ขอบคุณทุกคนที่อ่านเรื่องนี้นะคะ
ขอบคุณ คุณ สมาชิกหมายเลข 1065771, คุณ พวงดารา, จารย์จี GTW, คุณนัน turtle_cheesecake, คุณนะ Na(นะ), คุณซูซี่ Susisiri, คุณ ป้าทุยบ้านทุ่ง, น้องดาว Lady Star 919, คุณ สมาชิกหมายเลข 868629, น้องมัด มัศยวีร์
ขอบคุณทุกคะแนนโหวตด้วยค่ะ
บทก่อนหน้าค่ะ
บทนำ
https://ppantip.com/topic/36387078
บทที่ 1
https://ppantip.com/topic/36392612
บทที่ 2
https://ppantip.com/topic/36400065
บทที่ 3
https://ppantip.com/topic/36407292
บทที่ 4
https://ppantip.com/topic/36411315
บทที่ 5
https://ppantip.com/topic/36419344
บทที่ 6
https://ppantip.com/topic/36427179
บทที่ 7
https://ppantip.com/topic/36430854
บทที่ 8
https://ppantip.com/topic/36434883
บทที่ 9
https://ppantip.com/topic/36442539
บทที่ 10
https://ppantip.com/topic/36450392
บทที่ 11
https://ppantip.com/topic/36457566
บทที่ 12
เสียงเคาะประตูเบาเสียจนพราวไหมคิดว่าฝันไปในทีแรก จนเมื่อได้ยินชื่อของตัวเองตามมาด้วย นั่นแหละจึงรู้ว่าเป็นความจริง
“พราว…โทรศัพท์” เสียงนุ่มๆ นั้นออกจะเร่งร้อน
หญิงสาวควานมือเปะปะในความมืดจนพบโคมดวงเล็กบนโต๊ะหัวเตียง นาฬิกาปลุกข้างโคมไฟบอกเวลาอีกไม่กี่นาทีจะเที่ยงคืน ไม่อยากเดาเลยว่าใครโทรศัพท์มาดึกดื่นขนาดนี้นอกเสียจากคนที่พยายามเลี่ยงมาตลอดสามอาทิตย์ คราวนี้คงต้องยอมเจรจากับเขาอีกครั้ง ไม่มีทางอื่นอีกแล้วนี่ จะได้รู้เรื่องรู้ราวกันไปจริงๆ เสียที
ผมเผ้าของคนซึ่งยืนอยู่หน้าประตูห้องยุ่งเหยิง แสดงว่าเข้านอนไปแล้วเหมือนกัน
“พี่ทัศหรือเปล่าคะแม่” เธองัวเงียถาม มองโทรศัพท์ไร้สายในมืออวบอย่างไม่ไว้ใจสักเท่าไรนัก กังวลอยู่ก็แค่นั้นเอง
หากคำตอบทำเอาตาสว่างเลยทีเดียว
“ไม่ใช่คุณทัศนัยหรอกพราว...ใครก็ไม่รู้...เสียงเหมือนเด็กผู้หญิง" ประโยคหลังเบาเหมือนกระซิบ ราวเกรงว่าคนซึ่งถือหูอยู่อีกด้านของสายจะได้ยิน
“แม่ถามว่าชื่ออะไรก็ไม่ยอมบอก เอาแต่ร้องห่มร้องไห้แล้วบอกว่าขอพูดกับพี่พราว...ขอพูดกับพี่พราว พูดอยู่แค่นั้นเอง”
พราวไหมรับโทรศัพท์เครื่องนั้นมาด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก จะว่าโล่งอกก็ไม่ใช่ ใจหายก็ไม่เชิง โล่งอกเมื่อรู้ว่าไม่ใช่คนซึ่งไม่อยากจะพูดด้วย ใจหายเมื่อคิดว่าอาจเป็นปัญชิกาก็ได้ ถ้าลูกสาวคุณสืบพงษ์โทรศัพท์มาดึกดื่นขนาดนี้ แสดงว่าต้องมีเรื่องร้ายอะไรบางอย่างเกิดขึ้นที่นั่น นี่คงโทรไปที่เครื่องซึ่งอยู่ชั้นล่างแล้ว และคงไม่มีใครรับสาย จึงได้โทรมาเข้าเครื่องนี้ของแม่
