

ออกมายืนพิงประตูครัวมองดูช่อชบากับยายบัวถากำลังช่วยกันจัดสำรับกับข้าว สังเกตเห็นว่าหญิงสาวรักยายของตัวเองมาก พูดกระเซ้าเย้าแหย่ยายเล่นอย่างอารมณ์ดี ยายบัวถาเองบางครั้งก็ยกมือตีหลานสาวเบา ๆ บางทีก็ยีผมที่เริ่มยาวประบ่าของหลานเล่น พูดหยอกล้อกันอย่างมีความสุข เขามองชีวิตเรียบง่ายของผู้หญิงต่างวัยทั้งคู่พลางอมยิ้ม

เพิ่งเข้าใจว่าทำไมช่อชบาถึงพยายามทำงานทุกอย่าง เพื่อรักษาสวนลำไยแห่งนี้ไว้ ทั้งที่จะว่าไปแล้วหากขายสวนทิ้ง แล้วเอาเงินที่ได้ไปหาซื้อที่ทางใหม่ สร้างบ้านดี ๆ อยู่ก็สามารถทำได้ แถมยังอาจมีเงินเหลือไว้ใช้จ่ายอีกต่างหาก แต่เพราะบ้านสวนคงเป็นเหมือนจิตวิญญาณของยายตัวเอง แม้การย้ายไปอยู่ใกล้ตัวเมืองจะมีความสะดวกสบายมากกว่า แต่ยายวัยชราคงไม่คิดไปจากบ้านสวนที่ได้มาจากน้ำพักน้ำแรงของตัวเองแน่

จนเมื่อจัดสำรับเสร็จ ช่อชบาก็ปูเสื่อลงกับพื้นห้องครัว หันมาเชิญเขาให้เข้ามานั่ง ชายหนุ่มจึงเดินเข้ามานั่งขัดสมาธิลงข้างสำรับแต่โดยดี หญิงสาวคดข้าวใส่จานยื่นส่งให้ พยักพเยิดให้เขาตักกิน ชายหนุ่มตักน้ำพริกกะปิราดข้าวกินอย่างไม่อิดออด เคี้ยวกินพลางเอ่ยชมฝีมือแม่ครัวเอก

“น้ำพริกกะปิฝีมือคุณยายเข้มข้นดีจัง อร่อยครับ หอมกะปิ ไม่มีเหม็นหืนเลย” 

ยายบัวถายิ้มปลื้มกับคำชม มองชายหนุ่มตักข้าวกินอย่างเอ็นดู

“กะปิดี เนตรเขาซื้อมาฝากจากระยอง ยายก็พยายามหากับข้าวที่มันจืด ๆ มาให้กิน เห็นช่อบอกว่าคุณเพิ่งกลับมาจากเมืองนอก ท่าทางจะกินเผ็ดไม่เก่ง” 

ช่อชบาแทบสำลักน้ำพริกออกทางจมูก ไอโขลกออกมา ก่อนหยิบแก้วน้ำของตัวเองขึ้นจิบ

“นี่ก็กินเหมือนเด็ก” ยายหันมาเอ็ดหลานสาวด้วยน้ำเสียงไม่จริงจัง หญิงสาวเหลือบมองชายหนุ่ม เบ้ปากใส่เขานิด ๆ เมื่อเห็นเขาหัวเราะขึ้นเบา ๆ แล้วก้มหน้าก้มตาตักข้าวกินใหม่

“คงสำลักน้ำพริกน่ะครับ...คุณช่อเขากินเผ็ดไม่เก่งเหมือนกับผมนี่แหละครับ”

ชายหนุ่มพูดแซวกลั้วเสียงหัวเราะแล้วตักข้าวกินหน้าตาเฉย คนถูกพูดพาดพิงถึงเงยหน้าขึ้นมองเขาอีก ส่งค้อนตาแทบกลับ...ได้ทีแซวใหญ่เชียวนะ พ่อคนกินเผ็ดเก่ง...

“โตจนป่านนี้แล้วยังกินเผ็ดไม่เป็นอีก พริกยายก็ใส่นิดเดียวเอง เออ...ว่าจะถามเรื่องงานพิเศษอะไรนั่นน่ะ จ่ายค่าจ้างเป็นชุดเหรอจ๊ะ ชุดแบบไหนกัน ชุดที่จะใส่เดินแบบเหรอ ไหนว่าจะไม่ถ่ายแบบแล้วไงล่ะ”

