ขอบคุณทุกคนที่อ่านเรื่องนี้นะคะ
ขอบคุณ คุณ นิตยา นิรันดร์รัก, คุณ สมาชิกหมายเลข 1065771, คุณ พวงดารา, จารย์จี GTW, น้องดาว Lady Star 919, คุณนัน turtle_cheesecake, น้องมัด มัศยวีร์, คุณ Na(นะ), คุณ sharyne & i, คุณ สมาชิกหมายเลข 868629
ขอบคุณทุกคะแนนโหวตด้วยค่ะ
บทก่อนหน้าค่ะ
บทนำ
https://ppantip.com/topic/36387078
บทที่ 1
https://ppantip.com/topic/36392612
บทที่ 2
https://ppantip.com/topic/36400065
บทที่ 3
https://ppantip.com/topic/36407292
บทที่ 4
https://ppantip.com/topic/36411315
บทที่ 5
https://ppantip.com/topic/36419344
บทที่ 6
https://ppantip.com/topic/36427179
บทที่ 7
https://ppantip.com/topic/36430854
บทที่ 8
https://ppantip.com/topic/36434883
บทที่ 9
https://ppantip.com/topic/36442539
บทที่ 10
https://ppantip.com/topic/36450392
บทที่ 11
https://ppantip.com/topic/36457566
บทที่ 12
https://ppantip.com/topic/36465005
บทที่ 13
https://ppantip.com/topic/36472245
บทที่ 14
https://ppantip.com/topic/36475768
บทที่ 15
https://ppantip.com/topic/36481689
บทที่ 16
https://ppantip.com/topic/36490544
บทที่ 17
https://ppantip.com/topic/36494520
บทที่ 18
กลับเข้ามาอีกครั้งหลังจากออกไปพูดโทรศัพท์เสียนาน ก็เห็นว่าคราวนี้ประตูห้องลองเสื้อเปิดแง้มอยู่ ร่างบอบบางระเหิดระหงยืนอยู่หน้ากระจก ดูโดดเด่นทีเดียว สีทองเลื่อมระยับของผ้าแพรขับผิวซึ่งคล้ำไปบ้างเพราะแดดเผาให้นวลผ่อง ชุดเสื้อกระโปรงเย็บเข้ารูปเผยให้เห็นเรือนร่างได้สัดส่วน
เห็นช่างเสื้อสาวใหญ่คล้องสายวัดตัวไว้กับคอ หล่อนกำลังพูดอะไรบางอย่าง เขาจึงลงนั่งบนเก้าอี้นวมบุผ้าสีครีม ด้วยไม่แน่ใจว่าจะต้องคอยอีกนานแค่ไหน บนโต๊ะข้างๆ มีนิตยสารวางกองอยู่หลายเล่ม จึงหยิบเล่มหนึ่งขึ้นมาพลิกดูอย่างไม่สนใจสักเท่าไรนัก พอกลับวางลงที่เดิมก็ไปสะดุดเข้ากับภาพถ่ายบนปกของอีกฉบับ นางแบบในภาพนั้นสวมกระโปรงสั้นเลยเข่าขึ้นมามาก เป็นความตั้งใจเผยให้เห็นช่วงขาเรียวยาว ทั้งเสื้อและกระโปรงเป็นผ้ายืดสีสดใส รัดรูปเสียจนเห็นส่วนเว้าส่วนโค้งให้จินตนาการไปได้ไกล ใบหน้าแต่งแต้มไว้เข้มจัดจนแทบไม่เห็นเครื่องหน้าเดิม
แม้จะมีงานเดินแบบตามแคตวอล์กน้อยลงเพราะวัยที่ใกล้สามสิบ หากเมธาวียังคงขายได้ดีตามหน้านิตยสารแฟชั่น พลิกดูข้างในก็เห็นทั้งคอลเลกชันมีหล่อนเป็นนางแบบเพียงคนเดียว
