ขอบคุณทุกคนที่อ่านเรื่องนี้นะคะ
ขอบคุณ น้องดาว Lady Star 919, คุณ พวงดารา, คุณ สมาชิกหมายเลข 1421782, น้องมัด ฮิปโปโปตัวโตพุงโลชะมัด, คุณ turtle_cheesecake, คุณ CAN LIVE, คุณนะ เป่าชาง, คุณซูซี่ Susisiri, จารย์จี GTW, คุณ ป้าทุยบ้านทุ่ง
ขอบคุณทุกคะแนนโหวตด้วยค่ะ
บทก่อนหน้าค่ะ
บทนำ
https://ppantip.com/topic/36387078
บทที่ 1
https://ppantip.com/topic/36392612
บทที่ 2
https://ppantip.com/topic/36400065
บทที่ 3
https://ppantip.com/topic/36407292
บทที่ 4
https://ppantip.com/topic/36411315
บทที่ 5
ลูกสาวพรพรรณคอยอยู่แล้วเมื่อรถสีบรอนซ์เงินชะลอผ่านประตูหน้าบ้านมาหยุดที่ลานจอด สีหน้าของหญิงสาวในวันนี้ดูดีกว่าวันก่อนๆ แม้ร่องรอยของความกังวลและไม่มั่นใจยังคงมีหลงเหลือให้เห็น แต่ก็ไม่รุนแรงเท่าที่ผ่านมา
ภาษิตเปิดประตูลงจากรถเมื่อเห็นหญิงสาวในชุดเสื้อผ้าป่านสีชมพูอมส้ม แขนยาว คอปาด เผยให้เห็นผิวบริเวณช่วงบ่านวลเนียน กางเกงผ้าเนื้อหนาสีเข้ม มีกระเป๋าสะพายอยู่ที่บ่าขวา มือซ้ายหิ้วถุงใบใหญ่ เธอทำท่าจะก้าวลงจากเทอเรซหน้าบ้าน
“อาพรรณอยู่หรือเปล่า พราว” เขาร้องถามนำมาก่อน รู้ว่าเช้าวันเสาร์เช่นวันนี้ หญิงสูงวัยชอบนั่งแท็กซี่ไปเดินดูต้นไม้แถวจตุจักรได้เกือบทุกอาทิตย์
“อยู่ค่ะ คุณรอง” เสียงตอบเพียงแค่ให้อีกฝ่ายได้ยิน
“แล้วนั่นอะไรล่ะ” เขาพยักพเยิดไปที่ถุงในมือ
“เอ่อ…ของฝากคุณรองกับพี่นิพนธ์ค่ะ”
ภาษิตพยักหน้ารับรู้ ไม่พยายามสบสายตาคนพูดที่เหลือบขึ้นมองเพียงแวบเดียว ก้าวยาวๆผ่านหน้าไปทางประตูบ้าน
“ขอบใจ ขอพี่ไปเจออาพรรณเดี๋ยวนะ ไปคอยในรถก็แล้วกัน ประตูไม่ได้ล็อก”
พราวไหมลอบทำตาโตด้วยความประหลาดใจ เดาไม่ออกว่าเขามีอะไรจะพูดกับแม่
“ค่ะ”
เหลียวมองตามหลังร่างสูงลับหายเข้าไปภายใน หากก็ไม่ต้องลังเลอยู่นานว่าจะไปขึ้นรถของเขาด้วยตัวเองตามที่ถูก ’สั่ง’ ดีหรือไม่ เพราะเพียงอึดใจเดียว เขาก็กลับออกมาพร้อมด้วยคนซึ่งตั้งใจเข้าไป ‘เจอ’
"คุณรองมาทานข้าวด้วยกันอีกนะคะเย็นนี้ อาจะทำปูอบวุ้นเส้นที่คุณรองชอบไว้ให้"
