รักวุ่นวายยายซุ่มซ่าม
(ตอนใหม่)
เรื่องเดิม
http://ppantip.com/topic/34464618
http://ppantip.com/topic/34487392
http://ppantip.com/topic/34517182
http://ppantip.com/topic/34567284
โดย...ล. วิลิศมาหรา
ได้นอนหนุนตักคุยกับมารดาเหมือนเมื่อครั้งยังเล็ก ๆ แล้วนลินีก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้น หญิงสาวคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้ ซึ่งล้วนเกี่ยวข้องกับความสำเร็จในชีวิต ทั้งเรื่องการสมรสกับมหาเศรษฐีใหญ่ของเมืองไทย ความหรูหราเด่นดังที่เธอกำลังประสบอยู่ และรวมไปถึงความคับข้องใจต่อเหตุการณ์ไม่คาดฝันต่าง ๆ ที่พบในชีวิตประจำวัน
สาวสวยเอ่ยถึงบุคคลผู้ชอบซุบซิบนินทาเรื่องของเธอกับสามีคราวพ่อด้วยความชิงชัง เล่าถึงความทุกข์ทั้งหลายบรรดามีที่ซ่อนอยู่ในใจ ริมฝีปากเคลือบสีชมพูพูดแจ้ว ๆ ผสมกับเสียงหัวเราะคิก ๆ บางทีก็บริภาษคนที่หล่อนไม่ชอบหน้าอย่างเผ็ดร้อน ซึ่งหนึ่งในนั้นมีว่าที่ลูกสะใภ้ของสามีเธอรวมอยู่ด้วย โดยมีผู้เป็นมารดานั่งรับฟังอยู่เงียบ ๆ
พิมพลอยพยักหน้ารับรู้พลางยิ้มให้บุตรี มือเธอลูบศีรษะบุตรสาวเบา ๆ สาวใหญ่รู้จักลูกสาวตัวเองดี อีกทั้งเข้าใจสิ่งที่นลินีกำลังพยายามทำ หญิงผู้เป็นมารดาได้แต่นึกเป็นห่วงลูกสาวคนสวยอยู่ในใจ
นลินีกำลังเล่นกับไฟ ซึ่งผสมปนเปกันไปทั้งงเพลิงแค้นและไฟสวาท พิมพลอยรู้ดีว่าลูกสาวของเธอยังตัดใจจากเขมชาติไม่ขาด แต่ไฟพยาบาทที่ลุกโชนมานานนับสิบปีนั้นยากจะดับลงได้ง่าย ๆ เด็กหญิงผู้ถูกข่มเหงรังแก ต้องอดทนต่อความเจ็บปวดและขมขื่นมายาวนาน บัดนี้เด็กน้อยได้เติบโตขึ้นกลายเป็นหญิงสาวแสนสวย ผู้ซึ่งกำลังใช้ทุกอย่างที่เธอมีเพื่อการแก้แค้น!!!!
ในโลกใบนี้ นอกจากมารดาแล้วนลินีไม่เคยไว้ใจใคร ต่อหน้าคนอื่น หญิงสาวแสนสวยผู้เย่อหยิ่งทระนงมักเชิดหน้าให้ตั้งตรงอยู่เสมอ คนที่ไม่คู่ควรใส่ใจเธอก็ไม่แม้แต่ปรายหางตามอง ต่อเมื่อเจอคนที่พอใจจะพูดจาคบหาด้วย ซึ่งส่วนใหญ่ก็คือบรรดาเศรษฐีผู้มีชื่อเสียงก้องฟ้าเมืองไทย ท่าทางของสาวสวยจะเปลี่ยนไปในทันที หล่อนเยื้องกรายเข้าใกล้ชิดอย่างมีชั้นเชิง ทำทีสนิทสนมราวรู้จักกันมาตั้งแต่ชาติที่แล้วก็ไม่ปาน ทุกท่วงท่ากิริยาการแสดงออกของเธอต้องโดดเด่น โก้หรู ตรึงตาตรึงใจ ให้มันประทับเข้าไปในความรู้สึกของคนที่แรกรู้จักหรือพบเจอ
เรื่องแข่งความสวย ความเก่งและร่ำรวย นลินีไม่เคยยอมแพ้ใคร
“อีกสองสามวันคุณชาติเค้าจะพานังนั่นมาพบคุณเดชค่ะแม่ นีอยากดูน้ำหน้ามันนัก ว่าเวลาโดนถามโดนซักไซ้มันจะตอบท่านว่ายังไง นีเชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์ว่ามันไม่ได้เป็นแฟนจริง ๆ ของคุณชาติ เขาแค่แกล้งอุปโลกน์มันขึ้นมาให้เป็นแฟนเก๊ ๆ หลอกนีไม่ให้ไปหาในที่ทำงานเท่านั้นเอง”
นลินีพูดถึงผู้หญิงที่อดีตคนรักแนะนำว่ากำลังจะแต่งงานด้วยอย่างดูแคลน หญิงสาวบอกมารดาเช่นนี้เพราะมั่นใจในความคิดของตัวเองเต็มที่