แต่เรื่องอะไรกันล่ะ คุณสืบเพิ่งมาส่งเธอที่บ้านเมื่อไม่กี่ชั่วโมงมานี่เอง และลูกสาวเขาก็ติดรถมาด้วย ในเวลานั้นสาวน้อยยังเป็นปกติดีทุกอย่าง อะไรจะเกิดขึ้นได้ในช่วงเวลาสั้นๆ แค่สามชั่วโมง
...หรือจะเป็นคุณสืบพงษ์เอง หรือเขาเป็นอะไรไป เพียงแค่คิด ก็วูบในอกได้อย่างน่าประหลาด เสียงทักทายสะท้อนความรู้สึกนั้นเช่นกัน...ถ้าเพียงคนฟังมีสติพอจะสังเกตได้
“ฮัลโหล…ฝ้ายใช่ไหมคะ”
มีเสียงถอนสะอื้นนำมาก่อน ตามด้วยคำพูดซึ่งแทบจับใจความไม่ได้เลย
“พี่...พราว...พี่...ชะ...ช่วย...ช่วย...ฝ้ายด้วย”
พราวไหมเย็นวาบตลอดสันหลัง ละล่ำละลักถาม
“มีเรื่องอะไรคะฝ้าย เกิดอะไรขึ้น”
อีกด้านของสายพยายามเรียบเรียงคำพูดอีกครั้ง สุ้มเสียงแตกพร่า แหบโหย
“ฝ้าย...ฝ้าย...กลัวค่ะพี่...กลัวจะ...กลัวจะ...มีเรื่อง”
“ทำใจดีๆ ค่ะฝ้าย ทำใจดีๆ เกิดเรื่องอะไรขึ้นคะ คุณพ่ออยู่แถวนั้นหรือเปล่า”
พยายามปลอบเท่าที่จะทำได้ในเมื่อยังไม่รู้ต้นสายปลายเหตุใดๆ เด็กสาวกำลังขวัญเสียกับอะไรบางอย่าง เธอบอกได้เพียงเท่านั้น คิดว่าถ้าพูดกับพ่อของแก คงได้คำตอบที่ชัดเจนกว่า
คราวนี้อาการสะอื้นเบาบางลง สาวน้อยเรียบเรียงเหตุการณ์ได้เป็นเรื่องเป็นราวขึ้นบ้าง ทว่าสิ่งที่พูดก็ยังเป็นปริศนาสำหรับคนฟังอยู่ดี
“คุณพ่อไม่อยู่ค่ะพี่ คุณพ่อไปแล้ว ไปนานแล้ว นี่ก็ยังไม่กลับเลย คุณพ่อว่าคราวนี้จะเอาเรื่องถึงตำรวจ ฝ้ายกลัวค่ะพี่ ฝ้ายไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมา ฝ้ายอายค่ะพี่”
พราวไหมนิ่งฟังอย่างอดทน พยายามทำความเข้าใจและไม่ขัดจังหวะ แต่ยิ่งฟังก็ยิ่งงง
“เรื่องอะไรคะ คุณพ่อไปไหน”
ฝ่ายนั้นไม่ตอบ กลับยืนกรานเหตุผลที่ได้โทรศัพท์มา
“พี่มาที่นี่ได้ไหมคะ ฝ้ายกลัว”
พราวไหมไม่คิดหน้าคิดหลังอะไรอีก ได้ยินคำขอร้องนั้นก็ตัดสินใจทันที
“ค่ะ ค่ะ พี่จะมาอยู่เป็นเพื่อนจนกว่าคุณพ่อจะกลับนะคะ”
เธอกดตัดสายโทรศัพท์เมื่อฝ่ายนั้นเริ่มสะอึกสะอื้นขึ้นมาอีก สบตาฉงนฉงายของมารดาเมื่อรับโทรศัพท์เครื่องนั้นกลับไป
“เด็กที่ไหนน่ะพราว”
“ลูกสาวคุณสืบพงษ์ค่ะแม่ มีเรื่องอะไรกันก็ไม่ทราบ ฟังดูเหมือนแกกำลังเสียขวัญ พูดไม่รู้เรื่องเลยค่ะ พราวคิดว่าจะไปอยู่เป็นเพื่อนแกสักพัก”
“ดึกอย่างนี้น่ะรึ มันจะดีรึพราว แล้วพ่อเด็กล่ะ คุณสืบพงษ์นั่นน่ะ”
ฝ่ายลูกสาวไม่ตอบในทันที ผละจากแม่ไปค้นเสื้อที่ในตู้
“คุณสืบไปไหนก็ไม่ทราบค่ะ พราวขอยืมรถแม่นะคะ” เธอหันมาถามเมื่อเลือกได้กางเกงลำลองขาสี่ส่วน เสื้อผ้าป่านบางเบาอีกตัว
“เอาไปเถอะ ระวังตัวนะลูก แล้วมีอะไรก็โทรมาบอกแม่บ้าง”