"อย่าลำบากเลยครับอาพรรณ บ่ายนี้นัดไว้กับแม่ คงไปถึงเย็นโน่นเลย"
เมื่อได้ยินชายหนุ่มพูดถึงมารดา พรพรรณอดถามถึงเสียมิได้
“คุณหญิงสบายดีหรือคะ”
น้ำเสียงที่ถามแฝงความยำเกรงไม่น้อย แม้จะมีเรื่องให้ต้องหมางใจกันมาสิบกว่าปีแล้วก็ตาม ความรู้สึกผิดก็ยังคงคุกรุ่นอยู่ในใจไม่เคยดับสลาย
“ฮะ ก็สบายดี ยังทำนั่นทำนี่ให้ยุ่งไปหมดอยู่เหมือนเดิม”
ภาษิตหัวเราะหึๆ เมื่อพูดถึงมารดา คุณหญิงผกาเป็นประธานกรรมการองค์กรการกุศลอยู่สองแห่ง มีความสุขก็กับการทำงานให้สังคม รายได้จากโรงเรียนอนุบาลเป็นกอบเป็นกำช่วยให้ไม่ต้องเดือดร้อนกับชีวิตความเป็นอยู่สักเท่าไรนัก
พรพรรณเสลูบหลังลูบไหล่ลูกสาวเพื่อกลบเกลื่อนความขัดเขินเมื่อเอ่ยถึงภรรยาตัวจริงของสามี ความเป็นเมียน้อยซึ่งไร้ทั้งสิทธิและศักดิ์ศรีเป็นความขมขื่นที่ฝังรากลึกมานานปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคนซึ่งเป็นภรรยาหลวงแยกไปอยู่อย่างสงบ ไม่เคยแม้แต่ครั้งเดียวที่จะกลับมาระรานหรือทวงสิทธิ์อันพึงมีพึงได้ นั่นยิ่งทำให้หล่อนเกรงคุณหญิงผกามาได้เสมอ
พราวไหมชำเลืองมองมารดาแล้วยิ้มให้ ไม่มีโอกาสพูดอะไรแม้แต่คำเดียว เพราะต้องรีบตามร่างสูงที่เดินดุ่มๆ กลับไปที่รถ
เขาเปิดประตูด้านผู้โดยสารให้ ก่อนอ้อมไปขึ้นนั่งประจำที่คนขับ สตาร์ทรถ แล้วถอยออกประตูหน้าบ้านโดยไม่มีคำทักทายอื่นใดอีก
ทั้งคู่นั่งเงียบกันไปเป็นครู่ จนรถออกถนนใหญ่ เขาจึงเป็นฝ่ายชวนคุยขึ้นก่อนเหมือนเดิม
"คิดไว้หรือยังว่าจะทำงานอะไร"
ใบหน้าหมดจดเหลียวมาทางคนพูดแวบหนึ่ง แล้วมีอันต้องรีบหลบสายตาเมื่อเห็นว่าเขามองอยู่ก่อนแล้ว
ภาษิตรีบทำอย่างเดียวกัน ที่หันไปมองเมื่อครู่ไม่ใช่เพราะต้องการพูดคุยด้วยเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเพราะใบหน้ากระจ่างนวลที่เห็นในเช้าวันนี้ดูแปลกตาไปมาก แวบแรกที่เห็นก็ให้สงสัยว่าเป็นเพราะเหตุใดใบหน้าซึ่งปกติใสหมดจดเป็นนิจอยู่แล้ว วันนี้จึงดูเหมือนเปล่งรัศมีความอิ่มเอิบได้อย่างน่าประหลาด