บ่นหลานตัวเองแล้วนึกขึ้นมาได้ จึงเอ่ยถามถึงเรื่องงานพิเศษที่ได้ยินพูดกันเมื่อตอนเย็น หนุ่มสาวทั้งคู่ชะงักมือจากตักข้าวกิน แลดูตากัน ช่อชบานิ่งไป จะอธิบายเรื่องเป็นคู่รักปลอม ๆ ของเจ้านายว่าอย่างไรดี ให้ยายซึ่งเป็นคนหัวเก่าที่ยังยึดมั่นในจารีตของหนุ่มสาวล้านนาอยู่ เข้าใจได้โดยง่าย โดยเฉพาะพรุ่งนี้ต้องพายายไปพบกับคุณพ่อของศรศิลป์ด้วย ตนยังไม่ได้ปรึกษากับเจ้านายว่าจะบอกกับยายแบบไหน แต่ปิดไว้คงไม่มิด จึงคิดจะเริ่มต้นอธิบายให้ยายฟังในวงกับข้าวนี้เลย

“คุณศรเขาซื้อชุด...เอ้อ ชุดเจ้าสาวให้ช่อค่ะ...เป็นค่าจ้าง...”

“หือ...จ่ายค่าจ้างเป็นชุดเจ้าสาวรึ พิลึกจริง...คิดยังไงถึงไปเอาค่าจ้างเป็นชุดเจ้าสาวล่ะ แล้วเอ็งจะใส่แต่งงานกับใคร แฟนก็ไม่มีกับเขา”

ยังไม่ทันเล่าถึงที่มาที่ไปของชุดเจ้าสาว เธอก็โดนยายโวยเอาเสียงขรมเสียแล้ว ก่อนมองหลานอย่างประหลาดใจ เพราะหลานยายไม่ใช่คนใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย เวลาทำงานได้เงินมาก็มักให้ยายเก็บไว้ใช้เป็นส่วนใหญ่ ตัวเองเหลือเป็นค่าเช่าห้องกับค่าของใช้ส่วนตัวเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เรียกว่ากินอยู่กันอย่างกระเบียดกระเสียรเลยก็ได้ แล้วทำไมไปเอาค่าจ้างเป็นชุดเจ้าสาวแทนเงิน ทั้งที่ไม่ได้จะมีพิธีวิวาห์กับใคร

ศรศิลป์มองหน้าจ๋อยของช่อชบา รู้ดีถึงความลำบากใจในการอธิบายให้ยายเธอเข้าใจ จึงตัดสินใจเป็นคนอธิบายเรื่องนี้เสียเอง

“คือว่า งานพิเศษที่ผมจ้างคุณช่อทำนอกเหนือจากเป็นเลขาที่บริษัท มันเป็นงานที่พิเศษมากครับ...ผมจะค่อย ๆ เล่าให้คุณยายฟังนะครับ กรุณาฟังผมให้จบก่อน เราจะได้เข้าใจกันง่ายขึ้น ชุดเจ้าสาวที่ว่า ผมต้องเอามาใช้เป็นส่วนประกอบในการทำงานด้วย ผมให้คุณช่อฟรีครับ ไม่นับเป็นค่าจ้างด้วยหรอก” 

ยายบัวถาจ้องหน้าคนพูดสลับกับมองหน้าหลานสาว นึกสังหรณ์ใจในงานพิเศษที่หลานทำว่าอาจมีอะไรที่ไม่ชอบมาพากล

“ตอนนี้ผมมีปัญหาเรื่องไม่อยากแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก เราเข้ากันไม่ได้โดยสิ้นเชิง เธอเองก็ไม่ได้รักผม อยากแต่งกับผมเพื่อผลประโยชน์เท่านั้น และอยากได้กิจการของครอบครัวผมมาเป็นของตัวเอง แต่ว่าคุณพ่อของผมท่านกลับอยากให้เราแต่งงานกัน เพราะไม่รู้ทันเล่ห์เหลี่ยมของผู้หญิงคนนี้ ผมจึงขอร้องคุณช่อให้ช่วยปลอมตัวเป็นคนรักของผมไปสักระยะหนึ่งครับ”

ยายบัวถาทิ้งช้อนในมือลงจานดังเคล้ง! ยกมือขึ้นทาบอก

“ปลอมตัวเป็นคนรักคุณ...คุณพระช่วย! คุณจะมาทำแบบนี้กับหลานยายไม่ได้นะ ช่อมันยังเป็นสาวเป็นแส้ ไม่เคยมีแฟนกับใครเขาสักคน จะให้มันเป็นแฟนปลอม ๆ ของคุณได้ยังไง ต่อไปใครจะเอามันทำเมีย”

ผู้เฒ่าหมดความอดทนจะนิ่งฟัง ร้องขัดขึ้นทันที

“ช่อตกลงทำไปแล้วล่ะจ้ะ ยายจ๋า...ช่อสงสารคุณศรกับพ่อของเขาจ้ะ” 