ระบำเงา (บทที่ 12)
ขอบคุณ คุณ สมาชิกหมายเลข 1065771, คุณ พวงดารา, จารย์จี GTW, คุณนัน turtle_cheesecake, คุณนะ Na(นะ), คุณซูซี่ Susisiri, คุณ ป้าทุยบ้านทุ่ง, น้องดาว Lady Star 919, คุณ สมาชิกหมายเลข 868629, น้องมัด มัศยวีร์
ขอบคุณทุกคะแนนโหวตด้วยค่ะ
บทก่อนหน้าค่ะ
บทนำ https://ppantip.com/topic/36387078
บทที่ 1 https://ppantip.com/topic/36392612
บทที่ 2 https://ppantip.com/topic/36400065
บทที่ 3 https://ppantip.com/topic/36407292
บทที่ 4 https://ppantip.com/topic/36411315
บทที่ 5 https://ppantip.com/topic/36419344
บทที่ 6 https://ppantip.com/topic/36427179
บทที่ 7 https://ppantip.com/topic/36430854
บทที่ 8 https://ppantip.com/topic/36434883
บทที่ 9 https://ppantip.com/topic/36442539
บทที่ 10 https://ppantip.com/topic/36450392
บทที่ 11 https://ppantip.com/topic/36457566
เสียงเคาะประตูเบาเสียจนพราวไหมคิดว่าฝันไปในทีแรก จนเมื่อได้ยินชื่อของตัวเองตามมาด้วย นั่นแหละจึงรู้ว่าเป็นความจริง
“พราว…โทรศัพท์” เสียงนุ่มๆ นั้นออกจะเร่งร้อน
หญิงสาวควานมือเปะปะในความมืดจนพบโคมดวงเล็กบนโต๊ะหัวเตียง นาฬิกาปลุกข้างโคมไฟบอกเวลาอีกไม่กี่นาทีจะเที่ยงคืน ไม่อยากเดาเลยว่าใครโทรศัพท์มาดึกดื่นขนาดนี้นอกเสียจากคนที่พยายามเลี่ยงมาตลอดสามอาทิตย์ คราวนี้คงต้องยอมเจรจากับเขาอีกครั้ง ไม่มีทางอื่นอีกแล้วนี่ จะได้รู้เรื่องรู้ราวกันไปจริงๆ เสียที
ผมเผ้าของคนซึ่งยืนอยู่หน้าประตูห้องยุ่งเหยิง แสดงว่าเข้านอนไปแล้วเหมือนกัน
“พี่ทัศหรือเปล่าคะแม่” เธองัวเงียถาม มองโทรศัพท์ไร้สายในมืออวบอย่างไม่ไว้ใจสักเท่าไรนัก กังวลอยู่ก็แค่นั้นเอง
หากคำตอบทำเอาตาสว่างเลยทีเดียว
“ไม่ใช่คุณทัศนัยหรอกพราว...ใครก็ไม่รู้...เสียงเหมือนเด็กผู้หญิง" ประโยคหลังเบาเหมือนกระซิบ ราวเกรงว่าคนซึ่งถือหูอยู่อีกด้านของสายจะได้ยิน
“แม่ถามว่าชื่ออะไรก็ไม่ยอมบอก เอาแต่ร้องห่มร้องไห้แล้วบอกว่าขอพูดกับพี่พราว...ขอพูดกับพี่พราว พูดอยู่แค่นั้นเอง”
พราวไหมรับโทรศัพท์เครื่องนั้นมาด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก จะว่าโล่งอกก็ไม่ใช่ ใจหายก็ไม่เชิง โล่งอกเมื่อรู้ว่าไม่ใช่คนซึ่งไม่อยากจะพูดด้วย ใจหายเมื่อคิดว่าอาจเป็นปัญชิกาก็ได้ ถ้าลูกสาวคุณสืบพงษ์โทรศัพท์มาดึกดื่นขนาดนี้ แสดงว่าต้องมีเรื่องร้ายอะไรบางอย่างเกิดขึ้นที่นั่น นี่คงโทรไปที่เครื่องซึ่งอยู่ชั้นล่างแล้ว และคงไม่มีใครรับสาย จึงได้โทรมาเข้าเครื่องนี้ของแม่
