อลเวงรักสองภพ ตอนที่ 23

 
 
 
อลเวงรักสองภพ
 
โดย...ล. วิลิศมาหรา



ความเดิม

“น้ำพริกฝีมือคุณยายอร่อยจังเลยครับ” ยายบัวถายิ้มปลื้ม มองชายหนุ่มตักข้าวกินอย่างเอ็นดู

“ยายก็พยายามหากับข้าวที่มันจืด ๆ มาให้กิน เห็นช่อมันบอกว่าคุณเพิ่งกลับมาจากเมืองนอก ท่าทางจะกินเผ็ดไม่เก่ง”

ช่อชบาแทบสำลักน้ำพริก ไอโขลกก่อนหยิบแก้วน้ำขึ้นดื่ม

“นี่ก็กินเหมือนเด็ก” ยายเอ็ดหลานสาวน้ำเสียงไม่จริงจัง

“คงสำลักน้ำพริก...คุณช่อเขากินเผ็ดไม่เก่งเหมือนกันครับ”

ชายหนุ่มพูดแล้วตักข้าวกินทำหน้าเฉย ๆ แต่ช่อชบาค้อนเขาตาแทบกลับ...ได้ทีแซวใหญ่เชียวนะ พ่อคนเก่ง


""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""
 
“แล้วเรื่องใส่ชุดเจ้าสาวมานั่นล่ะ ตกลงว่าใส่ทำไม หรือว่าไปเล่นละคร ลิกงลิเกที่ไหนมา”

ยายบัวถาเอ่ยถามถึงเรื่องแต่งตัวประหลาดของหลานสาว ซึ่งหนุ่มสาวทั้งคู่ถึงกับอึ้งไปนิดหนึ่ง จะอธิบายเรื่องปลอมเป็นคู่รักกันอย่างไรดีไม่ให้ถูกตำหนิ โดยเฉพาะยายที่เป็นคนรุ่นเก่า ยังยึดถือว่าเรื่องแบบนี้คนเขาไม่ทำล้อเล่นกัน

“ชุดนั่นคุณศรเขาซื้อให้ช่อค่ะ...เป็นค่าจ้าง เอ้อ...”

“หือ...จ่ายค่าจ้างเป็นชุดเจ้าสาวเหรอ พิลึกจริง...คิดยังไงถึงไปเอาค่าจ้างเป็นชุดเจ้าสาวล่ะ ท่าทางจะแพงนะนั่น”

ยังไม่ทันเล่าถึงที่ไปที่มาของชุด เธอก็โดนยายตำหนิเสียแล้ว พร้อมกับความประหลาดใจของยายบัวถา หลานแกไม่ใช่คนสุรุ่ยสุร่าย เวลาทำงานได้เงินมา ก็มักให้ยายเก็บไว้ใช้เสียเป็นส่วนใหญ่ ตัวเองเหลือไว้เป็นค่าเช่าห้องกับค่าใช้จ่ายส่วนตัวบ้างเล็กน้อย จะเรียกว่ากินอยู่อย่างกระเบียดกระเสียรเลยก็ได้ แล้วจู่ ๆ ช่อชบาจะเอาเงินจากน้ำพักน้ำแรงมาซื้อชุดเจ้าสาว ทั้งที่ไม่ได้มีพิธีวิวาห์ด้วยกับใครไปทำไม

“คือว่า ผมจ้างช่อชบาทำงานพิเศษนอกเหนือจากเป็นเลขาที่บริษัทครับ” ศรศิลป์ตัดสินใจว่าจะเป็นคนอธิบายเรื่องนี้เสียเอง

“ตอนนี้ผมมีปัญหาเรื่องไม่อยากแต่งงานกับคนที่ไม่รัก เราเข้ากันไม่ได้โดยสิ้นเชิง เธอเองก็ไม่ได้รักผม อยากแต่งกับผมเพื่อหน้าตาตัวเองเท่านั้น แต่ว่าคุณพ่อของผมท่านอยากให้เราแต่งงานกัน ผมจึงขอร้องให้คุณช่อช่วยปลอมตัวเป็นคนรักของผมไปสักระยะหนึ่งครับ”

ยายบัวถาทิ้งช้อนในมือลงจานเคร้ง ยกมือขึ้นทาบอก

“ปลอมตัวเป็นแฟนคุณ...คุณพระช่วย คุณมาทำแบบนี้กับหลานยายไม่ได้นะ ช่อมันยังเป็นสาวเป็นนาง ไม่เคยมีแฟนกับใครเขาสักคน จะให้มันมีแฟนปลอม ๆ ได้ยังไง ต่อไปใครจะเอามันทำเมีย”