เมื่อพิจารณาใกล้ๆ จึงได้เห็นว่าเป็นเพราะปกติผมเส้นละเอียด เหยียดตรง ซึ่งมักจะปล่อยยาวโดยไม่มีการตกแต่ใดๆ วันนี้ถูกหวีเสยขึ้นไปรวบไว้ด้วยคลิบหนีบผมแบนๆ ทางด้านหลัง เผยให้เห็นหน้าผากนวลเนียน รูปหน้ายาวเรียวไปจบที่คางมน จมูกเล็กๆ และริมฝีปากเต็มอิ่มโดดเด่นขึ้นมาถนัดตาทีเดียว
"เมื่อวานพราวไปหาเพื่อนที่เคยเรียนมาด้วยกัน เขาทำงานอยู่กับเจ้าของศูนย์การค้าค่ะ เขาบอกว่านายจ้างของเขากำลังหาครูสอนพิเศษลูกสาว พราวจะลองไปสมัครดูค่ะ เป็นงานชั่วคราว คิดว่าถ้าได้ก็ได้ทำไปก่อนระหว่างที่หางานประจำ"
"ก็ดีนะ เห็นคุณแม่เคยชวนให้ไปสอนที่โรงเรียนไม่ใช่หรือ"
คราวนี้ตาคู่คมเพ่งนิ่งไปที่ถนนตรงหน้า มีความรู้สึกว่าง่ายกว่าที่จะคุยกันโดยไม่ต้องมองหน้ากันแบบนี้
คนถูกถามใจชื้นขึ้นไม่น้อยเมื่อเขาเป็นคนเอ่ยเรื่องนั้นขึ้นก่อน
“ค่ะ”
“แล้วอยากสอนที่นั่นหรือเปล่าล่ะ จบปริญญาโทแบบนี้อาจไม่อยากสอนเด็กอนุบาล”
พราวไหมกระตือรือร้นขึ้นมาทันที “อยากสอนค่ะ”
ใจจริงแล้วอยากไปสอนหนังสือที่โรงเรียนอนุบาลของคุณหญิงผกาอยู่หรอก แต่ความเกรงอกเกรงใจ ความห่างเหิน อีกทั้งปัญหาระหว่างแม่และคุณหญิงกลายเป็นชนักปักหลัง ทำให้ไม่รู้ว่าควรวางตัวอย่างไร แม้ตัวเองจะไม่ได้มีส่วนร่วมสร้างความบาดหมางนั้นก็ตาม หากทว่าในส่วนลึก ความรู้สึกที่ว่าตัวเป็นส่วนหนึ่งของแม่ และเข้าไปอยู่ในบ้านหลังนั้นอย่างไม่สมควรก็ยังคงมีอยู่เสมอ
“พราวอยากสอนที่นั่นค่ะ ถ้าคุณหญิงจะกรุณา แต่เกรงว่าท่านอาจลืมไปแล้ว”
ภาษิตปรายตามาทางคนพูดแวบหนึ่ง เพียงแวบเดียวจริงๆ
“ถ้างั้นเอางี้ จะถามให้ สงสัยว่าคุณแม่คงลืมไปแล้วจริงๆ ไม่เห็นพูดถึงอีกเลย”
เงียบกันไปอีกครู่ใหญ่ จนเขาเองที่อดรนทนไม่ได้ ก็ในเมื่อมีเรื่องอยากรู้มากมายเสียเหลือเกิน
"คนที่ว่ากำลังหาครูสอนพิเศษลูกสาวนั่นชื่ออะไร"
"ชื่อสืบพงษ์ค่ะ สำนักงานใหญ่ที่คุณสืบพงษ์ทำงานอยู่แถวรังสิตค่ะ" สุ้มเสียงนั้นฟังดูกระตือรือร้นขึ้นมากเมื่อพูดถึงงาน
“สืบพงษ์? อยู่แถวรังสิต?”