“เขาบอกว่าจะแต่งงานกันด้วยนี่ เขาอาจเป็นแฟนกันจริง ๆ ก็ได้นะลูก”
พิมพลอยแย้งลูกสาวเสียงอ่อน
“โอ้ย ไม่มีทางที่คุณชาติจะไปคว้าเอาผู้หญิงแบบนั้นมาเป็นแฟนหรอกค่ะ นีรู้ดี อยากให้แม่เห็นหน้ามันจัง ตัวเล็ก ๆ ผอม ๆ หน้ากลมบ๊อก ไว้ผมหน้าม้าสั้น เต่อ เอาที่หนีบกระดาษมาเป็นกี๊บติดผม”
หญิงสาวนึกภาพใบหน้าของ “นังผู้หญิงคนนั้น”แล้วหัวเราะกิ๊กออกมาอย่างขำขัน
“แถมชื่อหนูหิ่น แม่จำได้ไหมคะ เป็นชื่อตัวการ์ตูนอยู่ในหนังสือการ์ตูนที่แม่เคยซื้อมาอ่านสมัยนียังเด็ก ๆ น่ะค่ะ”
“อ้อ จำได้จ้ะ เออ...นี่ก็แปลกคน ชื่อมีตั้งเยอะแยะทำไมไปตั้งชื่อเป็นการ์ตูนตลก”
“ก็หน้ามันตลกไงคะ แล้วแม่คิดดูว่าคนอย่างคุณชาติเค้าจะมีแฟนเป็นผู้หญิงแบบนี้ได้ยังไง เขาเคยเป็นแฟนนีนะคะ นีรู้จักเขาดีว่าเขาชอบผู้หญิงแบบไหน”
หญิงสาวเลอโฉมค่อนขอดไปถึงผู้หญิงอีกคนหนึ่งซึ่งห่างชั้นกับตัวเองราวฟ้ากับเหว แต่หาญมาทำตัวเป็นก้างขวางคอชิ้นใหญ่ นลินีไม่ถึงกับเป็นกังวลใจ ถือเอาแม่นั่นมาเป็นคู่แข่ง เพียงแต่นึกรำคาญที่ต้องมาเสียเวลากำจัดหล่อนไปให้พ้นทาง
สาวพราวเสน่ห์คิดอยู่เสมอว่า เขมชาติยังมีใจให้เธออยู่ เพราะทุกครั้งที่เจอกัน อดีตคนรักมักมีท่าทางขรึมลง แววปวดร้าวในดวงตาเข้ม ๆ ของเขานั้นปิดไม่มิด ถ้าเขาหมดรักเธอจริง เขาควรแสดงออกว่าไม่แยแสสนใจเธออีกเลย แต่นี่บางครั้ง นลินีคิดว่าเขมชาติยังแอบใส่ใจเธอ อย่างน้อย ๆ เขาก็รับโทรศัพท์ของเธอทุกครั้ง ยอมคุยด้วยและเธอจับน้ำเสียงขม ๆ นั้นได้ว่ายังมีเยื่อใยให้เธออยู่
ถ้าหากเธอกล่อมเขาให้ใจอ่อนยอมกลับมารักเธอได้อีกเหมือนที่เคยผ่านมา เธอก็จะได้ครอบครองเจ้าของธุรกิจและหุ้นของอิมพีเรียล กรุ๊ป ทั้งสองคน แล้วทรัพย์สมบัติทั้งหมดจะไปไหนเสีย ขณะนี้จำนวนหุ้นที่ณรงค์เดช ชาญชีวิน ผู้เป็นสามียกให้เธอถือครองอยู่แค่สิบเปอร์เซ็นต์ มันน้อยเกินไปจนไม่สามารถพาเธอไปถึงฝั่งฝันในอันที่จะก้าวขึ้นไปเป็นนักการเมืองหญิงแถวหน้าคนหนึ่งในถนนสายการเมืองได้
“ทำอะไรก็ต้องระมัดระวังตัวนะลูก อย่าประมาท ที่จริงนีก็โชคดีมากที่ได้เจอคุณเดช แม่อยากให้นีดีกับเขามาก ๆ ให้สมกับที่เขารักและไว้ใจเรา คุณชาติก็ปล่อยเขาไปตามทางของเขาเถอะนะ อย่าไปยุ่งกับเขาอีกเลย”
พิมพลอยเตือนลูกสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน หลายปีมานี้เธอผ่านเรื่องราวคับแค้นมากมาย มุมมองในชีวิตของสาวใหญ่เริ่มเปลี่ยนไปตามวัยที่เพิ่มมากขึ้น จากที่เคยเกลียดชังคั่งแค้นราชัยจนแทบอยากฆ่าเขาให้ตาย เดี๋ยวนี้พิมพลอยกลับรู้สึกปลง เธอคิดว่าให้เวรกรรมตามสนองผู้ชายคนนี้เอง ส่วนเธอกับลูกก็อยากให้หมดเวรหมดกรรมต่อกันเสียแต่เพียงชาตินี้ อย่าได้พบเจอกันอีกเลยไม่ว่าชาติไหน
“ค่ะ แม่”
ลูกสาวเธอรับคำสั้น ๆ พิมพลอยทอดถอนใจยาวเมื่อสำนึกรู้ว่านลินีรับคำไปอย่างนั้นเอง นี่เป็นพรหมลิขิตที่ท่านขีดเส้นให้เป็นไปอีกแล้วสินะ....
