เมื่อวานมีเหตุขัดข้องทางเทคนิคนิดหน่อยค่ะ
กว่าจะรู้ก็วันเต็มๆ ผ่านไปแล้ว แก้ชื่อเรื่องไม่ได้แล้ว วันนี้เลยรีบแก้ตัว ชื่อเรื่องถูกค่ะคราวนี้ เช็ค 2 รอบแล้วก่อนโพสต์
ขอบคุณทุกคนที่อ่านเรื่องนี้นะคะ
ขอบคุณ คุณนัน turtle_cheesecake, คุณซูซี่ Susisiri, น้องดาว Lady Star 919, คุณ สมาชิกหมายเลข 1065771, คุณลิ ลายลิขิต, คุณนะ Na(นะ), จารย์จี GTW, คุณ ป้าทุยบ้านทุ่ง, น้องมัด มัศยวีร์
ขอบคุณทุกคะแนนโหวตด้วยค่ะ
บทก่อนหน้าค่ะ
บทนำ
https://ppantip.com/topic/36387078
บทที่ 1
https://ppantip.com/topic/36392612
บทที่ 2
https://ppantip.com/topic/36400065
บทที่ 3
https://ppantip.com/topic/36407292
บทที่ 4
https://ppantip.com/topic/36411315
บทที่ 5
https://ppantip.com/topic/36419344
บทที่ 6
https://ppantip.com/topic/36427179
บทที่ 7
https://ppantip.com/topic/36430854
บทที่ 8
https://ppantip.com/topic/36434883
บทที่ 9
https://ppantip.com/topic/36442539
บทที่ 10
https://ppantip.com/topic/36450392
บทที่ 11
https://ppantip.com/topic/36457566
บทที่ 12
https://ppantip.com/topic/36465005
บทที่ 13
https://ppantip.com/topic/36472245
บทที่ 14
https://ppantip.com/topic/36475768
บทที่ 15
https://ppantip.com/topic/36481689
บทที่ 16
https://ppantip.com/topic/36490544
บทที่ 17
https://ppantip.com/topic/36494520
บทที่ 18
https://ppantip.com/topic/36501149
บทที่ 19
พราวไหมบอกยากว่าอะไรน่าตกใจยิ่งกว่า เห็นร่างสูงโปร่งที่ก้าวยาวๆ ลงจากเทอเรซหน้าบ้านตรงรี่มาที่รถ หรือรูปร่างหน้าตาเขาในเวลานี้ แค่ไม่ได้เห็นกันเพียงไม่กี่อาทิตย์ แทบไม่อยากเชื่อว่าทัศนัยจะทรุดโทรมลงไปได้ถึงเพียงนี้ ใบหน้าซึ่งเคยคมคายในเวลานี้หมองคล้ำ ผมเผ้ายุ่งเหยิง พอๆ กับเสื้อเชิ้ตสีขาวที่สวม ยับเหมือนใส่แล้วไม่ได้เปลี่ยนมาเป็นเดือน ชายเสื้อหลุดลุ่ยออกมานอกกางเกง เธอว่าเขาดูเหมือนเมาด้วยซ้ำเพราะเห็นว่าเซไปนิดหนึ่งเมื่อลงบันไดกว้างๆ มาที่ลานจอดรถ
ภาษิตชะลอรถเข้าจอดแล้วรีบเปิดประตูลงก่อน ปากก็บอกไปด้วย
“อย่าเพิ่งลงมา พี่จัดการเอง”
ร่างทั้งสูงทั้งหนากว่าอ้อมมายืนจังก้าขวางประตูด้านผู้โดยสารเอาไว้ ไม่สนใจท่าทีกระวนกระวายของเพื่อนซึ่งเคยเรียนหนังสือมาด้วยกัน
