ตำนานพื้นบ้าน พระลอตามไก่ มาเป็นนวนิยาย 'อลเวงรักสองภพ' ตอนที่ 17


ตอนเดิม



ตอนที่ 17

รถกระบะสี่ประตูกลางเก่ากลางใหม่ของเนตรนภิส ซึ่งเป็นพาหนะไปรับช่อชบาออกมาจากบ้านสวน ด้วยความไม่ค่อยยินยอมพร้อมใจของยายบัวถาสักเท่าไหร่ แล่นออกมาจากอาณาเขตของบ้านสวน เข้าสู่ถนนลาดยางที่เป็นเส้นทางมุ่งตรงไปสู่ตัวเมืองเชียงใหม่

ระยะทางจากบ้านสวนกับตัวเมืองห่างกันประมาณเกือบหนึ่งร้อยกิโลเมตรเลยทีเดียว ก่อนหน้านั้นสองสาวต่างผลัดกันออดอ้อนวิงวอนให้ยายบัวถาใจอ่อน ยอมให้หลานสาวไปทำงานในตัวเมืองอยู่เป็นเวลานาน กว่ายายจะยอมเอ่ยปากอนุญาต แต่ถึงอนุญาตแล้วก็ยังไม่วายพูดจาตัดพ้อ กำชับกำชาให้ช่อชบาต้องกลับมาเยี่ยมตนทุกอาทิตย์

ระหว่างนั่งมาในรถด้วยกัน สาวห้าวก็เล่าถึงว่าที่เจ้านายของพวกตนให้ช่อชบาฟัง

“มีเรื่องที่ช่อต้องรู้เกี่ยวกับเจ้านายของเราสองคนอีกนิดหน่อย ศรเขาเพิ่งยอมกลับมาเมืองไทย เพราะถูกพ่อยื่นคำขาดให้กลับมาหมั้นกับลูกสาวไฮโซด้วยกัน ก็ตามประสาเด็กนักเรียนนอกนั่นแหละนะ ศรไม่ชอบถูกบังคับให้แต่งงานกับใคร เลยหนีพ่อมาทำบริษัทของตัวเองที่เชียงใหม่กับพี่...”

“อ้อ...น่าเห็นใจนะคะ” 

หญิงสาวเออออไปด้วยกับรุ่นพี่ ในฐานะคนที่เนตรนภิสกล่าวถึงอยู่กำลังจะกลายมาเป็นเจ้านายของตัวเองด้วยอีกคน ซึ่งถ้าจะว่าไปแล้ว เธอไม่ค่อยอยากจะสนใจในเรื่องส่วนตัวของใครมากนักหรอก โดยเฉพาะเรื่องของลูกคนรวยที่มักถูกเลี้ยงดูมาราวกับเป็นลูกเทวดา ได้ทุกอย่างที่อยากได้ นึกอยากทำอะไรก็ทำตามใจตัวเอง ไม่ค่อยเห็นหัวคนอื่น แค่ขาดอิสระเรื่องเลือกคู่บ้างนิดหน่อยจะเป็นไรไป คนรวยที่ไหนก็เห็นทำแบบนี้กันทั้งนั้น นิยมให้ลูกหลานแต่งงานกันเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างคนรวยด้วยกัน ที่เรียกว่า 'เรือล่มในหนองทองจะไปไหนเสีย' นั่นแหละ เรื่องจับคู่ให้บุตรธิดาของพวกตน จึงเป็นเรื่องปกติของคนในแวดวงไฮโซ

“เพื่อนพี่เป็นผู้ชายที่แปลก เขาไม่ค่อยสนใจผู้หญิงเท่าไหร่ เรียกว่าไม่สนใจเลยดีกว่า ไม่แน่ใจจะแอบเป็นเกย์หรือเปล่านะ แต่เขาก็ไม่ได้มีท่าทางตุ้งติ้งอะไร ดูแมนดี เขาเคยบอกกับพี่ว่าจะไม่แต่งงานกับผู้หญิงคนไหนทั้งนั้น ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน” 

“เขาคงไม่ได้ตั้งบริษัทเล่น ๆ ใช่ไหมคะพี่เนตร” 