นลินีลามารดากลับเมื่อเห็นว่าเวลาบ่ายคล้อยลงมากแล้ว เธอต้องกลับไปเตรียมตัวฉลองวาเลนไทน์กับสามีแก่คราวพ่อที่ห้องอาหารหรูหราบนชั้นที่ยี่สิบเอ็ดของอาคารสูงที่สุดในประเทศคืนนี้
เมื่อออกจากประตูบ้านและกำลังจะเดินไปขึ้นรถ สาวสวยก็ต้องหยุดชะงักยืนนิ่งอยู่กับที่ เมื่อสายตาปะทะเข้ากับร่างอวบท้วมสูงใหญ่ของผู้ชายที่กำลังเดินเร็ว ๆ ตรงมาหา
“เจอกันจนได้นะไอ้แก่”
นลินีคำรามเบา ๆ ในลำคอขณะหยุดยืนรอ เธอมองใบหน้าอูม ๆ นั้นแล้วยิ้มนิด ๆ ให้นักการเมืองผู้โด่งดัง
“ไง หลานสาวคนสวย ลมอะไรน้อ หอบเอาหลานสุดที่รักของลุงมาถึงนี่ได้”
เขาตะโกนทักทายตั้งแต่ยังเดินมาไม่ถึงตัว ยิ้มจนตาหยีเป็นเส้นตรง
“นีมาเยี่ยมแม่ค่ะ กำลังจะกลับแล้ว นีต้องรีบไปเตรียมตัวดินเนอร์กับคุณเดชคืนนี้ค่ะ”
ร่างใหญ่เดินมาถึงตัวแล้วขยับเข้าใกล้จนเกือบชิด หญิงสาวไม่ถอยหนี หากทว่ากลับยืดตัวตรง เชิดใบหน้างามขึ้น ดวงตาคมคู่สวยหรี่ลงนิดหนึ่ง แต่จ้องจิกอีกฝ่ายเขม็ง กิริยานั้นทำให้ราชัยชะงักการเคลื่อนไหว เขาหัวเราะร่า
“หวานเชียวนะ ข้าวใหม่ปลามันก็อย่างนี้แหละ ว่าแต่เมื่อไหร่จะว่างไปกินข้าวกับลุงบ้างล่ะ”
แววตาในกระบอกตาเล็ก ๆ แวววาวอย่างมีเลศนัย
“คงไม่ได้แล้วล่ะค่ะคุณลุง เดี๋ยวนี้นีมีธุรกิจจิลเวอรี่ ยุ่งมากไม่ค่อยว่าง คุณเดชก็หวงเมียมาก ขนาดมาหาแม่ก็จะไม่ให้ขับรถมาเอง นี่เห็นว่าจะจ้างบอดี้การ์ดให้มาคอยดูแลนีอีกด้วย เราคงไม่ได้กินข้าวด้วยกันอีกแล้วล่ะค่ะ”
“โอ้ หลานลุงช่างโชคดีอะไรอย่างนี้ ยังไง ๆ ก็คิดถึงกันหน่อยนะคนสวย ถ้าไม่ได้ลุงคนนี้ช่วยแนะนำส่งเสริมให้รู้จักจนเป็นคู่รักกันกับคุณเดช หลานนีก็คงไม่ได้เป็นมาดามท่านประธานอิมพีเรียล กรุ๊ป แต่แค่พอเขาประกาศแต่งกับหลานสาวนักการเมืองใหญ่อย่างลุงหุ้นเขาก็ขึ้นเอา ๆ เหมือนกัน คนเรามันสมประโยชน์กัน อย่าลืมเสียล่ะ”
“ไม่ลืมหรอกค่ะคุณลุง นีจะต้องตอบแทนคุณลุงจนสาสมแน่ ๆ”
ริมฝีปากสีชมพูยังยิ้มน้อย ๆ ให้บุรุษตรงหน้าเหมือนเดิม ในขณะที่ประกายคมกล้าในดวงตาคู่งามกลับวาบวับขึ้น
ที่หน้าโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังซึ่งช่อชบาถูกส่งตัวมารับการรักษา วันนี้แพทย์อนุญาตให้เลขาสาวออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว สองสาวเพื่อนซี้กำลังพากันเดินมาขึ้นรถเบนซ์ของเนตรนภิสที่จอดรออยู่ด้านหน้าตึกผู้ป่วยอายุรกรรมหญิง
ขณะที่ช่อชบากำลังจะเปิดประตูรถเพื่อนสาวออกเพื่อเข้าไปนั่ง รถเฟอร์ร่ารี่สีแดงสดคันงามก็แล่นเข้ามาจอดเทียบ ชายหนุ่มในชุดเสื้อยืดสปอร์ตสีขาวสะอาดตากับกางเกงยีนส์ยี่ห้อหรูเปิดประตูรถลงมา แล้วเดินตรงดิ่งมาหาสองสาวที่ยืนอยู่ข้างรถของเนตรนภิส
“อ้าว เนตรโทรไปบอกแล้วนี่ว่ายัยช่อจะกลับบ้านวันนี้ เนตรมาจัดการเรื่องออกจากโรงพยบาลเอง พี่ชาติไม่ต้องมาก็ได้ไงคะ”
เนตรนภิสยกมือไหว้สวัสดีเพื่อนพี่ชายก่อนทักขึ้นอย่างแปลกใจ ช่อชบาจำต้องยกมือไหว้สวัสดีเขาตามไปด้วยอย่างฝืน ๆ
“พี่จำได้ แต่อยากพาช่อชบาไปเดินช็อบปิ้งก่อนกลับบ้านเสียหน่อย”
“ช็อบปิ้ง...”