“มานานแล้วหรือทัศ” เสียงห้าวๆ นั้นเครียดทีเดียว
หากฝ่ายนั้นตอบไม่ค่อยเต็มเสียงสักเท่าไรนัก ตามัวแต่จ้องไปที่คนซึ่งยังคงนั่งอยู่ในรถ
“ก็...สักครู่”
วูบหนึ่งภาษิตเห็นใจเพื่อน ยิ่งเห็นรูปร่างหน้าตาที่เหมือนคนใกล้ตายก็ยิ่งเห็นใจ สุ้มเสียงจึงอ่อนลงนิดหนึ่ง
“เข้าไปคุยกันข้างในเถอะ เรามีเรื่องจะต้องพูดกันยาว” ไม่บอกเปล่า ยังดันบ่าหลุบลู่เป็นเชิงบังคับให้หันกลับไปทางหน้าบ้าน
ทัศนัยยังลังเล แต่พอเห็นว่าไม่มีประโยชน์จะดันทุรังอยู่อย่างนี้ จึงยอมตามแต่โดยดี เขาเดินนำกลับไปทางเดิม โดยมีร่างซึ่งใหญ่กว่ามากคุมหลังไปติดๆ
เห็นว่าทั้งคู่ออกห่างไปมากพอสมควรแล้ว พราวไหมจึงกล้าเปิดประตูรถลง นกน้อยซึ่งยืนหน้าตาตื่นอยู่ไม่ไกลรี่เข้ามารายงาน
“มาคอยอยู่ตั้งแต่บ่ายแล้วค่ะคุณ หนูก็ไม่รู้จะทำยังไง” สาวน้อยทำเสียงกระซิบกระซาบเมื่อชายตาไปทางหน้าบ้านแล้วเห็นว่าคนที่กำลังพูดถึงยังคงเหลียวหลังมามอง
บ้านนี้มีลูกจ้างอยู่หลายคน แต่คนที่ทำงานได้คล่องแคล่วที่สุดคือนกน้อย และเพราะเหตุที่เป็นคนใกล้ชิดพรพรรณซึ่งเปรียบเสมือนเจ้าของบ้าน เด็กสาวจึงคุ้นเคยกับการต้อนรับแขกมากกว่าใคร
“ช่างเขาเถอะนกน้อย”
พราวไหมตัดบทเพราะไม่อยากให้เรื่องนี้แพร่กระจายไปจนกลายเป็นข้อครหานินทาในหมู่ลูกจ้าง ตัวเธอเองก็หนีจนเบื่อจะหนีแล้ว ดีเหมือนกันที่เขามาเวลานี้ ในเมื่อมีคุณรองอยู่ด้วย
เปิดประตูรถตอนหลังแล้วหยิบถุงพลาสติกขนาดใหญ่ออกมาสามถุง มีกลิ่นอาหารหอมฉุยตามออกมาด้วย
“คุณรองแวะซื้อเป็ดมาสองตัว ขนมจีบกับซาลาเปาอีกกล่องใหญ่เลย นกน้อยเอาไปแบ่งกันนะ แบ่งเอาขนมจีบกับซาลาเปาไปต้อนรับแขกด้วย”
นกน้อยรับถุงทั้งหมดมาถือไว้เสียเอง
“จะให้ตั้งโต๊ะเลยไหมคะ”
“ก็ดี จัดสามที่ก็แล้วกัน”
อ้อยอิ่งถ่วงเวลาให้คุณรองเจรจากับเพื่อนของเขาได้พักใหญ่ พราวไหมจึงตัดสินใจได้ว่าต้องไปเผชิญกับปัญหาด้วยตัวเองเสียที
เดินเรียบเรื่อยไปเข้าบ้านทางด้านหลังซึ่งเป็นครัว เห็นแม่บ้านวัยสาวใหญ่กำลังทอดอะไรบางอย่างควันโขมงไปหมด
“ฉู่ฉี่ปลาดุกค่ะคุณ” นางรายงานโดยไม่ต้องถามเมื่อเห็นเธอเปิดประตูเข้ามา
“ทำกับข้าวเผื่ออีกสักสองคนนะป้า คุณรองกับ...เพื่อน...จะอยู่ทานข้าวเย็นด้วย”