“แก้ตรงเอวนิดหนึ่งก็เรียบร้อยแล้วค่ะ”
เสียงเจื้อยแจ้วพาให้เขาเงยหน้าขึ้นดู พอดีกับคนพูดก้าวออกมาภายนอก พลางดึงประตูห้องลองเสื้อให้ปิดตามหลัง
“คุณน้องรูปร่างดีจังค่ะ” หล่อนบอกเขา “แทบไม่ต้องแก้อะไรเลยนะคะเนี่ย มีก็แต่ตรงเอวนิดเดียว แหม...ก็คุณน้องเอวเล๊กเล็ก” หล่อนลากเสียงสองคำสุดท้ายเสียยาวเหยียด “เอวบางกว่านางแบบอาชีพบางคนเสียอีก”
ภาษิตได้แต่ยิ้ม มองกลับไปทางประตูห้องซึ่งเวลานี้ปิดสนิท เขาเองก็เห็นเช่นนั้น ทำไมจะไม่เห็น แม้จะเพียงแวบเดียวก็ตาม
คอยอยู่เพียงไม่นานหญิงสาวก็เปลี่ยนเสื้อเสร็จ ร่างโปร่งในชุดกางเกงขายาว เสื้อคอบัวตัวหลวมเปิดประตูออกมา มีชุดกระโปรงตัวยาวสีทองตัวนั้นในอ้อมแขน ยิ้มอายๆ เมื่อเห็นว่าใครเพิ่งเงยหน้าขึ้นมอง
“คุณรองคอยแย่...” เธอว่า สุ้มเสียงเกรงอกเกรงใจ
สถาปนิกหนุ่มลุกยืน วางนิตยสารในมือกลับไว้บนโต๊ะตามเดิม คว่ำปกลงเสียด้วยอย่างจงใจ
“ไม่นานหรอก งานของคุณแม่พี่ พราวมาช่วยต่างหาก”
ที่จริงจะให้นานกว่านี้เขาก็ไม่เดือดร้อน ในเมื่อวันนี้ว่างทั้งวัน ทั้งกำลังหาเหตุให้ไม่ต้องกลับคอนโดที่พักเร็วเกินไปอีกด้วย
“จะไปไหนต่อหรือเปล่า” เขาถามเมื่อกลับกันออกมาที่ลานจอดรถ “พี่จะไปส่ง”
พราวไหมลังเล ตั้งใจไว้แล้วว่าวันนี้จะพยายามอยู่ให้ห่างจากบ้านมากที่สุด ตอนนี้ทัศนัยอาจรู้แล้วก็ได้ว่าคุณภูมิและแม่จะไม่อยู่หลายวัน เขาอาจบุกไปหาถึงที่นั่นเพราะไม่มีใครให้ต้องเกรงใจอีก
บางทีอาจขอให้คุณรองส่งลงแค่ป้ายรถเมล์ตรงไหนสักแห่ง แล้วอาจไปหาหนังดูสักเรื่อง จากนั้นก็ว่าจะไปเดินเล่นที่ศูนย์การค้า ฆ่าเวลาให้วันอาทิตย์วันนี้หมดไปโดยไม่รีบกลับเข้าบ้าน ก็ในเมื่อหลบเลี่ยงเขามาได้จนบัดนี้ วันแต่งงานของเขาก็วันพุธนี้แล้ว จะหมดปัญญา เลี่ยงไม่ได้อีกสักสามวันเชียวหรือ
ว่าไปตามจริงก็แค่วันนี้วันเดียว พรุ่งนี้ก็จะไปสอนหนังสือลูกสาวคุณสืบพงษ์ทั้งวัน ตั้งใจว่าจะออกจากบ้านให้เช้ากว่าปกติ และจะกลับให้ค่ำหน่อย
“พราวยังไม่ทราบเลยค่ะว่าจะไปไหนดี” เธอสารภาพตามตรง “คุณรองส่งพราวลงที่ป้ายรถเมล์ตรงไหนก็ได้ค่ะ”
ภาษิตไม่เสียเวลาคิด เปิดประตูรถด้านผู้โดยสารให้
“ถ้างั้นเราก็ไปด้วยกัน”
เธอก้าวขึ้นรถแต่โดยดี มองตามร่างใหญ่ๆ ที่อ้อมไปเปิดประตูอีกด้านเข้ามานั่งเคียง แล้วสตาร์ทรถเพื่อให้แอร์คอนดิชั่นทำงาน