สองสาวร้องอุทานออกมาพร้อมกัน ช่อชบาทำหน้าเหรอหรา
“ช็อปทำไม ไม่ช็อปหรอก”
สาวหน้าม้าสั่นศีรษะหวือ ๆ เกร็งมือยุดแขนเพื่อนสาวไว้แน่น
“นั่นสิ พี่ชาติจะพานังช่อไปหาซื้อของอะไรเหรอคะ มันพึ่งออกจากโรงพยาบาลนะ โอ้ย ยัยบ้านี่ก็จิกแขนอยู่ได้”
ท้ายประโยคสาวทอมหันมาเอ็ดเพื่อนรักที่ยืนเม้มปาก ขมวดคิ้วยุ่งเกาะจิกแขนเธออยู่ข้าง ๆ ช่อชบารู้สึกตัวรีบคลายมือออก พึมพำขอโทษเพื่อน
“มันอยู่ในข้อตกลงทำงานพิเศษไง เลขาส่วนตัวแถมเป็นแฟนพี่จะแต่งตัวมอซอ...เอิ่ม แต่งตัวบ้าน ๆ เอ้ย แต่งตัวธรรมดา ๆ แบบนี้ได้ยังไง”
“บ้าเอ้ย...”
เสียงอุทานอย่างหัวเสียดังขึ้น เขมชาติฉุนกึก
“ว่าไงนะ”
“ป๊าว...ว่านู่น”
ช่อชบาทำปากยื่นส่ง ๆ ไปข้างหน้า เขมชาติรู้ทัน ชายหนุ่มนิ่วหน้า จ้องหญิงสาวผมม้าอย่างไม่พอใจ นี่ถ้าไม่จำเป็นต้องใช้หล่อน ไม่มีวันที่เขาจะยุ่งกับแม่สาวบ้านนอกปากคอเราะร้ายคนนี้แน่
“อ้อ อย่างนี้เอง งั้น...ทำไงดี นังช่อ ฉันมีงานพบลูกค้ารายใหญ่รออยู่นะ นี่ฉันแบ่งเวลาแวะมารับแก เอางี้ ซื้อของเสร็จแล้ว พี่ชาติช่วยพามันไปส่งที่บ้านสวนช่อมันด้วยได้ไหมคะ”
“เฮ้ย...ได้ไง แกสัญญาว่าจะไปส่งฉันถึงบ้าน”
“ก็มันเกิดมีเรื่องให้ต้องเปลี่ยนแปลงกะทันหันนี่หว่า ฉันไม่มีเวลาตามพวกแกไปช็อปปิ้งหรอก แกไปกับพี่ชาติเจ้านายคนใหม่ของแกก็แล้วกัน ฝากพามันไปส่งที่บ้านด้วย ขับรถดี ๆ นะคะ”
เนตรนภิสตัดบท พลางหันไปกำชับเพื่อนของพี่ชายอีกที หนุ่มมาดขรึมพยักหน้า สายตาคมดุวาวขึ้นเล็กน้อย อะฮ่า...ได้เวลาเอาคืนแม่เลขาปากดีคราวนี้ล่ะ
ส่วนช่อชบาน่ะเหรอ...นาทีนี้เธออยากเป็นลม กลับไปนอนโรงพยาบาลอีกรอบ
ในห้างสรรพสินค้าหรู ที่ขายแต่ของแบรนด์เนมแพงระยับ ช่อชบาถูกเขมชาติ...ลาก ที่ดูเหมือนจูงมือ ไม่ใช่สิ จูงมือที่ดูเหมือนลากต่างหาก เข้า ๆ ออก ๆ หลายร้าน เขาหยิบเลือกเสื้อผ้าเอามาแปะ ๆ บนตัวหญิงสาว พยักหน้าหงึก ๆ แล้วคว้า กระเป๋า รองเท้า หรือแม้แต่เครื่องสำอางให้พนักงานขายคิดเงินอย่างชำนิชำนาญ ช่อชบาจิกตามอง ผู้ชาที่รู้เรื่องแต่งตัวของผู้หญิงดีเห็นมีแต่...ช่อชบาถอนหายใจอย่างโล่งอก...ปลอดภัยแล้วเรางานนี้
จนได้สิ่งที่เจ้านายหน้าดุต้องการครบ เขมชาติก็ปล่อยให้ช่อชบาหอบถุงใส่ของพะรุงพะรังเดินตามหลัง ส่วนเขาก้าวขายาว ๆ ล่วงหน้าไปลิ่ว ๆ แถมเอามือล้วงกระเป๋ากางเกง เดินตัวปลิวนำหน้าหญิงสาวชนิดไม่หันมามอง ช่อชบาบ่นพึม ขณะเร่งฝีเท้าเดินตามเขาให้ทัน
จนเมื่อใกล้ถึงประตูทางออกไปสู่ลานจอดรถ เขมชาติรู้สึกผิดสังเกตที่ไม่ได้ยินเสียงบ่นงึมงำตามหลังมา ชายหนุ่มจึงเหลียวมองหา...อ้าว แม่เลขาสาวหายไปไหนแล้ว อ้อ โน่น...หล่อนไปหยุดยืนทำตาเยิ้มมองชุดเจ้าสาวแสนหวานที่สวมตัวหุ่นโชว์อยู่หน้าร้านขายชุดวิวาห์ที่อยู่ก่อนถึงประตูทางออก ซึ่งอยู่ด้านหลังเขาไม่ไกล
“นี่คุณช่อ”
ชายหนุ่มเดินกลับไปหาแล้วเรียกเบา ๆ แต่สาวเจ้ายังไม่ขยับตัวคล้ายตกอยู่ในภวังค์ เขมชาติยืนหันรีหันขวางมองคนที่เดินสวนไปมา แล้วตะเบ็งเสียงเรียกดังลั่น
“หนูหิ่น...”
