ระบำเงา (บทที่ 11)

ขอบคุณทุกคนที่อ่านเรื่องนี้นะคะ
ขอบคุณ คุณ พวงดารา, น้องดาว Lady Star 919, คุณ สมาชิกหมายเลข 1065771, คุณซูซี่ Susisiri, คุณลิ ลายลิขิต, คุณนัน turtle_cheesecake, คุณ ป้าทุยบ้านทุ่ง, น้องมัด มัศยวีร์, คุณนะ Na(นะ), จารย์จี GTW, คุณ nasa nasa
ขอบคุณทุกคะแนนโหวตด้วยค่ะ

บทก่อนหน้าค่ะ
บทนำ   https://ppantip.com/topic/36387078
บทที่ 1  https://ppantip.com/topic/36392612
บทที่ 2  https://ppantip.com/topic/36400065
บทที่ 3  https://ppantip.com/topic/36407292
บทที่ 4  https://ppantip.com/topic/36411315
บทที่ 5  https://ppantip.com/topic/36419344
บทที่ 6  https://ppantip.com/topic/36427179
บทที่ 7  https://ppantip.com/topic/36430854
บทที่ 8  https://ppantip.com/topic/36434883
บทที่ 9  https://ppantip.com/topic/36442539
บทที่ 10 https://ppantip.com/topic/36450392


บทที่ 11


                        
            ยิ่งใกล้ห้าโมงเย็น พราวไหมก็ยิ่งไม่แน่ใจว่าคุณรองจะมารับจริงหรือไม่ เขาจะรู้ได้อย่างไรว่าบ้านคุณสืบพงษ์อยู่ที่ไหนในเมื่อเมื่อคืนก็ไม่ได้ถามสักคำ ยิ่งกว่านั้นวันนี้ตลอดทั้งวันก็ไม่ได้ยืนยันอะไรมาเสียอีก ลองโทรศัพท์ไปถามแม่ว่าเขาติดต่อมาบ้างหรือเปล่า คำตอบคือไม่ จึงขอเบอร์มือถือของเขามาเก็บไว้ ถ้าเลยห้าโมงไปมากแล้วและเขายังไม่มา ก็คิดว่าจะติดต่อไป

    แต่พอเลยห้าโมงเย็นไปเพียงไม่กี่นาที รถสีบรอนซ์เงินที่เริ่มคุ้นตาก็เข้าจอดเทียบหน้าประตูใหญ่ มองผ่านลวดลายเหล็กดัดออกไปเห็นรำไร

    พราวไหมคอยเขาอยู่ที่เทอเรซหน้าบ้าน กำลังปรึกษาปัญชิกาเรื่องจะไปเลือกซื้อไม้ดอกมาปลูกที่สนามหลังบ้านด้วยกัน ริมถนนใหญ่ ใกล้ทางเข้าซอยซึ่งบ้านหลังนี้ตั้งอยู่มีร้านขายไม้ดอกและไม้ยืนต้นร้านใหญ่ทีเดียว คิดว่าคงไม่ยากที่จะเอารถของนายจ้างซึ่งจอดทิ้งไว้เฉยๆ ในโรงรถมาใช้ขนต้นไม้ที่จะซื้อ ยังไม่กล้าแตะต้องสนามหน้าบ้านของเขาหรอก บริเวณหน้าบ้านเป็นบริเวณที่มีไว้โชว์แขก ถ้าไม่ได้พูดคุยปรึกษาเจ้าของบ้านก่อน เธอก็จะไม่แตะต้อง แม้ลูกสาวเขาจะบอกว่า

    'คุณพ่อไม่ค่อยให้ใครมาที่บ้านหรอกค่ะ มีก็แต่คนที่สนิทกันจริงๆ เท่านั้น คุณพ่อไม่ค่อยได้อยู่บ้าน ก็เลยพยายามให้บ้านเป็นที่พักจริงๆ เวลาทำงานมีคนเข้าพบคุณพ่อเยอะอยู่แล้ว ก็เลยไม่อยากต้องรับแขกที่นี่ด้วย'