“บ่ายนี้พี่ว่าจะไปบ้านพี่นิพนธ์ อาทิตย์ก่อนไปขุดบ่อเลี้ยงปลาให้แก วันนี้ว่าจะไปดูเสียหน่อยว่าเป็นไงบ้างแล้ว เราก็ไปด้วยกัน”
เขาตัดสินใจได้รวดเร็ว ทั้งยังสรุปให้เสร็จสรรพโดยไม่ถามความสมัครใจเสียก่อนอีกต่างหาก
ก็พอเดาได้อยู่หรอกว่าอะไรเป็นอะไร ขยับตัวดึงโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วกดหาเบอร์ที่คุ้นเคย
มีคนรับที่อีกด้านของสายเกือบจะทันที
“พี่จ๋าหรือฮะ...สบายดีหรือฮะ...รองครับพี่...ครับ...ก็เรื่อยๆ ฮะ” ชายตาดูคนข้างๆ ก็เห็นเพียงเสี้ยวหน้าละมุนที่กำลังมองออกไปภายนอก
“พี่นิพนธ์อยู่ไหมฮะ...ไม่เป็นไรฮะ ไม่เป็นไร บ่อปลาเป็นยังไงบ้างฮะ...รอบๆ เอาต้นไม้ลงบ้างหรือยัง...ได้ฮะ...ตั้งใจอยู่แล้วว่าบ่ายๆ ผมแวะมาดู...ครับ...ครับ”
พราวไหมหันมามองเมื่อเสียงพูดจบลง เห็นเขากำลังพับมือถือ
“เรียบร้อย เราไปจตุจักรกันก่อน พี่จะซื้อดอกไม้ไปให้พี่นิพนธ์สักสองสามต้น แล้วหาอะไรกินกันแถวนั้น” เขาบอกแผนการคร่าวๆ พลางเอี้ยวตัวมองหลังเพื่อถอยรถ
“จะโทรไปบอกที่บ้านไหม เผื่อมีใครไปหาแล้วไม่อยู่”
พราวไหมมองโทรศัพท์ในมือเขาอย่างชั่งใจ ที่จริงอยากรู้ใจแทบขาดว่าคนซึ่งอยู่ในห้วงคำนึงแทบทุกขณะจิตจะโทรมาหาบ้างไหม
ที่จริงเขาคงไม่โทรหรอก ผู้ใหญ่อย่างนั้น คงมีงานยุ่งอยู่ตลอดเวลา เขาคงไม่มีเวลาทำอะไรแบบ...หนุ่มสาว...แบบ...เด็กๆ อย่างนั้นหรอก
หากก็ยังอยากสรุปเอาเองว่าเมื่อคืนเขาเผยความในใจให้รู้บ้างแล้ว และเขาก็อาจโทรมาหาบ้าง ก็ไม่รู้หรอกว่าจะโทรมาเพื่ออะไร อาจเพื่อสานต่อท่าทีที่แสดงออกเมื่อคืนนี้ก็ได้
เห็นอาการลังเลของหญิงสาว ภาษิตจึงตัดสินใจให้อีก เปลี่ยนจากเกียร์ถอยหลังเป็นเกียร์ว่าง แล้วกดเบอร์บ้านพ่อให้
นกน้อยเป็นคนรับสายและรีบรายงานทันที
“คุณชื่อคุณสืบพงษ์โทรมาแต่เช้าเลยค่ะคุณพราว คุณพราวออกไปไม่นานก็โทรมา”
ชื่อนั้นทำให้พราวไหมไหววูบไปทั้งหน้า ไม่รู้เลยว่ากำลังยิ้มกับตัวเอง จนเห็นสายตาคนข้างๆ ที่มองมาแวบหนึ่ง ยิ้มอิ่มอกอิ่มใจนั้นก็เปลี่ยนเป็นยิ้มแหยไปทันที
“เขาว่ายังไงบ้างนกน้อย”
“ไม่เห็นว่าอะไรนี่คะ เพียงแต่ถามว่าคุณพราวอยู่บ้านหรือเปล่า เท่านั้นเองค่ะ”
เท่านั้นก็ยังดี อย่างน้อยเขาก็...โทรมา
ปลื้มอกปลื้มใจได้เพียงไม่นาน ประโยคต่อมาของเด็กรับใช้รุ่นสาวน้อยทำเอาใจหล่นวูบไปอยู่ที่ปลายเท้า หวั่นๆ อยู่แล้วว่าจะเป็นอย่างนั้น
“เมื่อกี้นี้เอง คุณชื่อคุณทัศนัยโทรมาค่ะ”