คราวนี้ช่อชบาสะดุ้ง หล่อนหันขวับมาทำตาวาวใส่
(มีต่อ)
เลขาฯหนูหิ่นตอนใหม่มาแล้วค่ะ By ล. วิลิศมาหรา
(ตอนใหม่)
เรื่องเดิม
http://ppantip.com/topic/34464618
http://ppantip.com/topic/34487392
http://ppantip.com/topic/34517182
http://ppantip.com/topic/34567284
โดย...ล. วิลิศมาหรา
ได้นอนหนุนตักคุยกับมารดาเหมือนเมื่อครั้งยังเล็ก ๆ แล้วนลินีก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้น หญิงสาวคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้ ซึ่งล้วนเกี่ยวข้องกับความสำเร็จในชีวิต ทั้งเรื่องการสมรสกับมหาเศรษฐีใหญ่ของเมืองไทย ความหรูหราเด่นดังที่เธอกำลังประสบอยู่ และรวมไปถึงความคับข้องใจต่อเหตุการณ์ไม่คาดฝันต่าง ๆ ที่พบในชีวิตประจำวัน
สาวสวยเอ่ยถึงบุคคลผู้ชอบซุบซิบนินทาเรื่องของเธอกับสามีคราวพ่อด้วยความชิงชัง เล่าถึงความทุกข์ทั้งหลายบรรดามีที่ซ่อนอยู่ในใจ ริมฝีปากเคลือบสีชมพูพูดแจ้ว ๆ ผสมกับเสียงหัวเราะคิก ๆ บางทีก็บริภาษคนที่หล่อนไม่ชอบหน้าอย่างเผ็ดร้อน ซึ่งหนึ่งในนั้นมีว่าที่ลูกสะใภ้ของสามีเธอรวมอยู่ด้วย โดยมีผู้เป็นมารดานั่งรับฟังอยู่เงียบ ๆ
พิมพลอยพยักหน้ารับรู้พลางยิ้มให้บุตรี มือเธอลูบศีรษะบุตรสาวเบา ๆ สาวใหญ่รู้จักลูกสาวตัวเองดี อีกทั้งเข้าใจสิ่งที่นลินีกำลังพยายามทำ หญิงผู้เป็นมารดาได้แต่นึกเป็นห่วงลูกสาวคนสวยอยู่ในใจ
นลินีกำลังเล่นกับไฟ ซึ่งผสมปนเปกันไปทั้งงเพลิงแค้นและไฟสวาท พิมพลอยรู้ดีว่าลูกสาวของเธอยังตัดใจจากเขมชาติไม่ขาด แต่ไฟพยาบาทที่ลุกโชนมานานนับสิบปีนั้นยากจะดับลงได้ง่าย ๆ เด็กหญิงผู้ถูกข่มเหงรังแก ต้องอดทนต่อความเจ็บปวดและขมขื่นมายาวนาน บัดนี้เด็กน้อยได้เติบโตขึ้นกลายเป็นหญิงสาวแสนสวย ผู้ซึ่งกำลังใช้ทุกอย่างที่เธอมีเพื่อการแก้แค้น!!!!
ในโลกใบนี้ นอกจากมารดาแล้วนลินีไม่เคยไว้ใจใคร ต่อหน้าคนอื่น หญิงสาวแสนสวยผู้เย่อหยิ่งทระนงมักเชิดหน้าให้ตั้งตรงอยู่เสมอ คนที่ไม่คู่ควรใส่ใจเธอก็ไม่แม้แต่ปรายหางตามอง ต่อเมื่อเจอคนที่พอใจจะพูดจาคบหาด้วย ซึ่งส่วนใหญ่ก็คือบรรดาเศรษฐีผู้มีชื่อเสียงก้องฟ้าเมืองไทย ท่าทางของสาวสวยจะเปลี่ยนไปในทันที หล่อนเยื้องกรายเข้าใกล้ชิดอย่างมีชั้นเชิง ทำทีสนิทสนมราวรู้จักกันมาตั้งแต่ชาติที่แล้วก็ไม่ปาน ทุกท่วงท่ากิริยาการแสดงออกของเธอต้องโดดเด่น โก้หรู ตรึงตาตรึงใจ ให้มันประทับเข้าไปในความรู้สึกของคนที่แรกรู้จักหรือพบเจอ
เรื่องแข่งความสวย ความเก่งและร่ำรวย นลินีไม่เคยยอมแพ้ใคร
“อีกสองสามวันคุณชาติเค้าจะพานังนั่นมาพบคุณเดชค่ะแม่ นีอยากดูน้ำหน้ามันนัก ว่าเวลาโดนถามโดนซักไซ้มันจะตอบท่านว่ายังไง นีเชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์ว่ามันไม่ได้เป็นแฟนจริง ๆ ของคุณชาติ เขาแค่แกล้งอุปโลกน์มันขึ้นมาให้เป็นแฟนเก๊ ๆ หลอกนีไม่ให้ไปหาในที่ทำงานเท่านั้นเอง”
นลินีพูดถึงผู้หญิงที่อดีตคนรักแนะนำว่ากำลังจะแต่งงานด้วยอย่างดูแคลน หญิงสาวบอกมารดาเช่นนี้เพราะมั่นใจในความคิดของตัวเองเต็มที่