ภาษิตคิดทบทวนชื่อนั้น เขากว้างขวางพอที่จะรู้จักนักธุรกิจใหญ่มากมาย หลายคนเคยเป็นลูกค้าเสียด้วยซ้ำ แต่ชื่อนี้ไม่คุ้นหู
“คุณรองรู้จักหรือคะ”
"คงไม่รู้จัก ก็ดีเหมือนกันนะ สอนพิเศษแบบนั้น ไม่ผูกมัดดี พอได้งานอื่นที่เป็นเรื่องเป็นราว ก็คงเลิกได้ไม่ยาก แล้วจะไปสมัครเมื่อไหร่ล่ะ"
ระบำเงา (บทที่ 5)
ขอบคุณ น้องดาว Lady Star 919, คุณ พวงดารา, คุณ สมาชิกหมายเลข 1421782, น้องมัด ฮิปโปโปตัวโตพุงโลชะมัด, คุณ turtle_cheesecake, คุณ CAN LIVE, คุณนะ เป่าชาง, คุณซูซี่ Susisiri, จารย์จี GTW, คุณ ป้าทุยบ้านทุ่ง
ขอบคุณทุกคะแนนโหวตด้วยค่ะ
บทก่อนหน้าค่ะ
บทนำ https://ppantip.com/topic/36387078
บทที่ 1 https://ppantip.com/topic/36392612
บทที่ 2 https://ppantip.com/topic/36400065
บทที่ 3 https://ppantip.com/topic/36407292
บทที่ 4 https://ppantip.com/topic/36411315
ลูกสาวพรพรรณคอยอยู่แล้วเมื่อรถสีบรอนซ์เงินชะลอผ่านประตูหน้าบ้านมาหยุดที่ลานจอด สีหน้าของหญิงสาวในวันนี้ดูดีกว่าวันก่อนๆ แม้ร่องรอยของความกังวลและไม่มั่นใจยังคงมีหลงเหลือให้เห็น แต่ก็ไม่รุนแรงเท่าที่ผ่านมา
ภาษิตเปิดประตูลงจากรถเมื่อเห็นหญิงสาวในชุดเสื้อผ้าป่านสีชมพูอมส้ม แขนยาว คอปาด เผยให้เห็นผิวบริเวณช่วงบ่านวลเนียน กางเกงผ้าเนื้อหนาสีเข้ม มีกระเป๋าสะพายอยู่ที่บ่าขวา มือซ้ายหิ้วถุงใบใหญ่ เธอทำท่าจะก้าวลงจากเทอเรซหน้าบ้าน
“อาพรรณอยู่หรือเปล่า พราว” เขาร้องถามนำมาก่อน รู้ว่าเช้าวันเสาร์เช่นวันนี้ หญิงสูงวัยชอบนั่งแท็กซี่ไปเดินดูต้นไม้แถวจตุจักรได้เกือบทุกอาทิตย์
“อยู่ค่ะ คุณรอง” เสียงตอบเพียงแค่ให้อีกฝ่ายได้ยิน
“แล้วนั่นอะไรล่ะ” เขาพยักพเยิดไปที่ถุงในมือ
“เอ่อ…ของฝากคุณรองกับพี่นิพนธ์ค่ะ”
ภาษิตพยักหน้ารับรู้ ไม่พยายามสบสายตาคนพูดที่เหลือบขึ้นมองเพียงแวบเดียว ก้าวยาวๆผ่านหน้าไปทางประตูบ้าน
“ขอบใจ ขอพี่ไปเจออาพรรณเดี๋ยวนะ ไปคอยในรถก็แล้วกัน ประตูไม่ได้ล็อก”
พราวไหมลอบทำตาโตด้วยความประหลาดใจ เดาไม่ออกว่าเขามีอะไรจะพูดกับแม่
“ค่ะ”
เหลียวมองตามหลังร่างสูงลับหายเข้าไปภายใน หากก็ไม่ต้องลังเลอยู่นานว่าจะไปขึ้นรถของเขาด้วยตัวเองตามที่ถูก ’สั่ง’ ดีหรือไม่ เพราะเพียงอึดใจเดียว เขาก็กลับออกมาพร้อมด้วยคนซึ่งตั้งใจเข้าไป ‘เจอ’