ช่อชบาก้มหน้าบอกยายตัวเองเสียงแผ่ว รู้สึกผิดที่ตกลงทำเรื่องนี้โดยไม่ได้ปรึกษากับยายก่อน

“ยายไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องช่อไม่มีใครแต่งงานด้วยหรอกจ้ะ ชาตินี้ช่อคงไม่แต่งงานกับใครแน่ ก็เลยรับปากช่วยคุณศรไป”

บอกแล้วก็เจ็บจี๊ดในใจ เมื่อหวนไปนึกถึงผู้ชายคนที่เคยนึกอยากจะแต่งงานด้วย และเพิ่งรู้ความจริงว่าที่แท้เขาไม่ได้ชอบผู้หญิง

“คุณศรเขาให้ค่าจ้างหนึ่งล้านบาทจ้ะ ช่อว่าก็ดีเหมือนกัน เราจะได้เอาเงินมาซื้อรถยนต์ไว้ใช้สักคัน ขับพายายไปวัดไปวา หรือเวลาพายายไปหาหมอไงจ๊ะ จะได้ไม่ต้องรบกวนรถพี่เนตรเขาบ่อย ที่เหลือก็เอามาซ่อมบ้านที่มันชำรุด ช่ออยากให้ยายได้อยู่สบายกว่านี้อีกหน่อย ขอโทษด้วยนะจ๊ะที่ไม่ได้ปรึกษายายก่อน คือว่า...ตอนนั้นมันฉุกละหุกจริง ๆ จ้ะ”

ได้ยินหลานบอกถึงความจำเป็นในการรับจ้างทำงานพิเศษ ยายบัวถาอึ้งไปนิดหนึ่ง ก่อนถอนหายใจใหญ่ออกมา เข้าใจถึงเจตนาและเหตุผลของช่อชบาดี ตัวแกเองก็อยากมีเงินไว้ใช้จ่ายอย่างเทียมหน้าเทียมตาชาวบ้านคนอื่นอยู่เหมือนกัน ทุกวันนี้แค่พอมีกินมีใช้อย่างประหยัดเท่านั้น ถ้ามีมากหน่อยก็คงเข้าวัดไปทำบุญตามประสา ไม่หน้าใหญ่จนเกินไป แต่ถึงยังไงแกก็แกว่งศีรษะอย่างไม่ค่อยเห็นด้วย ที่หลานตัวเองจะทำงานเสี่ยงต่อการเสียชื่อเสียง เพราะความเห็นแก่เงิน

“ทำไมถึงพูดจาตัดหนทางตัวเองอย่างนั้นเล่า ยังสาวยังแส้อยู่แท้ ๆ ที่เอ็งยังไม่ได้แต่งงาน เพราะเนื้อคู่ของเอ็งอาจจะยังมาไม่ถึง ยายก็ยังแข็งแรงดี ไม่ได้เจ็บป่วยอะไรมากมาย แค่ไปเอายาคนแก่ที่สุขศาลานาน ๆ ทีเท่านั้น”

จึงยังพูดแย้งหลานสาว ด้วยคิดเสมอว่าตัวเองยังแข็งแรงดี สามารถอยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้หลานไปได้อีกนาน 

“เป็นเพราะผมคะยั้นคะยอขอให้คุณช่อช่วยเองครับ ผมพยายามปฏิเสธคุณพ่อมาตลอด แต่ไม่เป็นผล จนมาได้รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นคิดฮุบบริษัทเรา การขอให้คุณช่อช่วย เป็นทางออกสุดท้ายของผมแล้ว ผมสัญญาว่าจะรักษาเกียรติของหลานคุณยายให้ดีที่สุด แค่คุณช่อช่วยแสดงตัวว่าเป็นคนรักของผม จนคุณพ่อท่านเปลี่ยนใจ เลิกเคี่ยวเข็ญผมเรื่องนี้เสียที หากการหมั้นกันถูกล้มเลิกไป คุณช่อก็จะพ้นจากหน้าที่นี้ครับ”

ผู้ชรามองหน้านายจ้างของหลานสาวนิ่ง ในใจประหวัดถึงเรื่องราวแต่หนหลัง เรื่องทำนองนี้เคยมีเกิดขึ้นที่นี่มาก่อนเหมือนกัน แกย้อนคิดดู แล้วจึงถอนหายใจใหญ่ออกมาอีก

“นานแค่ไหนล่ะ หวังว่าคงไม่นานเท่าไหร่หรอกนะ เรื่องแบบนี้รู้ถึงไหนอายเขาไปถึงนั่น”

(มีต่อ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่