“เขาบอกว่าจะแต่งงานกันด้วยนี่ เขาอาจเป็นแฟนกันจริง ๆ ก็ได้นะลูก”
พิมพลอยแย้งลูกสาวเสียงอ่อน
“โอ้ย ไม่มีทางที่คุณชาติจะไปคว้าเอาผู้หญิงแบบนั้นมาเป็นแฟนหรอกค่ะ นีรู้ดี อยากให้แม่เห็นหน้ามันจัง ตัวเล็ก ๆ ผอม ๆ หน้ากลมบ๊อก ไว้ผมหน้าม้าสั้น เต่อ เอาที่หนีบกระดาษมาเป็นกี๊บติดผม”
หญิงสาวนึกภาพใบหน้าของ “นังผู้หญิงคนนั้น”แล้วหัวเราะกิ๊กออกมาอย่างขำขัน
“แถมชื่อหนูหิ่น แม่จำได้ไหมคะ เป็นชื่อตัวการ์ตูนอยู่ในหนังสือการ์ตูนที่แม่เคยซื้อมาอ่านสมัยนียังเด็ก ๆ น่ะค่ะ”
“อ้อ จำได้จ้ะ เออ...นี่ก็แปลกคน ชื่อมีตั้งเยอะแยะทำไมไปตั้งชื่อเป็นการ์ตูนตลก”
“ก็หน้ามันตลกไงคะ แล้วแม่คิดดูว่าคนอย่างคุณชาติเค้าจะมีแฟนเป็นผู้หญิงแบบนี้ได้ยังไง เขาเคยเป็นแฟนนีนะคะ นีรู้จักเขาดีว่าเขาชอบผู้หญิงแบบไหน”
หญิงสาวเลอโฉมค่อนขอดไปถึงผู้หญิงอีกคนหนึ่งซึ่งห่างชั้นกับตัวเองราวฟ้ากับเหว แต่หาญมาทำตัวเป็นก้างขวางคอชิ้นใหญ่ นลินีไม่ถึงกับเป็นกังวลใจ ถือเอาแม่นั่นมาเป็นคู่แข่ง เพียงแต่นึกรำคาญที่ต้องมาเสียเวลากำจัดหล่อนไปให้พ้นทาง
สาวพราวเสน่ห์คิดอยู่เสมอว่า เขมชาติยังมีใจให้เธออยู่ เพราะทุกครั้งที่เจอกัน อดีตคนรักมักมีท่าทางขรึมลง แววปวดร้าวในดวงตาเข้ม ๆ ของเขานั้นปิดไม่มิด ถ้าเขาหมดรักเธอจริง เขาควรแสดงออกว่าไม่แยแสสนใจเธออีกเลย แต่นี่บางครั้ง นลินีคิดว่าเขมชาติยังแอบใส่ใจเธอ อย่างน้อย ๆ เขาก็รับโทรศัพท์ของเธอทุกครั้ง ยอมคุยด้วยและเธอจับน้ำเสียงขม ๆ นั้นได้ว่ายังมีเยื่อใยให้เธออยู่
ถ้าหากเธอกล่อมเขาให้ใจอ่อนยอมกลับมารักเธอได้อีกเหมือนที่เคยผ่านมา เธอก็จะได้ครอบครองเจ้าของธุรกิจและหุ้นของอิมพีเรียล กรุ๊ป ทั้งสองคน แล้วทรัพย์สมบัติทั้งหมดจะไปไหนเสีย ขณะนี้จำนวนหุ้นที่ณรงค์เดช ชาญชีวิน ผู้เป็นสามียกให้เธอถือครองอยู่แค่สิบเปอร์เซ็นต์ มันน้อยเกินไปจนไม่สามารถพาเธอไปถึงฝั่งฝันในอันที่จะก้าวขึ้นไปเป็นนักการเมืองหญิงแถวหน้าคนหนึ่งในถนนสายการเมืองได้
“ทำอะไรก็ต้องระมัดระวังตัวนะลูก อย่าประมาท ที่จริงนีก็โชคดีมากที่ได้เจอคุณเดช แม่อยากให้นีดีกับเขามาก ๆ ให้สมกับที่เขารักและไว้ใจเรา คุณชาติก็ปล่อยเขาไปตามทางของเขาเถอะนะ อย่าไปยุ่งกับเขาอีกเลย”
พิมพลอยเตือนลูกสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน หลายปีมานี้เธอผ่านเรื่องราวคับแค้นมากมาย มุมมองในชีวิตของสาวใหญ่เริ่มเปลี่ยนไปตามวัยที่เพิ่มมากขึ้น จากที่เคยเกลียดชังคั่งแค้นราชัยจนแทบอยากฆ่าเขาให้ตาย เดี๋ยวนี้พิมพลอยกลับรู้สึกปลง เธอคิดว่าให้เวรกรรมตามสนองผู้ชายคนนี้เอง ส่วนเธอกับลูกก็อยากให้หมดเวรหมดกรรมต่อกันเสียแต่เพียงชาตินี้ อย่าได้พบเจอกันอีกเลยไม่ว่าชาติไหน
“ค่ะ แม่”
ลูกสาวเธอรับคำสั้น ๆ พิมพลอยทอดถอนใจยาวเมื่อสำนึกรู้ว่านลินีรับคำไปอย่างนั้นเอง นี่เป็นพรหมลิขิตที่ท่านขีดเส้นให้เป็นไปอีกแล้วสินะ....