แต่เรื่องอะไรกันล่ะ คุณสืบเพิ่งมาส่งเธอที่บ้านเมื่อไม่กี่ชั่วโมงมานี่เอง และลูกสาวเขาก็ติดรถมาด้วย ในเวลานั้นสาวน้อยยังเป็นปกติดีทุกอย่าง อะไรจะเกิดขึ้นได้ในช่วงเวลาสั้นๆ แค่สามชั่วโมง
...หรือจะเป็นคุณสืบพงษ์เอง หรือเขาเป็นอะไรไป เพียงแค่คิด ก็วูบในอกได้อย่างน่าประหลาด เสียงทักทายสะท้อนความรู้สึกนั้นเช่นกัน...ถ้าเพียงคนฟังมีสติพอจะสังเกตได้
“ฮัลโหล…ฝ้ายใช่ไหมคะ”
มีเสียงถอนสะอื้นนำมาก่อน ตามด้วยคำพูดซึ่งแทบจับใจความไม่ได้เลย
“พี่...พราว...พี่...ชะ...ช่วย...ช่วย...ฝ้ายด้วย”
พราวไหมเย็นวาบตลอดสันหลัง ละล่ำละลักถาม
“มีเรื่องอะไรคะฝ้าย เกิดอะไรขึ้น”
อีกด้านของสายพยายามเรียบเรียงคำพูดอีกครั้ง สุ้มเสียงแตกพร่า แหบโหย
“ฝ้าย...ฝ้าย...กลัวค่ะพี่...กลัวจะ...กลัวจะ...มีเรื่อง”
“ทำใจดีๆ ค่ะฝ้าย ทำใจดีๆ เกิดเรื่องอะไรขึ้นคะ คุณพ่ออยู่แถวนั้นหรือเปล่า”
พยายามปลอบเท่าที่จะทำได้ในเมื่อยังไม่รู้ต้นสายปลายเหตุใดๆ เด็กสาวกำลังขวัญเสียกับอะไรบางอย่าง เธอบอกได้เพียงเท่านั้น คิดว่าถ้าพูดกับพ่อของแก คงได้คำตอบที่ชัดเจนกว่า
คราวนี้อาการสะอื้นเบาบางลง สาวน้อยเรียบเรียงเหตุการณ์ได้เป็นเรื่องเป็นราวขึ้นบ้าง ทว่าสิ่งที่พูดก็ยังเป็นปริศนาสำหรับคนฟังอยู่ดี
“คุณพ่อไม่อยู่ค่ะพี่ คุณพ่อไปแล้ว ไปนานแล้ว นี่ก็ยังไม่กลับเลย คุณพ่อว่าคราวนี้จะเอาเรื่องถึงตำรวจ ฝ้ายกลัวค่ะพี่ ฝ้ายไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมา ฝ้ายอายค่ะพี่”
พราวไหมนิ่งฟังอย่างอดทน พยายามทำความเข้าใจและไม่ขัดจังหวะ แต่ยิ่งฟังก็ยิ่งงง
“เรื่องอะไรคะ คุณพ่อไปไหน”
ฝ่ายนั้นไม่ตอบ กลับยืนกรานเหตุผลที่ได้โทรศัพท์มา
“พี่มาที่นี่ได้ไหมคะ ฝ้ายกลัว”
พราวไหมไม่คิดหน้าคิดหลังอะไรอีก ได้ยินคำขอร้องนั้นก็ตัดสินใจทันที
“ค่ะ ค่ะ พี่จะมาอยู่เป็นเพื่อนจนกว่าคุณพ่อจะกลับนะคะ”
เธอกดตัดสายโทรศัพท์เมื่อฝ่ายนั้นเริ่มสะอึกสะอื้นขึ้นมาอีก สบตาฉงนฉงายของมารดาเมื่อรับโทรศัพท์เครื่องนั้นกลับไป
“เด็กที่ไหนน่ะพราว”
“ลูกสาวคุณสืบพงษ์ค่ะแม่ มีเรื่องอะไรกันก็ไม่ทราบ ฟังดูเหมือนแกกำลังเสียขวัญ พูดไม่รู้เรื่องเลยค่ะ พราวคิดว่าจะไปอยู่เป็นเพื่อนแกสักพัก”
“ดึกอย่างนี้น่ะรึ มันจะดีรึพราว แล้วพ่อเด็กล่ะ คุณสืบพงษ์นั่นน่ะ”
ฝ่ายลูกสาวไม่ตอบในทันที ผละจากแม่ไปค้นเสื้อที่ในตู้
“คุณสืบไปไหนก็ไม่ทราบค่ะ พราวขอยืมรถแม่นะคะ” เธอหันมาถามเมื่อเลือกได้กางเกงลำลองขาสี่ส่วน เสื้อผ้าป่านบางเบาอีกตัว
“เอาไปเถอะ ระวังตัวนะลูก แล้วมีอะไรก็โทรมาบอกแม่บ้าง”