"คุณรองมาทานข้าวด้วยกันอีกนะคะเย็นนี้ อาจะทำปูอบวุ้นเส้นที่คุณรองชอบไว้ให้"
"อย่าลำบากเลยครับอาพรรณ บ่ายนี้นัดไว้กับแม่ คงไปถึงเย็นโน่นเลย"
เมื่อได้ยินชายหนุ่มพูดถึงมารดา พรพรรณอดถามถึงเสียมิได้
“คุณหญิงสบายดีหรือคะ”
น้ำเสียงที่ถามแฝงความยำเกรงไม่น้อย แม้จะมีเรื่องให้ต้องหมางใจกันมาสิบกว่าปีแล้วก็ตาม ความรู้สึกผิดก็ยังคงคุกรุ่นอยู่ในใจไม่เคยดับสลาย
“ฮะ ก็สบายดี ยังทำนั่นทำนี่ให้ยุ่งไปหมดอยู่เหมือนเดิม”
ภาษิตหัวเราะหึๆ เมื่อพูดถึงมารดา คุณหญิงผกาเป็นประธานกรรมการองค์กรการกุศลอยู่สองแห่ง มีความสุขก็กับการทำงานให้สังคม รายได้จากโรงเรียนอนุบาลเป็นกอบเป็นกำช่วยให้ไม่ต้องเดือดร้อนกับชีวิตความเป็นอยู่สักเท่าไรนัก
พรพรรณเสลูบหลังลูบไหล่ลูกสาวเพื่อกลบเกลื่อนความขัดเขินเมื่อเอ่ยถึงภรรยาตัวจริงของสามี ความเป็นเมียน้อยซึ่งไร้ทั้งสิทธิและศักดิ์ศรีเป็นความขมขื่นที่ฝังรากลึกมานานปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคนซึ่งเป็นภรรยาหลวงแยกไปอยู่อย่างสงบ ไม่เคยแม้แต่ครั้งเดียวที่จะกลับมาระรานหรือทวงสิทธิ์อันพึงมีพึงได้ นั่นยิ่งทำให้หล่อนเกรงคุณหญิงผกามาได้เสมอ
พราวไหมชำเลืองมองมารดาแล้วยิ้มให้ ไม่มีโอกาสพูดอะไรแม้แต่คำเดียว เพราะต้องรีบตามร่างสูงที่เดินดุ่มๆ กลับไปที่รถ
เขาเปิดประตูด้านผู้โดยสารให้ ก่อนอ้อมไปขึ้นนั่งประจำที่คนขับ สตาร์ทรถ แล้วถอยออกประตูหน้าบ้านโดยไม่มีคำทักทายอื่นใดอีก
ทั้งคู่นั่งเงียบกันไปเป็นครู่ จนรถออกถนนใหญ่ เขาจึงเป็นฝ่ายชวนคุยขึ้นก่อนเหมือนเดิม
"คิดไว้หรือยังว่าจะทำงานอะไร"
ใบหน้าหมดจดเหลียวมาทางคนพูดแวบหนึ่ง แล้วมีอันต้องรีบหลบสายตาเมื่อเห็นว่าเขามองอยู่ก่อนแล้ว
ภาษิตรีบทำอย่างเดียวกัน ที่หันไปมองเมื่อครู่ไม่ใช่เพราะต้องการพูดคุยด้วยเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเพราะใบหน้ากระจ่างนวลที่เห็นในเช้าวันนี้ดูแปลกตาไปมาก แวบแรกที่เห็นก็ให้สงสัยว่าเป็นเพราะเหตุใดใบหน้าซึ่งปกติใสหมดจดเป็นนิจอยู่แล้ว วันนี้จึงดูเหมือนเปล่งรัศมีความอิ่มเอิบได้อย่างน่าประหลาด เมื่อพิจารณาใกล้ๆ จึงได้เห็นว่าเป็นเพราะปกติผมเส้นละเอียด เหยียดตรง ซึ่งมักจะปล่อยยาวโดยไม่มีการตกแต่ใดๆ วันนี้ถูกหวีเสยขึ้นไปรวบไว้ด้วยคลิบหนีบผมแบนๆ ทางด้านหลัง เผยให้เห็นหน้าผากนวลเนียน รูปหน้ายาวเรียวไปจบที่คางมน จมูกเล็กๆ และริมฝีปากเต็มอิ่มโดดเด่นขึ้นมาถนัดตาทีเดียว