นลินีลามารดากลับเมื่อเห็นว่าเวลาบ่ายคล้อยลงมากแล้ว เธอต้องกลับไปเตรียมตัวฉลองวาเลนไทน์กับสามีแก่คราวพ่อที่ห้องอาหารหรูหราบนชั้นที่ยี่สิบเอ็ดของอาคารสูงที่สุดในประเทศคืนนี้
เมื่อออกจากประตูบ้านและกำลังจะเดินไปขึ้นรถ สาวสวยก็ต้องหยุดชะงักยืนนิ่งอยู่กับที่ เมื่อสายตาปะทะเข้ากับร่างอวบท้วมสูงใหญ่ของผู้ชายที่กำลังเดินเร็ว ๆ ตรงมาหา
“เจอกันจนได้นะไอ้แก่”
นลินีคำรามเบา ๆ ในลำคอขณะหยุดยืนรอ เธอมองใบหน้าอูม ๆ นั้นแล้วยิ้มนิด ๆ ให้นักการเมืองผู้โด่งดัง
“ไง หลานสาวคนสวย ลมอะไรน้อ หอบเอาหลานสุดที่รักของลุงมาถึงนี่ได้”
เขาตะโกนทักทายตั้งแต่ยังเดินมาไม่ถึงตัว ยิ้มจนตาหยีเป็นเส้นตรง
“นีมาเยี่ยมแม่ค่ะ กำลังจะกลับแล้ว นีต้องรีบไปเตรียมตัวดินเนอร์กับคุณเดชคืนนี้ค่ะ”
ร่างใหญ่เดินมาถึงตัวแล้วขยับเข้าใกล้จนเกือบชิด หญิงสาวไม่ถอยหนี หากทว่ากลับยืดตัวตรง เชิดใบหน้างามขึ้น ดวงตาคมคู่สวยหรี่ลงนิดหนึ่ง แต่จ้องจิกอีกฝ่ายเขม็ง กิริยานั้นทำให้ราชัยชะงักการเคลื่อนไหว เขาหัวเราะร่า
“หวานเชียวนะ ข้าวใหม่ปลามันก็อย่างนี้แหละ ว่าแต่เมื่อไหร่จะว่างไปกินข้าวกับลุงบ้างล่ะ”
แววตาในกระบอกตาเล็ก ๆ แวววาวอย่างมีเลศนัย
“คงไม่ได้แล้วล่ะค่ะคุณลุง เดี๋ยวนี้นีมีธุรกิจจิลเวอรี่ ยุ่งมากไม่ค่อยว่าง คุณเดชก็หวงเมียมาก ขนาดมาหาแม่ก็จะไม่ให้ขับรถมาเอง นี่เห็นว่าจะจ้างบอดี้การ์ดให้มาคอยดูแลนีอีกด้วย เราคงไม่ได้กินข้าวด้วยกันอีกแล้วล่ะค่ะ”
“โอ้ หลานลุงช่างโชคดีอะไรอย่างนี้ ยังไง ๆ ก็คิดถึงกันหน่อยนะคนสวย ถ้าไม่ได้ลุงคนนี้ช่วยแนะนำส่งเสริมให้รู้จักจนเป็นคู่รักกันกับคุณเดช หลานนีก็คงไม่ได้เป็นมาดามท่านประธานอิมพีเรียล กรุ๊ป แต่แค่พอเขาประกาศแต่งกับหลานสาวนักการเมืองใหญ่อย่างลุงหุ้นเขาก็ขึ้นเอา ๆ เหมือนกัน คนเรามันสมประโยชน์กัน อย่าลืมเสียล่ะ”
“ไม่ลืมหรอกค่ะคุณลุง นีจะต้องตอบแทนคุณลุงจนสาสมแน่ ๆ”
ริมฝีปากสีชมพูยังยิ้มน้อย ๆ ให้บุรุษตรงหน้าเหมือนเดิม ในขณะที่ประกายคมกล้าในดวงตาคู่งามกลับวาบวับขึ้น
ที่หน้าโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังซึ่งช่อชบาถูกส่งตัวมารับการรักษา วันนี้แพทย์อนุญาตให้เลขาสาวออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว สองสาวเพื่อนซี้กำลังพากันเดินมาขึ้นรถเบนซ์ของเนตรนภิสที่จอดรออยู่ด้านหน้าตึกผู้ป่วยอายุรกรรมหญิง
ขณะที่ช่อชบากำลังจะเปิดประตูรถเพื่อนสาวออกเพื่อเข้าไปนั่ง รถเฟอร์ร่ารี่สีแดงสดคันงามก็แล่นเข้ามาจอดเทียบ ชายหนุ่มในชุดเสื้อยืดสปอร์ตสีขาวสะอาดตากับกางเกงยีนส์ยี่ห้อหรูเปิดประตูรถลงมา แล้วเดินตรงดิ่งมาหาสองสาวที่ยืนอยู่ข้างรถของเนตรนภิส
“อ้าว เนตรโทรไปบอกแล้วนี่ว่ายัยช่อจะกลับบ้านวันนี้ เนตรมาจัดการเรื่องออกจากโรงพยบาลเอง พี่ชาติไม่ต้องมาก็ได้ไงคะ”
เนตรนภิสยกมือไหว้สวัสดีเพื่อนพี่ชายก่อนทักขึ้นอย่างแปลกใจ ช่อชบาจำต้องยกมือไหว้สวัสดีเขาตามไปด้วยอย่างฝืน ๆ
“พี่จำได้ แต่อยากพาช่อชบาไปเดินช็อบปิ้งก่อนกลับบ้านเสียหน่อย”
“ช็อบปิ้ง...”