ผู้ชายสองคนในห้องรับแขกนั่งเหมือนคุมเชิงกันเมื่อเธอย่องเงียบกริบเข้าไป วางใจเมื่อเห็นว่าสีหน้าและท่าทีคนเป็นแขกดูสงบลงมากแล้ว แม้สายตาที่มองตรงมาจะแฝงแววปวดร้าวเพียงไรก็ตาม ตรงหน้าเขามีจานเล็กๆ ใส่ซาละเปาและขนมจีบสามสี่ชิ้นซึ่งนกน้อยแบ่งมาให้ ข้างๆ เป็นถ้วยชาจีนกำลังร้อนจนเห็นควันบางๆ ลอยบริเวณปากถ้วย
พราวไหมเข้าไปทรุดตัวลงนั่งหมิ่นเหม่บนเก้าอี้นวมตัวข้างๆ 'พี่ชาย' ไม่แน่ใจว่ากำลังพูดเรื่องอะไรกันเพราะพอเธอเข้ามาก็เงียบไปพร้อมกันทั้งคู่
“อยู่ทานข้าวเย็นกันก่อนนะคะพี่ทัศ” เธอเอ่ยปากชวน พยายามคงน้ำเสียงให้เป็นปกติที่สุด เขาจะได้รู้ว่าไม่สะทกสะท้านเลยที่บุกมาจนเจอกันในที่สุด
และคนซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวข้างๆ ก็ช่วยสนับสนุนด้วยอีกเสียง
“นั่นสิทัศ ไหนๆ มาแล้วก็อย่าเพิ่งรีบกลับ กินข้าวด้วยกันก่อน”
เขาหันมาสบตา และพราวไหมก็ได้ที
“พราวขอไปดูนกน้อยจัดโต๊ะนะคะคุณรอง”
เธอถือว่าทักทายฝ่ายนั้นแล้ว รับรู้การมา 'เยี่ยมเยียน' ของเขาแล้ว จึงไม่อยากนั่งอยู่ต่อหน้าให้อึดอัดอีก
เมื่อไม่เห็นคุณรองจะว่าอะไร ก็กลับลุกยืน ไม่ทันออกมาพ้นห้องนั้นก็ได้ยินเสียงถาม...ไม่ดังนัก แต่ก็ได้ยิน
“...แล้วผู้ชายคนนั้นเป็นใคร...”
พอเดาได้ไม่ยากว่าเมื่อครู่คงกำลังพูดกันถึงใครคนหนึ่ง และเมื่อเห็นเธอเดินเข้ามาก็พากันเงียบ
ระบำเงา (บทที่ 19)
ขอบคุณทุกคนที่อ่านเรื่องนี้นะคะ
ขอบคุณ คุณนัน turtle_cheesecake, คุณซูซี่ Susisiri, น้องดาว Lady Star 919, คุณ สมาชิกหมายเลข 1065771, คุณลิ ลายลิขิต, คุณนะ Na(นะ), จารย์จี GTW, คุณ ป้าทุยบ้านทุ่ง, น้องมัด มัศยวีร์
ขอบคุณทุกคะแนนโหวตด้วยค่ะ
บทก่อนหน้าค่ะ
บทนำ https://ppantip.com/topic/36387078
บทที่ 1 https://ppantip.com/topic/36392612
บทที่ 2 https://ppantip.com/topic/36400065
บทที่ 3 https://ppantip.com/topic/36407292
บทที่ 4 https://ppantip.com/topic/36411315
บทที่ 5 https://ppantip.com/topic/36419344
บทที่ 6 https://ppantip.com/topic/36427179
บทที่ 7 https://ppantip.com/topic/36430854
บทที่ 8 https://ppantip.com/topic/36434883
บทที่ 9 https://ppantip.com/topic/36442539
บทที่ 10 https://ppantip.com/topic/36450392
บทที่ 11 https://ppantip.com/topic/36457566
บทที่ 12 https://ppantip.com/topic/36465005
บทที่ 13 https://ppantip.com/topic/36472245