แต่ช่อชบาไม่ได้ใส่ใจในรายละเอียดที่เกี่ยวกับความเป็นแมนหรือไม่แมนของเจ้านาย มีเพียงประการเดียวเท่านั้นที่สนใจ เพราะพอฟังเรื่องราวของว่าที่เจ้านายตัวเองแล้ว ก็เกิดความไม่สบายใจขึ้นมา รู้สึกเหมือนกับว่าเพื่อนพี่เนตรคนนี้ตั้งบริษัทขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเรื่องถูกคลุมถุงชนของเขาเท่านั้นเอง แล้วมันจะมั่นคงพอสำหรับตัวเธอด้วยหรือเปล่า แม้คิดว่าจะทำงานให้กับเขาแค่ในระยะเวลาสั้น ๆ ก็ตาม 

“แหม...ไม่ใช่เงินแค่ล้านสองล้านนะจ๊ะสาวน้อย ศรลงทุนบริษัทนี้ไปหลายสิบล้านแล้ว คงไม่มีใครมาทำบริษัทเล่น ๆ หรอก แล้วเขาไม่ได้ทำแค่งานโฆษณาอย่างเดียว ยังรับงานออกแบบเขียนแบบระบบสุขาภิบาลอีกอย่างด้วย เพราะพ่อศรทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้างมาก่อน อาคารก็ของเขาเอง ไหนจะห้างสรรพสินค้าอีก ได้เป็นเลขาฯบริษัทเขา งานดีชัวร์”

“อ้อ ค่ะ...ที่จริงก็ไม่เป็นไรหรอก เพราะช่อเองคงช่วยงานพี่เนตรได้ไม่นาน สักแค่ปีสองปีเท่านั้นเอง แล้วก็ต้องกลับไปดูแลยาย ปีนี้ยายอายุตั้งเจ็ดสิบสองแล้ว คงดูแลสวนคนเดียวไม่ไหวอีก” 

“ทำไมช่อไม่ขอให้ยายขายสวนลำไยไปเสียเลยล่ะ ลำไยดูแลยากจะตาย ไหนจะต้องใส่น้ำใส่ปุ๋ย ต้องใส่สารเร่งให้ออกดอก จ้างคนมาตัดแต่งกิ่งลำไย ทำไม้ค้ำมาค้ำลำไยกันล้มเวลามีลมฝนแรง ๆ ถึงตอนลำไยออกผลก็ต้องจ้างคนมานอนเฝ้ากันขโมย ปีไหนราคาดีก็ดีไป ถ้าราคาเหมือนปีนี้ก็แย่เลย มีช่อมาช่วยยายอีกคน พี่ก็ยังเห็นว่าจะเกินแรงเอา”

“ยายไม่ยอมขายน่ะสิคะ พี่เนตรก็เห็นแล้วว่ายายหวงสวนขนาดไหน ช่อเคยลองถามดู ยังถูกยายโกรธเอาเลย ไม่พูดด้วยตั้งหลายวัน”

“งั้นไม่เป็นไร ถ้าช่อลาออกไปจริง พี่จะหาเลขาฯคนใหม่มาทำแทน แต่ตอนนี้ช่วยพี่ไปก่อนนะน้อง รับรองว่าศรไม่ได้ทำบริษัทเล่น ๆ อย่างที่คิดแน่ เขาเอาแผนดำเนินการมาให้พี่ดู เป็นโครงการใหญ่ทีเดียว เหมือนเขาตั้งใจจะให้พี่เป็นคนบริหารงานเอง พูดง่าย ๆ เขาช่วยพี่นั่นแหละ เพราะอีกหน่อยศรต้องไปบริหารธุรกิจต่อจากพ่อตัวเอง ทางนี้คงปล่อยให้พี่จัดการแทน” 

เมื่อเนตรนภิสรับประกันขันแข็ง ช่อชบาก็เบาใจลง เธอยิ้มรับคำพูดของสาวรุ่นพี่ ซวยมานาน จะโชคดีกับเขาบ้างก็คราวนี้ล่ะ

(มีต่อ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่