รอยบรรพ์ (บทที่ 18)
ขอบคุณ คุณ นิตยา นิรันดร์รัก, คุณ สมาชิกหมายเลข 1065771, คุณ พวงดารา, จารย์จี GTW, น้องดาว Lady Star 919, คุณนัน turtle_cheesecake, น้องมัด มัศยวีร์, คุณ Na(นะ), คุณ sharyne & i, คุณ สมาชิกหมายเลข 868629
ขอบคุณทุกคะแนนโหวตด้วยค่ะ
บทก่อนหน้าค่ะ
บทนำ https://ppantip.com/topic/36387078
บทที่ 1 https://ppantip.com/topic/36392612
บทที่ 2 https://ppantip.com/topic/36400065
บทที่ 3 https://ppantip.com/topic/36407292
บทที่ 4 https://ppantip.com/topic/36411315
บทที่ 5 https://ppantip.com/topic/36419344
บทที่ 6 https://ppantip.com/topic/36427179
บทที่ 7 https://ppantip.com/topic/36430854
บทที่ 8 https://ppantip.com/topic/36434883
บทที่ 9 https://ppantip.com/topic/36442539
บทที่ 10 https://ppantip.com/topic/36450392
บทที่ 11 https://ppantip.com/topic/36457566
บทที่ 12 https://ppantip.com/topic/36465005
บทที่ 13 https://ppantip.com/topic/36472245
บทที่ 14 https://ppantip.com/topic/36475768
บทที่ 15 https://ppantip.com/topic/36481689
บทที่ 16 https://ppantip.com/topic/36490544
บทที่ 17 https://ppantip.com/topic/36494520
กลับเข้ามาอีกครั้งหลังจากออกไปพูดโทรศัพท์เสียนาน ก็เห็นว่าคราวนี้ประตูห้องลองเสื้อเปิดแง้มอยู่ ร่างบอบบางระเหิดระหงยืนอยู่หน้ากระจก ดูโดดเด่นทีเดียว สีทองเลื่อมระยับของผ้าแพรขับผิวซึ่งคล้ำไปบ้างเพราะแดดเผาให้นวลผ่อง ชุดเสื้อกระโปรงเย็บเข้ารูปเผยให้เห็นเรือนร่างได้สัดส่วน
เห็นช่างเสื้อสาวใหญ่คล้องสายวัดตัวไว้กับคอ หล่อนกำลังพูดอะไรบางอย่าง เขาจึงลงนั่งบนเก้าอี้นวมบุผ้าสีครีม ด้วยไม่แน่ใจว่าจะต้องคอยอีกนานแค่ไหน บนโต๊ะข้างๆ มีนิตยสารวางกองอยู่หลายเล่ม จึงหยิบเล่มหนึ่งขึ้นมาพลิกดูอย่างไม่สนใจสักเท่าไรนัก พอกลับวางลงที่เดิมก็ไปสะดุดเข้ากับภาพถ่ายบนปกของอีกฉบับ นางแบบในภาพนั้นสวมกระโปรงสั้นเลยเข่าขึ้นมามาก เป็นความตั้งใจเผยให้เห็นช่วงขาเรียวยาว ทั้งเสื้อและกระโปรงเป็นผ้ายืดสีสดใส รัดรูปเสียจนเห็นส่วนเว้าส่วนโค้งให้จินตนาการไปได้ไกล ใบหน้าแต่งแต้มไว้เข้มจัดจนแทบไม่เห็นเครื่องหน้าเดิม
แม้จะมีงานเดินแบบตามแคตวอล์กน้อยลงเพราะวัยที่ใกล้สามสิบ หากเมธาวียังคงขายได้ดีตามหน้านิตยสารแฟชั่น พลิกดูข้างในก็เห็นทั้งคอลเลกชันมีหล่อนเป็นนางแบบเพียงคนเดียว