บทที่ 14 https://ppantip.com/topic/36475768
บทที่ 15 https://ppantip.com/topic/36481689
บทที่ 16 https://ppantip.com/topic/36490544
บทที่ 17 https://ppantip.com/topic/36494520
บทที่ 18 https://ppantip.com/topic/36501149
พราวไหมบอกยากว่าอะไรน่าตกใจยิ่งกว่า เห็นร่างสูงโปร่งที่ก้าวยาวๆ ลงจากเทอเรซหน้าบ้านตรงรี่มาที่รถ หรือรูปร่างหน้าตาเขาในเวลานี้ แค่ไม่ได้เห็นกันเพียงไม่กี่อาทิตย์ แทบไม่อยากเชื่อว่าทัศนัยจะทรุดโทรมลงไปได้ถึงเพียงนี้ ใบหน้าซึ่งเคยคมคายในเวลานี้หมองคล้ำ ผมเผ้ายุ่งเหยิง พอๆ กับเสื้อเชิ้ตสีขาวที่สวม ยับเหมือนใส่แล้วไม่ได้เปลี่ยนมาเป็นเดือน ชายเสื้อหลุดลุ่ยออกมานอกกางเกง เธอว่าเขาดูเหมือนเมาด้วยซ้ำเพราะเห็นว่าเซไปนิดหนึ่งเมื่อลงบันไดกว้างๆ มาที่ลานจอดรถ
ภาษิตชะลอรถเข้าจอดแล้วรีบเปิดประตูลงก่อน ปากก็บอกไปด้วย
“อย่าเพิ่งลงมา พี่จัดการเอง”
ร่างทั้งสูงทั้งหนากว่าอ้อมมายืนจังก้าขวางประตูด้านผู้โดยสารเอาไว้ ไม่สนใจท่าทีกระวนกระวายของเพื่อนซึ่งเคยเรียนหนังสือมาด้วยกัน
“มานานแล้วหรือทัศ” เสียงห้าวๆ นั้นเครียดทีเดียว
หากฝ่ายนั้นตอบไม่ค่อยเต็มเสียงสักเท่าไรนัก ตามัวแต่จ้องไปที่คนซึ่งยังคงนั่งอยู่ในรถ
“ก็...สักครู่”
วูบหนึ่งภาษิตเห็นใจเพื่อน ยิ่งเห็นรูปร่างหน้าตาที่เหมือนคนใกล้ตายก็ยิ่งเห็นใจ สุ้มเสียงจึงอ่อนลงนิดหนึ่ง
“เข้าไปคุยกันข้างในเถอะ เรามีเรื่องจะต้องพูดกันยาว” ไม่บอกเปล่า ยังดันบ่าหลุบลู่เป็นเชิงบังคับให้หันกลับไปทางหน้าบ้าน
ทัศนัยยังลังเล แต่พอเห็นว่าไม่มีประโยชน์จะดันทุรังอยู่อย่างนี้ จึงยอมตามแต่โดยดี เขาเดินนำกลับไปทางเดิม โดยมีร่างซึ่งใหญ่กว่ามากคุมหลังไปติดๆ
เห็นว่าทั้งคู่ออกห่างไปมากพอสมควรแล้ว พราวไหมจึงกล้าเปิดประตูรถลง นกน้อยซึ่งยืนหน้าตาตื่นอยู่ไม่ไกลรี่เข้ามารายงาน
“มาคอยอยู่ตั้งแต่บ่ายแล้วค่ะคุณ หนูก็ไม่รู้จะทำยังไง” สาวน้อยทำเสียงกระซิบกระซาบเมื่อชายตาไปทางหน้าบ้านแล้วเห็นว่าคนที่กำลังพูดถึงยังคงเหลียวหลังมามอง
บ้านนี้มีลูกจ้างอยู่หลายคน แต่คนที่ทำงานได้คล่องแคล่วที่สุดคือนกน้อย และเพราะเหตุที่เป็นคนใกล้ชิดพรพรรณซึ่งเปรียบเสมือนเจ้าของบ้าน เด็กสาวจึงคุ้นเคยกับการต้อนรับแขกมากกว่าใคร
“ช่างเขาเถอะนกน้อย”