    หากถึงกระนั้นเธอคิดว่าควรเริ่มที่หลังบ้านก่อนอยู่ดี ลองให้เด็กสาวเลียบๆ เคียงๆ ถามผู้เป็นบิดาแล้ว และเขาก็ไม่มีปัญหาอะไร สั่งไว้ด้วยว่าจะซื้ออะไรบ้างก็ให้เบิกเงินจากเขาได้ทุกเมื่อ

    ปัญชิกาต้องมีอะไรทำนอกเหนือจากเรียนหนังสืออย่างเดียว พราวไหมคิดเช่นนั้นเมื่อเห็นว่าแต่ละวันของเด็กสาวนั้นว่างเปล่าเพียงไร เวลาที่ว่างมากทำให้ฟุ้งซ่าน เธอเข้าใจเรื่องนั้นได้ดี เมื่อเดินดูสนามหลังบ้านก็เกิดความคิดเรื่องปลูกดอกไม้ขึ้นมา จะมีกิจกรรมใดอีกที่จะใช้ประโยชน์จากอากาศดีเช่นนี้ได้เท่ากับการปลูกต้นไม้

    เพิ่งมาทำงานได้เพียงอาทิตย์เดียวก็ให้รู้สึกผูกพันกับที่นี่เสียแล้ว อาจเพราะความเป็นกันเองและง่ายๆ ของเจ้าของก็ได้ ในเมื่อเขาย้ำแล้วย้ำอีกตั้งแต่วันแรกว่าบ้านนี้ไม่มีเขตหวงห้าม เธอเข้านอกออกในได้ทุกห้อง ไม่ว่าจะชั้นบนหรือชั้นล่าง ให้ถือเสมือนว่าเป็นบ้านของตัวเอง

    หรืออาจเพราะเธอเป็นคนรักบ้าน แต่ไม่เคยมีบ้านเป็นของตัวเองอย่างแท้จริงเลยตั้งแต่จำความได้ เมื่อครั้งที่พ่อยังมีชีวิตอยู่ บ้านซึ่งอยู่กันตอนนั้นเป็นบ้านเช่าซื้อ ต่อมาก็ถูกยึดเมื่อพ่อเอาเงินเก็บทั้งหมดไปลงทุน และเพียงไม่นานก็ต้องเลิกไปเพราะกิจการไม่ดี ประกอบกับถูกเพื่อนซึ่งร่วมลงทุนด้วยโกงจนหมดตัว พราวไหมไม่รู้รายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนั้นมากนัก แม่เล่าให้ฟังแค่นั้น ประกอบกับอายุก็ยังน้อย เพียงสี่ขวบเท่านั้นเองเมื่อเสียพ่อไป

    พอสิ้นพ่อ แม่ซึ่งไม่ได้ทำงานเลยนับแต่แต่งงานก็ต้องพาลูกระเหเร่ร่อนไปอาศัยอยู่กับพี่สาวที่หลังสวน อยู่ได้เพียงปีเดียวก็ย้ายกลับกรุงเทพ แม่คิดว่าลูกสาวได้เข้าเรียนชั้นประถมในกรุงเทพคงจะดีกว่าเรียนโรงเรียนเทศบาลต่างจังหวัด โชคดีที่อนุปริญญาที่แม่มีช่วยให้ได้งานสอนหนังสือในโรงเรียนอนุบาลของคุณหญิงผกา

    หากรายได้ของแม่ก็เพียงน้อยนิด ชักหน้าไม่เคยถึงหลัง แค่ค่าเช่าบ้านหลังเล็กๆ ใกล้โรงเรียนเพียงอย่างเดียว แต่ละเดือนก็แทบไม่มีเงินเหลือให้ทำอะไรได้อีก ยิ่งเมื่อแม่ต้องเก็บเงินเพื่อเป็นค่าเล่าเรียนแต่ละเทอมของลูกด้วยแล้ว ความเป็นอยู่ในเวลานั้นจึงแร้นแค้นเต็มที