“แก้ตรงเอวนิดหนึ่งก็เรียบร้อยแล้วค่ะ”
เสียงเจื้อยแจ้วพาให้เขาเงยหน้าขึ้นดู พอดีกับคนพูดก้าวออกมาภายนอก พลางดึงประตูห้องลองเสื้อให้ปิดตามหลัง
“คุณน้องรูปร่างดีจังค่ะ” หล่อนบอกเขา “แทบไม่ต้องแก้อะไรเลยนะคะเนี่ย มีก็แต่ตรงเอวนิดเดียว แหม...ก็คุณน้องเอวเล๊กเล็ก” หล่อนลากเสียงสองคำสุดท้ายเสียยาวเหยียด “เอวบางกว่านางแบบอาชีพบางคนเสียอีก”
ภาษิตได้แต่ยิ้ม มองกลับไปทางประตูห้องซึ่งเวลานี้ปิดสนิท เขาเองก็เห็นเช่นนั้น ทำไมจะไม่เห็น แม้จะเพียงแวบเดียวก็ตาม
คอยอยู่เพียงไม่นานหญิงสาวก็เปลี่ยนเสื้อเสร็จ ร่างโปร่งในชุดกางเกงขายาว เสื้อคอบัวตัวหลวมเปิดประตูออกมา มีชุดกระโปรงตัวยาวสีทองตัวนั้นในอ้อมแขน ยิ้มอายๆ เมื่อเห็นว่าใครเพิ่งเงยหน้าขึ้นมอง
“คุณรองคอยแย่...” เธอว่า สุ้มเสียงเกรงอกเกรงใจ
สถาปนิกหนุ่มลุกยืน วางนิตยสารในมือกลับไว้บนโต๊ะตามเดิม คว่ำปกลงเสียด้วยอย่างจงใจ
“ไม่นานหรอก งานของคุณแม่พี่ พราวมาช่วยต่างหาก”
ที่จริงจะให้นานกว่านี้เขาก็ไม่เดือดร้อน ในเมื่อวันนี้ว่างทั้งวัน ทั้งกำลังหาเหตุให้ไม่ต้องกลับคอนโดที่พักเร็วเกินไปอีกด้วย
“จะไปไหนต่อหรือเปล่า” เขาถามเมื่อกลับกันออกมาที่ลานจอดรถ “พี่จะไปส่ง”
พราวไหมลังเล ตั้งใจไว้แล้วว่าวันนี้จะพยายามอยู่ให้ห่างจากบ้านมากที่สุด ตอนนี้ทัศนัยอาจรู้แล้วก็ได้ว่าคุณภูมิและแม่จะไม่อยู่หลายวัน เขาอาจบุกไปหาถึงที่นั่นเพราะไม่มีใครให้ต้องเกรงใจอีก
บางทีอาจขอให้คุณรองส่งลงแค่ป้ายรถเมล์ตรงไหนสักแห่ง แล้วอาจไปหาหนังดูสักเรื่อง จากนั้นก็ว่าจะไปเดินเล่นที่ศูนย์การค้า ฆ่าเวลาให้วันอาทิตย์วันนี้หมดไปโดยไม่รีบกลับเข้าบ้าน ก็ในเมื่อหลบเลี่ยงเขามาได้จนบัดนี้ วันแต่งงานของเขาก็วันพุธนี้แล้ว จะหมดปัญญา เลี่ยงไม่ได้อีกสักสามวันเชียวหรือ
ว่าไปตามจริงก็แค่วันนี้วันเดียว พรุ่งนี้ก็จะไปสอนหนังสือลูกสาวคุณสืบพงษ์ทั้งวัน ตั้งใจว่าจะออกจากบ้านให้เช้ากว่าปกติ และจะกลับให้ค่ำหน่อย
“พราวยังไม่ทราบเลยค่ะว่าจะไปไหนดี” เธอสารภาพตามตรง “คุณรองส่งพราวลงที่ป้ายรถเมล์ตรงไหนก็ได้ค่ะ”
ภาษิตไม่เสียเวลาคิด เปิดประตูรถด้านผู้โดยสารให้
“ถ้างั้นเราก็ไปด้วยกัน”
เธอก้าวขึ้นรถแต่โดยดี มองตามร่างใหญ่ๆ ที่อ้อมไปเปิดประตูอีกด้านเข้ามานั่งเคียง แล้วสตาร์ทรถเพื่อให้แอร์คอนดิชั่นทำงาน