“ช่อตกลงทำไปแล้วจ้ะยายจ๋า” ช่อชบาก้มหน้าบอกยายตัวเองเบา ๆ

“ยายไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอกจ้ะ ชาตินี้ช่อคงไม่แต่งงานแน่ ก็เลยรับปากช่วยคุณศรไป”

บอกแล้วเจ็บจี๊ดในหัวใจ เมื่อหวนนึกไปถึงผู้ชายที่เคยนึกอยากแต่งงานด้วย และเพิ่งรู้ความจริงว่าที่แท้แล้วเขาไม่ได้ชอบผู้หญิง

“คุณศรเขาจะให้ค่าจ้างหนึ่งล้านบาทจ้ะยาย ช่อคิดว่าดีเหมือนกัน เราจะได้เอามาซื้อรถยนต์ไว้ขับพายายไปวัด หรือเวลาพายายไปหาหมอสักคัน ที่เหลือก็เอามาปรับปรุงบ้าน ช่ออยากให้ยายอยู่สบายมากกว่านี้ ช่อขอโทษด้วยที่ไม่ได้ปรึกษายายก่อน คือว่าตอนนั้นมันฉุกละหุกจริง ๆ จ้ะ”

ยายบัวถามองหน้าหลานแล้วถอนหายใจ แกว่งศีรษะอย่างไม่ค่อยเห็นด้วย ไม่อยากเชื่อเลยว่าหลานตัวเองจะยอมทำเรื่องไม่ดีไม่งามเพราะเห็นแก่เงิน

“ทำไมถึงพูดจาตัดหนทางตัวเองอย่างนั้นเล่า ยังสาวยังแส้อยู่แท้ ๆ เพียงแต่เนื้อคู่เราอาจยังมาไม่ถึงเท่านั้นเอง ยายก็ยังแข็งแรงดี ไม่ได้เจ็บป่วยอะไรมากเสียหน่อย แค่ไปเอายาคนแก่ที่สุขศาลานาน ๆ ที”

ยายบัวถายังพูดแย้ง

“เป็นเพราะผมคะยั้นคะยอขอให้คุณช่อช่วยเองครับ เคยปฏิเสธคุณพ่อไปแล้วหลายครั้งแต่ไม่เป็นผล ในตอนนั้นคิดว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้ว เลยตัดสินใจทำ ผมขอสัญญาว่าจะรักษาเกียรติของคุณช่อไว้ไม่ให้เสียหาย แค่ขอให้ช่วยแสดงตัวว่าเป็นคนรักของผมให้คุณพ่อท่านเห็น ให้ท่านเลิกเคี่ยวเข็ญผมเรื่องหมั้น หลังจากนั้นคุณช่อก็จะพ้นจากหน้าที่นี้ครับ”

ผู้ชราเหลือบมองหน้านายจ้างหลานสาวแล้วถอนหายใจ

“นานแค่ไหนล่ะ หวังว่าคงไม่นานเท่าไหร่หรอกนะ เรื่องแบบนี้รู้ถึงไหนอายเขาไปถึงนั่น”

ทอดเสียงถามอ่อนลง แต่ยังไม่วายถามถึงสิ่งที่ตนยึดถือ...หน้าตาตัวเองนั่นแหละ ที่ครั้งหนึ่งเคยได้ขอร้องกับแม่ของช่อชบาไว้ด้วยเหมือนกัน เพื่อไม่ให้ถูกคนครหานินทา แต่แล้วมันกลับนำมาซึ่งความเจ็บปวดให้กับลูกสาวคนเดียวของตัวเอง จนวาระสุดท้ายของชีวิต

“จะว่าไปยายก็เข้าใจคุณอยู่หรอก...ถูกจับหมั้นกันมันก็น่าเห็นใจอยู่ เคี่ยวเข็ญให้คนแต่งงานกันยายเองก็เคยทำ บาปกรรมจริง ๆ”

น้ำเสียงของผู้เฒ่าเครือลงเพราะเกิดความสะเทือนใจในเรื่องที่กำลังพูดถึง นัยน์ตาฝ้าฟางเหม่อลอยครุ่นคิด

“คนเราถ้าไม่ได้รักกัน ถึงเอาโซ่มาล่ามให้ตัวติดกันก็ไม่อาจรักได้ ส่วนคนที่เขารักกัน ต่อให้ห้ามยังไงสุดท้ายเขาก็ยังรักกันอยู่ดี”

พูดเหมือนรำพึงกับตัวเอง ช่อชบาเงยหน้าขึ้นมองยาย ถามเสียงปร่าถึงพ่อแม่ที่เลิกรากันไปตั้งแต่ตัวเองยังแบเบาะ

“ยายคลุมถุงชนให้แม่ช่อใช่ไหมคะ” ยายบัวถาเหลือบตามามองหน้าหลาน พยักหน้ารับเศร้า ๆ

“ยายทำผิดต่อแม่เอ็งมาก ช่อเอ้ย...”