สองสาวร้องอุทานออกมาพร้อมกัน ช่อชบาทำหน้าเหรอหรา
“ช็อปทำไม ไม่ช็อปหรอก”
สาวหน้าม้าสั่นศีรษะหวือ ๆ เกร็งมือยุดแขนเพื่อนสาวไว้แน่น
“นั่นสิ พี่ชาติจะพานังช่อไปหาซื้อของอะไรเหรอคะ มันพึ่งออกจากโรงพยาบาลนะ โอ้ย ยัยบ้านี่ก็จิกแขนอยู่ได้”
ท้ายประโยคสาวทอมหันมาเอ็ดเพื่อนรักที่ยืนเม้มปาก ขมวดคิ้วยุ่งเกาะจิกแขนเธออยู่ข้าง ๆ ช่อชบารู้สึกตัวรีบคลายมือออก พึมพำขอโทษเพื่อน
“มันอยู่ในข้อตกลงทำงานพิเศษไง เลขาส่วนตัวแถมเป็นแฟนพี่จะแต่งตัวมอซอ...เอิ่ม แต่งตัวบ้าน ๆ เอ้ย แต่งตัวธรรมดา ๆ แบบนี้ได้ยังไง”
“บ้าเอ้ย...”
เสียงอุทานอย่างหัวเสียดังขึ้น เขมชาติฉุนกึก
“ว่าไงนะ”
“ป๊าว...ว่านู่น”
ช่อชบาทำปากยื่นส่ง ๆ ไปข้างหน้า เขมชาติรู้ทัน ชายหนุ่มนิ่วหน้า จ้องหญิงสาวผมม้าอย่างไม่พอใจ นี่ถ้าไม่จำเป็นต้องใช้หล่อน ไม่มีวันที่เขาจะยุ่งกับแม่สาวบ้านนอกปากคอเราะร้ายคนนี้แน่
“อ้อ อย่างนี้เอง งั้น...ทำไงดี นังช่อ ฉันมีงานพบลูกค้ารายใหญ่รออยู่นะ นี่ฉันแบ่งเวลาแวะมารับแก เอางี้ ซื้อของเสร็จแล้ว พี่ชาติช่วยพามันไปส่งที่บ้านสวนช่อมันด้วยได้ไหมคะ”
“เฮ้ย...ได้ไง แกสัญญาว่าจะไปส่งฉันถึงบ้าน”
“ก็มันเกิดมีเรื่องให้ต้องเปลี่ยนแปลงกะทันหันนี่หว่า ฉันไม่มีเวลาตามพวกแกไปช็อปปิ้งหรอก แกไปกับพี่ชาติเจ้านายคนใหม่ของแกก็แล้วกัน ฝากพามันไปส่งที่บ้านด้วย ขับรถดี ๆ นะคะ”
เนตรนภิสตัดบท พลางหันไปกำชับเพื่อนของพี่ชายอีกที หนุ่มมาดขรึมพยักหน้า สายตาคมดุวาวขึ้นเล็กน้อย อะฮ่า...ได้เวลาเอาคืนแม่เลขาปากดีคราวนี้ล่ะ
ส่วนช่อชบาน่ะเหรอ...นาทีนี้เธออยากเป็นลม กลับไปนอนโรงพยาบาลอีกรอบ
ในห้างสรรพสินค้าหรู ที่ขายแต่ของแบรนด์เนมแพงระยับ ช่อชบาถูกเขมชาติ...ลาก ที่ดูเหมือนจูงมือ ไม่ใช่สิ จูงมือที่ดูเหมือนลากต่างหาก เข้า ๆ ออก ๆ หลายร้าน เขาหยิบเลือกเสื้อผ้าเอามาแปะ ๆ บนตัวหญิงสาว พยักหน้าหงึก ๆ แล้วคว้า กระเป๋า รองเท้า หรือแม้แต่เครื่องสำอางให้พนักงานขายคิดเงินอย่างชำนิชำนาญ ช่อชบาจิกตามอง ผู้ชาที่รู้เรื่องแต่งตัวของผู้หญิงดีเห็นมีแต่...ช่อชบาถอนหายใจอย่างโล่งอก...ปลอดภัยแล้วเรางานนี้
จนได้สิ่งที่เจ้านายหน้าดุต้องการครบ เขมชาติก็ปล่อยให้ช่อชบาหอบถุงใส่ของพะรุงพะรังเดินตามหลัง ส่วนเขาก้าวขายาว ๆ ล่วงหน้าไปลิ่ว ๆ แถมเอามือล้วงกระเป๋ากางเกง เดินตัวปลิวนำหน้าหญิงสาวชนิดไม่หันมามอง ช่อชบาบ่นพึม ขณะเร่งฝีเท้าเดินตามเขาให้ทัน
จนเมื่อใกล้ถึงประตูทางออกไปสู่ลานจอดรถ เขมชาติรู้สึกผิดสังเกตที่ไม่ได้ยินเสียงบ่นงึมงำตามหลังมา ชายหนุ่มจึงเหลียวมองหา...อ้าว แม่เลขาสาวหายไปไหนแล้ว อ้อ โน่น...หล่อนไปหยุดยืนทำตาเยิ้มมองชุดเจ้าสาวแสนหวานที่สวมตัวหุ่นโชว์อยู่หน้าร้านขายชุดวิวาห์ที่อยู่ก่อนถึงประตูทางออก ซึ่งอยู่ด้านหลังเขาไม่ไกล
“นี่คุณช่อ”
ชายหนุ่มเดินกลับไปหาแล้วเรียกเบา ๆ แต่สาวเจ้ายังไม่ขยับตัวคล้ายตกอยู่ในภวังค์ เขมชาติยืนหันรีหันขวางมองคนที่เดินสวนไปมา แล้วตะเบ็งเสียงเรียกดังลั่น
“หนูหิ่น...”
คราวนี้ช่อชบาสะดุ้ง หล่อนหันขวับมาทำตาวาวใส่
(มีต่อ)