“บ่ายนี้พี่ว่าจะไปบ้านพี่นิพนธ์ อาทิตย์ก่อนไปขุดบ่อเลี้ยงปลาให้แก วันนี้ว่าจะไปดูเสียหน่อยว่าเป็นไงบ้างแล้ว เราก็ไปด้วยกัน”
เขาตัดสินใจได้รวดเร็ว ทั้งยังสรุปให้เสร็จสรรพโดยไม่ถามความสมัครใจเสียก่อนอีกต่างหาก
ก็พอเดาได้อยู่หรอกว่าอะไรเป็นอะไร ขยับตัวดึงโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วกดหาเบอร์ที่คุ้นเคย
มีคนรับที่อีกด้านของสายเกือบจะทันที
“พี่จ๋าหรือฮะ...สบายดีหรือฮะ...รองครับพี่...ครับ...ก็เรื่อยๆ ฮะ” ชายตาดูคนข้างๆ ก็เห็นเพียงเสี้ยวหน้าละมุนที่กำลังมองออกไปภายนอก
“พี่นิพนธ์อยู่ไหมฮะ...ไม่เป็นไรฮะ ไม่เป็นไร บ่อปลาเป็นยังไงบ้างฮะ...รอบๆ เอาต้นไม้ลงบ้างหรือยัง...ได้ฮะ...ตั้งใจอยู่แล้วว่าบ่ายๆ ผมแวะมาดู...ครับ...ครับ”
พราวไหมหันมามองเมื่อเสียงพูดจบลง เห็นเขากำลังพับมือถือ
“เรียบร้อย เราไปจตุจักรกันก่อน พี่จะซื้อดอกไม้ไปให้พี่นิพนธ์สักสองสามต้น แล้วหาอะไรกินกันแถวนั้น” เขาบอกแผนการคร่าวๆ พลางเอี้ยวตัวมองหลังเพื่อถอยรถ
“จะโทรไปบอกที่บ้านไหม เผื่อมีใครไปหาแล้วไม่อยู่”
พราวไหมมองโทรศัพท์ในมือเขาอย่างชั่งใจ ที่จริงอยากรู้ใจแทบขาดว่าคนซึ่งอยู่ในห้วงคำนึงแทบทุกขณะจิตจะโทรมาหาบ้างไหม
ที่จริงเขาคงไม่โทรหรอก ผู้ใหญ่อย่างนั้น คงมีงานยุ่งอยู่ตลอดเวลา เขาคงไม่มีเวลาทำอะไรแบบ...หนุ่มสาว...แบบ...เด็กๆ อย่างนั้นหรอก
หากก็ยังอยากสรุปเอาเองว่าเมื่อคืนเขาเผยความในใจให้รู้บ้างแล้ว และเขาก็อาจโทรมาหาบ้าง ก็ไม่รู้หรอกว่าจะโทรมาเพื่ออะไร อาจเพื่อสานต่อท่าทีที่แสดงออกเมื่อคืนนี้ก็ได้
เห็นอาการลังเลของหญิงสาว ภาษิตจึงตัดสินใจให้อีก เปลี่ยนจากเกียร์ถอยหลังเป็นเกียร์ว่าง แล้วกดเบอร์บ้านพ่อให้
นกน้อยเป็นคนรับสายและรีบรายงานทันที
“คุณชื่อคุณสืบพงษ์โทรมาแต่เช้าเลยค่ะคุณพราว คุณพราวออกไปไม่นานก็โทรมา”
ชื่อนั้นทำให้พราวไหมไหววูบไปทั้งหน้า ไม่รู้เลยว่ากำลังยิ้มกับตัวเอง จนเห็นสายตาคนข้างๆ ที่มองมาแวบหนึ่ง ยิ้มอิ่มอกอิ่มใจนั้นก็เปลี่ยนเป็นยิ้มแหยไปทันที
“เขาว่ายังไงบ้างนกน้อย”
“ไม่เห็นว่าอะไรนี่คะ เพียงแต่ถามว่าคุณพราวอยู่บ้านหรือเปล่า เท่านั้นเองค่ะ”
เท่านั้นก็ยังดี อย่างน้อยเขาก็...โทรมา
ปลื้มอกปลื้มใจได้เพียงไม่นาน ประโยคต่อมาของเด็กรับใช้รุ่นสาวน้อยทำเอาใจหล่นวูบไปอยู่ที่ปลายเท้า หวั่นๆ อยู่แล้วว่าจะเป็นอย่างนั้น
“เมื่อกี้นี้เอง คุณชื่อคุณทัศนัยโทรมาค่ะ”