“พ่อกับแม่คงไม่ได้รักกัน...” หญิงสาวคาดเดา เมื่อเห็นยายนิ่งสีหน้าเธอก็สลดลง อย่างนี้นี่เอง พ่อเธอถึงทิ้งแม่กับเธอไป ไม่ใช่เพราะต้องการไปจากสวนนี้อย่างเดียวหรอก

“ผมเห็นรูปถ่ายคุณแม่ของคุณช่อที่ถ่ายคู่กับผู้ชายสองคนในอัลบั้มรูปใต้โต๊ะรับแขก คุณช่อหน้าตาเหมือนคุณแม่อย่างกับแกะ”

“อ้อ รูปใบนั้นน่ะเหรอ อืม...ลัดดามันมีรูปผู้ชายที่มันรักอยู่ใบเดียวคือใบนี้ มันเก็บรูปนี้ไว้ข้างตัวจนตาย”

“แสดงว่าแม่ไม่ได้รักพ่อ...เพื่อนของพ่อคือคนรักของแม่ช่อใช่ไหมคะ”

วงสำรับชักกร่อย สองหนุ่มสาววางจานข้าวลงแล้วจ้องมาที่หญิงชราอย่างตั้งใจฟัง ยายบัวถาวางจานข้าวตาม ตะกอนตกค้างในใจเหมือนถูกกวนให้ขุ่นขึ้นมาอีกครั้ง ให้ตระหนักถึงมันด้วยเรื่องของชายหนุ่มผู้เป็นแขก

“สมัยก่อนตอนแม่เอ็งยังสาว มีผู้ชายจากเมืองกรุงมาจีบ เขามาสร้างถนนแล้วรู้จักกันกับพิชิตพ่อเอ็ง เลยตามพิชิตมาเที่ยวที่บ้าน ตอนนั้นลัดดามันรักอยู่กับเขา แต่ว่าเขาคนนั้นอยู่ไกลถึงกรุงเทพ ยายก็เลยบังคับให้แม่เอ็งตกลงแต่งงานกับพ่อเอ็งที่เป็นคนเหนือเหมือนกัน นึกไม่ถึงว่าพิชิตก็ไม่ยอมอยู่ที่บ้านสวน ทั้งที่เคยสัญญาไว้ว่าจะไม่ไปไหน แต่งงานได้ไม่นานมันก็ชวนลัดดาไปอยู่กรุงเทพด้วย แต่แม่เอ็งไม่ยอมไป สองคนผัวเมียก็เลยทะเลาะกันจนเลิกกันไป จากนั้นก็ขาดการติดต่อ ไม่กลับมาอีกเลย แม้แต่ตอนแม่เอ็งคลอดลูกแล้วตาย เขาก็ไม่เคยกลับมาดู”

ย้อนคืนวันการตัดสินใจผิดพลาดของตัวเอง ความโศกเศร้าถึงลูกสาวคนเดียวหวนคืนมาหา หญิงชราเล่าพลางกะพริบตา ช่อชบาเห็นน้ำใสเอ่อขึ้นแล้วจางหาย รู้ว่ายายซึ่งตลอดมามีท่าทีเข้มแข็งอยู่เสมอกำลังสะเทือนใจอย่างถึงที่สุด เธอกระถดตัวเข้าไปกอดเอวปลอบใจยาย

“ไม่เป็นไรนะจ๊ะยายจ๋า เรื่องมันผ่านไปแล้ว ช่อสัญญาว่าจะไม่ทิ้งยายไปไหนเป็นอันขาด ”

ศรศิลป์มองสองยายหลานอย่างเห็นใจ ความผิดพลาดที่ไม่อาจย้อนกลับไปแก้ไข ย่อมนำมาซึ่งความเจ็บปวดในใจทุกครั้งที่นึกถึงมัน

“คนรักของคุณแม่ช่อชบาคือคนนี้ใช่ไหมครับ”

ศรศิลป์นิ่งคิดถึงรูปถ่ายอีกใบหนึ่ง ที่ตนเคยเห็นสอดอยู่ในสมุดบันทึกส่วนตัวใต้โต๊ะทำงานของบิดา มันเป็นรูปถ่ายใบเดียวกันกับที่ถูกเขาบันทึกไว้ด้วยโทรศัพท์มือถือในบ้านหลังนี้ เขาล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง เปิดรูปที่บันทึกไว้เมื่อตอนเย็นให้หญิงชราดู

“ใช่...คนนี้แหละ ดูเหมือนชื่อสุขอะไรนี่ล่ะ ยายเองก็ชักจะลืม ๆ ชื่อเขาไปแล้ว...”

(มีต่อ)
 
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่