    หากทว่าเพียงปีกว่าๆ หลังจากนั้นชีวิตของพราวไหมและแม่ก็เปลี่ยนไปอย่างหน้ามือเป็นหลังมือเมื่อคุณภูมิมาเห็นแม่เข้า


    ปัญชิกาเห็นผู้ชายคนนั้นแล้วเช่นกัน ร่างสูงล่ำสันกำลังเปิดประตูก้าวลง สีขาวสะอาดของเสื้อที่เขาสวมเหมือนจะสะท้อนแสงสีหมากสุกของอาทิตย์ยามเย็น เห็นโดดเด่นได้แต่ไกลเลยทีเดียว เขามาหยุดยืนที่หน้าประตูรั้ว แล้วมองเข้ามาภายใน

     หันมาดูครูสาวซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ ก็เห็นว่าลุกยืน กระชับกระเป๋าสะพายที่พาดอยู่กับบ่า

    “พี่ไปก่อนนะคะน้องฝ้าย อย่าลืมนะคะ ไม่เข้าใจโจทย์เลขข้อไหน โทรไปถามพี่ที่บ้าน พรุ่งนี้เราจะได้เริ่มเรื่องใหม่กัน”

    เด็กสาวพึมพำคำตอบอยู่ในคอ ขยับลุกยืนตามอย่างเชื่องช้า สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่ผู้ชายหน้าประตูบ้าน พยายามเดาว่าเขามีความสัมพันธ์เช่นไรกับครูสาวของตัวเอง

    ลุงบุญช่วยโผล่ออกมาจากหลังบ้านเกือบพร้อมๆ กับที่พราวไหมก้าวลงจากเทอเรซ

    “เขามารับพราวค่ะลุง”

    เธอรีบบอกเพื่อที่แกจะได้ไม่ต้องเร่งร้อนไปเปิดประตู เห็นพ่อบ้านวัยไม้ใกล้ฝั่งกระย่องกระแย่งไปเปิดประตูหน้าบ้านทีไรก็ให้ใจหายทีนั้น กลัวว่าแกจะล้มเค้เก้ลงกลางทางเสียทุกครั้ง

    เสื้อสีขาวซึ่งคุณรองใส่มาวันนี้สว่างกระจ่างตาเมื่อเห็นในระยะใกล้ และเธอก็ปลื้มอกปลื้มใจเมื่อเห็นว่าเป็นตัวเดียวกับที่ซื้อมาเป็นของฝากเขา รูปร่างทั้งสูงและล่ำสันอย่างคุณรองหาซื้อเสื้อผ้ามาให้จากอเมริกาได้ไม่ยากเลย

    “ทำเลดีนะบ้านนี้”

    ภาษิตเกริ่นขึ้นก่อนเมื่อกลับขึ้นประจำที่นั่งคนขับ สตาร์ตรถแล้วก็ยังไม่วายมองเข้าไปในอาณาบริเวณบ้านอีกครั้งอย่างชื่นชม

    “ที่นี่เงียบดีค่ะคุณรอง ทางด้านหลังเป็นทุ่งนา กลางวันอย่างนี้แทบไม่ต้องเปิดแอร์เลย ลมพัดเข้ามาจากทุ่ง อากาศเย็นสบายทั้งวันเลยค่ะ”

    แม้นับวันที่ผ่านไป ความรู้สึกเกรงจนเกือบเหมือนกลัวลูกชายคนรองของคุณภูมิซึ่งเคยฝังรากลึกมาแต่เด็กจะลดลงมากแล้ว หากกระนั้นเมื่อนั่งอยู่ข้างเขาอย่างนี้ ก็ยังไม่กล้ามองหน้ากันตรงๆ เวลาที่ต้องพูดด้วยอยู่ดี คุยกันทางโทรศัพท์โดยไม่ต้องเห็นหน้ากันยังง่ายเสียกว่า
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่