"เมื่อวานพราวไปหาเพื่อนที่เคยเรียนมาด้วยกัน เขาทำงานอยู่กับเจ้าของศูนย์การค้าค่ะ เขาบอกว่านายจ้างของเขากำลังหาครูสอนพิเศษลูกสาว พราวจะลองไปสมัครดูค่ะ เป็นงานชั่วคราว คิดว่าถ้าได้ก็ได้ทำไปก่อนระหว่างที่หางานประจำ"
"ก็ดีนะ เห็นคุณแม่เคยชวนให้ไปสอนที่โรงเรียนไม่ใช่หรือ"
คราวนี้ตาคู่คมเพ่งนิ่งไปที่ถนนตรงหน้า มีความรู้สึกว่าง่ายกว่าที่จะคุยกันโดยไม่ต้องมองหน้ากันแบบนี้
คนถูกถามใจชื้นขึ้นไม่น้อยเมื่อเขาเป็นคนเอ่ยเรื่องนั้นขึ้นก่อน
“ค่ะ”
“แล้วอยากสอนที่นั่นหรือเปล่าล่ะ จบปริญญาโทแบบนี้อาจไม่อยากสอนเด็กอนุบาล”
พราวไหมกระตือรือร้นขึ้นมาทันที “อยากสอนค่ะ”
ใจจริงแล้วอยากไปสอนหนังสือที่โรงเรียนอนุบาลของคุณหญิงผกาอยู่หรอก แต่ความเกรงอกเกรงใจ ความห่างเหิน อีกทั้งปัญหาระหว่างแม่และคุณหญิงกลายเป็นชนักปักหลัง ทำให้ไม่รู้ว่าควรวางตัวอย่างไร แม้ตัวเองจะไม่ได้มีส่วนร่วมสร้างความบาดหมางนั้นก็ตาม หากทว่าในส่วนลึก ความรู้สึกที่ว่าตัวเป็นส่วนหนึ่งของแม่ และเข้าไปอยู่ในบ้านหลังนั้นอย่างไม่สมควรก็ยังคงมีอยู่เสมอ
“พราวอยากสอนที่นั่นค่ะ ถ้าคุณหญิงจะกรุณา แต่เกรงว่าท่านอาจลืมไปแล้ว”
ภาษิตปรายตามาทางคนพูดแวบหนึ่ง เพียงแวบเดียวจริงๆ
“ถ้างั้นเอางี้ จะถามให้ สงสัยว่าคุณแม่คงลืมไปแล้วจริงๆ ไม่เห็นพูดถึงอีกเลย”
เงียบกันไปอีกครู่ใหญ่ จนเขาเองที่อดรนทนไม่ได้ ก็ในเมื่อมีเรื่องอยากรู้มากมายเสียเหลือเกิน
"คนที่ว่ากำลังหาครูสอนพิเศษลูกสาวนั่นชื่ออะไร"
"ชื่อสืบพงษ์ค่ะ สำนักงานใหญ่ที่คุณสืบพงษ์ทำงานอยู่แถวรังสิตค่ะ" สุ้มเสียงนั้นฟังดูกระตือรือร้นขึ้นมากเมื่อพูดถึงงาน
“สืบพงษ์? อยู่แถวรังสิต?”
ภาษิตคิดทบทวนชื่อนั้น เขากว้างขวางพอที่จะรู้จักนักธุรกิจใหญ่มากมาย หลายคนเคยเป็นลูกค้าเสียด้วยซ้ำ แต่ชื่อนี้ไม่คุ้นหู
“คุณรองรู้จักหรือคะ”
"คงไม่รู้จัก ก็ดีเหมือนกันนะ สอนพิเศษแบบนั้น ไม่ผูกมัดดี พอได้งานอื่นที่เป็นเรื่องเป็นราว ก็คงเลิกได้ไม่ยาก แล้วจะไปสมัครเมื่อไหร่ล่ะ"