พราวไหมตัดบทเพราะไม่อยากให้เรื่องนี้แพร่กระจายไปจนกลายเป็นข้อครหานินทาในหมู่ลูกจ้าง ตัวเธอเองก็หนีจนเบื่อจะหนีแล้ว ดีเหมือนกันที่เขามาเวลานี้ ในเมื่อมีคุณรองอยู่ด้วย
เปิดประตูรถตอนหลังแล้วหยิบถุงพลาสติกขนาดใหญ่ออกมาสามถุง มีกลิ่นอาหารหอมฉุยตามออกมาด้วย
“คุณรองแวะซื้อเป็ดมาสองตัว ขนมจีบกับซาลาเปาอีกกล่องใหญ่เลย นกน้อยเอาไปแบ่งกันนะ แบ่งเอาขนมจีบกับซาลาเปาไปต้อนรับแขกด้วย”
นกน้อยรับถุงทั้งหมดมาถือไว้เสียเอง
“จะให้ตั้งโต๊ะเลยไหมคะ”
“ก็ดี จัดสามที่ก็แล้วกัน”
อ้อยอิ่งถ่วงเวลาให้คุณรองเจรจากับเพื่อนของเขาได้พักใหญ่ พราวไหมจึงตัดสินใจได้ว่าต้องไปเผชิญกับปัญหาด้วยตัวเองเสียที
เดินเรียบเรื่อยไปเข้าบ้านทางด้านหลังซึ่งเป็นครัว เห็นแม่บ้านวัยสาวใหญ่กำลังทอดอะไรบางอย่างควันโขมงไปหมด
“ฉู่ฉี่ปลาดุกค่ะคุณ” นางรายงานโดยไม่ต้องถามเมื่อเห็นเธอเปิดประตูเข้ามา
“ทำกับข้าวเผื่ออีกสักสองคนนะป้า คุณรองกับ...เพื่อน...จะอยู่ทานข้าวเย็นด้วย”
ผู้ชายสองคนในห้องรับแขกนั่งเหมือนคุมเชิงกันเมื่อเธอย่องเงียบกริบเข้าไป วางใจเมื่อเห็นว่าสีหน้าและท่าทีคนเป็นแขกดูสงบลงมากแล้ว แม้สายตาที่มองตรงมาจะแฝงแววปวดร้าวเพียงไรก็ตาม ตรงหน้าเขามีจานเล็กๆ ใส่ซาละเปาและขนมจีบสามสี่ชิ้นซึ่งนกน้อยแบ่งมาให้ ข้างๆ เป็นถ้วยชาจีนกำลังร้อนจนเห็นควันบางๆ ลอยบริเวณปากถ้วย
พราวไหมเข้าไปทรุดตัวลงนั่งหมิ่นเหม่บนเก้าอี้นวมตัวข้างๆ 'พี่ชาย' ไม่แน่ใจว่ากำลังพูดเรื่องอะไรกันเพราะพอเธอเข้ามาก็เงียบไปพร้อมกันทั้งคู่
“อยู่ทานข้าวเย็นกันก่อนนะคะพี่ทัศ” เธอเอ่ยปากชวน พยายามคงน้ำเสียงให้เป็นปกติที่สุด เขาจะได้รู้ว่าไม่สะทกสะท้านเลยที่บุกมาจนเจอกันในที่สุด
และคนซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวข้างๆ ก็ช่วยสนับสนุนด้วยอีกเสียง
“นั่นสิทัศ ไหนๆ มาแล้วก็อย่าเพิ่งรีบกลับ กินข้าวด้วยกันก่อน”
เขาหันมาสบตา และพราวไหมก็ได้ที
“พราวขอไปดูนกน้อยจัดโต๊ะนะคะคุณรอง”
เธอถือว่าทักทายฝ่ายนั้นแล้ว รับรู้การมา 'เยี่ยมเยียน' ของเขาแล้ว จึงไม่อยากนั่งอยู่ต่อหน้าให้อึดอัดอีก
เมื่อไม่เห็นคุณรองจะว่าอะไร ก็กลับลุกยืน ไม่ทันออกมาพ้นห้องนั้นก็ได้ยินเสียงถาม...ไม่ดังนัก แต่ก็ได้ยิน
“...แล้วผู้ชายคนนั้นเป็นใคร...”
พอเดาได้ไม่ยากว่าเมื่อครู่คงกำลังพูดกันถึงใครคนหนึ่ง และเมื่อเห็นเธอเดินเข้ามาก็พากันเงียบ